วันที่
21 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ในโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และปาฐกถาพิเศษเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนได้ทราบถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาโครงการพร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการ
และการพัฒนาจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร และจังหวัดนครพนม โดยมีนายสยาม
ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สื่อมวลชนและประชาชนให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรม
นายอาคม
เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เส้นทางรถไฟสายใหม่ที่ประชาชนรอคอยกันมาอย่างยาวนานให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าใจ
โดยทางคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
มูลค่า 66,848.33 ล้านบาทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเข้มแข็งให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่มีการเปิดพื้นที่ใหม่ในการสร้างทางรถไฟ
เพราะตลอดระยะเวลา 120 ปี มีเพียงการปรับปรุงซ่อมแซมทางรถไฟเท่านั้น โดยเส้นทางรถไฟทางคู่สายใหม่นี้
มีระยะทาง 355 กิโลเมตร ผ่าน 70 ตำบล 19 อำเภอของ 6 จังหวัด
มีการออกแบบสถานีรถไฟไว้มากถึง 30 สถานี โดยเป็นสถานีใหญ่ 4 สถานี
ที่เหลือจะเป็นสถานีขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงป้ายจอดหรือจุดจอดเล็ก ๆ
ที่ให้คนขึ้นลงได้ คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ในส่วนของจังหวัดนครพนมนั้นนอกจากรถไฟทางคู่แล้วยังมีแผนงานโครงการในการปรับปรุงสนามบินนครพนม
ทั้งตัวอาคาร ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าและออก ซึ่งจะทำให้สนามบินแห่งนี้รองรับประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวได้ประมาณ
1.7-2 ล้านคนต่อปี รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความทันสมัยและสอดคล้องกับระเบียบการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
เกิดสถานีขนส่งเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้า
มีการขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงการเดินทาง เช่น จากจังหวัดสกลนครเข้าสู่นครพนม
ก็กำลังอยู่ระหว่างการขยายเส้นทางเป็น 4 ช่องทางจราจร
ช่วงอำเภอท่าอุเทนมาจังหวัดนครพนมก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้จังหวัดไหนที่รถไฟทางคู่ไม่ผ่านในอนาคตก็จะมีการพัฒนาเพื่อเชื่องโยงเส้นทางคมนาคมเข้าด้วยกันเหมือนใยแมงมุม
สำหรับปัญหาที่จะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
ทางโครงการก็ได้มีการศึกษา ออกแบบและสำรวจเบื้องต้นไว้แล้ว หลังจากนี้ทางการรถไฟจะมีการลงพื้นที่จัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ซึ่งจะมีการสำรวจรายละเอียดในเรื่องของจุดตัด จุดผ่านต่าง ๆ เพื่อนำมาออกแบบแก้ปัญหาให้กับประชาชนแบบแปลงต่อแปลง
เพื่อให้โครงการเกิดความสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งก็ต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในการให้ข้อมูล
ข้อเสนอแนะและปัญหาอื่น ๆ รวมถึงอยากฝากให้ทุกคนมีการวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อม
สำหรับการพัฒนาและความเจริญที่จะเกิดขึ้นเพราะเมื่อการคมนาคมมีความสะดวกมากขึ้น ก็จะมีการเดินทางของประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวมากขึ้นตามไปด้วย
สถานีรถไฟผ่านไปที่จุดไหน ชุมชนนั้นก็สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้
รวมถึงการบริการและการลงทุนในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมาก


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น