วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานเพลิงศพ พระเทพมงคลวัชโรดม(แสง จันทวังโส) พระเกจิชื่อดังนครพนม

วันที่ 30 เมษายน 2565 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ พระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) ณ วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
พระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) อดีตเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง และอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย ได้มรณภาพอย่างสงบที่กุฏิวัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม  เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 เวลา 06.20 น. หลังจากมีอาการอาพาธด้วยโรคชรา สิริอายุ 102 ปี (1 เดือน 11 วัน) 82 พรรษา โดยพระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่เป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยไม่ยอมประพฤติล่วงพระบัญญัติแม้ในสิ่งที่ผู้อื่นเห็นว่าเล็กน้อย มีความสมถะ และมีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 วันแรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6) บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ต.ก้านเหลือง อ.นาแก โดยท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟ เพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ ณ วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ต.ก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขา และพาเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน บำเพ็ญเพียร มาต่อเนื่องในพื้นที่หลายจังหวัดของภคอีสาน  และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุครบ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระดมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม ได้แก่ นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ อีกทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ 
โดยท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอจนเป็นที่เคารพศรัทธามาตลอด ต่อมาญาติโยมจึงได้นิมนต์ท่านกลับบ้านเกิด เพื่อมาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง และด้วยท่านเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน  และในช่วงนั้นแถบเทือกเขาภูพานมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ท่านได้นำสมุนไพรที่มีอยู่ในป่าลึกแถบภูดงน้อย มารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย ภายหลังการสู้รบสงบลง จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย และด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย และเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง ต่อมาในปี 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชมงคลวัชโรดม และในปี 2565 เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพมงคลวัชโรดม  

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

นครพนม เปิดตัวการประดิษฐ์ผีเสื้อจากผ้าอัตลักษณ์จังหวัด เตรียมนำจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง

วันที่ 29 เมษายน 2565 ที่บริเวณหน้าห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางกาญจนี รุจนเสรี แม่บ้านมหาดไทยและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านงานประดิษฐ์ของจังหวัดนครพนม ร่วมเปิดตัวการประดิษฐ์ผีเสื้อจากผ้าอัตลักษณ์จังหวัดนครพนม เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมให้กับหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ก่อนการประชุมประจำเดือน

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ประชาชนจังหวัดนครพนมมีการสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษมากถึง 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ซึ่งแต่ละชนเผ่าและเชื้อชาติ ก็จะมีศิลปะ วัฒนธรรม และเทคนิคการประดิษฐ์ การทอผ้าและการปักลายที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไปเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตัว ที่เมื่อใครพบเห็นจะเกิดความชอบและอยากจะซื้อหามาสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าลายมุก ซึ่งเป็นผ้าลายเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ผ้ามัดหมี่ลายโบราณ ผ้ายกขิดลายอัตลักษณ์พื้นถิ่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าบาติก ผ้าย้อมจากพืชสมุนไพรและไม้มงคลในพื้นถิ่น และในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รัฐบาลได้มีกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านฯ ขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 15 สิงหาคม ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพมหานคร และกระทรวงมหาดไทยได้ขอความร่วมมือให้ทุกจังหวัดร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงาน ผู้ประกอบการในพื้นที่ ร่วมกันประดิษฐ์ผีเสื้อจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือผ้าตามอัตลักษณ์ของจังหวัด จำนวน 90 ตัว โดยให้มีขนาดและสีที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม เพื่อใช้ในการจัดนิทรรศการ ดังนั้นในวันนี้จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม จึงได้จัดกิจกรรมเปิดตัวการประดิษฐ์ผีเสื้อขึ้น และขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา เด็กและเยาวชน ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่ม องค์กร และประชาชนผู้ที่สนใจมาร่วมกันประดิษฐ์ผีเสื้อ จากผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2565 ซึ่งจังหวัดนครพนมจะมีการรวบรวมผ้าทอมือจากกลุ่มทอผ้าในพื้นที่ 12 อำเภอมาใช้ในการประดิษฐ์ในครั้งนี้

โดยหลังการประดิษฐ์เสร็จสิ้นแล้วจะมีการคัดสรรผีเสื้อที่มีความสวยงาม และโดดเด่นที่สุด จำนวน 90 ตัวส่งให้ส่วนกลาง ในส่วนที่เหลือจังหวัดนครพนมจะนำมาประดับและจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในส่วนของจังหวัดทั้งหมด ซึ่งผู้ที่มาร่วมประดิษฐ์ผีเสื้อเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะได้รับความรู้ เทคนิค วิธีการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านงานประดิษฐ์ที่คอยสอนและให้คำแนะนำในทุกขั้นตอนแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ในการนำองค์ความรู้ที่ได้ไปต่อยอดประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวได้อีกด้วย


สกู๊ปข่าว โรคพิษสุนัขบ้า รู้เท่าทัน ป้องกันได้

นายสัตวแพทย์อดิศร ชาติสุภาพ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่มีความสำคัญ โรคติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน ที่รุนแรง คนที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จะต้องป่วยและเสียชีวิตทุกราย นอกจากนี้โรคพิษสุนัขบ้ายังเป็นโรคตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มี โรคพิษสุนัขบ้ากระจายอยู่ทั่วทุกแห่งของประเทศ และด้วยน้ำพระทัยของ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงห่วงใยสุขภาพของคนไทย และมีพระปณิธานที่ต้องการให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย โดยจะต้องไม่มีคนป่วยและเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า จึงได้มีการบูรณาการกันภายใต้โครงการ สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นการบูรณาการหลายภาคส่วนด้วยกัน ภายใต้ One Help 8 ยุทธศาสตร์ จึงทำให้ในรอบที่ผ่านมาโรคพิษสุนัขบ้าที่เกิดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้น และเมื่อย้อนมาดูในจังหวัดนครพนมปัจจุบันมีสุนัขและแมว รวมทั้งสิ้น 128,000 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นสุนัขและแมวจรจัด
สำหรับกิจกรรมที่ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้ร่วมกันดำเนินการกับท้องถิ่นและสำนักงานสาธารณสุข จะมีด้วยกันหลายกิจกรรม ทั้งในเรื่องของการสำรวจประชากรสุนัขและแมวเพื่อให้ครอบคลุมมากที่สุด เรื่องของการจัดหาวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 103 แห่ง ซึ่งในตอนนี้สามารถดำเนินการหาวัคซีนและฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนที่เหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำลัง เร่งดำเนินการจัดหาและจัดซื้อวัคซีนอยู่ กิจกรรมต่อมาเป็นกิจกรรมผ่าตัดทำหมัน ก็มีการออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการในทุก ๆ อำเภอ ซึ่งในปีนี้สามารถดำเนินการได้แล้ว 17 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการออกหน่วยเคลื่อนที่ร่วมกับของจังหวัดนครพนมตามโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนที่ออกเป็นประจำทุกเดือน ในส่วนของการให้บริการที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนมก็จะมีเป็นประจำทุกเดือนเช่นเดียวกัน โดยในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นการผ่าตัดทำหมันฟรีพร้อมกับฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าด้วย นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังเชิงรุกด้วยการเก็บตัวอย่างจากในพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 103 แห่ง ซึ่งก็ยังไม่พบโรคพิษสุนัขบ้าแต่อย่างใด
และในช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูร้อน เรามักจะพบว่าโรคพิษสุนัขบ้ามีการระบาดและการกระจายเชื้อตามพื้นที่ต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและย้ำเตือน เนื่องจากสุนัขอาจจะเกิดภาวะความเครียด อีกทั้งเป็นช่วงที่เด็กปิดเทอม จึงมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกสุนัขหรือแมวกัดได้ ดังนั้นจึงอยากฝากเตือน 3 หัวข้อหลัก ๆ ในการป้องกัน คือ ประเด็นในเรื่องการป้องกันของสัตว์อยากให้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ได้นำสุนัขและแมวที่มีอายุตั้งแต่ 2 – 4 เดือนขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีน ทั้งในส่วนของสถานที่ราชการ อบต. ท้องถิ่น หรือของเอกชนก็ได้ตามที่ท่านสะดวก จากนั้นให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก ๆ 1 ปี ประเด็นต่อมาคือเรื่องการป้องกันไม่ให้สุนัขและแมวกัด โดยการใช้คาถา 5ย ซึ่งประกอบไปด้วย อย่าแย่สุนัขและแมวเพื่อให้เกิดความดุและความโกรธเพราะจะมากัดเราได้ อย่าไปเหยียบสุนัขและแมว อย่าไปแย่งอาหารเวลาที่สุนัขและแมวกำลังกิน อีกเรื่องคืออย่าไปแยกสุนัขและแมวที่กัดกันด้วยมือเปล่า สุดท้ายคืออย่าไปยุ่ง กับสุนัขและแมวที่เราไม่ทราบประวัติเพราะสัตว์เหล่านี้ อาจจะนำโรคพิษสุนัขบ้ามาสู่เราได้
และถ้าเราป้องกันในส่วนของ 5ย แล้วยังโดนสุนัขหรือแมวกัด ก็ให้ใช้หลัก 3 มาตรการ คือ ล้างแผลให้สะอาดอย่างน้อย 10 นาที ให้น้ำผ่านแผลให้สะอาดที่สุดแล้วทาด้วยยาประเภทกลุ่มทิงเจอร์โพวิดีน มาตรการต่อมาคือการกักสุนัขและแมวเพื่อดูอาการอย่างน้อย 10 วัน และมาตรการสุดท้ายคือไปหาพบแพทย์ หรือจะใช้หลักการจำง่ายๆ ก็คือ ล้างแผล กักหมา หาหมอ ก็จะทำให้ทุกคนมีความปลอดภัยได้เช่นเดียวกัน

