วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เลขาธิการ สทนช. นำอธิบดี สปป.ลาว ลงพื้นที่นครพนม แจงโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบางพร้อมรับฟังความคิดเห็น


วันที่ 24 ธันวาคม 2562 ที่ศูนย์ประชุมหนองบึก สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมด้วย ดร. จันสะแหวง บุนยง อธิบดีกรมนโยบายและแผนพลังงาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ลงพื้นที่จัดเวทีให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนหลวงพระบาง ตามระเบียบปฏิบัติของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง ครั้งที่ 1 เพื่อให้ประชาชนริมแม่น้ำโขง 8 จังหวัด ที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการได้รับทราบข้อมูล ข้อห่วงใย ข้อกังวลและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ได้ทราบข้อมูล องค์ประกอบและการพัฒนาโครงการ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบสะสมและข้ามพรมแดนของโครงการต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ต่อคนในท้องถิ่น เช่น ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ระบบนิเวศน์ในลำน้ำโขงที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไปกำหนดเป็นท่าทีประเทศไทยส่งผ่านกลไก Procedures for Notification, Prior Consultation and Agreement (PNPCA) ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ และปรึกษาหารือร่วมกันกับสมาชิกลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการลุ่มน้ำและผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม หนองคายและจังหวัดบึงกาฬ ร่วมรับฟังและเสนอแนะข้อคิดเห็นต่าง ๆ


สำหรับโครงการพลังงานน้ำเขื่อนหลวงพระบาง เป็นโครงการลำดับที่ 5 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีแผนจะก่อสร้างบนแม่น้ำโขง บริเวณบ้านห้วยโง แขวงหลวงพระบาง ห่างจากปากแม่น้ำอูเหนือขึ้นมาประมาณ 4 กิโลเมตร ห่างจากเขื่อนไชยะบุรี 130 กิโลเมตร และห่างจากจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนปากแบง 170 กิโลเมตร โดยจะเป็นเขื่อนแบบขั้นบันได ลำดับที่ 2 ในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง มีความสูง 79 เมตร เป็น Barrage type กว้าง 195 เมตร มีทางระบายน้ำ 6 ช่อง ระดับต่ำ 3 ช่อง ขนาดประตู 19 เมตร สูง 25 เมตร มีระดับการกักเก็บน้ำอยู่ที่ 312 - 312.5 ม.รทก. ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นประเด็นที่ภาคประชาชนและประชาสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงของไทยทั้ง 8 จังหวัด ดังนั้นสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสานงาน ภายใต้กรอบความร่วมมือ MRC จึงได้จัดเวทีให้ข้อมูลโครงการดังกล่าวขึ้น โดยจะมีทั้งสิ้น 3 ครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น