วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566

จ.นครพนม ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนเทศกาลสงกรานต์ 2566 สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว

 วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสมลักษ์ ยกน้อยวงศ์ ปลัดจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกัน ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงเทศกาลหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ที่จังหวัดนครพนมได้มีการบูรณาการกำลังพล สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ และสายตรวจเดินเท้าของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 100 นาย ประกอบไปด้วย ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม สถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 236 นครพนม ตำรวจท่องเที่ยวนครพนม ตำรวจทางหลวงนครพนม ตำรวจน้ำนครพนม ตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ตำรวจสันติบาลนครพนม กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 210 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองนครพนม และอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยร่วมกันปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างอาชญากรรม เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน

โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กล่าวว่า อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว ซึ่งปกติก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครพนมเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ซึ่งการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงก่อนเทศกาลหยุดยาวปีนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่จะเป็นการการันตีและสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวจังหวัดนครพนมเพิ่มมากยิ่งขึ้น นั้นหมายการสร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวนครพนมจากการจับจ่ายซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร ของฝาก ของที่ระลึก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้จังหวัด ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือห้วงวันที่ 13 – 17 เมษายน ยิ่งจะสร้างรายได้ให้กับจังหวัดอย่างมหาศาลเพราะจะมีทั้งประชาชน นักท่องเที่ยวต่างจังหวัด รวมถึงลูกหลานคนนครพนมที่ถือโอกาสกลับบ้านมาเยี่ยมครอบครัวหลังจากที่ต้องไปทำงานหรือไปอยู่ต่างถิ่น ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เข้มแข็ง เป็นไปตามระเบียบวินัย กรอบอำนาจ หน้าที่และอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในครั้งนี้ มีทั้งมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดนครพนมให้ได้รับความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการจราจร รวมถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ ผู้มีคดีค้างเก่าที่จะฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุความไม่สงบและเหตุไม่พึงประสงค์ทุกรูปแบบในพื้นที่


นครพนมเริ่มแล้ว กิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญา สร้างสามัคคี ลดวิถีการใช้โฟม และพลาสติก กับโครงการสวมผ้าไทย ใส่ผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต

  วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บริเวณหอประชุมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม เป็นไปด้วยความคึกคักของบุคคลากรของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณศาลกลางจังหวัดนครพนมและผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่เดินทางมาร่วมโครงการสวมผ้าไทย ใส่ผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจัดขึ้น ตามแนวคิดของนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมที่ต้องการให้ทุกคนได้มีการสวมใส่ผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองมาทำงานพร้อมกับการถือปิ่นโตนำอาหารมาจากบ้าน เพื่อมารับประทานร่วมกันในช่วงพักเที่ยง ภายใต้คำขวัญ ชาวนครพนมภูมิใจ สวมใส่ผ้าไทยทุกวัน

ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีของทุกคน เพราะในระหว่างรับประทานอาหารจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ก่อให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ในการนำไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาจังหวัดนครพนม สร้างให้ประชาชนมีความสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญคือได้ร่วมกันรณรงค์ส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่ภูมิปัญญาผ้าพื้นถิ่นของจังหวัดนครพนมที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งผ้าลายพระราชทาน ผ้ามุกนครพนม ผ้าย้อมสมุนไพรไม้มงคล และผ้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นอื่น ๆ ให้บุคคลทั่วไปได้รู้จัก ปลุกเศรษฐกิจชุมชนให้มีความคึกคัก จากการที่บุคลากรส่วนราชการสวมใส่ผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองมาร่วมกิจกรรมตามความชอบและความสะดวกของแต่ละคน ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการอนุรักษ์ พื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป นอกจากนี้ยังเป็นการรณรงค์ในเรื่องของการ ลดใช้พลาสติกและโฟมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมกับการใช้ปิ่นโต ส่วนเศษอาหารก็นำไปทำขยะเปียกลดโลกร้อน เป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้


อบจ.นครพนม บูรณาการร่วม อปท. 38 แห่ง แก้ปัญหาขยะอันตรายชุมชน สร้างความยั่งยืนแบบครบวงจร

วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่อาคารแสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายศิริพงษ์ แสนสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการบริหารจัดการของเสียอันตรายชุมชนจังหวัดนครพนม แบบครบวงจรมุ่งสู่เมืองสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประจำปี พ.ศ.2566 (ครั้งที่ 1) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งได้มีแผนแม่บทการจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ เพื่อใช้ในการจัดการขยะมูลฝอยอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการรวมกลุ่มกันในการเก็บรวบรวมและขนส่งของเสียอันตรายแบบศูนย์รวม เพื่อบริหารจัดการของเสียอันตรายแบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และเน้นการนำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบของทรัพยากรใหม่ หรือแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน เป็นการเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการจัดการของเสียอันตรายจากชุมชนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม ดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีการคัดแยกขยะในครัวเรือน แก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายชุมชน ด้วยการนำหลัก 3 Rs คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ ลดการเกิดของเสียที่แหล่งกำเนิด เพิ่มศักยภาพการจัดการของเสียอันตราย และลดสารพิษที่ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของโครงการบริหารจัดการของเสียอันตรายชุมชนจังหวัดนครพนม แบบครบวงจรมุ่งสู่เมืองสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประจำปี พ.ศ.2566 (ครั้งที่ 1) ในครั้งนี้ ที่จะร่วมกันนำของเสียอันตรายชุมชนไปกำจัดที่จังหวัดปทุมธานี โดยผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 38 แห่ง ได้มีการรวบรวมของเสียอันตรายจากประชาชนในพื้นที่ตามหลักสุขาภิบาล ได้ทั้งสิ้น 2,835 กิโลกรัม


นรข.นครพนม บูรณาการหน่วยความมั่นคง ยึดยาบ้า 508,000 เม็ด

วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่สโมสรสัญญาบัตรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) อ.เมือง จังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ( ผบ.นรข. ) พลตำรวจตรีธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอกหญิง จิระนัน ธนะสิงห์ ผู้กำกับการพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนม ร้อยตำรวจเอก สิงหา ภูธรรมะ รองผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 508,000 เม็ด และรถจักรยานยนต์ ตราอักษร Honda รุ่น Scoopy i ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน จากการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันปฏิบัติการในคืนวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจาก ผบ.นรข. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้สั่งการให้นาวาเอกกษิดิ กลิ่นศรีสุข ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม และนาวาโท วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม ประสานการข่าวร่วมกับ ร้อย ตชด. 237 เพื่อตรวจสอบและจัดชุดลาดตระเวนร่วมกัน ตามพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง กระทั่งเวลา 21.00 น. ได้ตรวจพบเรือกีบเพลายาวแล่นจากกลางแม่น้ำโขงมุ่งหน้าสู่ฝั่งไทย จากนั้นดับเครื่องยนต์ แล้วพายเรือเข้ามาจอดที่บริเวณด้านใต้ห้วยทวย บ้านปากทวย ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดระยะเข้าตรวจสอบพบชายฉกรรจ์ 2 คน กำลังแบกวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาวางบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและสั่งให้หยุด เมื่อชายฉกรรจ์เห็นเจ้าหน้าที่ได้แสดงอาการตกใจ ทิ้งวัตถุต้องสงสัยวิ่งลงเรือและขับออกไปในความมืดด้วยความรวดเร็ว แม้เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนทางเรือจะเร่งติดตามแต่ก็ไม่พบ คาดว่าชายฉกรรจ์ทั้ง 2 ใช้วิธีจมเรือแล้วว่ายน้ำหายไปในความมืดแทน จากนั้นจึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกระสอบสีดำ จำนวน 3 กระสอบ เป็นยาบ้า 508,000 เม็ด และรถจักรยานยนต์ ตราอักษร Honda รุ่น Scoopy i สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งนำของกลางทั้งหมด ส่ง พนง.สอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยในโอกาสนี้เจ้าหน้าที่ได้พยายามขยายผลจากรถจักรยานยนต์ของกลาง ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ารถครอบครองโดยบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ มีการจดแจ้งตั้งแต่ปี 2553-2556 จากนั้นไม่มีประวัติ โดยตรงนี้จะต้องมีการตรวจสอบส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก รวมถึงได้เปิดเผยข้อมูลแผนปฏิบัติการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีการตรวจยึด 13 กรณีใหญ่ และมีกรณีย่อยอีกหลายคดี ซึ่งสามารถตรวจยึดยาบ้าได้แล้วกว่า 3,800,000 เม็ดเศษ ยาไอซ์ 700 กิโลกรัมเศษ มูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาทเศษ และยังได้กล่าวขอขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ถือเป็นกำลังเสริมที่นำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง โดยขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วย ตั้งแต่รอบนอกจนถึงตอนใน ไม่ว่าจะเป็น นรข. ตชด. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หน่วยปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่น ๆ มีการประสานการปฏิบัติร่วมกันด้วยความเข้มแข็งและเต็มกำลัง เพื่อสกัดกั้น ป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาทำลายพี่น้องประชาชนในพื้นที่


จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีวันรำลึกพระมหาเจษฎาเจ้าและวันข้าราชการพลเรือนประจำปี 2566

วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่หอประชุมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพและวันวันเจษฎาบดินทร์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันน้อยใหญ่นานัปการ ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รักษาบ้านเมือง ด้านการศึกษาและด้านอื่น ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพสกนิกรชาวไทยและประเทศชาติ ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตล่วงเลยมา 43 ปี พระองค์ก็ยังทรงได้โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ (เงินถุงแดง) ไว้เพื่อประโยชน์แก่แผ่นดิน ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถใช้กอบกู้เอกราชในดินแดนบางส่วนและรักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นประชาชนชาวไทยและรัฐบาล จึงพร้อมใจกันประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์ ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ หน้าวัดราชนัดดาราม ในปี พ.ศ.2541 รวมทั้งทางราชการก็ได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า "พระมหาเจษฎาราชเจ้า” และคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปีเป็น วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า หรือ วันเจษฎาบดินทร์

จากนั้นได้ประกอบพิธีวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2566 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของข้าราชการในการเป็นผู้ให้บริการ เสียสละ และอุทิศเวลาเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงเพื่อให้ข้าราชการได้ตระหนักถึงเกียรติ หน้าที่ ความสามัคคี ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของข้าราชการอันจะเปลี่ยนภาพพจน์ ทัศนคติของประชาชนที่มีต่อข้าราชการให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งเป็นการเผยแพร่ผลงานใหม่ ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน และเป็นการยกย่องส่งเสริมข้าราชการที่มีความประพฤติและผลการปฏิบัติงานดีเด่น และเผยแพร่เกียรติคุณของข้าราชการดีเด่นให้ปรากฏ อันจะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการกระทำความดีตลอดไป โดยได้กำหนดให้วันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันข้าราชการพลเรือน เพราะเป็นวันที่ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2472 รวมถึงเป็นเครื่องแสดงถึงกตเวทิคุณสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ทรงวางรากฐานระเบียบข้าราชการพลเรือนไทยสมัยใหม่ขึ้นมา

โดยในพิธีดังกล่าวได้มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ (ครุฑทองคำ) แก่ข้าราชการดีเด่นระดับประเทศของจังหวัดนครพนม จำนวน 4 ราย ประกอบไปด้วย นางคำปิ่น ทีสุกะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเหล่าพัฒนา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 นายจักรประพันธ์ ป้อมศรี จ่าจังหวัดนครพนม ที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม นายณัฐพล สุริยนต์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานจังหวัดนครพนม นางสาวภาวิณี ตุวายานนท์ นักวิชาการสหกรณ์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนม และมอบเกียรติบัตรแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับจังหวัด จำนวน 7 ราย เพื่อเป็นยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการที่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนข้าราชการด้วยกัน


วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยอำเภอศรีสงคราม

วันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่หมู่ 9 ตำบลหาดแพง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้กับครอบครัวของนายขุนวิทย์ ปิตพรม ที่บ้านเลขที่ 44 ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ อาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน เกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลา 16.00 น. เสียหายทั้งหลัง

นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดนครพนม กล่าวว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด การดำเนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพและเงินพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงขอให้ครอบครัวผู้ประสบภัยได้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านที่ทรงมีพระเมตตา

โดยตั้งแต่เกิดเหตุทุกภาคส่วนต่างระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของขุนวิทย์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเข้าระงับเหตุ จากนั้นมีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อเป็นที่พักอาศัยและเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้าห่ม เครื่องนอน และของใช้อื่น ๆ ที่จำเป็นจากประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมยังได้มอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือรวมเป็นเงิน 10,000 บาท สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม มอบเงินสงเคราะห์ 3,000 บาท รวมถึงเทศบาลตำบลหาดแพงกำลังพิจารณาอนุมัติเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ตามหลักเกณฑ์มาช่วยเหลือซื้อวัสดุเพื่อสร้างบ้านให้ใหม่ จำนวน 49,500 บาท ร่วมกับเงินบริจาค ซึ่งหากไม่เพียงพอองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมจะพิจารณาสนับสนุนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนมกำลังประสานมูลนิธิปอเต็กตึ้ง(ส่วนกลาง) เพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งจะได้คนละ 3,000 บาท

ผู้ว่าฯนครพนม นำเพื่อนนายอำเภอ รุ่น 50 ส่งมอบโถสุขภัณฑ์ปันสุขให้ผู้สูงอายุบ้านผึ้ง

วันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในโอกาสที่คณะเพื่อนนักเรียนนายอำเภอ รุ่น 50 ที่ได้เดินทางมาทัศนศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครพนม จึงได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางโครงการต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน ทำให้ได้ทราบถึง โครงการโถสุขภัณฑ์ปันสุข ลุกนั่งปลอดภัย ใส่ใจผู้สูงอายุ ของจังหวัดนครพนมที่กำลังดำเนินการเปลี่ยนโถแบบนั่งยองเป็นโถชักโครกให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ขาดแคลน ผู้ด้อยโอกาส เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ได้มีระบบห้องสุขาที่ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย โดยเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วนช่วยกันบริจาคทุนทรัพย์และแรงกายช่วยกัน และในพื้นที่ตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมืองนครพนม มีผู้สูงอายุที่ยังขาดแคลนและมีความต้องการอีกจำนวนมาก ทำให้คณะเพื่อนนายอำเภอ รุ่น 50 อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้บริจาคเงินร่วมโครงการ 18,000 บาท เพื่อมาจัดซื้อโถชักโครกที่ราคาโถละ 1,500 บาท ร่วมกับสถานประกอบการและผู้ใจบุญท่านอื่น ๆ และในวันนี้ 30 มีนาคม 2566 จึงได้ร่วมกับนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะลงพื้นที่ส่งมอบโถสุขภัณฑ์ ปันสุขที่ทุกคนได้ร่วมกันบริจาคส่งมอบให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งสิ้น 23 โถ

โดยในโอกาสนี้ยังได้ร่วมเยี่ยมชมและให้กำลังใจตัวแทนหมู่บ้าน ที่จะเป็นจิตอาสามาช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหาอัคคีภัยจากระบบไฟฟ้ารัดวงจรในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้จากวิทยากรสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า การต่อระบบสายดิน การต่อสายไฟฟ้าแบบต่าง ๆ การตรวจสอบจุดบกพร่องของระบบไฟฟ้าและการแก้ไขเบื้องต้น การแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุดเบื้องต้น การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากหลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอด LED เพื่อช่วยในการประหยัดไฟในบ้านลดการใช้พลังงาน โดยเป็นการอบรมที่เน้นความเข้าใจ ก่อนลงมือทำบนพื้นฐานของความปลอดภัยและได้มาตรฐานด้วย

