วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารอำนวยการโรงพยาบาลนครพนม
นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์ยุทธชัย
ตริสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นำคณะจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครพนม
ซึ่งประกอบไปด้วย คณะหัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้างานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม
โรงพยาบาลนครพนม และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ทำกิจกรรม จิตอาสาป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ด้วยการทำ 5 ส. พัฒนาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โรงพยาบาล พร้อมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาให้กับประชาชนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลนครพนม
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
2019 (Novel
Coronavirus 2019 -ncov) ที่มีการแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น
(Wuhan) มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและเจ็บป่วยจำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับ
3 เพื่อให้เกิดการติดตาม การสั่งการ และการดำเนินงานต่อสถานการณ์ของโรคอย่างทันท่วงที
ขณะที่หน่วยบริการต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัดนครพนม
ก็ได้มีการนำเอามาตรฐานของกรมควบคุมโรค กรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
2019 มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกแห่ง
และเพื่อเป็นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนมให้มีความรู้
ความเข้าใจในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด และมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี
สามารถปฏิบัติตนเพื่อควบคุมป้องกันโรคได้อย่างถูกต้อง คณะจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครพนม
จึงได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมและโรงพยาบาลนครพนม ตลอดจนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ
ป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขึ้น
โดยกิจกรรมในครั้งนี้นอกจากทุกคนจะร่วมกันทำกิจกรรม
5 ส. เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโรงพยาบาลนครพนมแล้ว ยังได้มีการสาธิตให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเฝ้าระวังและการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่และเชื้อโรคอื่น
ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และประชาชนทั่วไปในการสร้างพฤติกรรมสุขภาพ
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในชุมชนแออัด
และช่วยกันเฝ้าระวังควบคุมโรค หากพบผู้ป่วยหรือผู้มีอาการน่าสงสัยที่มีประวัติเดินทางกลับจากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือให้มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น