คณะอนุกรรมการผู้บริหารระดับสูง
3 ประเทศ 9 จังหวัด ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และ 12 ร่วมหารือเตรียมการประชุมใหญ่
ที่นครพนม
วันที่ 23 กรกฎาคม 2562
ที่โรงแรมไอโฮเทล อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด (ไทย - ลาว
– เวียดนาม) ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และ 12 เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมใหญ่ครั้งที่
22 ที่มีกำหนดจัดขึ้น ที่จังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

โดยการประชุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมหารือ
เพื่อร่างบันทึกการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ นครพนมและจังหวัดสกลนครของไทย แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จังหวัดเหงะอานห์ จังหวัดฮาติงห์และจังหวัดกวางบิ่งห์ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ที่จะร่วมมือกันในอนาคต ประกอบไปด้วย ด้านการศึกษาที่จะมีทั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยน
การฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะความรู้ทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาของบุคคลากร
อาจารย์ ครูและนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้านวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยว จะมีการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมและกีฬา
ให้ได้รู้ถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถานที่และแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด/แขวง
เพื่อสร้างการรับรู้และเกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น ด้านการค้าการลงทุนจะร่วมกันส่งเสริม
แนะนำ ประชาสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการลงทุน สร้างให้ผู้ประกอบธุรกิจได้เห็นถึงศักยภาพ
ผลประโยชน์และโอกาสในการลงทุนของแต่ละจังหวัด/แขวง รวมถึงการพัฒนาการค้าบริเวณด่านชายแดน
ที่จะลดขั้นตอนการปฏิบัติงานด้านเอกสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ
ยานพาหนะ และสินค้าเข้า/ออก ผ่านระบบกลไกการประสานงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อป้องกันการลักลอบขนส่ง
การทุจริตเชิงพานิชย์และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ด้านการคมนาคมขนส่ง จะมีการร่วมกันเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของทั้ง
3 ประเทศ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลง
การนำเส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ที่เชื่อมระหว่างประเทศเวียดนามและประเทศลาว
บรรจุไว้ในพิธีสารฉบับที่ 1 ของความตกลงระหว่าง 3 ประเทศ ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งคนและสินค้าข้ามพรมแดนในอนุภาคลุ่มน้ำโขง
( GMS-CBTA ) ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสาธารณะและส่วนบุคคลข้ามพรมแดนของแต่ละจังหวัดในอนุภาคลุ่มน้ำโขง
และสุดท้ายคือด้านการเกษตร ที่จะมีการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์
และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตในภาคการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิต มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น