วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สหกรณ์นครพนม สร้างลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร รุ่น 2

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นางสาววัชรี ปุกหุต สหกรณ์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 และที่ผ่านมาสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนม ได้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกหลานที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การทำการเกษตรในรูปแบบสมัยใหม่ที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ มีการวางแผนการผลิตและการตลาดไว้ล่วงหน้า มีการให้ความรู้ในเรื่องของสภาพดิน น้ำ อากาศ และการปรับปรุงบำรุงดินด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ ที่นอกจากจะลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งภายหลังการอบรมลูกหลานเกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุง พัฒนาต่อยอดการเกษตรของตนเองจนประสบความสำเร็จ สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีความสุขกับคนในครอบครัว มีเวลาดูแลตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ปู่ย่า ตาตาย และในปี 2565 นี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนม ก็ได้มีการจัดการฝึกอบรมอีกครั้งให้กับกลุ่มเป้าหมายลูกหลานเกษตรกร จำนวน 19 ราย

โดยได้จัดการฝึกอบรมที่หอประชุมศูนย์เรียนรู้ยางพารานครพนม ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เป็นระยะเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม 2565 ซึ่งผู้ที่เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาดิน การปรับปรุงบำรุงดินอย่างต่อเนื่อง ถูกวิธี เหมาะสมกับลักษณะและสมบัติของดินในสภาพพื้นที่เพาะปลูกของแต่ละบุคคล เพื่อให้ดินยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการเพาะปลูกพืชทุกชนิด โดยการนำสารชีวภัณฑ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทดแทนการใช้สารเคมี หลักการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืดที่จะชี้ให้ทุกคนได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงในบ่อดิน ในกระชัง ในบ่อดินแบบปูพลาสติก ในบ่อซีเมนต์ ในนาข้าวและการเลี้ยงแบบผสมผสาน เพื่อให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ว่าตัวเองเหมาะสำหรับการเลี้ยงปลาแบบไหน การปลูกยางพาราและปลูกพืชชนิดอื่นผสมผสานในแปลงยางพารา การทาบกิ่ง ตอนกิ่งเพื่อนำไปขยายพันธุ์พืชชนิดอื่น ๆ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ในแปลงเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตและระยะเวลาในการทำงาน การแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าโดยมีการการันตีด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรมที่รองรับในระดับต่าง ๆ การเพิ่มช่องทางการตลาดด้วยการตลาดออนไลน์และการสร้างเครือข่าย นอกจากนี้ยังได้เชิญรุ่นพี่ที่เป็นลูกหลานเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตัวเองได้ทำมาตั้งแต่ปี 2563 ให้ทุกคนได้เห็นและสอบถามถึงแนวคิด การปฏิบัติและหลักการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแปลงเกษตรของตนเองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ก้าวไปสู่จุดหมายอย่างมีความเชื่อมั่น


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

วัฒนธรรมนครพนม จับมือ ม.นครพนม อบรมการออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าพื้นเมือง ต่อยอดผลิตภัณฑ์สร้างความยั่งยืนให้ชุมชน


วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สถาบันสอนภาษามหาวิทยาลัยนครพนม นางกรรญา ศูนย์คำ วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการดำเนินโครงการ เทศกาลศิลปะร่วมสมัยลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีทั้งในและต่างประเทศผ่านกิจกรรมด้านศิลปะร่วมสมัยแขนงต่างๆ ส่งเสริมให้เกิดการนำอัตลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างสรรค์และพัฒนาต่อยอดก่อให้เกิดคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจกับประชาชนในชุมชนและท้องถิ่น และจังหวัดนครพนมก็มีวัฒนธรรมการทอผ้ามุก ที่เป็นภูมิปัญญาและมีเอกลักษณ์ทอลายเฉพาะถิ่นสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยปัจจุบันได้มีการประกาศให้ผ้ามุก เป็นผ้าลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัดนครพนม และมีนโยบายในการส่งเสริมและรักษามรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้ ดังนั้นในวันนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมจึงได้บูรณาการร่วมกับมหาวิทยาลัยนครพนม โดยการสนับสนุนของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม จัดการฝึกอบบรมการออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าพื้นเมืองแบบไทยร่วมสมัยให้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการในพื้นที่ที่สนใจ จำนวน 30 คน ให้ได้มีความรู้ เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดความยั่งยืนในการสืบสานวัฒนธรรมการทอผ้ามุกให้อยู่คู่กับชาวนครพนมตลอดไป
โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้จะได้รับความรู้เริ่มตั้งแต่การหาจุดเด่น จุดแข็งของผ้าทอมือของแต่ละชุมชน การใช้สีสันเพื่อกำหนดโทนสีให้เข้ากับรูปแบบ การเลือกใช้วัตถุดิบ การใส่ความคิดสร้างสรรค์เพื่อต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นเครื่องเเต่งกาย เช่น เชื้อแขนยาว ชุดกระโปรง กางเกงขายาว เสื้อสูท เสื้อพื้นเมือง เสื้อเดรสสั้น เสื้อคลุม เสื้อโค้ช กางเกงลำลอง รวมถึงการพัฒนาให้เป็นเครื่องประดับ เช่น ผ้าสไบ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ หมวก รองเท้า นาฬิกา สร้อยข้อมือ กำไล เข็มขัด พวงกุญแจ กระเป๋า และพัฒนาให้เป็นของแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หมอนอิง เบาะรองนั่ง ผ้าปูโต๊ะ ผ้าห่ม ผ้ารองจาน ผ้าคาดโต๊ะ ผ้าเช็ดมือ ผ้ากันเปื้อน และผ้าแขวนผนัง ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบต้องมีความทันสมัยตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายกลุ่มและช่วงอายุ นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยนครพนมยังได้เอาต้นแบบที่กำลังอยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตรมาให้ทุกคนได้ชม เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจในการออกแบบและการรักษาสิทธิ์ของตัวเองให้คงอยู่กับลูกหลานตลอดไป
โดยในโอกาสนี้ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมยังได้จัดให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมได้มีการประกวดการออกแบบเครื่องแต่งกายแบบไทยร่วมสมัยด้วยผ้าพื้นเมืองของจังหวัดนครพนมด้วย ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนนจากแนวคิดในการออกแบบ การใส่ความคิดสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับหัวข้อการประกวด การนำเทคนิคต่างที่ได้อบรมมาใช้ในการออกแบบ และผลงานสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หากใครชนะจะได้รับเงินรางวัลพร้อมเกียรติบัตร พร้อมกับการนำผลงานไปจัดแสดงในวันที่มีการจัดประชุมประจำเดือนของจังหวัดนครพนมเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ได้นำไปขยายต่อยังประชาชนในพื้นที่ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้กับทุกคน

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.นครพนม หารือวางแผนเตรียมออกรถ Mobile เคลื่อนที่รับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เสริมการบริการให้ประชาชน

วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมความพร้อมรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค. นี้ ซึ่งในการลงทะเบียนครั้งนี้ เป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดของทุกคนที่จะได้รับสิทธิ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเก่าที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ของจังหวัดนครพนมมีอยู่ 189,593 ราย หรือคนใหม่ที่มีคุณสมบัติและต้องการได้สิทธิ จะต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไม่ให้เกิดการกระจุก ณ จุดเดียวเมื่อถึงวันเปิดลงทะเบียน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดความล่าช้า และเสียเวลารอคอย จึงได้จัดให้มีการประชุมเพื่อจัดสรรพื้นที่ในการที่จะออกรถ Mobile เคลื่อนที่รับลงทะเบียนตามจุดต่าง ๆ ให้บริการประชาชนเพิ่มเติม