ผู้ว่าฯ นครพนม นำประชาชนทำบุญตักบาตรเฉลิมพระเกียรติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ เนื่องในโอกาสคล้ายวันประสูติ

วันที่ 29 เมษายน 2565 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 29 เมษายน 2565 โดยมีพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำคณะพระสงฆ์ รวม 29 รูปบิณฑบาต

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประสูติเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2548 ในเวลา 18.35 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชหัตถเลขาขนานพระนามว่า “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ” เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2548 และพระราชทานเสมาอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.ทองคำ โดยพระนามของพระองค์นั้น แปลว่า “ผู้ทำประทีปคือปัญญาให้สว่างกระจ่างแจ้ง ผู้ทำเกาะคือที่พึ่งให้รุ่งเรืองโชติช่วง” และโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “His Royal Highness Prince Dipangkorn Rasmijoti” ทั้งนี้เมื่อทรงมีพระชนมายุครบ 1 เดือน ได้มีพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ในพระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2548 และเมื่อทรงเจริญพระชันษาครบ 1 ปี ในวันที่ 29 เมษายน 2549 กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก พร้อมอัญเชิญพระรูปของพระองค์ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายจำหน่ายให้ประชาชนไว้เป็นที่ระลึก โดยพระองค์ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา ทรงเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ อาทิ กิจกรรมงานสัปดาห์รักการอ่าน ทั้งยังทรงร่วมการแสดงในงานของโรงเรียน ทั้งยังทรงสนพระทัยในการบินตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยเสด็จไปประทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ในรายการหนูน้อยจ้าวเวหา ด้วยพระองค์เอง โดยทรงลองฝึกการบังคับเครื่องบินชนิดต่าง ๆ ปัจจุบัน เสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี


วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565

จ.นครพนม ประชุมติดตามความคืบหน้าในการเตรียมการรับเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ

วันที่ 28 เมษายน 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยว เพื่อติดตามความคืบหน้าและมอบหมายงานเพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนครพนม ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติอย่างสูงสุด

โดยในส่วนของจังหวัดนครพนม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นสมุดประชาชนที่ทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนมได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้น เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย สนองพระปณิธานและแนวทางพระราชดำริ ในการส่งเสริมการศึกษาสำหรับประชาชน ด้วยทรงเล็งเห็นความสำคัญของห้องสมุดประชาชน ที่จะตอบสนองความต้องการด้านการอ่านการศึกษาของประชาชน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องการให้ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้ที่พร้อมสมบูรณ์ โดยห้องสมุดประชาชนแห่งนี้ได้เข้าร่วมโครงการห้องสมุดประชาชน เฉลิมราชกุมารี เป็นลำดับที่ 99 ของประเทศ เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2555 ใช้เวลาในการก่อสร้าง 7 ปี 9 เดือนจึงแล้วเสร็จ โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ ซึ่งพระเดชพระคุณพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ธรณีสงฆ์ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ของวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารในการก่อสร้าง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน และให้เป็นแหล่งสรรพความรู้ต่างๆ ที่สมบูรณ์ของประชาชนในท้องถิ่น โดยห้องสมุดประชาชนแห่งนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วย มุมหนังสือพระราชนิพนธ์ มุมวิทยาศาสตร์ มุมศิลปะและบันเทิง มุมหนังสือทั่วไป มุมเด็กและครอบครัว มุม ICT มุมเคาน์เตอร์บริการ ชั้นที่ 2 ประกอบไปด้วย มุมห้องมรดกโลก ห้องมัลติมีเดีย ห้องน้อมรำลึกรัชกาลที่ 9 ห้องวิถีชีวิต ห้องสารานุกรมไทย ชั้นที่ 3 ประกอบด้วย ห้องทรงงาน ห้องนิทรรศการพระธาตุพนม และห้องนิทรรศการเส้นทางธรรม


วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

สทนช. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 2 ที่นครพนม

วันที่ 27 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 2 ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษา กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ บริษัทโปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแทนส์ จำกัด และ บริษัทเมก้าเทค คอนซัลแทนส์ จำกัด เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การวิเคราะห์ และจัดทำผังลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ จัดทำข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ที่ดินที่อยู่ในระบบทางน้ำตามผังน้ำ ใช้ข้อมูลผังน้ำประกอบการสนับสนุนแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม รวมถึงการจัดสรรการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟูและการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ รวมทั้งจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับผังน้ำให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่รัฐบาลได้กำหนดให้ สทนช. ในฐานะสำนักงานเลขานุการและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทำการเร่งศึกษา เพื่อจัดทำผังน้ำขึ้นภายใน 2 ปี นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา

นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดในภาคอีสานตอนบนต้องพึงพาอาศัยเรื่องน้ำเป็นหลัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร และน้ำที่ว่าก็มาจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาย่อยต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะประสบกับปัญหา ถ้าไม่แล้งก็น้ำท่วมอันเนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่นการตื้นเขินของแหล่งน้ำทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอ และจังหวัดก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ ลงไป เพื่อให้ความช่วยเหลือ ในการพัฒนาแหล่งน้ำเหล่านี้ให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และด้วยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของน้ำ จึงได้มี พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำออกมา จึงเป็นที่มาของการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีขนาดพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 47,161.97 ตารางกิโลเมตร คลอบคลุมพื้นที่จังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ บนมาตรฐานและการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน รวมถึงมีความสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูน้ำหลากหรือช่วงฤดูแล้ง

โดยการประชุมในวันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ สทนช. จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครพนม หลังจากครั้งแรกได้มีปฐมนิเทศเพื่อนำเสนอแนวคิดในการศึกษาโครงการ พร้อมกับรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สภาพปัญหา ข้อวิตกกังวลต่างๆ จากกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ที่ประกอบไปด้วย คณะกรรมการลุ่มน้ำสาขา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ แล้วนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ไปจัดทำเป็นแผนร่างโครงการ ฉบับร่าง 1 ออกมาเพื่อให้ทุกคนได้มาร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นเพื่อปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในการประชุมวันนี้ โดยหลังการนี้คณะทำงานจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ไปทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างผังโครงการ เป็นฉบับร่าง 2 ก่อนที่จะนำมาให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาในอีก 4-5 เดือนข้างหน้า และทำในลักษณะนี้อีกครั้งในฉบับร่าง 3 เพื่อให้กลายเป็นผังน้ำและรายการประกอบสำหรับนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และข้อมูลสนับสนุนผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ


วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565

สกู๊ป สุขแบบเรียบง่าย Styleโคก หนอง นา

นางชฎาพร จันทร์แดง เกษตรกรบ้านบุ่ง ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลักการทำ โคก หนอง นา เจ้าหน้าที่สอนให้หมักปุ๋ยจุลินทรีย์น์หน่อกล้วย จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ยาเส้นใส่น้ำส้มสายชูเพื่อมาไล่พวกแมลง ห่มดินด้วยฟางแต่ของตัวเองได้ไม่เยอะจึงต้องไปหาเก็บใบไม้มาห่มแทน เพราะเราเอาฟางไปให้วัว แล้วก็ไปเอาตอซังขึ้นมาจากทุ่งนามาห่มแทน ตัวเองเริ่มทำเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ประมาณ 5 เดือนก็เริ่มเขียวและเห็นผลแล้ว ข้างบนของแปลงก็จะมีสระลูกเล็ก ๆ 1 ลูก แล้วก็มีร่องน้ำไหลลงมา พอขุดเสร็จก็เริ่มปลูกหญ้าเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จากนั้นก็มาปลูกต้นกล้วยและต้นไม้อื่น ๆ มีทั้งที่ขอมาปลูกและซื้อมาปลูก

ซึ่งคนที่จะทำโคก หนอง นา จะต้องมีมูลวัว ควาย หรือไก่ เพราะเราต้องลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อสิ่งเหล่านี้มาบำรุงดินและต้นไม้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงวัวเพื่อเอามูลมาใช้ นอกจากนั้นเราก็ต้องทำปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้ เศษหญ้า ที่เราถอนมาจากแปลงเกษตรที่เราปลูก มีหลายคนที่มาดูแล้วบอกว่าทำไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่บอกว่าไม่ท้อ พร้อมที่จะสู้เพื่อให้ได้แปลงโคก หนอง นา แบบนี้ เราก็จะบอกเทคนิควิธีทำให้ไปว่าตัวเองทำอย่างไร บางคนก็เอาไปทำทันที ซึ่งตอนนี้เป็นระยะเริ่มต้นที่เพิ่งขุด จึงยังไม่มีน้ำต้องรอฤดูฝนปีนี้ก่อน ส่วนญาติ ๆ กันที่เลี้ยงวัวขุนต้องการหญ้าหวานอิสราเอลเมื่อมาดูแล้ว เห็นว่าการปลูกหญ้าทำยังไง ก็บอกว่าทำแค่นี้สบาย ทำได้อยู่แล้วเพราะขั้นตอนไม่เยอะยุ่งยากอะไร

ตอนนี้ในโคก หนอง นา ก็มีปู ปลา ที่สามารถจับกินเองได้ไม่ต้องไปที่ตลาด ก็มีความสุขดี เพราะต้องแย่งกันกับสามีมาให้อาหารปลา อาหารกบ มองเห็นปลาลอยอยู่ในน้ำ ต้นไม้ที่ออกผลก็ดีใจ ภูมิใจ เวลาเพื่อนบ้านมาเยี่ยมเยือนอยากได้อะไรก็แบ่งปันกันไป แม้ตอนนี้ผลผลิตจะยังไม่ได้เต็มที่เพราะเราพึ่งทำได้ไม่นานแต่ก็มีให้ได้นำไปขายแล้ว นั่นคือกล้วย พริก มะเขือ มะละกอ ผักและผลไม้อื่น ๆ ที่ปลูกตามฤดู ซึ่งการขายก็เอาไปส่งที่โรงเรียนและร้านค้า นอกจากนี้ก็มีท่อนพันธุ์หญ้าหวานอิสราเอล ที่มีการจองเข้ามาประมาณเดือนพฤษภาคมก็จำหน่ายได้แล้ว ที่สำคัญคือผลิตที่ออกมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนในพื้นที่จึงไม่ยุ่งยากอะไรในการขาย


วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2565

นครพนม เตรียมจัดสืบสานประเพณีสงกรานต์ดึงนักท่องเที่ยวรับความสุข สนุก อิ่มบุญ และความเป็นสิริมงคล รับปีใหม่ไทย

วันที่ 11 เมษายน 2565 ที่บริเวณแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายขันชัย ขันทะชา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานจังหวัดนครพนม นายชาญยุทธ อุปพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมและนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีสงกรานจังหวัดนครพนม ประจำปี 2565 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 20.00 น. ที่บริเวณหมู่บ้านวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า ถนนสวรรค์ชายโขง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม


นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในปีนี้ประเพณีสงกรานต์ที่จังหวัดนครพนมยังอยู่ในสถานการณ์การเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เพราะฉะนั้นจะมีการละเว้นการสาดน้ำและกิจกรรมบางประเภท ไม่ว่าจะเป็น การห้ามปะแป้ง ปาร์ตี้โฟม การห้ามจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่บริเวณงาน แต่จะมีการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวไทยและชาวนครพนม ซึ่งนอกจากผู้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนมจะได้ไปกราบไหว้ขอพระพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์รวมถึงพระธาตุประจำวันเกิดที่กระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ และพญาศรีสัตตนาคราชแล้ว ยังจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงามริมฝั่งโขงและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ ที่สำคัญคือจะมีโอกาสได้ร่วมขบวนแห่พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองและขบวนแห่วัฒนธรรม 8 ชนเผา จากบริเวณแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราชไปตามถนนสุนทรวิจิตรไปหมู่บ้านวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า รวมกิจกรรมสรงน้ำพระคู่บ้านสืบสานประเพณีไทย นั่นคือพระติ้ว พระเทียม(พระจำลอง) พระคู่แฝดอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางมารวิชัย ที่สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าศรีโคตรบูรเจ้าผู้ครองเมืองสมัยนั้น โดยถ้าใครจะสังเกตความแตกต่างองค์พระติ้วจะทำด้วยไม้ติ้วบุทองคำ ส่วนพระเทียมไม่ได้บุทองคำแต่จะลงรักปิดทองคำเปลวแทน ซึ่งทั้งพระติ้วและพระเทียมมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาถึงความอัศจรรย์ต่าง ๆ และทุกปีที่ชาวนครพนมมีการอัญเชิญขบวนแห่ช่วงสงกรานต์จะเกิดฝนตกแต่เมื่อแห่มาถึงวัดที่ประดิษฐานฝนจะหยุดทุกครั้ง


นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมวิถีชีวิตคนบีบเส้น@ถนนข้าวปุ้นนครพนม ที่จะให้ทุกคนได้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตขนมจีนที่ชาวอีสานเรียกว่าข้าวปุ้นรวมถึงการได้ลิ้มชิมรสความอร่อยของขนมจีนแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย กิจกรรมโชว์ส้มตำลีลา การก่อเจดีย์ทราย รวมถึงยังจะได้สนุกกับการประกวดรำวงสงกรานต์ย้อนยุควิถีอีสาน ด้วยบทเพลงบังคับ สามเมืองสามม้วน ที่เป็นการสร้างความสามัคคีให้แก่ชุมชนต่างๆ ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นวิถีอีสาน ส่วนใครที่เข้าพักโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA ก็จะได้รับน้ำมนต์ มหามงคล 3 พระอารามหลวง ที่มีการปลุกเสกต์จากวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จังหวัดสกลนคร และวัดศรีมงคลใต้ จังหวัดมุกดาหารเป็นของที่ระลึกให้กับกลับบ้านไปฝากครอบครัวด้วย จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ร่วมกัน รับรองจะได้ทั้ง ความสุข ความสนุก อิ่มบุญ และความเป็นสิริมงคลกลับไปอย่างแน่นอน


13 ชมรมนครพนม ร่วมประกวดผลงาน TO BE NUMBER ONE ระดับภาค

วันที่ 11 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายสุรพล แก้วอินธิ พัฒนาการจังหวัดนครพนม นายอนันต์ สิงหา แรงงานจังหวัดนครพนม นำคณะสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครพนม จำนวน 13 ชมรมเข้าประกวดผลงานระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2565 ที่ห้องศาลาไทย ขั้น ๔ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น เพื่อชิงตำแหน่งเป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันระดับประเทศต่อไป