นครพนม พัฒนาชาวบ้านสู่การเป็นช่างไฟฟ้าชุมชน แก้ปัญหาไฟไหม้ในพื้นที่

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากปัญหาอัคคีภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ส่วนใหญ่มาจากระบบไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด เสื่อมสภาพ และอื่น ๆ นำมาซึ่งการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ทางอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ทำการสำรวจ ให้คำแนะนำประชาชน และช่วยกันปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีการชำรุดให้กับมามีสภาพพร้อมใช้งาน แต่ด้วยบุคลากรในแต่ละชุมชนมีผู้ที่เชี่ยวชาญในระบบไฟฟ้าน้อยและมีไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของอบรมพัฒนาทักษะความสามารถตัวแทนชาวบ้านในหมู่บ้านต่าง ๆ และในวันนี้นายสมบูรณ์ นาคะอินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จัดการฝึกอบรมขึ้น จึงได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ และสอบถามถึงความก้าวหน้าในการอบรมที่แต่ละคนได้รับความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม ก่อนที่จะได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในครอบครัวและชุมชนของตนเอง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกันการเกิดอัคคีภัยจากสาเหตุไฟฟ้ารัดวงจรในหมู่บ้าน รวมถึงนำความรู้ที่ได้รับไปขยายผลต่อเป็นอาชีพ

ด้านนางสาวพร้อมมงคล วงศ์บุญปู ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ ทั้งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน และครูฝึกฝีมือแรงงาน ลงพื้นที่มาถ่ายทอดความรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแบบเน้นความเข้าใจก่อนลงมือทำเพื่อความปลอดภัย โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า การต่อระบบสายดิน การต่อสายไฟฟ้าแบบต่าง ๆ การตรวจสอบจุดบกพร่องของระบบไฟฟ้าและการแก้ไขเบื้องต้น การแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุดเบื้องต้น การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากหลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอด LED เพื่อช่วยในการประหยัดไฟในบ้านและช่วยประเทศลดการใช้พลังงาน โดยจากการประเมินแล้วพบว่าผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้มีความสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก มีคำถามตลอดเวลา ทำให้เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไม่กล้าซักถามได้คลายข้อสงสัยไปด้วย โดยเฉพาะภาคปฏิบัติที่มีการสังเกตและช่วยเตือนซึ่งกันและกัน จึงมองว่าทุกคนสามารถแก้ไขระบบไฟฟ้าภายในบ้านได้ด้วยตนเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งช่างไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและชุมชนแล้ว ยังเพิ่มความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาที่เป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุของการเกิดระบบไฟฟ้ารัดวงจร นำมาซึ่งการสูญเสียของหลาย ๆ ครอบครัว และอยากให้ผู้ที่ฝึกอบรมในวันนี้ ได้ไปเข้าทดสอบความรู้ความสามารถ เพื่อขอหนังสือรับรองผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ซึ่งถ้าได้มาจะเป็นเครื่องหมายการันตีได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นช่างไฟฟ้าที่มีมาตรฐานได้รับการยอมรับ เวลาที่ไปสมัครงานบริษัทหรือแม้แต่ผู้บริโภคที่มาใช้บริการ ก็จะมีความเชื่อมั่น เชื่อใจว่าได้ช่างที่มีมาตรฐาน มีฝีมือ งานที่ได้มีความปลอดภัย และในโอกาสนี้ก็อยากจะฝากถึงประชาชนที่สนใจอยากจะมาฝึกกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม ก็สามารถเข้าไปยื่นสมัครอบรมได้ที่สถาบันฯ หรือจะใช้วิธีรวมกลุ่มกันอย่างน้อย 20 คน แล้วให้ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นเป็นตัวแทนเข้าไปยื่นเอกสารขอการสนับสนุน ทางสถาบันฯ ก็พร้อมที่จะออกมาฝึกให้ในพื้นที่เลย


นครพนมจัดงานบุญเดือน 5 บูชาพระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเสาร์

วันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมงานบุญเดือน 5 บูชาพระธาตุนคร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเสาร์ โดยในเวลา 6.00 น. นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองนครพนมได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำพุทธศาสนิกชนอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจากแม่น้ำโขง มีพระครูกิตติสุตานุยุต เจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จากนั้นร่วมกันแห่ขบวนอัญเชิญมาประดิษฐานที่หอด้านข้างองค์พระธาตุนคร ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ ถนนสุนทรวิจิตร อำเภอเมืองนครพนม และในเวลา 9.30 น. นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานนำทุกคนประกอบพิธีทำบุญตักบาตร โดยมพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ก่อนที่จะประกอบพิธีเปิดงาน และให้นางรำ จำนวน 90 ชีวิต ได้ประกอบพิธีรำบวงสรวงถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อนมัสการองค์พระธาตุนคร โดยงานดังกล่าวจะมีไปจนถึงวันที่ 5 เมษายน 2566

สำหรับการประกอบพิธีนมัสการพระธาตุของจังหวัดนครพนมที่มี 7 วัน 8 พระธาตุนั้น จะเริ่มที่พระธาตุพนมที่เป็นพระธาตุประจำวันอาทิตย์โดยจะเป็นงานบุญเดือน 3 จากนั้นงานบุญเดือน 4 จะเป็นงานนมัสการพระธาตุประจำวันองค์อื่นๆเรียงลำดับมาเรื่อย ๆ จนมาสิ้นสุดที่พระธาตุนครที่เป็นพระธาตุประจำวันเสาร์ โดยจะตรงกับงานบุญเดือน 5 ที่เป็นงานบุญแรกของการทำบุญรับศักราชใหม่ของคนไทย เพราะตรงกับช่วงเดือนเมษายนที่เป็นปีใหม่ไทย ทั้งนี้ พระธาตุนคร สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 โดยพระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) แม่ทัพใหญ่ที่มาจากเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2465 โดยลักษณะของพระธาตุนครจะมีลวดลายที่วิจิตรบรรจงตระการตา รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 4.85 เมตร สูงประมาณ 24 เมตร สร้างตามแบบพระธาตุพนมองค์เดิม มีฐานใหญ่ 2 ฐาน ต่อลดหลั่นกันตามลำดับ โดยแต่ละฐานจะมีรูปประตูอยู่ตรงกลางและบนประตูจะเป็นรูปคล้ายบัวบาน ที่ยอดเป็นฉัตรทองแดงเหลืองเจ็ดชั้น มีลูกแก้วเจียระไน 1 ดวง อยู่สูงสุด ขณะที่ฐานมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีซุ้มประตูอยู่ตรงกลางทุกด้าน เหนือซุ้มประตูมีรูปปั้นเทพนั่งขัดสมาธิประนมมือ (เทพพนม) เป็นเทพมเหศักดิ์พิทักษ์รักษาองค์พระธาตุ และที่มุมกำแพงมีเสาสูงทำเป็นดอกบัวตูม ภายในองค์พระธาตุนครจะบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ ที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ถวาย ซึ่งในทุกปีชาวจังหวัดนครพนมจะพร้อมใจกันจัดงานนมัสการในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 โดยเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์ เสริมบุญบารมี และมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน


วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566

ศอ.ปส.นครพนม เดินหน้าช่วยเหลือบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด รุ่นที่ 12 คืนคนดีสู่สังคม

วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมจังหวัดนครพนม กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ที่ 1 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการช่วยเหลือผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นสภาพทางสังคมจังหวัดนครพนม ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิด ทัศนคติของผู้ป่วยยาเสพติดในพื้นที่ให้สามารถลด ละเลิก ไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตลอดจนการเสริมสร้างสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง จนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชนของตนเอง ป้องกันผู้ป่วยยาเสพติดที่อาจมีอาการทางจิตเวชไปก่อเหตุใช้ความรุนแรงในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า สถานการณ์ยาเสพติดของจังหวัดนครพนมนั้นยังคงมีการจับกุมและตรวจยึดได้อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์สามารถตรวจยึดยาบ้าได้มากเกือบถึง 2 ล้านเม็ด อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตรวจยึดยาไอซ์ได้ 617 กิโลกรัม และ 2 วันที่ผ่านมาก็จับเพิ่มได้อีก 106 กิโลกรัม ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เข้ามา จะทำให้คนไทยของเราไม่ว่าจะเป็น เด็ก เยาวชน คนทำงาน รวมถึงคนที่มาใช้ในทางที่ผิดจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของคนที่ใช้ วันนี้รัฐบาลจึงได้มีโครงการช่วยเหลือผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นสภาพทางสังคมจังหวัดนครพนมขึ้นมา เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยยาเสพติดได้มาเข้าค่ายรุ่นละ 15 วัน ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 ที่จัดที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ที่ 1 แต่เป็นรุ่นที่ 12 ของจังหวัดนครพนมที่มีการจัด โดยวัตถุประสงค์หลัก ๆ คือ อยากให้ทุกคนได้เข้าใจในวิธีการที่จะเลิก ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งวิทยากรจากหน่วยงานต่าง ๆ จะมาช่วยกันให้ความรู้ ให้คำปรึกษาและคำแนะนำ เพื่อไม่ให้ทุกคนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนผู้ที่ใช้จะทำอย่างไรให้เลิกยาเสพติดได้ รวมทั้งคนที่คิดจะใช้จะมีมาตรการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เข้าไปมีความเสี่ยงจากตรงนั้น โดยทั้งหมดเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีการอบรมรมวิชาชีพเพิ่มเติมให้ด้วย เพื่อที่หลังจากที่ผ่านการอบรมแล้วทุกคนจะได้มีอาชีพติดตัวไปหารายได้มาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ทั้งนี้อยากจะฝากทุกคนที่มาเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ว่า ถ้าใจมีความเข้มแข็ง แข็งแรง ท่านจะสามารถเลิกยาเสพติดได้อย่างแน่นนอน และขอให้ทุกคนได้ตั้งใจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยผิดพลาดไปแล้ว เพื่อกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของครอบครัว


พ่อเมืองนครพนม บูรณาการร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน 6 อำเภอ ที่เดือดร้อนจากเหตุพายุพัดบ้านเรือนเสียหาย กว่า 166 หลัง

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ได้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรง พัดบ้านเรือนประชาชนเสียหายเบื้องต้นในพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดนครพนม คือ อำเภอเมืองนครพนมบ้านเสียหาย 39 หลังคาเรือน อำเภอท่าอุเทนบ้านเสียหาย 14 หลังคาเรือน อำเภอนาหว้าบ้านเสียหาย 1 หลังคาเรือน อำเภอศรีสงครามบ้านได้รับความเสียหาย 92 หลังคาเรือน โรงเรียนอาคารเสียหาย 1 หลัง และวัดเสียหาย 1 หลังคาเรือน อำเภอโพนสวรรค์บ้านเสียหาย 14 หลังคาเรือน วัดเสียหาย 1 หลังคาเรือน คอกสัตว์ 1 คอก ยุ้งข้าวเสียหาย 2 ยุ้งข้าว และอำเภอนาแกบ้านได้รับความเสียหาย 6 หลังคาเรือน คอกสัตว์ 3 คอก และยุ้งข้าว 4 ยุ้งข้าว ซึ่งเหตุที่เกิดพายุฤดูร้อนแม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

โดยหลังพายุสงบลงได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ทำการปกครองอำเภอทั้ง 6 อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยอื่น ๆ บูรณาการร่วมกับกำลังพลของมณฑลทหารบกที่ 210 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ช่วยกันเก็บซากปรักหักพัง และรื้อถอนส่วนที่สามารถทำได้เพื่อเร่งซ่อมแซมบ้านให้กับประชาชน ให้สามารถเข้าอยู่อาศัยได้เหมือนปกติ รวมถึงสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค และเร่งสำรวจความเสียหายทั้งหมด แต่ด้วยบ้านที่เสียหายมีจำนวนหลายหลังจึงทำให้ไม่แล้วเสร็จในวันเดียวประกอบกับในเช้าวันที่ 28 มีนาคมในหลายพื้นที่ก็ต้องประสบกับฝนที่ตกลงมาซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นในวันนี้จึงได้มีการกระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจติดตาม เยี่ยมให้กำลังใจ และเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและเป็นไปด้วยความรวดเร็วที่สุด โดยให้ใช้วิธีจัดซื้อวัสดุตามความเสียหายจริง และบูรณาการกำลังพลจากฝ่ายต่าง ๆ เข้าดำเนินการรื้อถอนและซ่อมแซมบ้านให้กับประชาชนให้กลับมาเป็นปกติเร็วที่สุด


วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566

นครพนม ร่วมรับฟังการชี้แจงแนวทางการจัดทำวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคตของกลุ่มจังหวัด

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้ตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคตของกลุ่มจังหวัด ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดขึ้น ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( Zoom Meeting ) เพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคตกลุ่มจังหวัด ที่ต้องจัดทำให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบาย และแผนระดับต่าง ๆ โดยยึดยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดอย่างต่อเนื่อง บรรลุผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม บนพื้นฐานศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในกลุ่มจังหวัดที่ไม่ซ้ำซ้อนกับความต้องการของประชาชนในแต่ละจังหวัด เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ.2565 โดยกำหนดเป็นโครงการสำคัญขนาดใหญ่ที่จะดำเนินการและก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันหรือเชื่อมโยงกันมากกว่า 1 จังหวัด

ซึ่งกำหนดให้กลุ่มจังหวัดจัดส่งวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคตกลุ่มจังหวัด ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570 ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เพื่อให้อนุกรรมการประจำภาคพิจารณากลั่นกรอง ก่อนเสนอ ก.น.บ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดต่อไป


นรข.นครพนม บูรณาการร่วมจับผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาไอซ์มูลค่า 53 ล้านบาท

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่สโมสรสัญญาบัตรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) อ.เมือง จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล รอง ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พลตำรวจตรีธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นาวาเอกนิคม แจ่มยิ่ง เสนาธิการกองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันเอกสมหมาย บุษบา รอง ผบ.กอ.รมน.นพ นายสมลักษ์ ยกน้อยวงศ์ ปลัดจังหวัดนครพนม พันตำรวจโท ศุภมิตร กะตะศิลา รองผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองนครพนม พ.ต.ท.โกเศษฐ์ คำคูณ รอง ผกก.สส.สภ.ท่าอุเทน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอช์ จำนวน 106 กิโลกรัม รวมผู้ต้องหา 1 ราย จากการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันปฏิบัติการในคืนวันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากที่ พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผบ.นรข.ได้รับแจ้งจากซาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้ามทาในพื้นที่บริเวณ บ้านท่าอุเทน ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จึงได้สั่งการให้ น.อ.กษิดิ กลิ่นศรีสุข ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมทั้ง น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หน.สน.เรือนครพนม และประสานไปยัง ชุดปฏิบัติการข่าว ร้อย ตชด.237 เพื่อเข้าตรวจสอบข่าวดังกล่าว พร้อมจัดชุดลาดตระเวนแฝงตัวเข้าทำการซุ่มตามจุดที่ได้รับแจ้ง กระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ได้ตรวจพบเรือเพลายาวติดเครื่องแล่นด้วยความเร็วมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตัดลำแม่น้ำโขง มาจอดบริเวณด้านใต้ของท่าทรายบริษัทแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดที่เจ้าซุ่มประมาณ 30 เมตร จากนั้นได้โยนวัตถุต้องสงสัยมายังฝั่งแล้วหันหัวเรือขับกลับไปทันที ไม่นานก็มีชาย 2 คนมาแบกเอาวัตถุต้องสงสัยเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ ทำให้ชายทั้ง 2 ตกใจแยกย้ายกันวิ่งหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับมาได้หนึ่ง 1 คน เป็นชาวลาว บ้านชะโงม เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน พร้อมของกลางยาไอซ์ 106 กิโลกรัม มีมูลค่า 53 ล้านบาท โดยภายหลังผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเพื่อนที่กำลังหลบหนี ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะได้เงินค่าจ้าง 10,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำผู้ต้องหา และของกลางทั้งหมด ส่ง พนง.สอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2566