โดยภายหลังการประชุมในครั้งนี้แต่ละอำเภอจะไปกำหนดจุดที่รถ Mobile เคลื่อนที่รับลงทะเบียนจะออกไปให้บริการ รวมถึงจะมีการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้เข้าใจ ก่อนที่จะนำข้อมูลทั้งหมดไปขยายสื่อสารต่อยังประชาชนในพื้นที่ ให้ได้รับทราบถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการทางการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้/ปี ไม่เกิน 100,000 บาท ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ย/คน/ปี ไม่เกิน 100,000 บาท ต้องมีทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก สลากพันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี และหากมีครอบครัวจะต้องมีทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ย ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี นอกจากนี้ต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด ต้องไม่มีบัตรเครดิต และไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงให้แต่ละชุมชนทราบว่าหมู่บ้านของตนเอง จะมาใช้บริการรถ Mobile เคลื่อนที่รับลงทะเบียนได้ที่ไหน วันใด นอกเหนือจากการไปลงทะเบียนตามหน่วยรับลงทะเบียน 40 แห่งของจังหวัดนครพนมที่มีการให้บริการตามปกติ คือที่สำนักงานคลังจังหวัดนครพนม ที่ว่าการอำเภอทั้ง 12 อำเภอ ธ.ก.ส. 11 สาขา ยกเว้นสาขาอำเภอวังยาง ธนาคารออมสิน 10 สาขา ยกเว้นสาขาอำเภอนาแกและอำเภอวังยาง ธนาคารกรุงไทย 6 สาขา ได้แก่ สาขาศาลากลางจังหวัดนครพนม สาขานครพนม สาขานาแก สาขาธาตุพนม สาขาเรณูนครและสาขาศรีสงคราม และทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th


วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ส.ว. พบประชาชนชาวนครพนม รับฟังปัญหาและติดตามความคุ้มค่าแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่

วันที่ 27 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่ 2 การของลงพื้นที่จังหวัดนครพนม ของสมาชิกวุฒิสภาที่นำโดย พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ตอนบน) เพื่อรับฟังปัญหา ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ พร้อมกับการติดตามผลการดำเนินงานว่ามีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใดของโครงการฝายลำน้ำบัง บ้านหนองยอ ตำบลพระซอง อำเภอนาแก ซึ่งเป็นโครงการตามแผนงานส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ผลผลิตที่ 2 การจัดการแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ค่าศึกษา สำรวจ ออกแบบ งานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ประจำปีงบประมาณ 2558 ของสำนักงานชลประทานที่ 7 กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค และการทำการเกษตรให้แก่ประชาชนบ้านหนองยอและหมู่บ้านใกล้เคียง จำนวน 380 ครัวเรือน 1,500 คน ครอบคลุมพื้นที่การเกษตรประมาณ 700 ไร่ และโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำน้ำก่ำตอนล่าง สถานีสูบน้ำบ้านเหล่ากกตาล ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นโครงการที่สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 5 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เป็นผู้ดำเนินการในการสร้างสถานีสูบน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ เพื่อกระจายน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ชลประทาน 6,570 ไร่ ให้ได้มีนำเพื่อการเกษตร โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 และจะแล้วเสร็จในปี 2567 ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 88.53 และมีการทดลองสูบน้ำเพื่อส่งจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่บางส่วนได้เห็นถึงประสิทธิภาพไปแล้ว โดยมีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูล

โดยในโอกาสนี้ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมและให้กำลังใจกลุ่มทอผ้าสตรีบ้านนางาม หมู่ที่ 4 ตำบลนางาม อำเภอเรณูนคร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้ามาจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านและมีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยการแปรรูปเป็นเสื้อปักมือที่มีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น แต่มีรูปแบบที่ทันสมัย เวลาสวมใส่ผู้ใส่จะรู้สึกสบาย นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าจากผ้าพื้นเมืองและพวงกุญแจที่ให้ผู้มาเยือนได้ซื้อเป็นฝากของที่ระลึก

สำหรับการรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นจากประชาชนในวันนี้ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่ในหลากหลายประเด็น โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นในเรื่องของสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น อยากให้มีการปรับปรุงพัฒนาเส้นทางการคมนาคมระหว่างหมู่บ้านให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น การขอระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพื่อมาใช้ในพื้นที่ห่างไกลกับระบบไฟฟ้าหลัก ความต้องการช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรที่กว้างมากยิ่งขึ้น การสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าจากโรงเรียนผู้สูงอายุ และการขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยเยียวยาหลังมีโครงการก่อสร้างฝายแล้วพื้นที่บางจุดที่มีน้ำท่วมขังทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย


วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ส.ว. ลุยฝนพบประชาชนชาวนครพนม รับฟังปัญหาและติดตามความคุ้มค่าโครงการแก้ปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกวุฒิสภา เป็นหัวหน้าคณะนำสมาชิกวุฒิสภาลงพื้นที่รับฟังปัญหา ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และติดตามผลการดำเนินงานของโครงการฝายห้วยคูณ(ตอนบน) บ้านหนองแวง ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกประมาณ 500 ไร่ ทั้งเป็นแหล่งเก็บกักน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการก่อสร้างระบบท่อ /คลองส่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ประมาณ 250 ครัวเรือน 950 คน ได้มีน้ำใช้ในอนาคตจากการเก็บกักน้ำได้ประมาณ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ที่กำลังจะมีการโอนภารกิจของโครงการก่อสร้างทั้งหมดให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง และโครงการฝายห้วยตับแฮด บ้านโพน ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมให้กับประชาชนประมาณ 150 ครัวเรือน 550 คน ที่มีการทำการเกษตร เพาะปลูกประมาณ 300 ไร่ในฤดูฝน และ 70 ไร่ในฤดูแล้ง ทั้งยังใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนและทดน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรจากการเก็บกักน้ำได้ประมาณ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งกำลังจะมีการถ่ายโอนภารกิจของโครงการก่อสร้างให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลโนนตาล ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ท่ามกลางบรรยากาศสายฝนที่โปรยปรายระหว่างลงพื้นที่ โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูล

โดยในโอกาสนี้ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชม และให้กำลังใจกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรด GI หมู่ที่ 4 ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตสับปะรดที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยมีรสหวานฉ่ำ กลิ่นหอม ไม่กัดลิ้นและตาตื้น ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นสินค้าเกษตรที่ใคร ๆ ก็อยากได้มารับประทาน โดยปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มักจะมีปัญหาการขาดแคลนน้ำในการผลิตช่วงฤดูแล้ง ซึ่งถ้าในช่วงดังกล่าวขาดแคลนน้ำจะส่งผลต่อรสชาติสับปะรดทำให้มีรสเปรี้ยว จำหน่ายได้ลำบากมากยิ่งขึ้น

พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สะท้อนประเด็นปัญหาในพื้นที่ทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้ร่วมกันแก้ไขให้หมดไป ซึ่งถ้าเรื่องไหนในระดับพื้นที่ ตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ หรือจังหวัดสามารถแก้ไขได้ก็จะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ แต่ถ้าในระดับพื้นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทางวุฒิสภาก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอต่อในระดับกระทรวง ทบวง กรม เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนให้ได้เร็วที่สุด โดยการสะท้อนปัญหาในครั้งนี้มีทั้งแบบที่ให้เขียนใส่กระดาษ สำหรับคนที่ไม่ต้องการแสดงตัวตน และการพูดเสนอในเวทีได้ตามความถนัดของแต่ละคน ส่วนการติดตามผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับประชาชนนั้น ก็เพื่อรับฟังเสียงจากประชาชนว่าที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาแก้ไขปัญหาแล้วมีความคุ้มค่ากับการลงทุนไปหรือไม่ พี่น้องประชาชนได้รับผลประโยชน์มากน้อยขนาดไหน และมีส่วนใดที่อยากให้แก้ไขเพิ่มเติม

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จังหวัดนครพนม บูรณาการลงพื้นที่มอบบ้านเฉลิมพระเกียรติ เดินหน้าขจัดปัญหาความยากจนพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย TPMAP