โดยที่ผ่านมาจังหวัดนครพนมได้มีการน้อมนำแนวทางการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาเป็นเครื่องมือในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งได้ยึดหลัก 2 ป. 2 บ. คือ ป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และบูรณาการ พร้อมขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับอำเภอ ระดับตำบล และเน้นย้ำให้มีการพัฒนาเยาวชนในจังหวัดนครพนมไปข้างหน้าเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า ชาวนครพนมมีสุข ด้วยวิถี TO BE NUMBER ONE ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการกัน ช่วยสร้างสรรค์เยาวชนให้เก่งและดี ภายใต้ยุทธศาสตร์การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจแก่เยาวชนและยุทธศาสตร์การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างมากมาย โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาคว้ารางวัลระดับประเทศมาได้ 6 รางวัล คือ รางวัลชนะเลิศประเภทกลุ่มดีเด่น ชมรม TO BE NUMBER ONE 1 รางวัล รางวัลรางวัลกลุ่มต้นแบบ TO BE NUMBER ONE 4 รางวัล และรางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ประเภทบุคลากรในสังกัดกระทรวงยุติธรรม 1 รางวัล และในวันนี้จังหวัดนครพนมได้มีการเตรียมความพร้อมและคัดเลือกตัวแทนจังหวัดส่งชมรม TO BE NUMBER ONE เข้าร่วมแข่งขันในระดับภาค จำนวน 13 ชมรม ประกอบไปด้วย จังหวัด TO BE NUMBER ONE , อำเภอ TO BE NUMBER ONE อำเภอเมืองนครพนม, อำเภอ TO BE NUMBER ONE อำเภอเรณูนคร, ชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้านนาราชควาย ,ชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้านนาโพธิ์ , ชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้านโคกหินแฮ่ , ชมรม TO BE NUMBER ONE มหาวิทยาลัยนครพนม , ชมรม TO BE NUMBER ONE สถานพินิจฯจังหวัดนครพนม , ชมรม TO BE NUMBER ONE แม็คโคร สาขานครพนม , ชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนอุเทนพัฒนา , ชมรม TO BE NUMBER ONE สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครพนม , ชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนธาตุพนม และชมรม TO BE NUMBER ONE เรือนจำกลางจังหวัดนครพนม


นครพนม ร่วมหารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนกับแขวงคำม่วน สปป.ลาว เตรียมเปิดด่านท้องถิ่นขนส่งสินค้าเร็ว ๆ นี้

วันที่ 11 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายกิตติเชษฐ์ ธีรกุลพงศ์เวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และนางสาวกนกพร ไชยศล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม นำคณะผู้แทนจังหวัดนครพนม เดินทางไปเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีร่วมประชุมหารือขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดด่านท้องถิ่น ท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม - ด่านท่าแขก แขวงคำม่วน เพื่อใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับท่านหมั้นยืน คินสะหมอน หัวหน้าห้องว่าการแขวงคำม่วน ท่าวคำพูวง หอมมะนี รองหัวหน้าแผนกการต่างประเทศ แขวงคำม่วน และคณะตัวแทนแขวงคำมวน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายหลังกระทรวงมหาดไทยได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า เมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2565 สำนักนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีประกาศเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน ควบคุม และสกัดกั้น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระยะต่อไป โดยข้อ 4 ของประกาศดังกล่าวระบุว่า เห็นชอบในหลักการให้เปิดด้านท้องถิ่นและด้านประเพณีสำหรับขนส่งสินค้า โดยมอบให้นครหลวงเวียงจันทน์และแขวงต่าง ๆ ที่มีชายแดนติดกับต่างประเทศ ดำเนินการตรวจสอบและปรึกษาหารือกับหน่วยงานท้องถิ่นที่มีด่านร่วมกัน ถ้าเห็นว่ามีความพร้อมในทุกด้านรวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า โดยสามารถป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างเป็นเอกภาพร่วมกันแล้ว มอบให้องค์การปกครองนครหลวงเวียงจันทน์ และองค์การปกครองแขวงอนุญาตให้เปิดได้ และกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้จังหวัดนครพนมรับทราบ และพัฒนาการความคืบหน้าดังกล่าวร่วมกัน หากมีความประสงค์จะเปิดช่องทางเพิ่มเติมเฉพาะเพื่อนำเข้าส่งออกสินค้าและสินค้าผ่านแดนให้จังหวัดหารือกับแขวงคำม่วน เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบและขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดน

โดยในที่ประชุมเบื้องต้นมีความเห็นร่วมกันว่าควรให้เปิดด่านท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม - ด่านท่าแขก เพื่อใช้ในการขนส่ง แลกเปลี่ยนสินค้าข้ามแดนที่มีการซื้อขายของผู้ประกอบการท้องถิ่น จังหวัดนครพนมและ แขวงคำม่วน พร้อมกับวางโมเดลการปฏิบัติงานร่วมกันไว้คือกำหนดให้เรือแต่ละลำที่จะวิ่งรับและส่งสินค้า มีผู้ควบคุมเรือได้ 1 คน และคนประจำเรือ 1 คน ซึ่งทั้ง 2 คนไม่สามารถขึ้นฝั่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ ทำได้เพียงเมื่อถึงท่าเทียบเรือไปยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ ส่วนการขนถ่ายสินค้าจะให้ผู้ประกอบการของแต่ละฝั่งรับผิดชอบแรงงานในการขนถ่ายสินค้าเองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่อาจจะเกิดขึ้น โดยในแต่ละวันจะมีเรือวิ่ง 4 ลำ สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันของแต่ละฝั่งขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้า ทั้งนี้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขและมาตรการอื่น ๆ ของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด ส่วนเวลาการเดินเรือข้ามแดนได้กำหนดเวลาไว้เริ่มตั้งแต่เวลา 8.00 -18.00 น. โดยก่อนการเปิดด่านจะให้มีการสาธิตวิธีการและขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อเป็นต้นแบบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝั่งได้เข้าใจ สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นไปตามแนวทางที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางและมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันเกี่ยวกับสินค้าอาหารปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนของแต่ละประเทศได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย ไม่มีสารพิษเจือปน โดยหลังจากนี้แต่ละฝ่ายจะได้นำโมเดลที่ได้วางแผนร่วมกันวันนี้ไปนำเสนอผู้มีอำนาจเพื่อพิจารณาลงนามความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนร่วมกัน อีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน 2565 นี้


วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565

รมว.ทส. ติดตามการก่อสร้างระบบประปาบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งสนองพระราชดำริในหลวง พื้นที่ 3 ตำบลในจังหวัดนครพนม

วันที่ 10 เมษายน 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการดำเนินงานโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลนามะเขือ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม และโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลโพธิ์ตากและตำบลนาทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤติภัยแล้ง โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน

โดยทุกๆปี ประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลดังกล่าว ต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากแหล่งน้ำหลัก สำหรับผลิตประปาหมู่บ้านมีไม่เพียงพอ ด้วยแหล่งน้ำผิวมีสภาพปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำที่เป็นน้ำกร่อยและเค็ม โดยโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลนามะเขือ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เป็นโครงการที่มีการขุดบ่อน้ำบาดาลขนาด 6 นิ้ว จำนวน 8 บ่อ ที่การติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าขนาด 3 แรงม้า จำนวน 8 ชุด มีถังเหล็กเก็บน้ำความจุ 500 ลูกบาตรเมตร จำนวน 2 ถัง มีโรงสูบน้ำพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาด 20 แรงม้า จำนวน 2 ชุด รวมถึงมีการก่อสร้างหอถังเหล็กเก็บน้ำชนิดรักษาแรงดันความจุ 300 ลูกบาตรเมตร สูง 39 เมตร จำนวน 1 ถัง มีถังกรองสนิมเหล็ก จำนวน 2 ถัง และมีอาคารปรับคุณภาพน้ำ และจุดจ่ายน้ำถาวร จำนวน 2 จุด โดยมีการวางแนวท่อกระจายน้ำของโครงการขนาด 10 นิ้ว ระยะทาง 100 เมตร ขนาด 8 นิ้ว ระยะทาง 2,300 เมตร ขนาด 6 นิ้ว ระยะทาง 6,370 เมตร ส่วนโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลโพธิ์ตากและตำบลนาทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เป็นโครงการที่มีการขุดบ่อบาดาลขนาด 6 นิ้ว จำนวน 9 บ่อ ที่การติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าขนาด 3 แรงม้า จำนวน 9 ชุด มีถังเหล็กเก็บน้ำความจุ 500 ลูกบาตรเมตร จำนวน 2 ถัง มีโรงสูบน้ำพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาด 20 แรงม้า จำนวน 2 ชุด รวมถึงมีการก่อสร้างหอถังเหล็กเก็บน้ำชนิดรักษาแรงดัน ความจุ 300 ลูกบาตรเมตร สูง 39 เมตร จำนวน 1 ถัง มีถังกรองสนิมเหล็ก จำนวน 2 ถัง และมีอาคารปรับคุณภาพน้ำดื่มและจุดจ่ายน้ำถาวร 1 จุด โดยมีการวางแนวท่อกระจายน้ำโครงการไปยังตำบลนาทราย ขนาด 6 นิ้ว ระยะทาง 7,100 เมตร วางแนวท่อกระจายน้ำของโครงการไปยังตำบลโพธิ์ตากขนาด 10 นิ้ว ระยะทาง 550 เมตร รวมถึงวางแนวกระจายน้ำในพื้นที่ตำบลโพธิ์ตาก ขนาด 6 นิ้ว ระยะทางรวม 11,000 เมตร ซึ่งเมื่อทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จจะช่วยให้ราษฎรในพื้นที่ มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภครวม 20 หมู่บ้าน 5,060 ครัวเรือน 18,844 คน พื้นที่รวมกว่า 90,610 ไร่


โดยในโอกาสนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมให้การต้อนรับว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำมาให้เราทุกคนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งเป็นระบบบาดาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย จึงอยากให้ทุกคนใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ขอให้ใช้ด้วยความประหยัดเพราะน้ำบาดาลที่ได้เป็นน้ำที่สะสมมานานนับหลายชั่วอายุคนและมีวันหมดไป รวมถึงมีสิ่งหนึ่งที่เป็นหัวใจของระบบน้ำบาดาล ก็คือการดูแลรักษาทำความสะอาด ซึ่งในช่วง 1 ปีแรกทางกระทรวงฯจะเข้ามาดูแลให้ แต่หลังจากนั้นจะส่งต่อให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบล ได้เข้ามาดูแลต่อ ฉะนั้นแม้ระบบจะดีขนาดไหน ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันดูแลก็เกิดปัญหาได้ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันจะเป็นการแสดงออกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการให้ราษฎรทุกคนได้มีน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างพอเพียงและยั่งยืนตลอดไป

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

ทหารพราน บูรณาการกำลังร่วม นรข.และหน่วยความมั่นคง ยึดยาบ้า 2 ล้านเม็ด

วันที่ 9 เมษายน 2565 ที่บริเวณหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท.สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผอ.ศอ.ปส.ชอน.) มอบหมายให้ พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (ผอ.ศอ.ชอน.บน) พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พ.ต.อ.สมศักดิ์ ตระการไพโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พ.ต.อ.หญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผู้กำกับการกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 236 และ 237 กองร้อยทหารพรานที่ 2108 และ 2109 ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,000,000 เม็ด ภายหลังกองร้อยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (QRF) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามแม่น้ำโขงเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณรอยต่อ ตำบลหนองเทา และ ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จึงประสานหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และงานหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกันวางแผนและแบ่งกำลังเข้าจุดเฝ้าซุ่ม

โดยสถานีเรือบ้านแพงลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่บ้านนากระเสริม หมู่ 10 ตำบลพนอม ส่วนทหารพรานลาดตระเวนในพื้นที่บ้านเหล่าหนาด หมู่ที่ 8 ตำบลพนอม กระทั่งเวลาเวลาประมาณ 17.30 น ของวันที่ 8 เมษายน 2565 ชุดลาดตระเวนได้ตรวจพบเรือหาปลาติดเครื่องยนต์แล่นจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณปากห้วยกัด บ้านเหล่าหนาด หมู่ 8 ตำบลพนอม อยู่ห่างจากจุดเฝ้าตรวจประมาณ 500 เมตร จากนั้นชายบนเรือได้โยนกระสอบที่วางอยู่ในเรือขึ้นมาไว้บนฝั่ง ไม่นานก็มีชาย 3 คน ออกมาจากป่าละเมาะและเข้าไปแบกกระสอบด้วยความเร่งรีบ เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น ซึ่งชายทั้ง 3 ได้ทิ้งกระสอบแล้ววิ่งหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วและชำนาญในพื้นที่ แม้เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ก็ไม่พบประกอบกับเป็นเวลาค่ำมืดเจ้าหน้าที่เกรงว่าคนร้ายจะมีอาวุธยิงสวนมา ทำให้อาจได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้จึงเซฟตัวเองไว้ก่อน จากนั้นจึงได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่พบกระสอบปุ๋ยและกระสอบหัวอาหารปลา จำนวน 6 กระสอบวางอยู่ เมื่อตรวจดูภายในพบเป็นยาบ้า 2,000,000 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


รมว.ทส.ลงพื้นที่นครพนม ส่งมอบโครงการพัฒนาน้ำบาดาลให้เกษตรกรแปลงใหญ่ตำบลบ้านค้อ

วันที่ 9 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะลงพื้นที่บ้านห้วยไหพัฒนา หมู่ที่ 17 ตำบลบ้านค้อ อำเภอโพนสวรรค์ เพื่อส่งมอบโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ รูปแบบที่ 2 งบประมาณ พ.ศ. 2564 (งบเงินกู้) ให้กับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ตำบลบ้านค้อได้ใช้งาน ตามแนวทางการเพิ่มศักยภาพการผลิตภาคเกษตรกรรมไทย สร้างแนวทางช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้เกษตรกร ทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้มีความมั่นคง โดยมุ่งพื้นที่เป้าหมายเป็นเกษตรกรชุมชนนอกเขตชลประทานและพื้นที่หาน้ำยาก เพราะต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชนให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด ภายหลังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการเจาะบ่อบาดาล รวมถึงติดตั้งระบบสูบน้ำและส่งน้ำจนแล้วเสร็จ โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและเป็นสักขีพยานในการส่งมอบ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ต้องถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำริพระราชทานแนวทางในการแก้ปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับพสกนิกรชาวไทยโดยการใช้น้ำบาดาล รวมถึงเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำกินน้ำใช้ หรือน้ำเพื่อการเกษตรก็ตาม ซึ่งในวันนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและกรมทรัพยากรน้ำ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริดังกล่าวมาดำเนินการตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งในจังหวัดนครพนมและในภาคอีสานนั้นยังมีศักยภาพน้ำอย่างมหาศาลในหลายๆ พื้นที่ อย่างในอำเภอโพนสวรรค์แห่งนี้เจาะลงไปเพียง 60 กว่าเมตร หรือบางบ่อ 50 กว่าเมตรก็เจอน้ำแล้ว เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากน้ำนี้ ขอให้ใช้อย่างประหยัดเพราะน้ำบาดาลไม่ใช่ว่าใช้แล้วไม่มีวันหมด จึงอยากให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์มากที่สุดในการใช้น้ำบาดาล เพื่อการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจในพื้นที่ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

และด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการขุดเจาะน้ำบาดาล ที่ลึกขึ้น หรือการสำรวจการขุดเจาะที่แม่นยำขึ้น ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถ แก้ปัญหาน้ำอุปโภคเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงน้ำเพื่อการเกษตรได้อีกหลายพื้นที่ในจังหวัดนครพนมและในประเทศ สำหรับโครงการที่เดินทางมามอบในวันนี้เป็นการขุดบ่อบาดาลที่มีขนาดความลึก 56 - 62 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 5.5 แรงม้า จำนวน 4 บ่อ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดไม่น้อยกว่า 4,800 วัตต์ พร้อมเครื่องผลิตไฟฟ้าขนาด 8 กิโลวัตต์ จำนวน 4 ชุด ถังเก็บน้ำขนาดความจุ 120 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง และท่อกระจายน้ำความยาวรวม 2,400 เมตร โดยภายหลังการส่งมอบในวันนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะเข้ามาดูแลบำรุงรักษา รวมถึงถ่ายทอดความรู้ เทคนิควิธีการใช้งานให้กับกลุ่มเกษตรกรเป็นระยะเวลา 1 ปี จากนั้นจะมีการส่งมอบต่อให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านค้อเพื่อรับผิดชอบต่อ