นรข.นครพนม บูรณาการร่วม ตรวจยึดยาไอซ์ ยาบ้า และกัญชา มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

วันที่ 26 มีนาคม 2566 ที่สโมสรสัญญาบัตรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) อ.เมือง จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันตำรวจเอก ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม พันตำรวจเอก สุนันท์ สร้อยสุด ผู้กำกับการสถานีตำรวจบ้านแพง นายสมรัก ยกน้อยวงศ์ ปลัดจังหวัดนครพนม นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ นายด่านศุลกากรนครพนม พันตำรวจโท ศุภมิตร กะตะศิลา รองผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครพนม (1) ร้อยเอก ธนโชติ ณ นคร ผู้บังคับกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2108 พันตำรวจโทเรวัช จำปาน ผบ.ร้อยตชด.237และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอช์ จำนวน 617 กิโลกรัม ยาบ้า 3,000 เม็ด และกัญชา 123 แท่ง/กิโลกรัม จากการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันปฏิบัติการ 2 กรณี ในคืนวันที่ 25 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

โดยกรณียาไอซ์ เป็นการตรวจยึดได้ ภายหลังสายลับได้มีการแจ้งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บริเวณรอยต่อบ้านนาเขท่ากับบ้านปากห้วยม่วง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ผบ.นรข. จึงได้สั่งการให้ นาวาตรีสมเจตน์ ค้าทวี หน.สน.เรือบ้านแพง บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง เพื่อวางแผนเข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย กระทั่งเวลา 20.30 น. ชุดลาดตระเวนได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือกีบเพลายาวขับมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นได้ไหลเรือเข้ามาจอดบริเวณสวนปาล์มน้ำมัน ห่างจากจุดเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 100 ร้อยเมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าปิดระยะเพื่อตรวจสอบ แต่ในเวลาไม่นานก็พบว่าบุคคลที่มากับเรือ 2 คนได้ขับเรือออกไปด้วยความรวดเร็วจากจุดที่จอด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดระยะได้สำเร็จ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พบมีวัตถุสีดำวางกองอยู่บริเวณบันไดทางลงแม่น้ำ จำนวน 14 กระสอบ คาดว่าจะเป็นยาเสพติด จึงได้มีการประสานชุดสนับสนุนกระจายกำลังร่วมกันเฝ้าวัตถุดังกล่าว กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพบภายในเป็นยาไอซ์ จำนวน 617 กิโลกรัม ที่บรรจุอยู่ในถุงชาเขียว ตราอักษร GUANYINWANG และพิมพ์ตัวเลข 388 สีดำอีกชั้น จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางพร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนอีกกรณีเป็นการตรวจยึดยาบ้าและกัญชา จากการที่มีพลเมืองดีแจ้งเข้ามายัง ผบ.นรข. ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บริเวณบ้านเมืองเก่า ตบลท่าค้อ อำเภอเมือง จึงได้สั่งการให้นาวาเอก กษิดิ กลิ่นศรีสุข ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมด้วยนาวาโทวรภัทร แสงสุวรรณ หน.สน.เรือนครพนม ประสานไปยัง สภ.เมืองนครพนม เพื่อเตรียมการสกัดกั้นและมีการจัดชุดลาดตระเวนเข้าตรวจสอบพื้นที่ กระทั่งเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเรือเพลายาวแล่นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วยความรวดเร็ว จากนั้นบุคคลบนเรือที่มาด้วยกัน 2 คนได้โยนวัตถุบางอย่างลงมาไว้ที่ริมฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวโดยการฉายไฟและสั่งให้หยุด เมื่อเห็นดังนั้นบุคคลดังกล่าวมีอาการตกใจ พร้อมกับทิ้งวัตถุต้องสงสัยกระโดดขึ้นเรือที่ติดเครื่องอยู่ตลอดเวลาขับมุ่งหน้าสู่ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบเป็นยาบ้า จำนวน 3,000 เม็ด และกัญชาอัดแท่ง จำนวน 123 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

และในโอกาสนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการกล่าวถึงขบวนการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ว่ามีพฤติการณ์ที่คอยสังเกตการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เมื่อสบโอกาสจะใช้ช่องว่างนำเข้ายาเสพติดทันที ซึ่งต้องขอขอบคุณพลเมืองดีทุกท่านที่คอยช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งข่าวเข้ามาจนนำไปสู่การตรวจยึดในครั้งนี้ โดยขอยีนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคน สำหรับมูลค่ายาไอซ์ที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้สูงถึง 300 กว่าล้านบาท เพราะปัจจุบันมีการลักลอบจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 500,000 บาท ซึ่งถ้าหลุดรอดไปได้จะส่งผลเสียหายต่อประเทศเป็นอย่างมาก

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566

ททท.ร่วมกับ จังหวัดนครพนม และภาคเอกชน จัดกิจกรรมไนท์รัน “วิ่งเยือนถิ่นนทีริมโขง ม่วนซื่นของดี สบายดีนครพนม ประจำปี 2566”

วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมโรงแรมเดอะริเวอร์ อ.เมือง จ.นครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผอ.ททท.สำนักงานนครพนม พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม นายโชคดี มังคละคีรี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม และ นายธนพัต ฑีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “วิ่งเยือนถิ่นนทีริมโขง ม่วนซื่นของดี สบายดีนครพนม ประจำปี 2566” ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 1-2 เมษายน 2566

โดยเป็นกิจกรรมที่แปลกใหม่ เปิดมุมมองการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพยามค่ำคืนของจังหวัดนครพนม ที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะที่มีความหลากหลายแตกต่างจากการเห็นในช่วงกลางวัน ที่สำคัญเป็นการเปิดประสบการณ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การออกกำลังกาย เดิน วิ่ง และปั่นจักรยานเพื่อชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง สำหรับการวิ่งในครั้งนี้เป็นการวิ่งในระยะทาง 7 กิโลเมตร ตามเส้นทางจักรยานที่มีความสวยงามคดเคี้ยวตามลำแม่น้ำโขง เริ่มจากลานพญาศรีสัตตนาคราช ไปจนถึง อุโมงค์นาคราช แล้วย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น ซึ่งจะผ่านสถานที่สำคัญ เช่น หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ พิพิธภัณฑ์ศาลจังหวัดนครพนม พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเดิม) และวัดนักบุญอันนา – หนองแสง ที่สำคัญงานนี้มีการประกอบพิธีบวงสรวงเหรียญที่ระลึกต่อหน้าองค์พญาศรีสัตตนาคราช ที่หลายคนเป็นสายมูเชื่อว่ามีบารมีมาก ประทานโชค ลาภ เงิน ทอง และสิ่งของต่าง ๆ ให้ตามคำขอ จนผู้ที่สมหวังเดินทางมาแก้บนทุกวันไม่ขาดสาย เพื่อเตรียมไว้ให้เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ที่เข้าเส้นชัย นอกจากนี้ภายหลังสิ้นสุดกิจกรรมยังจะมีการแสดงจากศิลปินหมอลำชื่อดัง น้องเบลล์ นิภาดา มาแสดงให้ได้รับชม พร้อมกับการออกร้านอาหารภายใต้เทศกาลอาหารของดีจังหวัดนครพนม ที่จะมีเมนูเด็ด ๆ มาให้ทุกคนได้ทดลอง ทั้งยังตรงกับเทศกาลถนนคนเดินของเทศบาลเมืองนครพนม ที่เป็นการเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ให้ทุกคนได้เลือกหาของฝาก ของที่ระลึกและของที่ใช่ไปให้คนที่ชอบ ที่รักอีกด้วย

สำหรับการวิ่งในครั้งนี้ตั้งเป้าผู้ที่จะมาร่วมวิ่งไว้ที่ 1,000 คน ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้าร่วมแล้ว 400 คน โดยจะปิดรับสมัครในวันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 23:59 น. ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ทาง https://race.thai.run/nakhonphanomnightrunfestival2023 ในราคา 450 บาท ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 080-084-9457, 080-7936354 หรือทาง https://www.facebook.com/NakhonphanomNightRunFestival2023


นครพนม ผุดไอเดียร์อนุรักษ์ภูมิปัญญา สานความสามัคคี ลดวิถีการใช้โฟมและพลาสติกกับโครงการสวมผ้าไทย ใส่ผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ช่วงนี้รัฐบาลมีการรณรงค์ให้ทุกคนได้สวมใส่ผ้าไทย และจังหวัดนครพนมได้มีการสนองนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด จึงได้กำหนดโครงการสวมผ้าไทย ใส่ผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการทุกคนได้มารับประทานอาหารร่วมกัน โดยการสวมใส่ผ้าไทยมาทำงานพร้อมกับการถือปิ่นโตนำอาหารมาจากบ้านเพื่อมารับประทานร่วมกัน ซึ่งจะเป็นทั้งการรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย สนับสนุนและเผยแพร่ภูมิปัญญาผ้าพื้นถิ่นของจังหวัดนครพนมที่มีอยู่อย่างหลากหลายให้ดำรงค์อยู่เป็นความภาคภูมิใจของคนนครพนม ประชาสัมพันธ์ให้บุคคลทั่วไปได้รู้จักผ้ามุกนครพนม ผ้าย้อมสมุนไพรไม้มงคล ผ้าลายพระราชทาน และผ้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น พร้อมเป็นการปลุกเศรษฐกิจชุมชนให้คึกคัก เป็นการสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

นอกจากนี้ยังเป็นการรณรงค์ในเรื่องของการลดการใช้พลาสติกและโฟมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดความรักความสามัคคี การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงพี่น้องประชาชน ภาคเอกชนทุกหมู่เหล่า ที่ได้มาพบปะพูดคุยกันในวงการรับประทานอาหารร่วมกันในแต่ละครั้ง

โดยในวันนี้เป็นการร่วมกันถ่ายภาพเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายใต้โครงการสวมผ้าไทย ใส่ผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต ที่จะเริ่มครั้งแรกในเดือนเมษายน ส่วนวันที่นั้นจะมีการปรึกษาทุกภาคส่วนก่อน ว่ามีความเหมาะสมและสามารถจัดได้ในวันที่เท่าไหร่ จากนั้นจะมีการแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ จึงขอฝากเชิญชวนทุกคนล่วงหน้า ทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน ได้มาร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ด้วยกัน


วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566

นครพนม สร้างครู ก ถ่ายทอดความรู้เรื่องแอพ ThaID พิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการพัฒนาระบบรับรองการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วนเข้าไว้ด้วยกัน แทนระบบเดิมที่ผู้ให้บริการและผู้รับบริการต้องมาเผชิญหน้าและแสดงตนเพื่อยืนยันตัวตนด้วยเอกสารทางราชการ โดยได้มีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Thai Digital Identity (ThaID) หรือ ไทยดี ที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการลงทะเบียนทำธุรกรรมต่าง ๆ แทนการใช้บัตรประชาชนและเอกสารทะเบียนบ้าน แก้ปัญหาการแสวงหาประโยชน์ การทุจริต การกระทำต่าง ๆ ที่แฝงมาด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ทั้งยังลดความเสี่ยงในการใช้เอกสารราชการปลอมในกระบวนการยืนยันตัวตนของระบบเดิม ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปติดต่อกับราชการที่สำนักงาน เป็นการตอบสนองต่อการบริการประชาชนของภาครัฐและภาคเอกชนให้ได้รับความสะดวกให้การประกอบธุรกิจและการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในยุคดิจิทัล

โดยแอพพลิเคชันดังกล่าวเป็นการพัฒนาระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า (Face Verification Service) เพื่อให้หน่วยงานผู้ให้บริการด้านพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลใช้บริการ โดยการส่งเลขประจำตัวประชาชนพร้อมรูปภาพใบหน้าตามรูปแบบที่กรมการปกครองกำหนด เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลของกรมการปกครอง และตอบกลับผลการเปรียบเทียบเป็นร้อยละของคะแนน เช่น ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนในท่าอากาศยานในประเทศ ยืนแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใช้ยืนยันตัวตนเข้าสู่เว็บไซต์ การแจ้งย้ายที่อยู่ คัดและรับรองเอกสารทางทะเบียน ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลบนมือถือ

ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ได้เข้ามาใช้ระบบที่มีความปลอดภัยที่กระทรวงมหาดไทยได้พัฒนาขึ้นมานี้ จึงได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงแนวทางการใช้งานแอพพลิเคชั่น ThaID ให้กับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด และข้าราชการทุกคนทุกสังกัด ที่มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ภายในพื้นที่ศาลากลางจังหวัดนครพนมให้ได้รับทราบถึงคุณสมบัติ คุณประโยชน์ ขั้นตอนการยืนยันตัวตนและการใช้งานแอพพลิเคชั่น พร้อมมอบหมายให้ทุกคน เป็นครู ก นำความรู้ที่ได้รับไปประชาสัมพันธ์ขยายผลต่อยังคนในครอบครัวและประชาชนผู้มาใช้บริการหน่วยงาน พร้อมกันนี้ก็ได้กำหนดแนวนโยบายการประชาสัมพันธ์การใช้แอพพลิเคชั่นในรูปแบบดาวกระจาย โดยกลไกของแต่ละภาคส่วนบูรณาการร่วมกันดำเนินการ เช่น ให้นโยบายนายอำเภอใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนราชการประจำอำเภอขยายผลการรับรู้กับประชาชนในพื้นที่ ให้สาธารณสุขจังหวัดใช้กลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ช่วยขยายผลเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการทำธุรกรรมภาครัฐ ผ่านช่องทางดิจิทัล ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น ThaID ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งมือถือระบบ android และ iOS


เซลล์แมนนครพนม ดึง 2 ห้างดังช่วยรับซื้อสับปะรด GI ให้เกษตรกรล่วงหน้า

วันที่ 23 มีนาคม 2566 ที่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรด GI บ้านกุดกุ่มน้อย ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การซื้อสับปะรดท่าอุเทน หรือ สับปะรด GI ของจังหวัดนครพนม ที่เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างตัวแทนวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรด GI ตำบลโนนตาล และกลุ่มแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรดอำเภอโพนสวรรค์ กับตัวแทนบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (Tops Market) และบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม ที่คณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) ได้จัดขึ้น

เพื่อหาช่องทางการตลาดให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ ให้ได้มีช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากการขายผ่านพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อหน้าสวน ทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ว่าเมื่อเก็บผลผลิตจะมีตลาดรองรับอย่างแน่นอนเพราะเป็นการตกลงรับซื้อล่วงหน้า ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดนครพนม ในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่ สร้างเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร สร้างรายได้ที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อเกษตรกร ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

โดยสับปะรด GI ของจังหวัดนครพนม เป็นสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียสายน้ำผึ้ง ที่พอเกษตรกรชาวสวนนำมาปลูกในพื้นที่อำเภอท่าอุเทนและอำเภอโพนสวรรค์แล้วกลายพันธุ์ตามสภาพพื้นดินและสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างออกไปจากสายพันธุ์เดิม คือ มีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอม ไม่กัดลิ้น และตาตื้น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนที่ได้รับประทานและมีการบอกต่อถึงความอร่อยที่ไม่เหมือนที่อื่น โดยในช่วงเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดมากที่สุด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง สำหรับการลงนามในครั้งนี้เบื้องต้นได้ตกลงที่จะรับซื้อสับปะรดเป็นลูก ขนาดน้ำหนักต่อลูกประมาณ 1.5 - 1.8 กิโลกรัม ส่วนราคาจะมีการตกลงกันอีกครั้งตามปริมาณและคุณภาพที่สามารถผลิตได้ ซึ่งจะมีการรับซื้อตลอดฤดูกาลผลิต


วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2566

นครพนม จับมือ 2 ห้างดัง ขายลิ้นจี่ GI ล่วงหน้าช่วยเกษตรกรในพื้นที่

วันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ลิ้นจี่ นพ.1 บ้านขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การซื้อลิ้นจี่นครพนม สายพันธุ์ นพ.1 ระหว่างนายอุทัย อุทาวงศ์ ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ลิ้นจี่ นพ.1 กับนายชัยรัตน์ เพชรดากูล ผู้ช่วยกรรมการใหญ่ตัวแทน บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (Tops Market) และนางอภิจง ก้อนจ้าย ผู้จัดการ บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)สาขานครพนม ที่คณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) จัดขึ้น เพื่อหาช่องทางการตลาดให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกลิ้นจี่ นพ.1 ให้มีช่องทางการตลาดนอกเหนือจากช่องทางการจำหน่ายตามปกติที่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจด้านการตลาดแก่เกษตรกรผู้ปลูกภายใต้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดนครพนมในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่

โดยลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 หรือ นครพนม 1 เป็นลิ้นจี่ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว คือ มีผลใหญ่ เนื้อแห้งไม่เละ มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่มีรสฝาด ทําให้เป็นที่นิยมรับประทานของประชาชนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ เป็นผลไม้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (Geographical Indications หรือ GI) มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งในแต่ละปีจะมีผลผลิตเริ่มออกมาให้ประชาชนได้รับประทานในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม โดยในปี 2566 นี้ จังหวัดนครพนมคาดว่าจะมีผลผลิตลิ้นจี่มากกว่าปีที่ผ่านดังนั้นคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) จึงได้ประสาน 2 บริษัท เพื่อร่วมกันจำหน่ายลิ้นจี่ นพ.1 ในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ให้มีช่องทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาล่วงหน้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายผลผลิตทั่วประเทศที่จะมีออกมาพร้อมกัน ทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร ว่าจะสามารถจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล เพราะเป็นการตกลงล่วงหน้าก่อนผลผลิตจะออกสู่ตลาด
โดยบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (Tops Market) และบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 80 บาท จำนวนบริษัทละ 8 ตัน สำหรับการจัดส่งจะมีการแจ้งล่วงหน้าถึงจำนวนและปริมาณที่บริษัทต้องการเป็นรอบ ๆ และในโอกาสนี้นายไพโรจน์ คล้ายแก้ว ผู้บริหารสำนักงานใหญ่บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ยังได้มีการพูดถึงแนวของบริษัทที่เน้นในเรื่องอาหารปลอดภัยและคุณภาพตามอัตลักษณ์ของสินค้านั้นๆ ซึ่ง 1,000 กว่าสาขาที่มีพร้อมรับไปจำหน่ายช่วยเหลือเกษตรกร โดยตั้งเป้าว่าจะมีการรับซื้อลิ้นจี่นครพนมเพิ่มเติมจากที่ตกลงกันไว้อีกหากมีผลผลิตมากพอ รวมทั้งมีการเตรียมที่จะโปรโมทและผลักดันสินค้า GI ร่วมกับกรมส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนี้ยังมีตลาดจริงใจ 32 สาขาที่พร้อมให้เกษตรกรได้นำผลผลิตไปขายตรงกับผู้บริโภคเองแต่ถ้าไม่สะดวกสามารถให้บริษัทขายให้ก็ได้

นครพนม บูรณาการร่วมตั้งศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาวะวิถีพุทธ ดูแลพระสงฆ์ สามเณรและแม่ชีในพื้นที่

วันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมวิทยาลัยสงฆ์นครพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระเทพวรมุณี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ประสานงานสุขภาวะวิถีพุทธ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ครั้งที่ 1/2566 และการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการที่บ้าน วัด โรงเรียน สถานบริการสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะร่วมกันพัฒนาระบบเฝ้าระวังสุขภาพพระสงฆ์โดยชุมชนมีส่วนร่วม พัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี และบุคคลทั่วไปในระดับพื้นที่ มีการให้บริการพระสงฆ์ที่อาพาธแบบไร้รอยต่อ มีการพัฒนาวัดและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพสามารถป้องกันและควบคุมโรคที่อาจระบาดได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ให้เข้าถึงกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น โดยมีแผนการดำเนินงานในทิศทางเดียวกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

ผศ.ดร.ปฏิธรรม สำเนียง รองผู้จัดการโครงการสร้างเสริมสุขภาพในกลุ่มพระสงฆ์ เปิดเผยว่า ศูนย์ประสานงานสุขภาวะวิถีพุทธ เกิดขึ้นมาจากธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2560 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ดำเนินการและทบทวนผลการขับเคลื่อนงานมาอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะมีการจัดทำฉบับใหม่ออกมาในวันวิสาขบูชาโลกที่จะถึงนี้ โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมสำหรับพระสงฆ์ในการสร้างนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพ ซึ่งศูนย์ประสานงานสุขภาวะวิถีพุทธเป็นความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) จัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการเก็บและจัดทำฐานข้อมูลคณะสงฆ์ รวมทั้งคืนข้อมูลด้านสุขภาวะที่ได้ให้กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างและกำหนดนโยบายด้านสุขภาพในระดับพื้นที่

และช่วงนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานสุขภาวะวิถีพุทธทั่วประเทศตามเขตปกครองคณะสงฆ์ 18 ภาคการปกครอง โดยคณะสงฆ์ภาค 10 ได้เลือกที่จะจัดตั้งที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นแบบโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมของพระสงฆ์ในระบบสุขภาพ ตามสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ 8 อุดรธานีที่มีการคัดเลือกว่าเป็นหน่วยที่มีผลงานยอดเยี่ยม ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเสริมศักยภาพศูนย์แห่งนี้ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะขยายผลไปยังศูนย์อื่น ๆ อีกอย่างน้อย 3 ศูนย์ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับพระสงฆ์ทั่วประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนาโดยกิจกรรมหลัก ๆ จะเป็นการรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพคณะสงฆ์ทั้งพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี และนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ที่อาจจะออกมาในรูปแบบธรรมนูญพระสงฆ์ ออกมาในรูปแบบแผนพัฒนาสุขภาพตำบล หรือนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่เป็นระดับพื้นที่ ที่มีทั้งการติดตาม ประเมินและหนุนเสริมศักยภาพตลอดเวลา

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566

ข้าราชการผู้ยึดเส้นทางสายกลางและทุ่มเทเพื่อประชาชน

ข้าราชการแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ต่างก็มีหน้าที่ในการปฏิบัติที่แต่ต่างกันออกไปในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเพื่อพัฒนาประเทศและให้บริการพี่น้องประชาชน ดังนั้นแต่ละคนจึงมีเทคนิคและวิธีการในการดำเนินงานที่แตกต่างกันออกไป และด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ จึงส่งผลให้ใครหลายคนได้รับรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติ และหนึ่งในนั้นก็คือ รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับประเทศ เรามาดูว่าหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าเพื่อเป็นต้นแบบให้กับข้าราชการคนอื่น ๆ มีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร

นายจักรประพันธ์ ป้อมศรี จ่าจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ในเรื่องการดำรงชีวิตนั้นตนเองตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง มีความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัว ไม่ประมาท ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแนวทางในการดำเนินชีวิตไว้ สำหรับเรื่องของการครองคนนั้น จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ส่วนเพื่อนร่วมงานก็ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่อยู่ในหน่วยงานเดียวกันและต่างหน่วยงาน ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาเราก็ต้องดูคนให้ออก บอกคนให้ได้ ใช้คนให้เป็น และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการปฏิบัติตนต่อพี่น้องประชาชนในเรื่องของการให้บริการ ที่เราจะต้องมีจิตใจให้บริการด้วยความเต็มใจเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มาติดต่ออย่างเต็มที่ ซึ่งต้องดูแลเสมือนญาติพี่น้องของตัวเอง ในเรื่องของการครองงานก็ต้องมีความรับผิดชอบ ตามงานที่ได้รับมอบหมาย คือต้องทำงานให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ไม่ใช่แค่ให้งานเสร็จ สำหรับผลงานความภาคภูมิใจ คือได้ดำเนินการในเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนครพนม ที่เป็นการดูแลความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่เป็น 1 ใน 5 มิติ ตามสภาพปัญหา ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่าย มีการบูรณาการจัดหางบประมาณในการซ่อมแซมบ้านได้ จำนวน 150 หลัง สร้างบ้านอีกจำนวน 24 หลัง ทำให้ผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือบ้านทรุดโทรม ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง แข็งแรง รวมถึงมีการจัดหาวีลแชร์ให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุ จำนวน 124 คน เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้านได้ นอกจากนี้ยังได้ทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติ ในการขับเคลื่อนนำนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงทั้ง 19 กระทรวง +1 ของกรมการปกครอง และของจังหวัดนครพนมไปสู่การปฏิบัติใน 12 อำเภอ 99 ตำบล 1,131 หมู่บ้าน เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในแนวทางการปฏิบัติงานของข้าราชการต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ในชีวิตข้าราชการ กับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ระดับประเทศ

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีมอบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานประกอบพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” ให้แก่ นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ และตัวแทนช่างทอผ้าในพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อนำไปมอบให้กับช่างทอผ้า เยาวชนคนรุ่นใหม่ และประชาชนชาวนครพนมนำไปทอผ้า ผลิตผ้าตามอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น โดยมีนายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ร่วมพิธี

โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ทรงเสด็จทอดพระเนตรโครงการ จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทย และงานหัตถกรรมชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาไทย ของแต่ละจังหวัด โดยมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และกลุ่มสมาชิก โครงการศิลปาชีพ ประเภทผ้าและหัตถกรรม เข้าร่วมจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์และมีคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ข้าราชการในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน และกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เฝ้ารับเสด็จฯ ณ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ทรงพระราชทานแบบลายผ้า “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” ให้แก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย, อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน เพื่อเป็นของขวัญแก่ช่างทอผ้าทุกกลุ่มทุกเทคนิค เยาวชนคนรุ่นใหม่ และประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มพูนรายได้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงการสืบสาน ต่อยอดภูมิปัญญาและงานหัตถศิลป์พื้นถิ่น ให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทยอย่างยั่งยืน เนื่องในโอกาส ที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา โดย“ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” เป็นลายผ้าที่พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าลวดลายโบราณจากทุกภูมิภาคของประเทศ แล้วนำมาออกแบบผสมผสานกับ “ลายดอกรัก” ที่สื่อถึงความรักและกำลังใจที่พระองค์ทรงสร้างสรรค์ขึ้น ประกอบด้วย 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 ผ้าลายพระราชทาน ผ้าลายดอกรักราชกัญญา ประเภทผ้าบาติก ประเภทที่ 2 ผ้าลายพระราชทาน ผ้าลายดอกรักราชกัญญา ประเภทผ้ามัดหมี่ ประเภทที่ 3 ผ้าลายพระราชทาน ผ้าลายดอกรักราชกัญญา ประเภทผ้ายก และผ้าบาติก ลายพระราชทาน ลายที่ 4 ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โปรดเกล้าฯ ให้พัฒนา “ผ้าบาติกลายพระนามาภิไธยสิริกิติ์” ให้มีความร่วมสมัยและเป็นสากล

ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้ดำเนินงานโครงการ ผ้าไทยใส่ให้สนุก ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และตามมาตรการส่งเสริมสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์ เชิญชวนการแต่งกายด้วยผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองไปยังทุกส่วนราชการ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้บังเกิดผลโดยพร้อมเพรียงกันทั้งจังหวัด ภายใต้คำขวัญ “ชาวนครพนมภูมิใจ สวมใส่ผ้าไทยทุกวัน” ทำให้เกิดกระแสการใช้และสวมใส่ผ้าไทยจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายในพื้นที่จังหวัดนคพนมจำนวน 307 กลุ่ม สมาชิกรวม 3,463 ราย มีรายได้จากการจำหน่ายผ้าและเครื่องแต่งกายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กรมการพัฒนาชุมชนยังได้มาดำเนินโครงการตามพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในพื้นที่จังหวัดนครพนม คือ โครงการสืบสานพระราชปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ที่มีการบูรณาการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผ้าถิ่นไทย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยระดับประเทศ มีการอนุรักษ์ลายผ้าโบราณและพัฒนามาตรฐาน 67 ลาย มีการออกแบบลวดลายสร้างสรรค์ให้เป็นสากล 30 ลาย โดยผู้เชี่ยวชาญจากทีมที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก มีการเพิ่มมาตรฐานเส้นใย ฟื้นฟูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ขยายพื้นที่ปลูกหม่อน 2 กลุ่ม พื้นที่รวม 5 ไร่ มีการเลี้ยงไหม 2 กลุ่ม รวมอาคารเลี้ยงไหม 5 หลัง และขยายพื้นที่ปลูกฝ้าย 2 งาน ทั้งมีการปลูกพืชไม้ให้สีเพื่อใช้สำหรับย้อมผ้าตามพื้นที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รวมถึงมีการแปรรูป/บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมและทันสมัย มีการสร้างแบรนด์เพื่อการตลาด โดยมีโลโก้และแบรนด์ “นาหว้าโมเดล” ซึ่งเป็นตราสัญลักษ์พระราชทานฯ มีการจัดทำหนังสือนาหว้าโมเดลพร้อมตีพิมพ์ และมีการจำหน่ายสินค้าทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยยอดจำหน่ายผ้าตั้งแต่เข้าร่วมโครงการฯ จนถึงปัจจุบัน (เมษายน 2565 ถึง กุมภาพันธ์ 2566) จำนวน 3,600,870 บาท ซึ่งแต่ละกลุ่มรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 และยังมีออเดอร์สั่งทอผ้าไหมและผ้าฝ้ายกว่า 500 เมตร คิดเป็นเงินสั่งซื้อประมาณ 600,000 บาท รวมถึงจังหวัดนครพนม ได้มีการเร่งเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนนาหว้าโมเดล ให้เป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาภูมิปัญญาผ้าไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่ความเจริญอย่างยั่งยืน มีการเตรียมปรับภูมิทัศน์ในบริเวณชุมชนของกลุ่มนาหว้าโมเดล บริเวณที่ทำการกลุ่มนาหว้าโมเดล และศูนย์ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม อีกทั้งปรับปรุงถนนให้มีความสะดวกสำหรับการเดินทางผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงานที่ชุมชน และส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ปลูกผักสวนครัว ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และการจัดทำถังขยะลดโลกร้อนทั้งในระดับครัวเรือนและคุ้มบ้านในชุมชนของกลุ่มนาหว้าโมเดล บริเวณแหล่งเรียนรู้และที่ทำการกลุ่มนาหว้าโมเดล เตรียมออกแบบโครงสร้างศูนย์เรียนรู้ เพื่อขอรับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างกับกรมการพัฒนาชุมชนต่อไป