วันที่ 25 สิงหาคม 2565 ที่บ้านนาสะเดา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางศุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ลงพื้นที่เยี่ยมและให้ความช่วยเหลือครอบครัวนายพนม พ่อศรียา ที่อยู่กับภรรยาและบุตร 2 คน โดยหนึ่งในนั้นป่วยพิการซ้ำซ้อน โดยทั้ง 4 ชีวิต มีรายได้มาจากการรับจ้างทั่วไปและเก็บของเก่าขาย ทำให้ในแต่ละวันมีรายไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต เป็นครอบครัวที่ยากจน มีความเดือดร้อน ไม่ผ่านเกณฑ์ตามระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า Thai People Map and Analytics Platform : TPMAP ที่ใช้วิธีการคำนวณดัชนีความยากจน 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านการเงิน ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ จึงจำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้แนวคิด นครพนมสร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน

โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันเข้ามาดำเนินการสร้างบ้านหลังใหม่ให้ทดแทนหลังเดิมที่เป็นกระต๊อบ ไม่มีประตูหน้าต่าง ๆ มุงด้วยหญ้าคา ซึ่งเป็นการบูรณาการแบบไม่ใช้งบประมาณจากการราชการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชินีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 รวมงบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 120,000 บาท และเมื่อแล้วเสร็จจึงได้พร้อมใจกันส่งมอบให้กับครอบครัวนายพนมให้ได้เข้าอยู่อาศัยในวันนี้ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันนำถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสารอาหารแห้ง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ตะกร้า จาน ชาม มุ้ง หมอน ผ้าห่ม พันธุ์พืชผักสวนครัว ไก่พันธุ์พื้นเมือง เครื่องมือในการทำการเกษตร หลักประกันสังคมมาตรา 40 เป็นเวลา 6 เดือน จำนวน 2 คน รวมถึงมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวและเงินทุนสำหรับการนำไปประกอบอาชีพ อีกทั้งยังมีการเสนอรายชื่อเข้ารับวัสดุประกอบอาชีพ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ระยะที่ 3


จังหวัดนครพนม นำหน่วยเคลื่อนที่ออกให้บริการดูแลประชาชนอำเภอปลาปากแบบครบวงจรในจุดเดียว

วันที่ 25 สิงหาคม 2565 ที่โรงเรียนบ้านโคกสูง หมู่ที่ 1 บ้านโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการประชาชนแบบครบวงจรในจุดเดียว เพิ่มการเข้าถึงหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน

โดยก่อนที่จะให้บริการประชาชนในพื้นที่ที่มาร่วมงาน ทุกคนได้ประกอบพิธีถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเพื่อให้สามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ โดยในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาลไปถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจ เช่น การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพ มาชี้แจงให้ทุกคนได้เข้าใจว่าในการลงทะเบียนครั้งนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนเคยได้รับสิทธิ หรือคนใหม่ที่อยากได้สิทธิ ต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมดตามสถานที่ที่เจ้าหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ ระหว่างวันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค. 2565

นโยบายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการ รวมทั้งการตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย จากนั้นรวมกันมอบพันธุ์ปลา 50,000 ตัว ให้แก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำสาธารณะ มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวที่มีปัญหากรณีฉุกเฉิน มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน มอบจักยานให้กับเด็กนักเรียนที่ยากจน มอบชุดลูกเสือและยุวกาชาดให้กับเด็กนักเรียน มอบรถเข็นวิวแชร์ให้กับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้ และมอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม

จากนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายไปใช้บริการหน่วยเคลื่อนที่ของหน่วยหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การทำบัตรประชาชน การทำประกันสังคม การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป


วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ร่วมกับจังหวัดนครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ขัง

วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่เรือนจำกลางนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางกาญจนี รุจนเสรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นางฉวีวรรณ ธรรมชาติ ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาชิกชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดนครพนม สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 520 ชุดให้แก่ผู้ต้องขังหญิง และจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ต้องขังในเรือนจำกลางนครพนม ตามโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์ฯ 76 จังหวัด ประจำปี 2565 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาที่สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดขึ้น

โดยโครงการน้ำพระทัยพระราชทานฯ เกิดขึ้นจากน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งในปี พ.ศ. 2541 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ในขณะนั้นนำคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการจำหน่ายดอกมะลิ งานวันแม่แห่งชาติ จำนวน 2 ล้านบาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ พร้อมทั้งได้มีพระราชเสาวนีย์ ให้จัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ตกงาน ผู้ประสบทุกข์ยากเดือดร้อน รวมทั้งครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยสภาสังคมสงเคราะห์ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์มาดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อน ทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนได้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ จนปัจจุบันเป็นปีที่ 24 แล้ว

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินส่วนพระองค์ จำนวนกว่า 15 ล้านบาท สนับสนุนโครงการและทรงพระกรุณาให้ราชเลขานุการในพระองค์ฯ เยี่ยมเยียนโครงการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ยังได้พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคให้โครงการตลอดมาเช่นกัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนอย่างหาที่สุดมิได้


นครพนม ปลูกจิตสำนึกเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย

วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมไอโฮเทล อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการการอบรมโครงการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่สำนักงานจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และสร้างการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษสะสมไว้ อันจะสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นความรู้สึกนิยมในชาติ สร้างจิตสำนึกของคนในชาติให้มีความจงรักภักดี และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครพนม นำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในครั้งนี้ ไปขยายผลให้เกิดความรักความสามัคคี สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ลดการขัดแย้งและความแตกแยกทางความคิดของคนในสังคม กระตุ้นให้เกิดความหวงแหน และตื่นรู้ถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ผนวกกับสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสถาบัน ที่ได้เพิ่มระดับและขอบเขตที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนและคนรุ่นใหม่ ที่มีต่อสถาบัน ถูกลดทอนลง เนื่องจากขาดความเข้าใจ ความตระหนักรู้อย่างถูกต้องแท้จริง ความสำคัญของสถาบันหลัก ในฐานะที่เป็น ศูนย์รวมจิตใจ และจุดยึดเหนี่ยวของสังคมไทย

โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมจำนวน 300 คน ในครั้งนี้ จะได้รับความรู้จากวิทยากรทรงคุณวุฒิ หลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ ที่มาเป็นผู้บรรยาย ถ่ายทอดให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทุกคนในหัวข้อ เรื่องราวความเสียสละของบูรพกษัตริย์และบรรพชนจากอดีตสู่ปัจจุบัน ซึ่งจะชี้ให้ทุกคนได้เห็นถึงที่มาและลำดับความเป็นชาติไทย ที่กว่าจะเป็นชาติได้ในทุกวันนี้ บูรพกษัตริย์และบรรพชนต้องแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ สติปัญญาและการสละชีวิต โดยมีหลักฐานให้ได้เห็นทั้งในศิลาจารึก หนังสือประวัติศาสตร์ และเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ยังจะได้รับรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาสังคมในปัจจุบันที่จะส่งผลต่อไปในอนาคต เป็นการสร้างความเข้าใจที่พร้อมเปลี่ยนแปลงให้กับทุกคน เพื่อก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคมปัจจุบัน


วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565

นครพนม หารือเตรียมความพร้อมการจัดประเพณีไหลเรือไฟ 2565

วันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2565 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1- 11 ตุลาคม 2565 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้แต่ละฝ่ายไปดำเนินการ เพื่อให้กิจกรรมไหลเรือไฟในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตา ก่อให้เกิดความประทับใจ สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลวันออกพรรษา

โดยเริ่มตั้งแต่การวางผังการจัดงานภาพรวมทั้งหมด การวางตำแหน่งเวทีและกิจกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงกิจกรรมการแสดงและศิลปวัฒนธรรมที่จะนำมาแสดงในแต่ละวัน ซึ่งในการไหลเรือไฟนั้นเบื้องต้นมีการกำหนดไหลเรือโชว์และกระทงสายทุกวันเหมือนเช่นทุกปี และในวันที่ 10 ที่เป็นวันออกพรรษาจะมีการไหลเรือไฟพร้อมกันทั้ง 12 อำเภอ มีการประกวดเรือไฟสวยงามและเรือไฟความคิดสร้างสรรค์ สำหรับระยะทางทางการไหลเรือไฟในปีนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 5 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณหน้าโบสถ์นักบุญอันนา หนองแสง ไปสิ้นสุดที่บริเวณหน้าลานหมู่บ้านชนเผ่า ซึ่งตลอดระยะทางริมฝั่งโขงมีพื้นที่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เลือกชมได้ตามความชอบ ทั้งนี้ในส่วนของความสงบเรียบร้อยและการจราจร มีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน เพื่อให้สะดวกต่อการบริหารจัดการประกอบไปด้วยพื้นที่วงนอก วงกลาง และวงใน ขณะที่ด้านการดูแลปฐมพยาบาลภายใต้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด 19 จะแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ประจำ 3 จุดใหญ่ที่มีการจัดกิจกรรมหลัก ๆ และมีเจ้าหน้าที่สนับสนุนกระจายอยู่โดยรอบพื้นที่รอบนอกเพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุ

นอกจากนี้ยังมีการไหลเรือไฟโบราณที่แต่ละชุมชนได้ทำมา การหารือเกี่ยวกับแนวทางการประชาสัมพันธ์ ที่จะให้ประชาชนสามารถแสกนคิวอาร์โค๊ดอันเดียวแล้วมีข้อมูลกิจกรรมทั้งหมดของงาน เพื่อที่จะสามารถวางแผนได้อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการของตนเอง การติดตั้งระบบกระจายเสียงเพื่อบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเรือไฟที่ไหลแต่ละลำ รวมถึงกิจกรรมการแสดงที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวันเพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับชม การประกอบพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ กิจกรรมการประกวด TO BE NUMBER ONE การประกวดร้องเพลง การเดินแบบผ้าไทย การแสดงสินค้าอาหารชุมชน และการจำหน่ายสินค้า otop สินค้าชุมชนต่าง ๆ


วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ศูนย์การศึกษาพิเศษนครพนม นำวิถีชีวิตการทอผ้า สร้างพัฒนาการเด็กออทิสติก

วันที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นางพัชรีวรรณ พรมกุล ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เด็กออทิสติกเป็นเด็กที่มีความบกพร่องในเรื่องของพัฒนาการด้านสังคม การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ภาษาและการสื่อความหมาย รวมถึงพฤติกรรมด้านอารมณ์ และจินตนาการ เนื่องจากสมองบางส่วนทำงานบกพร่อง ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ถือเป็นภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่ต้องเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก เข้าใจในแนวทางการช่วยเหลือ เพราะจะทำให้สามารถช่วยเหลือและความดูแลเค้าได้อย่างถูกทางมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเด็กว่าจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้นและหมั่นชมเมื่อเด็กสามารถทำในสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งในการส่วนของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนมก็มีความพยายามในการหาแนวทางใหม่ ๆ มาเพิ่มเติมในการสร้างพัฒนาการให้กับเด็กออทิสติกและเด็กพิการในความดูแลอยู่เสมอ

โดยหนึ่งในนั้นคือการนำเอาวิถีชีวิตการทอผ้าของคนในพื้นถิ่น มาให้เด็กได้ฝึกพัฒนาการ เริ่มแรกก็มีการนำวิธีการย้อมผ้ามาให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมไปพร้อมกับการแยกสี ว่าวัตถุดิบที่นำมาทำให้สีอะไร รวมถึงก่อนย้อมจะให้เด็กๆ ทุกคนได้มัดผ้า เพื่อให้มีลวดลายตามที่ตนเองอยากให้เป็นเพื่อเป็นการเพิ่มจินตนาการ ซึ่งพบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดีมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาต่อยอดนำเครื่องทอผ้าขนาดเล็กมาให้เด็ก ๆ ได้ฝึกสมาธิ โดยตอนแรกให้เริ่มการทอแบบเส้นเดียวก่อน คือทั้งผืนจะใช้สีเดียวทั้งหมด มีครูค่อยดูแลและให้คำชมอยู่ข้าง ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งปรากฏว่าเด็กหลายคนมีสมาธิที่นิ่งขึ้น บางคนมีสมาธิที่ก้าวกระโดดจากคนที่มีสมาธิสั้นเปลี่ยนเป็นสมาธิดีมากเลยก็มี ปัจจุบันเห็น 2 คนแล้วที่มีสมาธิลักษณะแบบนี้ ดังนั้นทางศูนย์ฯ ก็มีการต่อยอดให้เด็ก ๆ ได้เพิ่มจินตนาการด้วยการให้ทำในลักษณะการทอด้วยด้าย 2 เส้นคนละสี เพื่อให้เค้าได้คิดและวางแผน ใช้จิตนาการในการออกแบบลวดลายตามที่เค้าต้องการก่อนที่ลงมือสอดด้ายสีเพื่อทอผ้า ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีผ้าที่ทอด้วยมือจากเด็กออทิสติกหลายผืนแล้ว ถ้าใครสนใจอยากเป็นกำลังใจให้กับเด็ก ๆ ก็สามารถติดต่อสั่งจองล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนได้ทางเฟสบุ๊ค แฟนเพจ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนม หรือจะโทรติดต่อประสานมาที่เบอร์ 0-425-30873 ก็ได้เช่นเดียวกัน


นครพนมปล่อยขบวนรถคาราวาน สร้างการรับรู้การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

วันที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปล่อยขบวนรถคาราวานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ลงพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจ ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ที่กรมบัญชีกลางกำหนด รวมถึงช่องทางการลงทะเบียน ให้กับประชาชนทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม ในระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2565 รวมระยะเวลา 3 วัน เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยทุกคน ทั้งรายเก่าและรายใหม่ได้มีการเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนที่จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ในวันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค. 2565 นี้

นางรัตนาภรณ์ อัศวนุภาพ คลังจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพ ซึ่งในการลงทะเบียนครั้งนี้เป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดของทุกคนที่จะได้รับสิทธิ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น คนที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับสิทธิ หรือคนใหม่ที่อยากได้สิทธิต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด โดยการลงทะเบียนจะเริ่มในวันที่ 5 ก.ย. – 19 ต.ค. 2565 ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการทางการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้/ปี ไม่เกิน 100,000 บาท ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ย/คน/ปี ไม่เกิน 100,000 บาท ต้องมีทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก สลากพันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี และหากมีครอบครัวจะต้องมีทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ย ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี

นอกจากนี้ต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด ต้องไม่มีบัตรเครดิต และไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยประชาชนจังหวัดนครพนมผู้มีรายได้น้อยสามารถลงทะเบียนได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียน 40 แห่ง ทั้งจังหวัด ประกอบด้วย สำนักงานคลังจังหวัดนครพนม ที่ว่าการอำเภอทั้ง 12 อำเภอ ธ.ก.ส. 11 สาขา ยกเว้นสาขาอำเภอวังยาง ธนาคารออมสิน 10 สาขา ยกเว้นสาขาอำเภอนาแกและอำเภอวังยาง ธนาคารกรุงไทย 6 สาขา ได้แก่ สาขาศาลากลางจังหวัดนครพนม สาขานครพนม สาขานาแก สาขาธาตุพนม สาขาเรณูนครและสาขาศรีสงคราม หรือจะลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th ทั้งนี้ถ้าประชาชนมีข้อสงสัยหรือรายละเอียดที่อยากสอบถาม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 0-4251-1575 หรือ 063-735-9998 หรือ 094-395-3291 สำนักงานคลังจังหวัดนครพนมก็ยินดีและพร้อมที่จะให้บริการ


วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565

นครพนมจับมือแขวงคำม่วน บูรณาการร่วมงานสาธารณสุขชายแดน ดูแลประชาชน 2 ฝั่งโขง

วันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคติดต่อของจังหวัดนครพนม และแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีการดำเนินงานร่วมกันด้วยดีเสมอมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเห็นว่ากลไกความร่วมมือดังกล่าวเป็นพื้นฐานที่ดีในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในระดับจังหวัด แขวง ทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี โดยระหว่างวันที่ 15 - 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้นำคณะผู้แทนจังหวัดนครพนมเดินทางไปร่วมหารือกับ ดร.แก่นจันทร์ ทองสวัสดิ์ หัวหน้าแผนกสาธารณสุข แขวงคำม่วน และบุคลากรด้านสาธารณสุขของแขวงคำม่วน ในการประชุมทบทวนความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขชายแดน ระหว่างจังหวัดนครพนมกับแขวงคำม่วน และถอดบทเรียนการดำเนินงานควบคุมโรคอุบัติใหม่ (COVID-19)

โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้ร่วมกันพิจารณากรอบการดำเนินงานด้านสาธารณสุขที่จะปฏิบัติร่วมกัน ก่อนที่จะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ตามที่ที่ประชุมเห็นชอบให้ร่วมมือกันในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคติดต่อ ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ IHR 2005 ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก จัดการกับปัญหาภัยสุขภาพฉุกเฉินข้ามชาติตรงจุดทางเข้าออกระหว่างประเทศ รวมทั้งตรวจจับและตอบสนองต่อโรค/ภัยสุขภาพข้ามชาติ รวมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลช่าวสารตามแบบฟอร์มที่กำหนดและให้มีการซ้อมแผนรับสถานการณ์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยความร่วมมือด้านส่งเสริมสุขภาพ รักษาพยาบาลและการรับส่งต่อผู้ป่วย ที่ประชุมเห็นชอบให้ร่วมมือกันในการส่งเสริมสุขภาพ การรักษาพยาบาลและการรับส่งต่อผู้ป่วย โดยดำเนินการร่วมกันในการรับส่งต่อผู้ป่วย ระหว่างหน่วยบริการสุขภาพของจังหวัตนครพนม แขวงคำม่วน ในกรณีเจ็บป่วยกระทันหัน การเกิดอุบัติเหตุ และจำเป็นต้องข้ามไปรักษาอีกฝ่าย ให้อนุญาตข้ามแดนได้ พร้อมญาติหรือผู้ติดตามไม่เกิน 3 คน ส่วนความร่วมมือด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข ที่ประชุมเห็นชอบให้ร่วมมือกันในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข โดยร่วมกันตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารและยา เคมีภัณฑ์และเครื่องสำอางที่นำเข้า ส่งออก การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร การตรวจสอบการโฆษณายาและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกินจริง ขณะที่ด้านการพัฒนาบุคลากร ที่ประชุมเห็นชอบให้ร่วมมือกันในการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน โดยมีทั้งการประชุมวิชาการ การพัฒนางานวิชาการ การซ้อมแผนรับภัยสุขภาพ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสุขภาพจิตและจิตเวช โดยจัดให้มีการประชุมความร่วมมือด้านสาธารณสุขชายแดน นครพนม คำม่วนเป็นประจำทุกปี เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่สองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน


รพ.จิตเวชนครพนมราชนครินทร์ คิดนวัตกรรมบ่อดักฝุ่น อุ่นใจคนทำงาน ป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นจากเครื่องอบผ้า

วันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายธนัสถ์วัสส์ รัตนวรรณี รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ เปิดเผยว่า การดูแลสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ทางโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ให้ความสำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่มาใช้บริการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลมีปัญหาในเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยรอบอาคารซักฟอกและพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดการฟุ้งกระจายระหว่างการอบผ้า ดังนั้นคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย(ENV) ของโรงพยาบาล จึงได้ร่วมกับ งานซักฟอก กลุ่มงานบริหารทั่วไป คิดค้นนวัตกรรม บ่อดักฝุ่น อุ่นใจคนทำงาน ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งเป็นการลดผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อการเจ็บป่วยและเกิดโรคของผู้ปฏิบัติงานในอนาคต ซึ่งจากการประดิษฐ์และลองผิดลองถูกของทีมงาน ก็ทำให้บ่อดักฝุ่นตัวนี้มีการปรับปรุงพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ โดยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาในการประชุมสัมมนาวิชาการ นำเสนอผลงานวิจัย/R2R ทางสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ประจำปี 2565 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ทางโรงพยาบาลก็ได้นำผลงานชิ้นนี้เข้านำเสนอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานวิชาการหรืองานวิจัยให้แต่ละหน่วยได้เห็นและนำไปปรับใช้ ไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกคน ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากหลาย ๆ ฝ่าย มีการสอบถามรายละเอียดและแนวทางการปฏิบัติเพื่อที่จะนำไปใช้ เนื่องจากมีต้นทุนในการประดิษฐ์ที่ไม่สูงมากนักแต่มีประโยชน์ต่อภาพรวม

ด้าน นางสาวนลินี ทิพย์วงศ์ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ หัวหน้างานอาชีวอนามัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บ่อดักฝุ่น อุ่นใจคนทำงาน สร้างขึ้นมาจากบ่อซีเมนต์สำเร็จรูป ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 เซนติเมตร สูง 50 เซนติเมตร ที่มีขายทั่วไปตามร้านวัสดุก่อสร้างจากนั้นมีการเจาะรูให้มีขนาดพอดีกับท่อระบายฝุ่นที่ต่อจากเครื่องอบผ้า ด้านล่างเทพื้นให้ยึดติดกับตัวบ่อ ส่วนด้านบนทำฝาตะแกรงลวดมาปิดทับให้สนิท สำหรับหลักการทำงานก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะใช้หลักการแอโรไดนามิค ที่ให้ลมของเครื่องอบผ้าวิ่งมาที่บ่อดักฝุ่นที่เติมน้ำไว้ประมาณ 1 ใน 3 ของบ่อ เมื่อลมที่มีฝุ่นละอองวิ่งมาปะทะน้ำจะตกตะกอนที่ก้นบ่อ ส่วนลมบริสุทธิ์จะไหลขึ้นข้างบนไปชนกับตะแกรงลวดที่เป็นฝาปิดบ่อที่ทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองอีกชั้น และทุกสัปดาห์จะมีการทำความสะอาดบ่อดักฝุ่นนี้ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดีทางทีมงานทุกคนยังจะมีการพัฒนาต่อยอดให้สิ่งประดิษฐ์นี้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมอีก

ขณะที่ นางชนิสรา จุลละนันทน์ หัวหน้างานซักฟอกและแม่บ้าน เปิดเผยว่า ในแต่ละวันทางโรงพยาบาลมีการซักผ้าและอบผ้า ประมาณ 1,000 ชิ้น/วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ในการซักและอบแห้งแต่ละครั้งจะมีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอาคาร แต่พอเจ้าหน้าที่เข้ามาสร้างบ่อดักฝุ่นให้ ก็ทำให้ปริมาณฝุ่นลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด


ผ้าไทยใส่สนุก ตอน ลายสาวน้อยโชคอำนวย

นางทองลี สุวรรณโคตร ประธานกลุ่มผ้าทอมือมัดหมี่บ้านโชคอำนวย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม กล่าวว่า สมัยก่อนที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับเรื่องผ้าไทยนั้นอยู่ที่กลุ่มทอผ้าศูนย์ศิลปาชีพบ้านนาตาด – นาโปร่ง อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี พอย้ายมาอยู่จังหวัดนครพนมในปี 2550 จึงได้มีการไปชักชวนเพื่อนบ้านในพื้นที่รวมกลุ่มทอผ้าขึ้นมา เพราะเป็นสิ่งที่รัก ที่ชอบ และเคยทำมา ที่สำคัญคือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยในการทอผ้าก็จะมีผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ และก็ลายของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนั้นก็มีผ้าคลุมไหล่ ผ้าคราม และก็ลายที่ได้ร่วมกันออกแบบขึ้นมาใหม่จากการจิตนาการ ที่ได้ไปร่วมรำในงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช จึงเริ่มทอผ้าขึ้นมาซึ่งตอนแรก มีแค่ลายที่เป็นการร่ายรำของผู้หญิง จึงตั้งชื่อว่าสาวน้อยลำชิ่ง แต่พอมีการใส่ลวดลายเพิ่มเติมเข้าไปครบทั้ง พญาศรีสัตนาคราช เรือไฟ มติกลุ่มจึงเปลี่ยนชื่อเป็นสาวน้อยโชคอำนวย เพื่อให้จดจำได้ง่ายและสื่อถึงลายผ้าของหมู่บ้านที่ได้ร่วมกันออกแบบ ซึ่งกลุ่มมีเอกลักษณ์ในการทอผ้าที่แตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ คือ จะเน้นความสม่ำเสมอของลายผ้า สีก็ให้เป็นสีธรรมชาติจะไม่ใช้สีที่เป็นสารเคมี แม้การย้อมแบบนั้นจะให้สีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มก็เลือกใช้สีธรรมชาติที่เวลาย้อมแต่ละครั้งจะให้สีเพียง 10 - 20 เปอร์เซ็นต์ โดยจะใช้วิธีย้อมหลายรอบเพื่อให้ได้สีที่สมบูรณ์

ด้านนายประสงค์ศักดิ์ รัวศรีแก้ว สมาชิกกลุ่มผ้าทอมือมัดหมี่บ้านโชคอำนวย กล่าวว่า ตนเองมีหน้าที่ไปหาวัตถุดิบตามหมู่บ้านที่มีอยู่มาทำแม่สีย้อมผ้า ไม่ว่าจะเป็นเปลือกไม้ ดอกอันชัน แก้วมังกร มังคุด ลูกหม่อน ซึ่งถ้าขาดจริง ๆ ก็จะไปหาซื้อวัตถุดิบที่ว่ามาผลิต โดยจะไปหาให้ตรงกับออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการแต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็จะแจ้งลูกค้าเพื่อขอเวลาในการผลิตผ้าทอมือให้ เพราะวัตถุดิบที่นำมาทำแม่สีย้อมผ้าจะเป็นไปตามฤดูกาล ซึ่งทุกสีที่ย้อมจะมีการผสมครามเล็กน้อยเพื่อให้สีติดทนนานขึ้น รับประกันว่า 5 ปี สีไม่ซีด ยกเว้นไปแช่ในสารหรืออะไรที่เป็นกรด

ทั้งนี้ นางทองลี สุวรรณโคตร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการผลิตจะเน้นการทอผ้ามัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติก่อน รองลงมาเป็นผ้าคลุมไหล่ โดยที่ผ่านมาเมื่อผลิตแล้วก็สามารถขายได้อย่างต่อเนื่องไม่ได้ลำบากอะไร เพราะเจ้าหน้าที่เข้ามาสนับสนุน ส่วนราคาถ้าเป็นผ้าไหมจะอยู่ที่ 2,000 บาท แต่ถ้าเป็นผ้าฝ้ายจะอยู่ที่ 600-700 บาท ซึ่งลูกค้าจะสังเกตได้ไม่ยาก เพราะผ้าไหมจะมีความแวววาวสีสดใสกว่าผ้าฝ้ายแม้จะเป็นลวดลายเดียวกัน โดยแต่ละเดือนทางกลุ่มจะมีออเดอร์จากลูกค้าที่จะนำไปเป็นของไหว้ในงานแต่ง หรือคุณหญิงคุณนายที่เป็นลูกค้าประจำสั่งมา รวมกันประมาณ 20-30 ผืน เนื่องจากทางกลุ่มเพิ่งรวมตัวกันได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ทำให้ยังไม่มีคนรู้จักมากนัก ส่วนใครที่สนใจผ้าทอมือมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติของบ้านโชคอำนวย สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 063-087-7651


วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สธ.-องค์การเภสัชฯ ลงพื้นที่นครพนม ติดตามการวิจัยวัคซีน HXP-GPOVac ระยะที่ 2

วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม คณะผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ดร.นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค นายแพทย์อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และคณะฯ พร้อมนายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 นายแพทย์จรัญ จันทมัตตุการ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 8 และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมประชุมหารือและติดตามผลการดำเนินงานโครงการวิจัย HXP-GPOVac ระยะที่ 2 แบบสุ่มและแบบมีกลุ่มควบคุมปกปิดสองทาง เพื่อประเมินความปลอดภัยและความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนเอชเอ็กซ์พี จีพีโอแวค (HXP-GPOVac) ขนาด 10 ไมโครกรัมในอาสาสมัครสุขภาพดี ที่ได้ดำเนินการร่วมกับคณะทำงานของจังหวัดนครพนม เพื่อติดตามความคืบหน้าในการวิจัยวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสโควิดให้กับประชาชน โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โรงพยาบาลนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน

สืบเนื่องจากที่องค์การเภสัชกรรมได้มีการพัฒนาและผลิตวัคซีนทดลอง HXP-GPOVac ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตายลูกผสม ขนาด 10 ไมโครกรัมฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ โดยมีการอ้างอิงหรือเปรียบเทียบกับวัคซีนไฟเซอร์ขึ้นมา และได้มีการทดลองกับอาสาสมัครในพื้นที่จังหวัดนครพนมที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนใด ๆ ซึ่งจากการศึกษาทางคลินิกเพื่อประเมินความปลอดภัยและการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในอาสาสมัครผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี ในระยะที่ 1/2 โดยศูนย์ทดสอบวัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าวัคซีนมีข้อมูลความปลอดภัยและผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่อยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ ดังนั้นจึงมีการศึกษาต่อในระยะที่ 2 ในอาสาสมัครผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 18-35 ปี จำนวน 300 คน และผู้ที่มีอายุ 60-75 ปี อีกร้อยละ 20 ซึ่งในระยะนี้จะเป็นการศึกษาแบบสุ่มและแบบมีกลุ่มควบคุมปกปิดสองทาง โดยอาสาสมัครจะถูกสุ่มให้รับวัคซีน HXP-GPOVac หรือ Comirnaty ในอัตราส่วน 3 : 1 เข็มแรกห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 28 วัน เพื่อดูข้อมูลความปลอดภัยและวิเคราะห์เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน โดยอาสาสมัครทุกคนจะได้รับการติดตามอาการเป็นระยะเวลา 7 เดือนหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก และถ้าหากมีอาการไม่พึงประสงค์ระหว่างการศึกษาวิจัยจะได้รับการประเมินและดูแลรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยแพทย์ขององค์การวิจัยอย่างเหมาะสม และองค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลรักษาให้เป็นไปตามแนวทางการรักษาของกระทรวงสาธารณสุข และมีการรับประกันสุขภาพอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการวิจัย ที่ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาลเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและการประกันภัยอื่นๆ


