วันที่ 6 ธันวาคม 2562
ที่จังหวัดนครพนม นายสุขใจ ไชยวารี ประธานกลุ่มแปลงใหญ่แมลงเศรษฐกิจ (จิ้งหรีด) ตำบลโพนทอง
อำเภอเรณูนคร เปิดเผยว่า การเลี้ยงจิ้งหรีดมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากอะไรมากมายแต่ต้องใส่ใจกับการดูแลอยู่เสมอ
ที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงได้ทุกเพศทุกวัย เดิมทีชาวบ้านในพื้นที่มีการเลี้ยงจิ้งหรีดอยู่แล้วแต่ไม่มากนัก
พอกรมส่งเสริมการเกษตรและสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำเกษตรแปลงใหญ่
ชาวบ้านในพื้นที่จึงได้มีการปรึกษาหารือและรวมกลุ่มกัน โดยเริ่มต้นมีสมาชิก 30 ราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาอบรมให้ความรู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของโรงเรือนที่ดี
ขั้นตอนการเลี้ยง การให้อาหาร การให้น้ำ ช่องทางการตลาด การคัดแม่พันธุ์จิ้งหรีด และการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต
ซึ่งเมื่อทุกคนมีองค์ความรู้แล้ว ก็ได้นำงบประมาณที่ได้รับมาสร้างโรงเรือนและบ่อเลี้ยงเพิ่มเติมจากที่มีอยู่
นำไปซื้ออุปกรณ์ในการเลี้ยงอื่น ๆ ซึ่งหลังดำเนินการมาได้สักระยะปรากฏว่าสมาชิกในกลุ่มทุกรายมีรายได้เพิ่มขึ้น
ทำให้เพื่อนบ้านสนใจและหันมาเข้าร่วมกลุ่มเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีสมาชิก
50 ราย
สำหรับการเลี้ยงนั้นทุกคนจะเน้นกระบวนการผลิตที่มีความสะอาดเป็นหลัก
มีการต่อระบบให้น้ำด้วยท่อ PVC
เพื่อป้องกันน้ำไปเปื้อนกับแผงไข่ที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีด ส่วนอาหารก็จะมีการคำนวณให้พอดีกับการเลี้ยงจิ้งหรีดในแต่ละวันเพื่อไม่ให้เหลือตกค้างและลดค่าใช้จ่าย
หมั่นทำความสะอาดบ่อเลี้ยงอยู่เสมอเพื่อลดอัตราการตายของจิ้งหรีด ที่สำคัญคือมีการพัฒนาต่อยอดแมลงเศรษฐกิจตัวอื่นๆ
เพิ่มเติม คือ สะดิ้งและจิ้โก่ง รวมถึงมีการแปรรูปสินค้าให้มีความหลากหลายสำหรับลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็น จิ้งหรีดน็อคสด จิ้งหรีดอบกรอบ จิ้งหรีดต้ม น้ำพริกจิ้งหรีดและปุ๋ยมูลจิ้งหรีด
โดยในอนาคตเตรียมจะแปรรูปเป็นข้าวเกรียบและจิ้งหรีดบดผง สำหรับการจำหน่ายนั้นทางกลุ่มจะมีลูกค้าสั่งจองล่วงหน้ามาจากจังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดอื่นทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว โดยรายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่บ่อละประมาณ
1,800 บาท ซี่งแต่ละคนจะเลี้ยงประมาณ 10 -12 บ่อ นั้นหมายถึงแต่ละคนมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่
18,000 – 21,600 บาทต่อการเลี้ยง 45 วัน ขณะเดียวกันทางกลุ่มมองว่าตลาดจิ้งหรีดยังสามารถเติบโตได้อีกไกลเพราะมีความต้องการของตลาดสูง
จึงได้มีการประสานไปที่ตลาดของสิงคโปร์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแต่ยังไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้เนื่องจากสินค้าต้องผ่านมาตรฐานการควบคุมการผลิต
(GMP) และมาตรฐานความปลอดภัยเสียก่อน
ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุด จึงได้เริ่มดำเนินการขอมาตรฐาน GMP
ก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติ ส่วนฟาร์มที่เหลือก็กำลังเร่งพัฒนาตนเองไปให้ถึงจุดนั้นพร้อม
ๆ กัน เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ที่มั่นคงและสูงมากกว่าที่เป็นอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น