ปลัดมหาดไทยนำทีมเปิดตัว นาหว้าโมเดล สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระพันปีหลวง และเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี



วันที่ 9 เมษายน 2565  ที่ศูนย์หัตถกรรมชุมชน วัดธาตุประสิทธิ์ บ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมป์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางรติรส จุลชาต ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก และนายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ
โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยจัดทำขึ้น เพื่อให้เป็นตัวอย่างสำหรับชุมชนทอผ้าที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ภูมิปัญญาผ้า ตลอดจนองค์ความรู้ เทคนิคและวิธีการเกี่ยวกับเส้นใย สีธรรมชาติ ไปจนถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย ที่สามารถนำไปออกแบบตัดเย็บให้ทันสมัย สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ทุกเพศทุกวัย เป็นการสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระปณิธาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณรี นารีรัตนราชกัญญา ในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทย ทั้งเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายสิ่งทอให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ตลอดจนเป็นการพัฒนาชุมชนต้นแบบ บ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ “มูลนิธิศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถ” เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทรงเห็นว่าพสกนิกรส่วนใหญ่ ที่เป็นเกษตรกรฐานะความเป็นอยู่ค่อยข้างลำบาก จึงได้ทรงนำเอาสิ่งที่ทอดพระเนตรเห็น คือผ้าทอที่พสกนิกรสวมใส่มารับเสด็จฯ ในแต่ละครั้ง ที่มีความสวยงาม มีลวดลาย มีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันตามภูมิสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น มาขับเคลื่อนส่งเสริมเพื่อให้พสกนิกรมีอาชีพ มีรายได้ ทั้งทรงช่วยหาช่องทางจำหน่ายนำรายได้คืนสู่ครอบครัวของพสกนิกรผู้ทอผ้าในถิ่นต่าง ๆ โดยมีการจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพ ขึ้นมาเป็นแห่งแรก เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2515  ที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม อีกทั้งยังทรงมีพระประสงค์ที่จะอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทยให้คงอยู่สืบไป ทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถขึ้น เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ปีพุทธศักราช 2519 เพื่อทำการฝึกอาชีพเสริมให้กับราษฎร และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงสนพระทัยงานด้านศิลปาชีพ มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้โดยเสด็จตาม “สมเด็จย่า” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเยี่ยมสมาชิกศิลปาชีพในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ทรงรับรู้ว่าสมเด็จย่าทรงให้ความสำคัญการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์ และสืบทอดมาอย่างต่อเนื่องจากอดีตสู่ปัจจุบัน และพระองค์ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาท ทรงสานต่องานด้านศิลปหัตถศิลป์ ซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถักทอด้วยฝีมือ ทรงมีพระทัยอันแน่วแน่ที่จะส่งเสริมอาชีพกลุ่มทอผ้าในทุกภาคที่ก่อเกิดขึ้นจากสายธารแห่งพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน และสานต่อด้านการอนุรักษ์ผ้าทอพื้นเมืองอันทรงคุณค่ายิ่งไว้บนผืนแผ่นดินไทยสืบต่อไป โดยทรงนำประสบการณ์ ทั้งจากการทรงงาน และทรงศึกษาผ้าทอพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมพื้นบ้านในแต่ละภาค ที่ทรงตามเสด็จโดยสมเด็จย่า แล้วทรงนำแนวคิดมาพัฒนาสร้างสรรค์ ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัยเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยยังคงลวดลายของผืนผ้าที่สื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละภาคนั้นๆไว้ และทรงพระราชทานแบบลายผ้าเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิค นำไปทอผ้าและผลิตผ้าตามอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าความงดงามของผ้าไทยจะคงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป
โดยตราสัญลักษณ์ โครงการ “นาหว้าโมเดล” มีแนวคิดในการออกแบบด้วยการนำภาพดอกจานที่เป็นดอกไม้พื้นถิ่นแถบอีสานเหนือมาจัดวางให้เป็นรัศมีของดวงอาทิตย์ เพื่อสื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ที่เปล่งประกายสดใส เนื่องด้วยในวันที่ 23 มกราคม 2565 เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเยี่ยมบ้านนาหว้า จังหวัดนครพนม เป็นช่วงที่ดอกจานเริ่มบานสะพรั่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นการพัฒนารูปแบบใหม่ ซึ่งภาพดอกจาน 10 กลีบ สื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มีการออกแบบรัศมีดอกจานให้วนขวา เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความเป็นมงคล ส่วนตัวอักษร S สองตัวตรงกลาง หมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ผู้พระราชทานโครงการศิลปาชีพฯ ให้แก่ปวงชนชาวไทย และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ผู้สืบสาน รักษาและต่อยอดโครงการศิลปาชีพฯ และภูมิปัญญาผ้าไทยให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดิน และใช้โครงสร้างสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาและสีส้มที่สดใสของดอกจานยังหมายถึงความมุ่งมั่นและพลังแห่งการพัฒนาผ้าไทยให้มีความร่วมสมัยก้าวไกลสู่ระดับสากล 
มีกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่มแรก ในการพัฒนาโครงการ “นาหว้าโมเดล” คือ ศูนย์หัตถกรรมและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านวัดธาตุประสิทธิ์ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองวัดศรีบุญเรือง บ้านนางัว หมู่ที่ 2 ตำบลนางัว  กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านโคกสะอาด ตำบลบ้านเสียว กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาหว้า หมู่ที่ 3 ตำบลนาหว้า  และกลุ่มคนรุ่นใหม่หัวใจคือชุมชน อำเภอนาหว้า

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

จิตอาสานครพนม รวมใจทำความสะอาด ปรับภูมิทัศน์วัดน้อยโพธิ์คำ เนื่องในวันจักรี

วันที่ 7 เมษายน 2565 ที่บริเวณวัดน้อยโพธิ์คำ ชุมชนบ้านน้อยใต้ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นคณะที่ นำคณะประชาชนจิตอาสา จังหวัดนครพนม บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยการทำความสะอาด ตัดตกแต่งกิ่งไม้ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มีความสะอาดสวยงาม เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อมหาจักรีบรมวงศ์ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันน้อยใหญ่นานัปการเพื่อพสกนิกรชาวไทย เนื่องในวันจักรี 6 เมษายน

ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 และทรงปกครองปวงชนชาวไทยให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข เป็นแบบอย่างที่พระมหากษัตริย์ไทยในพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทสืบต่อกันมาโดยลำดับ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 4 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติปีละครั้ง และโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งมีการย้ายสถานที่ในการประดิษฐานหลายครั้ง เช่น พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท และพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ย้ายพระบรมรูปมาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดรในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 พระบรมชนกนาถ จนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 การซ่อมแซมก่อสร้างและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาล จึงสำเร็จลุล่วง และได้มีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ 6 เมษายนในปีนั้น และต่อมาโปรดฯ ให้เรียกวันที่ 6 เมษายน ว่า วันจักรี

ทั้งนี้วัดน้อยโพธิ์คำ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครพนม และเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนนิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรจากพระพุทธรูปสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระใหญ่) ที่ประดิษฐานตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในวัด เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตและครอบครัว รวมถึงสถานที่ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเป็นสำนักเรียนแผนกธรรมและบาลี ทั้งยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครพนม แห่งที่ 3 ตามมติมหาเถรสมาคม ซึ่งจะมีการฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้โรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดนครพนม ก็ยังได้นำนักเรียนมาเข้าค่ายพุทธบุตรพุทธธรรมนำชีวิตเพื่อซึมซับการปฏิบัติตนเป็นคนดี และในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีก็จะมีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อกล่อมเกลาจิตใจบุตรหลานให้อยู่ในศีลในธรรม และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปในอนาคต


วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565

จ. นครพนม ประกอบรัฐพิธีถวายราชสักการะเนื่องในจักรี ประจำปี 2565

วันที่ 6 เมษายน 2565 ที่บริเวณหอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ร่วมกันประกอบรัฐพิธีถวายราชสักการะและบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประจำปี 2565 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อมหาจักรีบรมวงศ์ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันน้อยใหญ่นานัปการเพื่อพสกนิกรชาวไทย

โดยวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 และทรงปกครองปวงชนชาวไทยให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข เป็นแบบอย่างที่พระมหากษัตริย์ไทยในพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทสืบต่อกันมาโดยลำดับ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 4 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติปีละครั้ง และโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งมีการย้ายสถานที่ในการประดิษฐานหลายครั้ง เช่น พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท และพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ย้ายพระบรมรูปมาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดรในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 พระบรมชนกนาถ จนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 การซ่อมแซมก่อสร้างและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาล จึงสำเร็จลุล่วง และได้มีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ 6 เมษายนในปีนั้น และต่อมาโปรดฯ ให้เรียกวันที่ 6 เมษายน ว่า วันจักรี

ทั้งนี้สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในพระบรมราชจักรีวงศ์แต่ละพระองค์ ล้วนทรงพระปรีชาสามารถในพระราชกิจที่เหมาะสมแก่กาลสมัย เริ่มตั้งแต่พระปฐมกษัตริย์ได้ทรงปลูกฝังความมั่งคั่งให้แก่ราชอาณาจักรไทย รัชกาลในลำดับต่อมาก็ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองด้วยการสร้างสรรค์วัฒนธรรมทุกสาขา ทรงเชิดชูพระบวรพุทธศาสนาและสั่งสมความมั่งคั่งสมบูรณ์แก่ประเทศสืบช่วงกันตามลำดับ ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ยิ่งตระหนักชัดในดวงจิตของพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจครองแผ่นดินด้วยความเป็นธรรม ทรงนำความเรียบร้อย ร่มเย็น มาสู่อาณาประชาราษฎร์ ตราบจนรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงพระราชกรณีกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์นานับประการแก่ประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทย


วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565

นครพนม เปิด Tour of Thailand 2022 สเตจที่ 5

วันที่ 5 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเอก เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พลเรือตรี พรหมเมธ อติแพทย์ เลขาธิการสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปล่อยขบวนนักกีฬาจักรยานที่เข้าทำการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวาระอันเป็นมหามงคล ทรงเจริญพระชนพรรษา 67 พรรษา 2 เมษายน 2565 กับรายการ Tour of Thailand 2022 ซึ่งเป็นการจัดแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal ระบบปิด ภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยมีทีมจักรยานสโมสรและทีมชาติร่วม แข่งขัน จำนวน 20 ทีมจากทั่วโลก ในสเตจที่ 5 ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบเซอร์กิตภายในจังหวัดนครพนม รวมระยะทาง 163 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นที่สวนเทิดพระเกียรติ ท้ายเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม จากนั้นปั่นเลาะริมฝั่งแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆผ่านลานพญาศรีสัตตาคราช สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มุ่งหน้าสู่อำเภอท่าอุเทน อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอปลาปากผ่านวัดพระธาตุมหาชัย โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 นครพนม แล้วกลับเข้าเส้นชัยที่สวนเทิดพระเกียรติอีกครั้ง

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จักรยานและจังหวัดนครพนมเป็นสิ่งที่คู่กันมาโดยตลอด เพราะจังหวัดนครพนมมีเส้นทางจักรยานเลียบแม่น้ำโขงที่สวยงามระยะทางหลายกิโลเมตรด้วยกัน ซึ่งในทุก ๆ เช้าและเย็นจะเห็นชาวนครพนมออกมาปั่นจักรยานอยู่เป็นประจำ ขณะเดียวกันจังหวัดก็มีนโยบายในการปั่นทุกวันอาทิตย์เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดีการแข่งขันในรายการนี้ถือเป็นรายการสำคัญระดับโลกและระดับประเทศ ซึ่งจังหวัดได้มีปรึกษาหารือและเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นทางจักรยาน และมาตรการสาธารณสุข เพื่อรองรับนักปั่นและทีมงานทุกคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพราะนั้นหมายถึงเม็ดเงินที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อีกจำนวนมาก นอกเหนือจากช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสความงดงามของจังหวัดนครพนมที่มีธรรมชาติอันงดงาม มีประเพณีที่เรียบง่าย รวมทั้งมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบไหว้มากมาย ทั้งพระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิดที่กระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ และพญาศรีสัตตนาคราช โดยตัวเลขผู้ป่วยโควิดที่ได้รับรายงานเมื่อเช้าที่ผ่านมาก็อยู่ในภาวะปกติไม่มีอะไรน่าห่วง จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านได้มาสัมผัสกับจังหวัดนครพนมรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง ได้รับความสุขกลับไปอย่างแน่นอน สำหรับการเดินทางนั้นก็สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางบกและทางอากาศ ซึ่งในช่วงสงกรานต์นี้แม้จะไม่มีการสาดน้ำกัน แต่ก็มีการประกอบพิธีสำคัญตามประเพณี ให้ทุกคนได้มาซึมซับความเป็นชาวนครพนมได้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งนี้จังหวัดจะยึดหลักตามมาตรการสาธารณสุขของ ศบค.ชุดใหญ่ โดยปัจจุบันยังสามารถรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 1,000 คน ส่วนมาตรการอื่น ๆ ก็มีทั้งที่ห้ามและผ่อนปรน ซึ่งก็คิดว่าประชาชนมีความเข้าใจในหลักการบริหารสถานการณ์เป็นอย่างดี


วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565

ผู้ตรวจกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่นครพนม ติดตามแผนงานโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

วันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นางชลิดา พันธ์กระวี ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปตรวจติดตามการดำเนินการแผนงาน/โครงการที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 และปี 2565 ของหน่วยงานในการสนับสนุนและขับเคลื่อนมาตรการ ตามแผนงานและโครงการสำคัญ ( Flagship Project) โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตลอดจนคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป รวมถึงได้หารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สอบถามปัญหาและอุปสรรคจากตัวแทนภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ และการนำเข้า – ส่งออกสินค้าไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และจีน ผ่านเส้นทางการขนส่ง R12 เพื่อเป็นข้อมูลผู้บริหารในการวางแนวทางการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต

โดยในปี 2564 (1 ตุลาคม 2563- 30 กันยายน 2564) จังหวัดนครพนมมีการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแผนงานโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งสิ้น 8,196.06 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประจำ 3,767.34 ล้านบาท และงบลงทุน 4,442.93 ล้านบาท ทั้งยังมีในส่วนของโครงการที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีอีก จำนวน 1,721.63 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการสามารถดำเนินการได้ทันเวลาทั้งหมด ส่วนในปี 2565 (1 ตุลาคม 2564 - 25 มีนาคม 2565) มีการใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 6,145.02 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประจำ 2,053.67 ล้านบาท และงบลงทุน 4,091.34 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของงบประมาณภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 จังหวัดนครพนม มีการใช้จ่ายงบประมาณภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ 1 ล้านล้านบาท จำนวน 344 โครงการเป็น 321.47 ล้านบาท ส่วนพ.ร.ก. กู้เงินฯ 5 แสนล้านบาท ใช้จ่าย 14 โครงการ เป็นเงิน 284.36 ล้านบาท สำหรับมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล ตามโครงการเพิ่มกำลังซื้อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 จังหวัดนครพนมมียอดการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 35.48 ล้านบาท โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษมียอดการใช้จ่าย 2.7 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการพบว่ามีการใช้สิทธิเมื่อคิดเปรียบเทียบกับผลการเพิ่มวงเงิน มีการใช้จ่ายวงเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ ทั้งสิ้น 6,740 ร้านค้า มียอดใช้จ่าย รวม 354.30 ล้านบาท เป็นอันดับ 52 ของประเทศ ขณะที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 4 มียอดการใช้จ่ายคูปองอาหาร 2.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้ติดตามในส่วนของการจัดเก็บภาษีและรายได้ รวมถึงแผนเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและรายได้ มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ข้อมูลการบุกรุกที่ราชพัสดุ โครงการนำที่ราชพัสดุมาสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โครงการยกระดับการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น “TRD SMART PAY” มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รวมถึงโครงการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากร โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และโครงการช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการผ่านธนาคารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการประกันรายได้ให้เกษตรกร โครงการประกันภัยผลผลิตทางการเกษตร สินเชื่อหรือมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วไป/เกษตรกรผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด – 19 โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน มาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ มาตรการพักชำระหนี้ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน

นครพนม จัดกิจกรรมจิตอาสา 1 เมษา วันข้าราชการไทย ร่วมใจเพื่อประชาชน ปล่อยปลา 141,010 ตัว

วันที่ 4 เมษายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ภายใต้กิจกรรมจิตอาสา 1 เมษา วันข้าราชการไทย ร่วมใจเพื่อประชาชน ที่สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครพนม องค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า จัดขึ้น เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่พระองค์ท่านทรงเป็นผู้วางรากฐานระเบียบข้าราชการพลเรือนสมัยใหม่ขึ้นมา โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันข้าราชการพลเรือน เพราะเป็นวันที่ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2472 อีกทั้งเป็นสร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับประชาชนได้เข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของข้าราชการ ในการเป็นผู้ให้บริการ เสียสละ และอุทิศเวลาเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงเป็นการสร้างและกระตุ้นจิตสำนึกให้กับประชาชนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำของชุมชน ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชุมชนมีผลผลิตสัตว์น้ำที่เพียงพอต่อการบริโภค สามารถสร้างรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือนได้

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นที่บริเวณหนองคำแอ้ บ้านชะโนดใหญ่ หมู่ที่ 8 ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ที่ประชาชนในชุมชนกว่า 300 ครัวเรือน ร่วมกันใช้ในการอุปโภคบริโภคและหาสัตว์น้ำมาดำรงชีวิต โดยได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำและมอบให้กับผู้ใหญ่บ้าน 11 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นตัวแทนชุมชนในตำบลขามเฒ่า เพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำต่าง ๆ ของแต่ละชุมชนเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป รวม 141,010 ตัว ประกอบไปด้วย ปลาเผาะขนาดใหญ่ จำนวน 10 ตัว ปลากระแห จำนวน 50,000 ตัว ปลาตะเพียนขาว 80,000 ตัว ปลานิลแดง(ทับทิม) 10,000 ตัว และปลานิล 1,000 ตัว


วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2565

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรียึดยาไอซ์ 500 แท่ง/กิโลกรัม หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่

วันที่ 2 เมษายน 2565 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันตำรวจเอก พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอกหญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผู้กำกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ที่ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แบบต่อเนื่อง

โดยในครั้งนี้เป็นการตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษ ยาไอซ์ จำนวน 500 แท่ง/กิโลกรัม ภายหลังเจ้าหน้าที่กองร้อย QRF กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับการแจ้งจากสายลับว่าจะมีการขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งประเทศไทย จึงได้มีการจัดกำลังบูรณาการความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงอำเภอธาตุพนม ชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันวางแผนจัดกำลังออกซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม กระทั่งเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเรือกีบหางยาว จำนวน 1 ลำ พร้อมคนในเรือประมาณ 2-3 คน แล่นตรงจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมุ่งตรงมาที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณบ้านใหม่ทรายมูล ตำบลน้ำก่ำ ซึ่งจากการสังเกตระยะไกลทำให้เจ้าหน้าที่พบว่าภายในเรือมีสิงผิดปกติบางอย่างเนื่องจาก มีผ้าสีแดงปกคลุมกระสอบสีดำพรางไว้ตลอดลำเรือ และเมื่อเรือเข้าเทียบฝั่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวก็เร่งรีบลำเลียงกระสอบสีดำขึ้นจากเรือมาวางไว้บนฝั่งทันที จากนั้นไม่นานก็มีรถวิ่งเข้ามาจอดเทียบบริเวณที่กระสอบสีดำวางอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่จึงได้พยายามเคลื่อนกำลังเข้าประชิด แต่ปรากฎว่าคนนำทางของกลุ่มบุคคลดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน จึงได้ส่งสัญญาณแล้วรีบพากันหลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามแต่ก็ไม่ทัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งพบว่ากระสอบสีดำที่วางอยู่ภายในบรรจุหอชาที่เป็นภาษาจีนเมื่อแกะออกพบเป็นยาไอซ์ จำนวน 500 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป


วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565

นครพนม เปิดตัวรถโมบายสโตรคยูนิต ให้บริการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 4 อำเภอ

วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ลานหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายประหยัด รูปคม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ดร.มารดี ศิริพัฒน์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายมนู ชัยวงศ์โรจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม นำคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรถโมบายสโตรคยูนิต ไปรับพรจากพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 และเจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนออกให้บริการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในพื้นที่ 4 อำเภอตามโครงการรถโมบายสโตรคยูนิต ร่วมกับระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันแบบครบวงจรในประเทศไทย Mobile Stroke unit – Stroke One Stop (MSU-SOS) เพื่อใช้ปฏิบัติการแก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม

นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดทำโครงการรถโมบายสโตรคยูนิต ร่วมกับระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันแบบครบวงจร Mobile Stroke Unit-Stroke One Stop  (MSU-SOS) ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศขึ้นมา โดยมีรองศาสตราจารย์นายแพทย์ยงชัย นิละนนท์ ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรชัย ชันยากร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าทีมผู้พัฒนารถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit, MSU) นายพิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อน ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของชาวนครพนมเพื่อได้รับคดเลือกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ให้บริการ นั้นหมายถึงผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจะได้เข้าถึงการตรวจรักษาที่สะดวก รวดเร็วและทันท่วงที ทั้งยังได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีโอกาสรอดจากการเสียชีวิตและทุพพลภาพมากยิ่งขึ้น โดยรถโมบายสโตรคยูนิตคันนี้ จะประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม และจะออกให้บริการในพื้นที่เป้าหมาย 4 อำเภอ คือ อำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอนาแก และอำเภอวังยาง


ด้านนายแพทย์มนู  ชัยวงศ์โรจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เปิดเผยว่า จากข้อมูลพบว่าทั่วโลกมีจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกว่า 13.7 ล้านคน ซึ่งการจะรักษาคนไข้กลุ่มนี้ได้นั้นมีปัจจัยหลักอยู่ที่มาตรฐานเวลาหากพบอาการเร็ว ได้รับการวินิจฉัยเร็ว ก็จะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อัตราของโอกาสการหายป่วยก็จะมีเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และได้มอบให้แพทย์หญิงหทัยรัตน์ ณ นครพนม เป็นหัวหน้าทีมออกให้บริการพร้อมกับคณะทำงาน ที่ประกอบไปด้วยทีมงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน กลุ่มงานรังสี และพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งทุกคนได้เดินทางผ่านอบรมร่วมและฝึกซ้อมเสมือนจริงมาแล้ว จึงพร้อมออกให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ โดยภายในรถจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายอย่าง เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง เครื่องฉีดสารทึบแสงรังสีอัตโนมัติ ระบบปรึกษาทางไกลที่เชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ระบบส่งภาพทางการแพทย์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อร่วมกันตัดสินใจในการให้การรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ตรวจเลือด ณ จุดเกิดเหตุ เช่น เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด เครื่องตรวจค่าการแข็งตัวของเลือด และเครื่องตรวจการทำงานของไต เครื่องช่วยชีวิตขั้นสูง อุปกรณ์ช่วยหายใจและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงระบบประสานงานส่งต่อผู้ป่วยจากรถโมบายสโตรคยูนิตไปยังโรงพยาบาลปลายทางด้วย