ยุวกาชาดนครพนม รวมพลังจัดงานชุมชุนส่วนภูมิภาคเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในฐานะนายกยุวกาชาดจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะผู้บังคับบัญชา สมาชิกยุวกาชาด และเครือข่ายยุวกาชาดในจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีถวายความเคารพและถวายพระพรชัยมงคลเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนที่จะร่วมกันเปิดงานชุมนุมยุวกาชาดส่วนภูมิภาค เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดนครพนม ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 และเขต 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม และเทศบาลเมืองนครพนมจัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เป็นการส่งเสริมกิจกรรมยุวกาชาด ซึ่งเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่มุ่งหวังให้สมาชิกยุวกาชาด ที่เป็นเด็กและเยาวชนให้ได้รับการพัฒนาตนเองให้รู้จักการกินดี อยู่ดี รักษาอนามัยของตนเอง และส่งเสริมอนามัยของผู้อื่น มีความเมตตาสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมให้บังเกิดขึ้นในใจของทุกคน รู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นกำลังสำคัญในการทำหน้าที่ด้านมนุษยธรรมของสภากาชาดไทย และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเพื่อนำมาพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไปในอนาคต โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 300 คน ประกอบไปด้วยสมาชิกยุวกาชาด ผู้บังคับบัญชายุวกาชาดจากสถานศึกษา 12 แห่ง และคณะกรรมการดำเนินงานฝ่ายต่างๆ ซึ่งเป็นการจัดแบบ ไป-กลับ ไม่พักค้างแรม ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2565 รวมระยะเวลา 3 วัน ซึ่งทุกคนจะได้ฝึกทักษะความสามารถ เชื่อมสัมพันธภาพ แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละท้องถิ่นและประสบการณ์ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เปิดโลกทัศน์รับความรู้ต่าง ๆ ผ่านกิจกรรม 5 ฐาน ได้แก่ ฐานกิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด ฐานกิจกรรมสุขภาพ ฐานกิจกรรมสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี ฐานกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ และฐานกิจกรรมพิเศษ เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของตนเอง


วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มท.3 ลงพื้นที่นครพนม ติดตามการบริการจัดการน้ำ ย้ำอย่าประมาทถอดบทเรียนก่อนหน้าและเยียวยาให้ไวหากมีเหตุ

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บริเวณประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ลงพื้นที่เยี่ยมและติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปถึงสถานการณ์น้ำและการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยในภาพรวมจังหวัดนครพนมมีปริมาณน้ำฝน เฉลี่ยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 16 สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 1,009.7 มม. และเมื่อเทียบกับวิกฤติน้ำท่วมในปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 61.15 ของช่วงเวลาเดียวกันที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,651.1 มม และปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 110.566 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 70.32% ของปริมาตรน้ำที่สามารถเก็บกักได้ของโครงการชลประทานนครพนมและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำก่ำ ส่วนแนวโน้มน้ำในแม่น้ำโขงยังคงทรงตัว ห่างจุดล้นตลิ่งประมาณ 4.07 เมตร ขณะที่ด้านการเตรียมความพร้อมจังหวัดนครพนมก็ได้มีการวางแผน การดำเนินงานเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือไว้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รถบรรทุกน้ำ รถขุดตักแบบไฮดรอลิก รถแท็กเตอร์ รถบรรทุกเทท้าย(ดั้ม) เครื่องสูบน้ำและอื่น ๆ รวมถึงบุคลากรที่มีความสามารถเพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนนี้


โดยภายหลังรับทราบข้อมูลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารจังหวัดนครพนมทุกฝ่าย ที่ได้มีการวางแผนงานและเตรียมความพร้อมไว้รับมือกับพายุและมรสุมลูกต่าง ๆ ซึ่งคาดการณ์ว่ากว่าจะถึงสิ้นเดือนกันยายนน่าจะมีเข้ามาอีก ดังนั้นจึงอยากให้จังหวัดนครพนมได้นำสถานการณ์ในปีก่อน ๆ มาถอดบทเรียนแล้วนำมาเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันเพิ่มเติมขึ้นไปอีก อย่าได้ประมาท เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสียเหมือนในตอนที่พายุโพดุลเข้าประเทศไทย ที่ในตอนนั้นมียอดผู้เสียชีวิต 40 กว่าราย โดยได้เน้นย้ำในเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะอย่างอื่นเสียหายสามารถซ่อมแซมปรับปรุงได้ แต่การชีวิตแม้จะได้เงินเยียวยาแต่ก็ไม่คุ้ม ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือต้องดูแลชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดี พร้อมทั้งฝากในเรื่องของการสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอยากให้มีการฝึกทบทวนแผนงานในการเผชิญเหตุ การใช้เครื่องมือเครื่องจักร และการเข้าช่วยเหลือประชาชนสำหรับบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นด่านหน้า เพราะถ้าทุกคนมีความชำนาญเมื่อเกิดเหตุจะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และสุดท้ายหากเกิดเหตุอยากให้ทุกหน่วยเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูและเยี่ยวยาโดยเร็ว มีการตรวจสอบความเสียหายพร้อมเสนอแผนงานโครงการขอรับงบประมาณสนับสนุนในการซ่อมแซมบำรุงรักษาในทันที เพราะไม่อยากให้พื้นที่เสียโอกาสไป


มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยอำเภอท่าอุเทน

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้กับครอบครัวนางปัญญา ศรีหะมงคล เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ ภายหลังบ้านที่อยู่อาศัยร่วมกับลูกและหลาน รวม 4 คน เลขที่ 10/3 หมู่ที่ 11 ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทนเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้ไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2565 เวลา 17.50 น. โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ประสบภัย

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด การดำเนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงขอให้ครอบครัวผู้ประสบภัยมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านและพระพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงมีพระเมตตา พร้อมทั้งฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคน ในการช่วยกันตรวจสอบสายไฟฟ้าในบ้านเรือนด้วย เพราะส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งพร้อมกับการสร้างบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดล้วนมีอายุการใช้งาน หากมีการชำรุดหรือเสียหายก็ขอให้เปลี่ยนใหม่ก่อนที่จะเกิดการสูญเสียเช่นนี้ รวมถึงในช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝน ซึ่งอาจมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในบางพื้นที่ได้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนได้ติดตามสถานการณ์และติดตามประกาศจากทางราชการด้วยเพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเกิดภัยได้อย่างทันท่วงที


สำหรับบ้านของนางปัญญานั้นทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกับครอบครัวผู้ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยกันดับไฟ การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจำปาก็ได้พิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยปัจจุบันมีทุนทรัพย์ที่ร่วมกันบริจาคเพื่อนำมาช่วยสนับสนุนในการจัดซื้อวัสดุเพื่อสร้างบ้านใหม่ทั้งสิ้น 170,000 บาท ซึ่งในส่วนของการรื้อถอนบ้านที่ถูกไฟไหม้ และสร้างบ้านให้ใหม่นั้นทางกำลังพลของอำเภอท่าอุเทน จะได้ร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาช่วยกันดำเนินการ


วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มูลนิธิคุณพุ่ม มอบทุนการศึกษาเด็กออทิสติกและเด็กพิการ จังหวัดนครพนม ประจำปี 2565

วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนม นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานประกอบพิธีมอบทุนการศึกษาในมูลนิธิคุณพุ่ม ประจำปี 2565 ให้แก่เด็กออทิสติกและเด็กพิการในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยมีคณะผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่ ผู้ปกครองและนักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนมร่วมพิธี จากนั้นทุกคนได้ร่วมชมนิทรรศการถ่ายทอดความรู้ เครื่องมือฝึกทักษะ เพื่อพัฒนาเด็กออทิสติกและเด็กพิการในพื้นที่ ซึ่งเป็นการบูรณาการที่พัฒนาควบคู่กันไป ทั้งการกระตุ้นแก้ไขจุดบกพร่อง และพัฒนาส่งเสริมจุดที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของเด็กในแต่ละช่วงวัยให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

นางพัชรีวรรณ พรมกุล กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ในการพัฒนาสังคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพสกนิกรชาวไทย ควบคู่ไปกับพระปรีชาสามารถและความเข้าใจในฐานะพระมารดาที่ดูแลเอาใจใส่พัฒนาการเรียนรู้ของพระโอรสอย่างใกล้ชิด ทรงเล็งเห็นว่าเด็กและเยาวชน คนพิการ ยังไม่ได้รับโอกาสในด้านต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งยังทรงห่วงใยเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ทางสังคม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินทุนแรกเริ่ม สำหรับจดทะเบียนก่อตั้งเป็นมูลนิธิคุณพุ่ม เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงคุณพุ่มพระโอรส โดยทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานกรรมการมูลนิธิ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กออทิสติกและเด็กพิการในจังหวัดนครพนม มูลนิธิคุณพุ่มจึงได้พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษา จำนวน 111 ทุน ๆ ละ 5,000 บาท มามอบให้ในครั้งนี้

โดยในโอกาสนี้ นางสาวปรียานุช เสนจันตะ ได้เป็นตัวแทนผู้ปกครองเด็กออทิสติกและเด็กพิการจังหวัดนครพนมที่เข้ารับทุน กล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ใจความว่า ในนามผู้รับประทานทุนการศึกษาจากมูลนิธิคุณพุ่ม มีความซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นอย่างยิ่ง ที่ทรงเล็งเห็นความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษาที่มีต่อการดำรงชีวิตของคนพิการ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ให้สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งการพัฒนาศักยภาพผู้พิการแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนปกติหลายเท่า ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งการได้รับประทานทุนในครั้งนี้จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลได้ระดับหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้า สำนึกในพระกรุณาธิคุณ และสัญญาว่าจะนำทุนการศึกษาที่ได้รับในครั้งนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุด เพื่อให้ผู้พิการได้รับการพัฒนา ตามศักยภาพของตนเอง ตามพระประสงค์ของทูลกระหม่อมฯ และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิคุณพุ่มต่อไป


วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2565

พสกนิกรจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลพระพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่หอประชุมมรุกขนคร โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา พ่อค้าและประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มทอง - พุ่มเงิน และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565


โดยก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมประธานในพิธีจะเดินทางมาถึง เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดนครพนม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การต่าง ๆ ได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มทอง พุ่มเงินถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ จากนั้นเวลา 19.19 น.ประธานในพิธีได้ประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ประกอบพิธีจุดเทียนมหามงคล ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ประธานในพิธีนำกล่าวกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นประธานในพิธีต่อเทียนให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เมื่อทุกคนต่อเทียนจนครบหมดแล้ว ได้ยืนสงบนิ่งโดยพร้อมเพียงกัน และร่วมกันร้องเพลงสดุดีพระแม่ไทย และเมื่อสิ้นเสียงเพลงทุกคนได้พร้อมใจกันเปล่งเสียงคำว่า ทรงพระเจริญ จำนวน 3 ครั้ง เป็นเสร็จพิธี

สำหรับเพลง สดุดีพระแม่ไทย ดำเนินการผลิตโดยกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนเพื่อถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสสำคัญต่าง ๆ มีเนื้อร้องว่า โลกสดุดีพระปรีชาชาญ ราษฎร์สุขสราญเพราะพระบารมี สิริกิติ์เกริกฟ้าสุดแดนแผ่นดินนี้ พระพันปีหลวงมิ่งขวัญไทย ใต้ฝ่าละอองฯ ผองไทยบูชา ใต้ร่มบุญญาพร้อมเพรียงภูมิใจ จุดเทียนแซ่ซ้องส่องเมืองสว่างไสว ไทยเทิดไท้ถวายพระพร ศูนย์รวมใจปวงประชา ศิลปาชีพอมร พสกนิกรภักดี พระเมตตาเติมใจคุ้มครองไทยสุขศรี สดุดีพระแม่ไทย ทรงพระเจริญ ส่วนพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล มีจุดเริ่มต้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2520 ที่หน่วยอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน ( อส.) ศูนย์สาธิตที่ 1 หุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้มีการจัดงานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเป็นการจัดพิธีถวายพระพรในตอนกลางคืน เนื่องจากในช่วงกลางวันชาวบ้านมีความจำเป็นต้องไปทำงานในเรือกสวนไร่นา ประกอบสถานที่จัดงานในเวลากลางคืนมืดสนิทเพราะไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ทุกคนจึงได้นำเทียนไขมาคนละเล่ม โดยมีการจุดเทียนชัยไว้ที่แท่นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านเพื่อให้เกิดแสงสว่างไสวกับสถานที่ก่อน กระทั่งเวลา 20.00 น. ก็ได้พร้อมใจกันจุดเทียนที่นำและกล่าวคำถวายพระพร จากนั้นได้พร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 1 จบ และพากันเวียนเทียนประทักษิณรอบพระบรมฉายาลักษณ์ จำนวน 3 รอบ ซึ่งในกิจกรรมครั้งนั้น อส.ได้วิทยุรายงานแจ้งเรื่องการจุดเทียนชัยถวายพระพรเข้าสู่สำนักพระราชวัง ณ พระราชวังไกลกังวล เพื่อรายงานให้พระองค์ได้ทรงรับทราบเป็นระยะๆ จวบจนจบพิธี ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ทางราชการได้มีการประกาศจัดพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่ท้องสนามหลวง และจากนั้นก็ได้ถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้

ชมรมแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดนครพนม ส่งมอบบ้านโครงการปันสุขให้ผู้ยากไร้ในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน เฉลิมพระเกียรติ พระพันปีหลวง

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางกาญจนี รุจนเสรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันส่งมอบบ้านตามโครงการ บ้านปันสุข ที่ได้บูรณาการร่วมกันสร้างขึ้นโดยไม่ใช้งบประมาณจากทางราชการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชินีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ที่ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม ร่วมกับอำเภอท่าอุเทน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันสร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ที่จำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จากการสำรวจข้อมูลคนไม่มีที่อยู่อาศัยหรือที่อยู่อาศัยทรุดโทรมของอำเภอท่าอุเทน ตามโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นครพนมสร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ประจำปี 2565


โดยในวันนี้เป็นการส่งมอบบ้านเลขที่ 86 บ้านหนองแวง หมูที่ 6 ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทนให้กับนางผ่องศรี เสนาวัง อายุ 62 ปี ให้ได้อาศัยอยู่กับครอบครัว ส่วนบ้านหลังที่ 2 เป็นการส่งมอบบ้านเลขที่ 40/3 บ้านโคกสว่าง หมู่ที่ 9 ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน ให้กับนางราตรี โพธิ์ศรี อายุ 70 ปี ให้ได้อาศัยอยู่กับสามีที่ป่วยเป็นโรคเส้นเอ็นยึด ไม่มีแรงทำให้สามารถหยิบจับสิ่งของอะไรได้ โดยทั้ง 2 ครอบครัวเป็นครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ผ่านเกณฑ์ของระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า Thai People Map and Analytics Platform : TPMAP ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐ สามารถระบุปัญหาความยากจนในระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน ท้องถิ่น/ท้องที่ หรือปัญหาความยากจนรายประเด็นได้อย่างถูกต้อง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดย TPMAP ใช้วิธีการคำนวณดัชนีความยากจน 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านการเงิน ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ ซึ่งเป็นการนำข้อมูล จปฐ. มาเป็นแกนกลางเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลการลงทะเบียนภาครัฐของกระทรวงการคลัง และฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่มีข้อมูลเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนคนพิการจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ข้อมูลการรับเบี้ยคนพิการและผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ(สปสช.) เพื่อทำให้ระบบมีความสมบูรณ์มากที่สุด นำไปสู่การพัฒนาในมิติอื่น ๆ นอกเหนือจากความยากจน และนำไปสู่การพัฒนาที่เป็นระบบสำหรับการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต