วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นครพนม เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น การออกแบบก่อสร้างเพื่อพัฒนา 4 อำเภอริมฝั่งโขง

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ในงานจ้างออกแบบก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับจังหวัดนครพนม และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้จัดทำขึ้นเป็นครั้งที่ 1 ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อประชาสัมพันธ์ และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปปรับปรุงการออกแบบให้มีความสมบูรณ์ที่สุด และเป็นไปตามความต้องการของแต่ละพื้นที่


ซึ่งโครงการดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดนครพนม เบื้องต้นมีเป้าหมายหลักอยู่ใน 4 อำเภอริมฝั่งแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง โดยจะเป็นการพัฒนาเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว สร้างความหลากหลายและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสกับจังหวัดนครพนมให้มากยิ่งขึ้น อันจะก่อให้เกิดรายได้กับประชาชนในพื้นที่ โดยในอำเภอบ้านแพงจะมีการพัฒนาหนองเครือเถาที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ให้กลายเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ที่มีอยู่แล้วอย่างน้ำตกตาดโพธิ์ น้ำตกตาดขาม และถ้ำนาคี ส่วนอำเภอท่าอุเทนจะมีการพัฒนาพื้นที่ปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อม พื้นที่ริมตลิ่งบริเวณด้านหน้าขององค์พระธาตุท่าอุเทนเชื่อมโยงจนถึงตลาดเทศบาลตำบลท่าอุเทนเพื่อพัฒนาให้กลายเป็นจุดพักผ่อน จุดชมวิว เสริมกับการที่นักท่องเที่ยวมากราบไหว้องค์พระธาตุท่าอุเทนแล้วสามารถไปเยี่ยมชมส่วนอื่น ๆ ของอำเภอได้ ขณะที่อำเภอเมืองนครพนมที่เดิมมีองค์พญาศรีสัตตนาคราช มีเส้นทางจักรยานและถนนสวรรค์ชายโขงแต่จุดเหล่านี้ไม่เชื่องโยงกัน ก็จะมีการพัฒนาทำแลนด์ดิ้งยื่นลงไปในแม่น้ำโขงและเชื่องโยงเส้นทางทั้ง 3 จุดเข้าด้วยกัน โดยนักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ด้านบน ซึ่งในส่วนตรงนี้ทุกคนจะสามารถเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน รวมถึงไปไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราช และถ่ายภาพบรรยากาศสวย ๆ ในอีกมุมที่แลนด์ดิ้งแห่งนี้ได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างหอชมเมือง บริเวณสวนชมโขง ซึ่งจะสร้างด้วยขนาดความสูง 128 เมตร ด้วยเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดกับการที่ เมื่อขึ้นไปอยู่ในระดับนั้นแล้วสามารถมองเห็นเมืองนครพนมได้อย่างชัดเจน สวยงาม รอบด้าน โดยเบื้องต้นคณะทำงานได้นำภาพมุมมองในระดับดังกล่าวมาฉายให้ผู้ร่วมประชุมได้ดูเป็นตัวอย่างทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งมีการออกแบบร่างหอชมเมืองมาเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นเบื้องต้นก่อน ซึ่งด้านบนสุดมีการออกแบบเป็นองค์พระธาตุพนม ขณะที่ด้านล่างลงมาจนถึงพื้นออกแบบเป็นเหมือนผ้าลายมุกที่เป็นผ้าไทยประจำ 


และอำเภอสุดท้ายคืออำเภอธาตุพนม จะมีการสร้างลานวัฒนธรรมเพื่อเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ จุดชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากราบไหว้องค์พระธาตุพนมแล้วสามารถมุ่งตรงตามถนนสู่แม่น้ำโขง ก็จะพบกับลานวัฒนธรรมแห่งนี้ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คริมฝั่งแม่น้ำโขงของชาวธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีในส่วนของสวนสาธารณะศรีโคตรบูร ที่จะพัฒนาเพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ให้มีตลาดน้ำชุมชน ลานพระพุทธรูป ลานกีฬา ทางเดิน วิ่งและปั่นจักรยาน และอื่น ๆ อีก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะต้องผ่านความเห็นชอบจากประชาชนในพื้นที่และทุกภาคส่วนก่อน ทางกรมโยธาธิการจึงจะเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติงบประมาณมาดำเนินการก่อสร้าง โดยประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ยังสามารถมาร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นได้ในครั้งต่อ ๆ ไป เพื่อที่คณะทำงานจะได้นำข้อมูลไปปรับปรุงการออกแบบให้มีความสมบูรณ์ สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นรข.บูรณาการร่วมตรวจยึดยาบ้า 1,410,000 เม็ด และกัญชาอัดแท่ง 482 แท่ง/กิโลกรัม

วันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี ถนอม จูสมบัติ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามแผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม ที่มีการบูรณาการกำลังพล ข้อมูล ตลอดจนสรรพกำลังด้านอื่น ๆ จนนำไปสู่การตรวจยึดยาบ้าและกัญชาอัดแท่ง จำนวน 2 เหตุการณ์ในวันที่ 27 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์แรกเป็นการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 1,410,000 เม็ด ที่บ้านคับพวง ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม ภายหลังผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ โดยได้มอบหมายให้ นาวาเอกชัชวาล โตรุ่ง ผบ.นรข.เขตนครพนม จัดกำลังเข้าปฏิบัติการร่วมกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ จำนวน 3 จุดในตำบลน้ำก่ำ คือที่บ้านนาคำ บ้านคำผักแพว และบ้านคับพวง กระทั่งเวลา 21.30 น.เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเรือประมงต้องสงสัยแล่นข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและเข้าจอดเทียบริมฝั่งที่บ้านคับพวงไม่นานเรือก็แล่นกลับออกไปด้วยความรวดเร็ว แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามกระชับพื้นที่ก็ไม่ทัน แต่จากการสังเกตพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่จึงได้กระจายกำลังดังเฝ้ารอว่าจะมีผู้เข้ามาเอาวัตถุดังกล่าว กระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงก็ไม่พบผู้ต้องสงสัย จึงได้เข้าตรวจสอบผลเป็นยาบ้าจำนวน 1,410,000 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและสืบหาผู้กระทำความผิด

ขณะที่อีกเหตุการณ์เป็นการตรวจยึดกัญชาภายหลังชาวบ้านแจ้งข้อมูลเข้ามาว่าจะมีการลับลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่บ้านยางนกเหาะ ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน จึงได้บูรณาการกำลังพลออกลาดตระเวน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่ามีเรือเพลายาวแล่นจากฝั่งไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วก็รับคนกลับมาด้วย 2 คน เมื่อถึงฝั่งไทย 2 คนก็ได้ลงจากเรือ จากนั้นก็วนกลับไปฝั่งเพื่อนบ้านใหม่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้เมื่อเรือกลับมามีการดับเครื่องยนต์แล้วปล่อยไหลตามน้ำมาจอดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านยางนกเหาะและช่วยกันขนวัตถุบางอย่างลงจากเรือ เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้ากระชับพื้นที่พร้อมแสดงตัวข้อตรวจค้น ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งวัตถุที่กำลังช่วยกันแบกขึ้นฝั่งแล้ววิ่งหลบหนีหายไปในความมืดด้วยความชำนาญในพื้นที่ทันที แม้เจ้าหน้าที่จะจะพยายามติดตามก็ไม่พบจึงได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ พบถุงกระสอบสีดำจำนวน 12 กระสอบ ภายในบรรจุกัญชาอัดแท่ง จำนวน 482 แท่งกิโลกรัมจึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ. ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยในโอกาสนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้กล่าวขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่มีการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกัญชาจนเข้าใจในตัวระเบียบ กฎหมาย และข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ว่าการลับลอบนำเข้ากัญชายังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่ จึงได้แจ้งข้อมูลการกระทำผิดมายังเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การตรวจยึดในครั้งนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่ขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ต่อเนื่อง และจะพยายามติดตามหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้ โดยยังคงมีการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อทำให้ชาวนครพนมห่างไกลจากยาเสพติด


มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทาน มอบให้ 20 ครอบครัวผู้ประสบวาตภัยอำเภอเมืองนครพนม

วันที่ 29 มิถุนายน 2565 เวลา 10.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เป็นผู้เชิญถุงยังชีพพระราชทานที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดสรรเพื่อนำไปมอบให้กับครอบครัวผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่ตำบลโพธิ์ตาก ตำบลหนองญาติ และตำบลท่าค้อ จำนวน 20 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากพายุพัดบ้านเรือนพังเสียหาย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ถือกำเนิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ด้วยทรงต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับมูลนิธิไว้ในพระราชูปถัมภ์ และทรงดำรงตำแหน่ง “องค์พระราชูปถัมภก” แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทรงห่วงใยทุกข์ยากของราษฎรเป็นอันดับแรก โดยได้พระราชทานแนวทางในการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้เป็นระบบ รวดเร็ว และไม่ซ้ำซ้อน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวผู้ประสบวาตภัยในครั้งนี้ จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

และก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบวาตภัยทุกคนด้วย โดยตั้งแต่เกิดเหตุ ทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอำเภอเมืองนครพนม ได้ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง มณฑลทหารบกที่ 210 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ได้ร่วมกัน ทำการสำรวจและซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้ทุกคนได้มีที่พักอาศัยที่มีความมั่นคงถาวร และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงในวันนี้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และหน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้นำเงินและเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้ด้วยเช่นเดียวกัน ในส่วนของการช่วยเหลืออื่น ๆ หลังจากนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินทดรองราชการออกมาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบราชการ


วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ปลัดมหาดไทย นำทีมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการสืบสานพระราชปณิธาน นาหว้าโมเดล ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ

วันที่ 28 มิถุนายน 2565 ที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมป์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก และคณะร่วมกันลงพื้นที่ติดตามดำเนินงานโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงาที่เกี่ยวข้องและสมาชิกกลุ่มทอผ้าร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับโครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพเป็นโครงการที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยจัดทำขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับชุมชนทอผ้าที่มีเอกลักษณ์ และเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ภูมิปัญญาผ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทอ เส้นใย สีธรรมชาติ ไปจนถึงการออกแบบและตัดเย็บเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทยให้ทันสมัย สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ทุกเพศทุกวัย เป็นการสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระปณิธาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณรี นารีรัตนราชกัญญา ในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทย ทั้งเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายสิ่งทอให้เห็นเป็นที่ประจักษ์

โดยในวันนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า และให้คำปรึกษา คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับการทำการบ้านที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระราชทานพระวโรกาสให้กลุ่มทอผ้าต่าง ๆ ในพื้นที่ เฝ้ารับพระราชทานคำแนะนำเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้า ให้มีความร่วมสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ความเป็นธรรมชาติ และการบอกเล่าเรื่องราวประจำถิ่น ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ในวันที่ 23 มกราคม 2565 ประกอบด้วย กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองวัดศรีบุญเรือง บ้านนางัว หมู่ที่ 2 ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านโคกสะอาด ตำบลบ้านเสียว อำเภอนาหว้า กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือและกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่หัวใจคือชุมชน อำเภอนาหว้า นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมพื้นที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองวัดศรีบุญเรือง และกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ รวมทั้งยังได้ร่วมปลูกต้นหม่อนแก้ว ซึ่งเป็นพันธุ์พื้นถิ่นของจังหวัดนครพนม มีลักษณ์ลำต้นใหญ่ ใบหนา และทนแล้งได้ดี เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงไหมในอนาคต ดูการปรับปรุงสภาพโรงเรือนสำหรับการเลี้ยงไหม และปลูกต้นจานเพื่อเป็นวัตถุดิบในอนาคตสำหรับการใช้ในการย้อมสีผ้า โดยในโอกาสนี้ยังได้นำผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคลงพื้นที่ด้วย ทำให้เมื่อเมื่อเห็นสภาพแสงสว่างในอาคารของแต่ละแห่งแล้ว ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเห็นว่าความสว่างไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของสมาชิกกลุ่มทอผ้าทุกคนที่ทำงาน จึงจะนำเอาโครงการติดตั้งและปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่าง มาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับทุกกลุ่มแบบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่ออำนวยความสะดวก ช่วยทุกคนถนอมสายตา และช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้น


นครพนมสร้างความรู้ ปลูกจิตสำนึกปละสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายต่อต้านทุจริตจากผลประโยชน์ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง

วันที่ 28 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างความรู้ปลุกจิตสำนึกและเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายต่อต้านการทุจริตจากผลประโยชน์ด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จังหวัดนครพนม ประจำปี 2565  ที่ สำนักงานจังหวัดนครพนมจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ กฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปลุกจิตสำนึกในการปฏิบัติงานด้านความซื่อสัตย์สุจริตให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อพัฒนาจังหวัด รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ


   โดยการฝึกอบรมในครั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งประกอบไปด้วย ข้าราชการของส่วนราชการประจำจังหวัดอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมทั้งสิ้น 200 คนจะได้รับความรู้และเสริมสร้างความเข้าใจในด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรับปรามการทุจริตพ.ศ. 2561  การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผ่านการบรรยาย สาธิต รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถามในเรื่องเกี่ยวกับระเบียบ ข้อกฎหมาย บทลงโทษ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานคลังจังหวัดนครพนม และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครพนม

กลุ่มจังหวัดสนุก จัดกิจกรรมปั่น Touring ริมโขงที่นครพนม ดึงจุดเด่น 3 ธรรมสู่สายตานักท่องเที่ยว

วันที่ 28 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน เปิดและปล่อยตัวนั่งปั่นจักรยานที่มาร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเชื่อมโยง 3 ธรรม 3 จังหวัด ของกลุ่มจังหวัดสนุก ( สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร) ที่สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุกให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบและเกิดแรงกระตุ้นให้อยากมาสัมผัสกับบรรยากาศที่งดงาม ประเพณีที่โดดเด่นในหลาย ๆ มิติที่ยังไม่รู้จักว่ามีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยว ขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มสนุก ภายใต้แนวคิด เที่ยวสนุก สุขสบาย โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการดึงเอาธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมในพื้นที่มาให้ประชาชนได้รู้จักผ่านการปั่นแบบ Touring ตามเส้นทางจักรยานริมแม่น้ำโขง ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการออกกำลังกายและการผจญภัยที่สามารถไปได้ง่าย ๆ

โดยการปั่นในครั้งนี้มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 18 กิโลเมตร เริ่มปล่อยตัวที่บริเวณลานรับลม ชมตะวัน หน้าตลาดอินโดจีนจังหวัดนครพนม จากนั้นนักปั่นจะไปตามเส้นทางจักรยาน สัมผัสความเป็นธรรมชาติของริมฝั่งแม่น้ำโขงในยามเช้า ชื่นชมความงดงามของสถานที่สำคัญทางศาสนาและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครพนม โดยมีจุดแวะพักทั้งสิ้น 4 จุดประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2457 ซึ่งเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรจังหวัดนครพนม ทรงประทับแรมที่จวนแห่งนี้ จุดที่ 2 คือ อุโมงค์นาคราช ซึ่งส่วนหนึ่งของเส้นทางจักรยานที่เป็นอุโมงค์เหล็กรูปทรงโค้งระยะทางประมาณ 300 เมตร ทำให้นักปั่นรู้สึกเหมือนได้ลอดท้องพญานาค

จุดที่ 3 คือ พระธาตุสำราญใต้ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดพระคู่บ้านคู่เมืองนครพนม เชื่อกันว่าสร้างในยุคเดียวกับพระธาตุพนม มีการขุดพบใบเสมาโบราณ จารึกอักษรขอม ระบุปีที่สร้างพร้อมกับคำสาปแช่งผู้ที่จะเข้ามาล่วงเกิน เดิมมีชื่อว่า พระธาตุทับเงา หรือพระธาตุเงา ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมายืนอยู่กลางแม่น้ำโขงแล้วเงาของพระองค์ทอดมาถึงบริเวณนั้น ชาวบ้านจึงสร้างพระธาตุทับเงาพระพุทธเจ้า โดยกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดนครพนม จุดที่ 4 คือ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ที่เป็นสะพานเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านและจีน ที่ก่อให้เกิดการค้าการลงทุนนำมาซึ่งรายได้ของประเทศเป็นจำนวนมากและได้รับการยอมรับว่าเป็นสะพานที่สวยติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ เพราะจะมองเห็นวิวสวย ๆ ของภูเขาหินปูนที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันเป็นพื้นหลัง โดยด้านล่างของสะพานจะมีจุดชมวิวให้ทุกคนได้ถ่ายภาพเก็บบรรยากาศและความทรงจำดี ๆ ก่อนที่จะปั่นเข้าเส้นชัยที่วัดป่าธรรมวิเวก บ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ ซึ่งจุดนี้จะมีการแสดงของกลุ่มชนเผ่าไทยแสก ที่จะนำศิลปการฟ้อนรำเฉพาะถิ่นมาให้ได้ชมกับการแสดงชุดแสกเต้นสาก


วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2565

อบจ.นครพนม พัฒนาศักยภาพผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส สร้างอาชีพและรายได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง

วันที่ 27 มิถุนายน 2565 ที่อาคารแสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้สถาบันครอบครัวอ่อนแอลง โดยทุกคนต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีวิตเพื่อให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอด ทำให้บางครั้งมีความละเลยต่อผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเกิดปัญหาผู้ด้อยโอกาสในสังคมตามมา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีหน้าที่ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต การสังคมสงเคราะห์เด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส จึงได้มีโครงการส่งเสริมและพัฒนาการประกอบอาชีพของผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสขึ้นมา เพื่อให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวได้มีโอกาสใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการนำความรู้ความสามารถที่ได้รับไปประกอบอาชีพหารายได้เสริมเพิ่มเติมครอบครัว สามารถพึ่งพาตนเอง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาจิตใจให้ทุกคนมีความเข้มแข็งและตระหนักถึงความสำคัญของตนเอง ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือกับสภาคนพิการทุกประเภทในจังหวัดนครพนม และสมาคมเพื่อคนพิการทางสติปัญญาจังหวัดนครพนม ซึ่งภายในกิจกรรมจะเริ่มจากการบรรยายถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการของผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ที่เข้ารับการอบรม จำนวน 80 ราย ได้เข้าใจและเข้าถึงการช่วยเหลือของภาครัฐ จากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการประกอบอาชีพ ใน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรการทำทอฟฟี่ผลไม้กวน ซึ่งในวันนี้เป็นการนำสับปะรดท่าอุเทน ที่เป็นผลไม้พื้นถิ่นได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีคุณสมบัติเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอม ไม่กัดลิ้น มาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำ เพราะมองว่าต่อไปในอนาคตถ้าผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลไม้อื่น ๆ ได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวทางในการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรในจังหวัดด้วย ส่วนหลักสูตรที่ 2 เป็นหลักสูตรการทำไม้กวาดดอกหญ้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ทุกครัวเรือนต้องมีไว้ใช้ในการทำความสะอาดบ้าน ถ้าทุกคนสามารถทำได้ดีมีมาตรฐาน มีอายุการใช้งานได้ยาวนาน ก็จะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน


วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นรข.บูรณาการร่วมหน่วยงานความมั่น ตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง 480 กิโลกรัมและยาบ้า 2 หมื่นเม็ด


วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ร.ต. สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พ.ต.อ.สิปปะนันท์ สรคุณแก้ว ผกก.ตชด.23 น.อ.ชัชวาล โตรุ่ง รักษาราชการแทน ผบ.นรข.เขตนครพนม ร่วมแถลงข่าวว่าการตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง จำนวน 480 แท่ง/กิโลกรัม ภายหลัง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ อ.ธาตุพนม จ.นครพนมจึงได้มีการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการข่าว และหมวดทำร้ายใต้น้ำจู่โจม บก.นรข. บูรณาการความร่วมมือกับร้อย QRF กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวโดยแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ กระทั่งเวลา 23.00 น. ได้ตรวจพบเรือกีบเพลายาวต้องสงสัยแล่นมาจากกลางแม่น้ำโขงมุ่งหน้า เข้าเทียบท่าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านน้ำก่ำใต้ ม.3 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามเคลื่อนที่เข้าประชิด แต่ด้วยระยะทางที่ห่างประมาณ 500 เมตร ทำให้บุคคลที่อยู่ในเรือติดเครื่องยนต์แล้วแล่นออกไปในความมืดก่อน อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่คาดว่าวัตถุสีดำที่บุคคลดังกล่าวโยนลงจากเรือมาไว้ที่ฝั่งเป็นยาเสพติดจึงได้วางกำลังไว้โดยรอบเพื่อติดตามว่าจะมีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของ กระทั่งแน่ใจว่าไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใด ๆ ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 480 แท่ง/กิโลกรัมจึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการร่วมกับกำลังพลของ ร้อย ตชด.237 จนสามารถตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ได้อีก จำนวน 20,000 เม็ด ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านท่าจำปา ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน ซึ่งได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในราชอาณาจักร โดยชุดลาดตระเวนได้ตรวจพบการกระทำผิดในเวลาประมาณ 20.35 น. โดยได้ตรวจพบเรือต้องสงจะเร่งรีบปฏิบัติการติดตามแต่ก็ไม่ทันท่วงที จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และทำบันทึกตรวจยึด นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นำทหารไทย บูรณาการร่วม สปป.ลาว ปลูกป่าอาเซียน 2 ฝั่งโขง

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทหาร (ฝ่ายไทย) เดินทางไปร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ตามโครงการปลูกป่าอาเซียน กับ พันเอก คำพา ตางซายุด หัวหน้าการทหารกองบัญชาการทหารแขวงคำม่วน หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว – ไทย และเจ้าหน้าที่ (ฝ่ายล่าว) ที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากนั้นได้ร่วมกันเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย เพื่อทำการปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่สะพานด่านพรมแพนถาวรสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกับเจ้าหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเป็นพันธกิจสำคัญในการสถาปนาความมั่นคงตามแนวชายแดนของกองทัพบกในการสร้างความร่วมมือในการอนุรักษ์ผืนป่าตามแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ก่อให้เกิดพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามแนวชายแดนและพื้นที่ใกล้เคียง จนได้ชื่อว่าเป็นปอดแห่งภูมิภาค และในอนาคตสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้

โดยการปลูกในครั้งนี้เป็นการปลูกไม้สักทอง ซึ่งเป็นไม้มงคลตามความเชื่อของคนไทยและคนลาว เนื่องจากคนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่าเทวดาอารักษ์ ได้สิงสถิตอยู่ในต้นไม้บางชนิด หากนำมาปลูกจะช่วยเสริมโชค เสริมดวงชะตา ทำให้ชีวิตมีความเป็นสิริมงคล โดยคำว่า “สัก” หรือ “สักกะ” หมายถึง พระอินทร์ผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนสรวงสวรรค์ และคำว่า “สัก”เป็นคำพ้องกับคำว่า “ศักดิ์” ที่หมายถึง ยศถาบรรดาศักดิ์หรือศักดิ์ศรี ซึ่งในทางศาสนาพราหมณ์ เชื่อว่า ต้นสักหรือสักทองเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยคุ้มภัยอันตรายทั้งปวงและทำให้เกิดความมั่นคงตลอดไป อีกทั้งคนสมัยโบราณยังมีความเชื่อว่าไม้สักจะช่วยเสริมสง่าราศี ส่งผลให้ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง หรือเป็นที่น่ายกย่องเกรงขาม รวมทั้งในปัจจุบันไม้สักยังเป็นไม้เศรษฐกิจที่มีราคาสูง เป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจาก มอด ปลวก และแมลงไม่ทำอันตรายเนื้อไม้ ดังนั้น จึงนิยมนำไม้สักมาทำเป็นเสาเอกของบ้าน หรือเสาในพิธีวางศิลาฤกษ์ รวมทั้งใช้ในสถานที่สำคัญต่างๆ

จังหวัดนครพนม พร้อมใจแสดงจุดยืนประกาศเจตนารมณ์ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานอ่านสารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) และนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตัวแทนภาคเอกชน ประชาชน และนักเรียนนักศึกษา ร่วมกันแสดงจุดยืนประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด และชมนิทรรศการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ก่อนที่จะแถลงผลการดำเนินงานในการเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ที่ได้บูรณาการหน่วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม เพื่อกำจัดยาเสพติดให้หมดไปและเป็นไปตามนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการ ในรอบปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยผลงานที่ผ่านมามีการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว 28 หน่วยงาน จำนวน 1,697 คน ไม่พบสารเสพติด ขณะเดียวกันก็มีการสร้างที่พื้นปลอดภัยด้วยการออกตรวจพื้นที่เสี่ยง จัดระเบียบสังคมในสถานบริการ หอพัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านคาราโอเกะ พื้นที่สาธารณะ รวม 624 แห่ง จากการออกตรวจ 269 ครั้ง ส่วนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในสถานประกอบการและสาสนสถาน มีการออกตรวจสถานประกอบการ จำนวน 17 แห่ง ตรวจปัสสาวะพนักงานและลูกจ้าง รวม 456 คน ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด ขณะที่ด้านการปราบปรามยาเสพติด มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตั้งเวรยามในพื้นที่เพ่งเล็งและตามแนวฝั่งแม่น้ำโขง ในพื้นที่ 118 หมู่บ้าน รวม 1,771 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการจนนำไปสู่การจับกุม รวม2,767 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 2,744 คน เป็นของกลางยาบ้ารวม 8,218,669 เม็ด ยาไอซ์ 722 กิโลกรัม กัญชา 12,265 กิโลกรัม เคตามีน 180 กิโลกรัม ฝิ่น 1 กิโลกรัม และเฮโรอีน 755 กรัม รวมทั้งมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลการยึดทรัพย์กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดได้จำนวน 35 ราย เป็นมูลค่า 6,438,670 บาท ส่วนด้านการบำบัดรักษามีการดำเนินการไปแล้ว 385 ราย แบ่งเป็นระบบสมัครใจ 216 คน ระบบบังคับบำบัด 13 ราย ระบบต้องโทษ 156 ราย รวมถึงมีการน้อมนำโครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาใช้ในการป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้ คำขวัญ “ชาวนครพนมมีสุข ด้วยวิถี TO BE NUMBER ONE ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการกัน ช่วยสร้างสรรค์เยาวชนให้เก่งและดี จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้เป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าแข่งขันต่อในระดับประเทศ จำนวน 8 ชมรม จากการส่งเข้าแข่งขัน 13 ชมรม

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดนครพนมแบบครบวงจร ในพื้นที่หมู่บ้านที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง นำร่อง 20 หมู่บ้าน และเตรียมขยายผลเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยตำบลละ 1 หมู่บ้าน รวมทั้งมีการจัดระเบียบเรือประมงพื้นบ้านที่ใช้ประโยชน์ในแม่น้ำโขง เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม ติดตาม และตรวจสอบผู้ครอบครองเรือ เนื่องจากเกิดปัญหาการลักลอบใช้เรือประมงเป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้ทางจังหวัดนครพนมยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามแผนการเฝ้าระวังป้องกันยาเสพติดอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับสังคม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน ทำให้ทุกคนมีความสุข มีสภาพแวดล้อมที่ดีและห่างไกลจากยาเสพติด


วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565

คณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ตรวจประเมินให้คะแนนชมรม TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครพนมก่อนชิงระดับประเทศ

วันที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม คณะอนุกรรมการตัดสินการประกวดจังหวัด อำเภอและชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งประกอบด้วย นายกฤตภัทร ครุฑกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจและประเมินผล กระทรวงแรงงาน และ นางธิดา จุลินทร ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต ร่วมตรวจเยี่ยม ประเมินและติดตามผล เพื่อเก็บคะแนนการดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดนครพนม เพื่อเก็บคะแนนก่อนเข้าแข่งขันในระดับประเทศ โดยมีนายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และตัวแทนชมรม TO BE NUMBER ONE ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่ได้มีการน้อมนำแนวทางการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาเป็นเครื่องมือในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2545

โดยจังหวัดนครพนมได้ยึดหลัก 2 ป. 2 บ. คือ ป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และบูรณาการ พร้อมขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับอำเภอ ระดับตำบล และเน้นย้ำให้มีการพัฒนาเยาวชนในจังหวัดนครพนมไปข้างหน้าเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า ชาวนครพนมมีสุข ด้วยวิถี TO BE NUMBER ONE ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการกัน ช่วยสร้างสรรค์เยาวชนให้เก่งและดี ภายใต้ยุทธศาสตร์การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจแก่เยาวชนและยุทธศาสตร์การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยในปี 2565 มีการขับเคลื่อนโครงการในหลายภาคส่วนทั้งการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ การจัดกิจกรรมขยายผลลงสู่ระดับอำเภอ/ตำบล การรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ การพัฒนาศักยภาพแกนนำ/ชมรม การติดตามความก้าวหน้า จนทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 6-24 ปี จำนนวน 188,817 คน คิดเป็นร้อยละ 91.2 ของเยาวชนทั้งหมด ขณะที่สมาชิกทั่วไป มี 634,773 คน จากจำนวนประชากร 710,594 คน คิดเป็นร้อยละ 89.33 และในปีนี้ได้ส่งชมรมเข้าแข่งขันผลงานในระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 13 ชมรม ผลปรากฏว่าสามารถผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันต่อในระดับประเทศ ได้ 8 ชมรม ประกอบไปด้วย จังหวัด TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครพนม (ทองปีที่ 1) ชมรม TO BE NUMBER ONE สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครพนม (เงินปีที่ 2) ชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนธาตุพนม (เงินปีที่ 2 ) ชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้านโคกหินแฮ่ (กลุ่มดีเด่น) ชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้านนาราชควาย (เงินปีที่ 1) ชมรม TO BE NUMBER ONE สยามแม็คโคร จำกัด สาขานครพนม (กลุ่มดีเด่น) ชมรม TO BE NUMBER ONE มหาวิทยาลัยนครพนม (กลุ่มดีเด่น) และชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนอุเทนพัฒนา (กลุ่มดีเด่น) ดังนั้นในวันนี้และพรุ่งนี้คณะอนุกรรมการฯ จึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ประเมินและติดตามผลเพื่อเก็บคะแนน ก่อนที่จะไปนำเสนอผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการอีกครั้งที่เมืองทองธานี ใน 29-31 กรกฎาคม 2565


วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

รองผู้ว่าราชการนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและฝากข้อแนะนำการปฏิบัติตัวกันเหตุวาตภัยซ้ำ

วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่อำเภอเรณูนคร ที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 17 มิถุนายน 2565 โดยบ้านหลังแรกเป็นบ้านของนางเพ็ญศรี ท่อนทอง บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าลาด ในช่วงที่เกิดเหตุได้มีลมกรรโชกแรงจนทำให้ต้นกระบกขนาดใหญ่โค้นล้มลงมาทับหลังคาบ้านที่ต่อเติมออกจากตัวบ้านได้รับความเสีย และบ้านของนายทวีชัย ธงวาด บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 9 ตำบลเรณูใต้ ซึ่งขณะเกิดเหตุลมได้พัดเอาสังกะสีหลังคาบ้านปลิวไปจำนวนหลายแผ่น

นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเรณูนครเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งเป็นช่วงเย็นที่ประชาชนอยู่บ้าน แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบมากบ้างน้อยบ้าง ดังนั้นจึงได้นำคณะลงพื้นที่เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่บ้านได้รับความเสียหาย ทั้งนี้อยากฝากข้อแนะนำเตือนพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการเฝ้าระวังลมพายุเพราะในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ที่สามารถเกิดเหตุฝนฟ้าคะนองได้ง่าย จึงอยากให้ใครที่ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นร่มเงาให้บ้านตัดตกแต่งกิ่งไม้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ที่อาจส่งผลเสียหายต่อชีวิตและตัวบ้าน ซึ่งถ้าเป็นตัวบ้านเรายังสามารถซ่อมแซมได้ แต่ถ้าเป็นชีวิตนั่นคือการสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ส่วนใครที่อยู่นอกบ้านระหว่างเกิดพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ควรที่จะไปอยู่กลางแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใต้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ใกล้ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้าหรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง เพราะนั้นหมายถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้แบบไม่รู้ตัวเมื่อลมพายุมา ส่วนใครที่สวมเครื่องประดับประเภทเงิน ทองคำ ทองแดง ก็ควรระวังให้ดีเพราะโลหะเป็นสื่อนำไฟฟ้าซึ่งหากมีฟ้าผ่าก็อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีในเรื่องของการเก็บของและทรัพย์สินให้มิดชิด ปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิท งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือในระหว่างที่มีพายุฝน และที่ขาดไม่ได้คือควรติดตามข้อมูลข่าวสาร ประกาศเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพราะจะสามารถเตรียมรับมือกับภัยหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที


มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทาน มอบให้ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยที่อำเภอเรณูนคร

วันที่ 20 มิถุนายน 2565 เวลา 10.30 น. นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้กับนายประสิทธิ์ ถานัน อายุ 67 ปี ที่อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ ภายหลังบ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 15 บ้านชลประทาน ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 17 มิถุนายน 2565 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย

นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ ทรงต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและผ่อนคลายความทุกข์ร้อน อีกทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนในครอบครัวที่ประสบอัคคีภัยในครั้งนี้ ให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความเข้มแข็ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย โดยตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมา ทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยกันดับไฟ การสำรวจประเมินความเสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือ การจัดตั้งศูนย์รับบริจาคเพื่อเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ และในวันนี้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ก็ได้นำเงินและเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งสิ้น 10,000 บาท มามอบให้เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ รวมทั้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ก็ได้นำเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณืฉุกเฉินมามอบช่วยเหลืออีก จำนวน 2,000 บาท เช่นเดียวกัน และในส่วนของการช่วยเหลือหลังจากนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลโคกหินแฮ่ จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินทดรองราชการออกมาให้ความช่วยเหลือสำหรับการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยหลังใหม่ให้ต่อไปในอนาคต โดยในการก่อสร้างจะมีการส่งทีมช่างเข้ามาสนับสนับช่วยเหลือในการก่อสร้างร่วมกับครอบครัวของนายประสิทธิ์และลูกชาย ซึ่งเป็นช่างก่อสร้างอยู่แล้ว


วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นครพนม คึกคัก นักกีฬา 7,000 ชีวิต ร่วมเดิน – วิ่ง ข้ามโขง Season4

วันที่ 19 มิถุนายน 2565  ที่บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักกีฬาที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมการแข่งขัน เดิน-วิ่ง ข้ามโขง “นครพนม – คำม่วน  มาราธอน  2565”  (NAKHON PHANOM – KHAMMOUAN  MARATHON 2022) Season4 ที่จังหวัดนครพนม ได้บูรณาการร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม และมูลนิธิศรีโคตรบูร จัดขึ้น  เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมให้ฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทั้งเป็นการส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชน ทุกเพศทุกวัยได้หันมาออกกำลังกาย ภายใต้มาตรการจัดกิจกรรมกีฬาแบบวิถีใหม่ ตามที่ ศบค. และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกำหนด  ทั้งยังก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการกีฬาของจังหวัดนครพนม ให้เป็นที่ยอมรับจากนักกีฬาภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ถึงมาตรฐานการจัดการแข่งขันที่เป็นไปตามหลักสากล ได้รับการรับรองการแข่งขันจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (Asian Athletics  Association: AAA)  ว่าเป็นสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นการกุศลหารายได้เข้ามูลนิธิศรีโคตรบูร สำหรับช่วยเหลือผู้สูงอายุ คนพิการ ในพื้นที่จังหวัดนครพนมร่วมทั้งสนับสนุนโรงพยาบาลในจังหวัดนครพนม สำหรับการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอื่นๆ ที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วยเพื่อมาดูแลประชาชน


โดยกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขั้นทั้งสิ้น 7,000 คน ด้วยต้องการที่จะพิชิตสถิติของตัวเอง และต้องการมาสัมผัสธรรมชาติที่งดงามของจังหวัดนครพนม ซึ่งทุกระยะทางการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นระยะมาราธอน 41.195 กิโลเมตร ระยะฮาร์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร  ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และระยะฟันรัน 5 กิโลเมตร จะมีจุดสตาร์ทที่บริเวณด่านพรมแดนจังหวัดนครพนม จากนั้นข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) ไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แล้ววกกลับมาสัมผัสกับความเป็นจังหวัดนครพนม โดยจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด เช่น พญาศรีสัตนาคราช ถนนสวรรค์ชายโขง วัดมหาธาตุ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า โบสถ์นักบุญอันนา-หนองแสง อุโมงค์นาคราช  และเส้นทางจักรยานเลียบริมแม่น้ำโขง โดยกิจกรรมได้เริ่มขึ้นในเวลา 4.00 น. ที่นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภาและประธานกรรมาธิการการแรงงานวุฒิสภา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปล่อยตัวนักกีฬา


วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นายกสมาคมแม่บ้าน บก.ทท. ลงพื้นที่นครพนม สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กนักเรียน


วันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พลตรี ธีระยุทธ จินหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมด้วย ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง และกำลังพลของหน่วย ให้การต้อนรับ คุณบุษกร ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมคณะในโอกาสที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียน กีฬา อาหารกลางวัน (SET BOX) ไอศกรีม ชุดสนามเด็กเล่น และน้ำดื่ม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาภาค2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ให้กับคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านชาติพัฒนาสันติสุข โดยมีนายอภิชัย ทำมาน ผอ.สพป.นครพนม เขต 1 นายสุชาติ แสนสุภา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชาติพัฒนาสันติสุข คณะครู ผู้นำชุมชนท้องถิ่น ผู้ปกครอง ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ และนักเรียนร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
สำหรับโรงเรียนบ้านชาติพัฒนาสันติสุข เป็นสถานศึกษาขนาดเล็กที่ยังขาดแคลนงบประมาณรวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนจำนวนมาก ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 2 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีนักเรียน ทั้งสิ้น 40 คน มีบุคลากรทางการศึกษา รวม 5 คน เพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน การออกกำลังกาย ให้เด็กนักเรียนทุกคนมีโอกาสทางการศึกษา ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ ทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตใจที่ดีและมีความรู้ที่พร้อมจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต จากนั้นได้เดินทางไปมอบรถจักรยานยนต์ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอุ่มเหม้า เพื่อให้บุคลากรได้ใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ เป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและประหยัดเวลาทั้งยังทำให้ผู้ป่วยในพื้นที่เข้าถึงบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น นั้นหมายถึงทุกคนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
โดยกิจกรรมในครั้งนี้นำมาซึ่งความสุขสำหรับทุกคน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่พอเสร็จสิ้นพิธีมอบ ก็ขอเข้าเล่นในสนามเด็กเล่นทันที และเมื่อได้รับอนุญาต ต่างก็วิ่งเข้าไปจับจองเครื่องเล่นคนละชิ้น และเล่นด้วยความสนุกสนาน ร่าเริง จนทำให้คณะที่เดินทางมาต่างมีรอยยิ้มและความภาคภูมิใจที่ได้ส่งต่อความสุขอันยิ่งใหญ่ให้กับลูกหลานในพื้นที่ห่างไกล

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเวทีสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ที่นครพนม

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายจำลอง ขำสา เลขาธิการสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสำหรับบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำงบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่สมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดขึ้น เพื่อระดมความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนทัศนคติ ข้อเท็จจริงในการดำเนินงาน และปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ตลอดจนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่ออนุวัติการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละท้องที่ โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายชูพงศ์ คำจวง ประธานสมาพันธ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคณะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 300 คน ร่วมกิจกรรม

โดยผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับภารกิจในการถ่ายโอน สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 จำนวน 512 แห่ง จากนั้นเป็นการเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อ รูปแบบการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือในทุกมิติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และระดมความคิดเห็นในประเด็นการเที่ยวอีสาน สานศรัทธา พัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน แนวทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว 20 จังหวัดภาคอีสานปี 2565-2566 แนวทางการบริหารการประกอบกิจการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวภายในภูมิภาคอีสาน เพื่อเร่งรัดการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค กรณีองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนที่ทุกคนจะได้ร่วมกันลงพื้นที่ศึกษาดูงานด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมในจุดสำคัญต่างๆ


จ.นครพนม ปล่อยรถโดยสารระหว่างประเทศเที่ยวแรก บรรยากาศคึกคัก

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางข้ามประเทศไปยังเมืองท่าแขก หลังจังหวัดนครพนมได้มีการประชุมหารือร่วมกับตัวแทนแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการประชุมคณะกรรมการ ความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย - ลาว (จังหวัดนครพนม – แขวงคำมวน) และมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม จึงได้มีคำสั่งที่ 1229/2565 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่เปิดการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่านแดนถาวร ของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ รวมทั้งการนำเข้า – ส่งออกสินค้า ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและสินค้าผ่านแดน โดยให้ผ่านจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม – คำม่วน) และจุดผ่านแดนถาวรท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม โดยผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ณ จุดผ่านแดน ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19 ) ยกเว้นการนำเข้า – ส่งออกสินค้า ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและสินค้าผ่านแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม ที่ต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติและมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนครพนม นอกจากนี้ยังมีการเปิดการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนท่าเทียบเรืออำเภอบ้านแพง ซึ่งตรงข้ามด่านท้องถิ่นบ้านท่าสะอาด เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ เฉพาะการนำเข้า - ส่งออกสินค้า ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและสินค้าผ่านแดน โดยต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติและมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งนี้ ยังระงับการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านหนาด อำเภอเมืองนครพนม จุดผ่อนปรนการค้าอำเภอท่าอุเทน จุดผ่อนปรนการค้าอำเภอธาตุพนม

นายนริศ ไพรมณี นายสถานีเดินรถนครพนม บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมและบูรณาการร่วมกับบริษัท เจริญสุขขนส่งโดยสาร จำกัด สปป.ลาว มาอย่างต่อเนื่อง และภายหลังจังหวัดนครพนมมีคำสั่งจังหวัดก็พร้อมให้บริการประชาชนในทันที โดยรถโดยสารระหว่างประเทศที่ให้บริการในแต่ละวันจะมีด้วยกัน 4 เที่ยวสลับกันวิ่ง เริ่มพร้อมกันทั้ง 2 ฝั่งในเวลา 8.30 น.เป็นเที่ยวแรก จากนั้นจะเป็นเวลา 11.30 น., 13.30 น. และ 16.30 ส่วนอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่คนละ 70 บาท และมีค่าล่วงเวลาเพิ่ม 5 บาททั้งนี้ผู้ที่จะเดินทางออกนอกประเทศต้องปฏิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างเคร่งครัด ผู้ที่ใช้หนังสือเดินทาง (Passport ) จะต้องลงทะเบียน Thailand Pass พร้อมกับแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ผู้ที่ใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว (Boarding Pass) ไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass แต่ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ขณะที่ชาวต่างชาติที่จะเดินทางข้ามประเทศจะต้องมีการทำประกันสุขภาพ ยกเว้นคนไทย โดยผู้ที่จะใช้บริการรถโดยสารระหว่างประเทศ สามารถรับบริการได้ 2 จุด คือที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนม และที่ด่านพนมแดนนครพนม


วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สกู๊ปข่าว อยู่ง่าย ๆ style โคก หนอง นา

นางพรพัท ศรีหะมงคล เกษตรกรบ้านดอนติ้ว หมู่10 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ในตอนที่ทำแรก ๆ ก็คิดถึง รัชกาลที่ 9 นะ เพราะเมื่อก่อนสามีพูดว่าให้ทำไปเลย โคก หนอง นา จะไม่เข้ามายุ่ง มาทำด้วยเลย แต่พอแม็คโครเข้ามาขุดได้ 2 วัน เห็นถึงความสวยงามของคลองที่ขุด และมองถึงความเป็นไปได้ ก็เปลี่ยนความคิดเป็นคนที่อยากทำทุกอย่างแทน จนไปตามคนขับแม็คโครให้รีบมาขุดให้เสร็จ พอขุดทุกอย่างเสร็จอันดับแรกก็ปลูกกล้วย ตามมาด้วยหญ้าแฝกที่ขอมาจากกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งก็ปลูกตามแนวบ่อและคลองทั้งหมดแต่ก็ไม่เจริญเติบโตทั้งหมดมีบางส่วนที่ตายไปก็มีเพราะช่วยนั้นแล้งไม่มีน้ำที่เพียงพอ
ส่วนพันธุ์กล้วยที่นำมาปลูกก็ไม่ได้ซื้อแม้แต่บาทเดียวเพราะขอมาจากเพื่อนบ้าน แต่ถ้าเป็นพันธุ์ไม้อย่างอื่น ๆ ก็มีทั้งที่ซื้อมาและได้มาจากพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม และหน่วยงานต่าง ๆ ให้มา ไม่ว่าจะเป็น ไม้สัก เงาะ ทุเรียน มังคุด เกาลัด ข่า ตะไคร้ และไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด รวมถึงมันสำปะหลังที่เอามาปลูกเพื่อเลี้ยงปลาในบ่อ ซึ่งทั้งหมดที่ปลูกจะจดไว้ในสมุด บันทึก เพราะบางต้นไม่รู้จักเนื่องจากเพื่อนๆนำมาให้ ที่สำคัญคือที่ปลูกไม่ใช่ปลูกแค่สายพันธุ์เดียว แต่จะมีหลากหลายสายพันธุ์
หลังจากที่ทำโคก หนอง นา จากเดิมพื้นที่นา 6 ไร่ ตอนนี้เหลือแค่ 2 ไร่ เป็นพื้นที่นา ซึ่งพอได้ผลผลิตก็ไม่ได้นำไปขาย แต่จะเป็นการแจกจ่ายให้กับทุกคนที่อยากได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานมีเด็กนักเรียนมาขอไปปลูกที่โรงเรียนก็ให้ไป และจากประสบการณ์ที่ทำมาตัวเองคิดว่าลำบากเฉพาะในช่วงแรกที่ปลูก เพราะเราต้องไปหาพันธ์ไม้จากที่อื่น ๆ มาปลูก รวมถึงในช่วงแรกที่ฝนยังไม่มาเราก็ต้องหมั่นรดน้ำต้นไม้ แต่พอฝนมาประกอบกับต้นไม้ฝังรากได้มีการเจริญเติบโตได้ก็สบายแล้ว ทำให้เรามีอยู่มีกิน เทียบกับสมัยก่อนที่ทำนาอย่างเดียวก็ได้ทานเฉพาะข้าว แต่การทำโคก หนอง นา มีให้กินทุกอย่าง ปลาในหนองน้ำก็มีให้จับมารับประทาน ปัจจุบันบ้านที่ปลูกไว้ 2 หลังในหมู่บ้านไม่ได้เข้าไปอยู่แล้ว เพราะเลือกที่จะมาอยู่กระท่อมที่สร้างไว้ที่ โคก หนอง นา เนื่องจากมีทุกอย่างที่อยากได้ อยากทานอะไรก็เก็บมาปรุงเป็นอาหาร ที่สำคัญคือตนเองมีความสุขมาก และคิดว่าเป็นพื้นที่ที่มีความยั่งยืน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนเข้ามาดูว่าทำยังไงและนำกลับไปทำตาม ต่างกับแต่ก่อนที่ไม่มีใคร ๆ อยากทำ

หน่วยประสานงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ความร่วมมือ ไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข เยี่ยมติดตามการดำเนินงานหน่วยคุ้มครองสุขภาพโลกจังหวัดนครพนม


นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา หน่วยประสานงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข (MOPH-TUC Coordinating Unit) ที่นำโดย ดร. มะลิวัลย์ ยืนยงสุวรรณ ผู้ประสานงาน MOPH-TUC Coordinating Unit, พร้อมด้วย สพ.ญ.ดาริกา กิ่งเนตร ที่ปรึกษาสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และ Mr. Todd Mercer รองผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข ประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาเยี่ยม ติดตามการดำเนินงานและนิเทศงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยคุ้มครองสุขภาพโลกจังหวัดนครพนม (Division of Global Health Protection: DGHP NP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริการ (U.S. CDC) ในการดำเนินงาน ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นการศึกษาวิจัย การพัฒนาระบบการเฝ้าระวังโรค และระบบสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยคุ้มครองสุขภาพโลกจังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการด้านสาธารณสุขในหลากหลายด้าน รวมทั้งได้มีการบูรณางานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมในการปฏิบัติหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการและใช้ห้องปฏิบัติการทางอนูชีวโมเลกุลตรวจวินิจฉัย จนนำไปสู่การรักษา การควบคุม และการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่มีประสิทธิภาพและทันท่วงที

โดยในโอกาสนี้ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล แนวความคิด ขั้นตอนการปฏิบัติ กับนายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม ดร.ศิริลักษณ์ ใจช่วง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม, ดร.บารเมษฐ์ ภิราล้ำ ผู้จัดการโครงการฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยคุ้มครองสุขภาพโลกจังหวัดนครพนม ก่อนที่จะลงพื้นที่เยี่ยมชมการปฏิบัติงานยังจุดคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19, การคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด และห้องปฏิบัติการทางอนูชีวโมเลกุลที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลนครพนมด้วย

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565

หน่วยทหารพัฒนาโชว์ความสำเร็จ นำร่อง 1 นพค. 1 ฟาร์ม 1 โรงเรียน 1 ชุมชน ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบให้ชุมชน

วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 (นพค.22) สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อ.นาแก จ.นครพนม พลเอก จีรัชญ์ บุญชญา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา มอบหมายให้ พลโท นำพล คงพันธุ์ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พลตรี ธีระยุทธ จินหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พ.อ.ชวลิต พบจันอัด เสนาธิการ สำนักงานพัฒนาภาค 2 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมอบนโยบาย และติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์จิตอาสา ศูนย์ประชาสัมพันธ์โครงการเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย และ โครงการ 1 นพค. 1 ฟาร์ม 1 โรงเรียน 1 ชุมชน ตามนโยบายของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โดย พ.อ.สัณทัศน์ ชำนาญเวช ผู้บังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 มอบหมายให้นาวาอากาศเอก เชิดชู ชูเสน นายทหารปฏิบัติการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ช่วยราชการ นพค.22 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับบรรยายสรุป และรับมอบนโยบาย
โดยโครงการ 1 นพค. 1 ฟาร์ม 1 โรงเรียน 1 ชุมชน นั้นในพื้นที่จังหวัดนครพนม หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 (นพค.22) ได้ดำเนินการปรับพื้นที่ของหน่วยให้เป็นศูนย์เรียนรู้โคกหนองนาโมเดล เนื้อประมาณ 20 ไร่ เพื่อเป็นต้นแบบให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ เป็นแนวทางในการทำเกษตรพอเพียงแบบครบวงจร ซึ่งจะมีทั้งการขุดบ่อเลี้ยงปลา การปลูกพืชผัก ผลไม้ และการเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งเป็นศูนย์ฝึกวิชาชีพการเกษตรให้ประชาชน เป็นการยกระดับพื้นฐานในการทำการเกษตร โดยเน้นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ส่วน โรงเรียนนั้น นพค.22 ได้มีการดำเนินการในโรงเรียนบ้านนาแกน้อย (กรป.กลางอุปถัมภ์) ต.บ้านแก้ง อ.นาแก ซึ่งเป็นสถานศึกษาขนาดเล็กที่มีปัญหาการขาดแคลนงบประมาณ โดยเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งได้เข้าไปส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาให้คณะครู อาจารย์และนักเรียนได้ทำการเกษตรในพื้นที่ว่างเปล่าของสถานศึกษาเพื่อเป็นแหล่งอาหารกลางวันสำหรับทุกคน จนทำให้โรงเรียนกลายเป็นโรงเรียนต้นแบบที่พร้อมให้ความรู้และมีอาหารกลางวันที่พอเพียงต่อการเจริญเติบโตของเด็กในทุกช่วงวัย นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้ลูกหลานเยาวชนได้นำความรู้ด้านการเกษตรที่ได้รับ ไปขยายต่อยังเพื่อนบ้านและคนครอบครัวเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ขณะที่ 1 ชุมชนนั้นได้เข้าไปส่งเสริม สนับสนุนในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแก้ง ต.บ้านแก้ง อ.นาแก เพื่อยกระดับในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง รวมทั้งได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทำแปลงสาธิตการปลูกข้าวเหนียวปลอดสารพิษ พันธุ์ หอมนาคา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ เป็นข้าวไม่ไวแสง ต้านทานต่อโรคข้าวและภัยธรรมชาติได้ดี ที่สำคัญคือปลูกได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตสูง 800–900 กิโลกรัมต่อไร่ ในระยะเวลาประมาณ 130–140 วัน เพื่อเป็นต้นแบบให้ประชาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการยกระดับมาตรฐานการผลิตข้าวเหนียวจากภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565

บรรยากาศการท่องเที่ยวนครพนมคึกคัก นักปั่นกว่า 500 ชีวิต ร่วมกิจกรรมปั่นแสนสุข เที่ยวสนุก สุขสบาย สัมผัสธรรมชาติ ซึมซับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม

วันที่ 12 มิถุนายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักท่องเที่ยวกว่า 500 คนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมปั่นแสนสุข เที่ยวสนุก สุขสบาย เส้นทางที่ 1 จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หรือที่เรียกกันว่ากลุ่มจังหวัดสนุก ประกอบไปด้วย จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร และจังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้น เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นงานประจำถิ่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักกับกลุ่มจังหวัดสนุก ที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยการบูรณาการกิจกรรมกีฬาปั่นจักรยานเชื่อมโยงเส้นทางไปยังสถานที่สำคัญที่เป็นจุดเด่นในเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ตอบรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางแบบสบาย ๆ ไม่เร่งรีบพร้อมกับการแวะชมและสัมผัสกับธรรมชาติที่งดงาม ซึมซับประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมพื้นถิ่น

โดยในเวลา 7.00 น. นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม นายคงกริช พงษ์พันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม นายดลจินดา โมธรรม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร และคณะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันปล่อยตัวนักปั่นเป็นกลุ่มห่างกันกลุ่มละ 30 นาที รวม 5 กลุ่ม เป็นการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางตามเส้นทางที่มาร์แชลจะคอยนำไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ผ่านหมู่บ้านและชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเมื่อถึงจุดสำคัญจะให้ทุกคนได้แวะเยี่ยมชมความงดงาม สัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิต และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เริ่มตั้งแต่จุดสตาร์ทที่ก่อนจะมีการปล่อยตัวทุกคนก็ได้สัมผัสบรรยากาศเหมือนไปเยือนประเทศเวียดนามกับอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ซึ่งเมื่อครั้งอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่พำนักของประธานโฮจิมินห์ ประธานาธิบดีผู้นำขบวนการกอบกู้เอกราชเวียดนามจากฝรั่งเศสจนประสบความสำเร็จ จากนั้นเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศริมฝั่งโขงกับถนนสวรรค์ชายโขง ซึ่งเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ออกกำลังกายของคนนครพนม ก่อนที่ทุกคนจะแวะเข้าไปกราบไหว้สักการะพระธาตุนคร ประจำวันเสาร์สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2465 ภายในบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พระพุทธรูปทองคำและของมีค่าอื่นๆ อีกมากมาย เชื่อว่าหากใครมาสักการะจะช่วยเสริมบุญบารมี ทำให้มีอำนาจและบริวารครบสมบูรณ์

จากนั้นเดินทางไปไหว้พญาศรีสัตนาคราชซึ่งเป็นพญานาคที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงและเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนครพนม จากนั้นมุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพที่ 3 (นครพนม- คำม่วน) เพื่อแวะพักรับประทานอาหารเที่ยง โดยระหว่างทางจะผ่านหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า โบสถ์นักบุญอันนา-หนองแสง อุโมงค์นาคราช หมู่บ้านชนเผ่าไทแสก ซึ่งในช่วงบ่ายก็จะเป็นเส้นทางที่ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้และจดจำเรื่องราวประวัติศาสตร์ และมีความทรงจำดี ๆ นำไปเล่าต่อยังผู้ที่ยังไม่ได้มาเยือนจังหวัดนครพนม รวมระยะทางการปั่นทั้งสิ้น 57 กิโลเมตร


วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565

สปข.2 ประชุมเชิงปฎิบัติการ เตรียมความพร้อมแห่งชาติและแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัย

วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่โรงแรมชีวาโขงนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เตรียมความพร้อมแห่งชาติและแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการประชาสัมพันธ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 จัดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบไปด้วยนายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะบุคลากรสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 2 และเครือข่ายสื่อมวลชนจาก 9 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ยโสธร ร้อยเอ็ด มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดนครพนม รวมทั้งสิ้น 50 คน ได้มีความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางการในการปฏิบัติในแต่ละระดับของการสื่อสาร เห็นถึงลำดับขั้นตอนการรับมือ การประสานงานความร่วมมือ และการนำข้อมูลข่าวสารที่มีไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สื่อสารต่อยังประชาชน ให้ได้ตรงจุดตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้ และนำไปใช้ประโยชน์ในการรับมือกับสาธารณภัยและภัยคุกคามด้านอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมประชุม ยังมีโอกาสได้รับฟังการบรรยายพิเศษ เรื่องการประชาสัมพันธ์ในสภาวะวิกฤต จากนางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ได้นำเอาประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในระดับประเทศ ระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่น มาถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญในการประชาสัมพันธ์ของแต่ละจุดเริ่มตั้งแต่ การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัย เมื่อเกิดภัยต้องปฎิบัติและสื่อสารอย่างไรให้ทันท่วงที ไปจนถึงแนวทางการสื่อสารถึงการช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยและหลังภัยสงบ เพื่อที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้องกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับและพร้อมปฏิบัติตาม รวมทั้งยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับการรับมือสาธารณภัยและภัยคุกคามต่าง ๆ ที่ตนเองได้ปฏิบัติในพื้นที่ ผ่านการเสวนาและการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็น เรื่องสื่ออย่างไรให้รู้เท่าทันสารพันภัย โดยในโอกาสนี้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ยังได้ให้ข้อคิดและแง่คิดในหลักการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิค วิธีการ ข้อควรระวัง และการสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการทำให้ประชาชนรู้เท่าทันข่าวลวงและข่าวปลอม เนื่องจากในยุคปัจจุบันประชาชนมีการใช้อินเตอร์เน็ตและโซเชียลมากยิ่งขึ้น จึงมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลอันเป็นเท็จได้ง่าย แต่ถ้าทุกคนรู้ถึงแนวทางการตรวจเช็คข้อมูลและรู้เท่าทันข้อมูลลวงต่าง ๆ ก็จะทำให้ไม่ถูกหลอกลวงได้


วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565

จังหวัดนครพนม พร้อมรับนักกีฬาและนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม เดิน – วิ่ง ข้ามโขง Season4

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ห้องประชุมชีวาธารา ชั้น 1 โรงแรมชีวาโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฎฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม นายดนัย เนวะมาตย์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายคงกริช พงษ์พันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม นายภาสกร พุทธานุภากร ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครพนม นายอารมณ์ เวียงด้าน อุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครพนม และนางสาวสุภาภรณ์ นิรมาณการณ์ ประธานมูลนิธิศรีโคตรบูร ร่วมแถลงข่าวความพร้อมสำหรับการจัดกิจกรรมการแข่งขัน เดิน-วิ่ง ข้ามโขง “นครพนม – คำม่วน มาราธอน 2565” (NAKHON PHANOM – KHAMMOUAN MARATHON 2022) Season4 ที่จังหวัดนครพนม ได้บูรณาการร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม และมูลนิธิศรีโคตรบูร จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565 เพื่อการกุศลหารายได้เข้ามูลนิธิศรีโคตรบูร สำหรับช่วยเหลือผู้สูงอายุ คนพิการ ในพื้นที่จังหวัดนครพนมร่วมทั้งสนับสนุนโรงพยาบาลในจังหวัดนครพนม สำหรับจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอื่นๆ ที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วย


โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่มีการจัดขึ้น ซึ่งยังคงได้รับการตอบรับที่ดีด้วยเป็นสนามที่มีมาตรฐานได้รับการรับรองการแข่งขันจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (Asian Athletics Association: AAA) โดยมีนักกีฬาและนักท่องเที่ยว 7,000 คน สมัครเข้าเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อจะเดินทางมาสัมผัสกับความงดงามทางธรรมชาติ ด้วยการเดิน – วิ่ง ข้ามแม่น้ำโขงไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) และวกกลับมาสัมผัสกับความงดงามของแม่น้ำโขงกับเส้นทางจักรยานเลียบริมแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม ที่ตลอดระยะทางจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น พญาศรีสัตนาคราช ถนนสวรรค์ชายโขง วัดมหาธาตุ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า โบสถ์นักบุญอันนา-หนองแสง อุโมงค์นาคราช โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น ระยะมาราธอน 41.195 กิโลเมตร มีผู้สมัคร 1,000 คน ระยะฮาร์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร จำนวน 2,000 คน ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร 2,000 คน และระยะฟันรัน 5 กิโลเมตร 2,000 คน

ทั้งนี้คณะทำงานจังหวัดนครพนม ได้มีการยืนยันถึงความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการอำนวยความสะดวกในการแข่งขัน ด้านสาธารณสุข สถานที่พัก ด้านการคมนาคมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยในโอกาสนี้ยังเปิดให้ผู้ที่มาร่วมงาน ได้ส่งภาพและคลิปวีดีโอเข้าประกวดชิงเงินรางวัลด้วย


กรมประชาสัมพันธ์บูรณาการร่วมกรมการพัฒนาชุมชนและจังหวัดนครพนม ประชาสัมพันธ์ผ้าศิลปาชีพเฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ผ้าศิลปาชีพ เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนผู้แทนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ คณะหัวหน้าส่วนราชการ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม

โดยโครงการประชาสัมพันธ์ผ้าศิลปาชีพ เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นโครงการที่กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อประสานความร่วมมือในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจนานัปการของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเฉพาะโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ที่มีจุดเริ่มต้นที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เป็นโครงการศิลปาชีพแห่งแรกและขยายต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โครงการผ้าไทยใส่สนุก ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาที่ทรงมีพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทย เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และโครงการสืบสานพระราชปณิธาน นาหว้าโมเดล ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพที่กรมการพัฒนาชุมชนจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบบ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ให้เป็นตัวอย่าง ชุมชนทอผ้าที่มีเอกลักษณ์ เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเรื่องผ้า การย้อมผ้า มาตรฐานเส้นใย และรวบรวมเป็นหนังสือนาหว้าโมเดล เพื่อเป็นต้นแบบขององค์ความรู้ ซึ่งจะส่งผลในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นห่วงโซ่ในการพัฒนาตั้งแต่คนปลูกหม่อน เลี้ยงไหม คนทอผ้า ไปจนถึงคนขายผ้า

ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ทั้งระบบออนแอร์ ออนไลน์ และออนกราวด์ ทั้งยังจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการการสื่อสารการตลาด การทำ content การฝึกปฏิบัติเวิร์คชอปแก่กลุ่มทอผ้าไหม กลุ่มผู้ประกอบการผ้าไหม กลุ่มโอทอป เพื่อนำไปประยุกต์เพิ่มพูนความรู้ และทักษะการขายทางสื่อออนไลน์ เป็นเปิดตลาดให้มากขึ้น เป็นการสร้างความสำเร็จให้ประชาชนได้สัมผัสด้วยตนเอง เกิดความเชื่อมั่นและนำไปทำต่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะส่งผลดีต่อประชาชน เป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง