วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม ศาสตราจารย์กิติคุณบวรศักดิ์
อุวรรณโณ เป็นประธานนำคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัด (อ.ค.ต.ป.)
ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนาภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด ในปีงบประมาณ
2562 โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมบรรยายสรุปการบริการงาน
และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแผนการพัฒนาจังหวัดนครพนมตามยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งของฐานเศรษฐกิจภายในควบคู่กับการแก้ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(ด้านการเกษตร) ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการ(ด้านการท่องเที่ยว)
และยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาความร่วมมือและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและแนวระเบียงเศรษฐกิจ(เขตเศรษฐกิจพิเศษ/การค้าชายแดน)
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจติดตามโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ณ บ้านโพน หมู่ที่
8 ตำบลโพนตาล อำเภอท่าอุเทน
ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2562 จังหวัดนครพนม ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อมาพัฒนาการท่องเที่ยวและบริการ
จำนวน 88,522,800 บาท ภายใต้โครงการส่งเสริมงานประเพณี โครงการยกระดับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
โครงการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว โครงการการท่องเที่ยวพระธาตุสำคัญ โครงการส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงในและต่างประเทศ
และโครงการการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ส่วนด้านการพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 74,207,600 บาท มาสนับสนุนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
ข้าว โคเนื้อ ปลา ไก่งวง ลิ้นจี่ ผักปลอดภัยและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ โครงการพระราชดําริ
โครงการเกษตรแปลงใหญ่/พัฒนาชลประทาน โครงการแปรรูปข้าว โครงการส่งเสริมการผลิตถ่านไบโอชาร์
โครงการผลิตพืชสมุนไพร โครงการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิ และโครงการตลาดสินค้าเกษตรและเกษตรอินทรีย์
สำหรับด้านการพัฒนาการค้าและการลงทุน จังหวัดนครพนมได้รับงบประมาณ 5,839,800 บาท
สำหรับโครงการส่งเสริมสุขภาพแรงงานเพื่ออาชีวอนามัย โครงการพัฒนาศักยภาพการค้า การลงทุน
โครงการยกระดับ OTOP สู่พรีเมี่ยม และโครงการ Start
Up Bourder Business Man ทั้งนี้ทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัด
ได้มีข้อแนะนำในการปฏิบัติงานให้กับส่วนราชการต่างๆ
ซึ่งเดิมสามารถปฏิบัติงานได้ตามแผนแต่เป็นการกระจายตามหน่วยงานต่างๆ
ทำให้การพัฒนาเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึงอยากให้ทุกหน่วยมีการบูรณาการงานในด้านต่างๆ
ร่วมกันมากขึ้น ทั้งขอให้เป็นแบบประชารัฐที่แท้จริง ที่มีทั้งหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชนและภาคประชาชน เพราะถ้ามีการขับเคลื่อนในลักษณะนี้ไปพร้อมๆกันจะทำให้จังหวัดมีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ส่งผลให้ทุกคนมีรายได้
มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกลายเป็นความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของชุมชน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น