วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563

สสจ.นครพนม แจงขั้นตอนดูแลบุคคลกลุ่มเสี่ยงและขั้นตอนการปฏิบัติตัวให้ห่างไกล COVID 19


จากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ประชาชนเกิดความความตื่นกลัวและส่งผลการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ในพื้นที่จังหวัดนครพนมยังไม่พบผู้ที่ติดเชื้อ มีเพียงบุคคลกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น วันนี้เรามาลองติดตามดูว่า มีขั้นตอนการปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้

 นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนมได้รับความร่วมมืออย่างดีมากจากตัวแรงงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตลอดจนครอบครัว ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ข้างบ้านก็ไม่ได้รังเกียจรังงอน และขอเรียนว่าบุคคลกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ป่วย ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ เป็นเพียงผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น แต่ตามหลักแล้วต้องเข้าระบบคัดกรอง ระบบเฝ้าระวัง เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าได้ตกใจ ซึ่งที่ผ่านมาเนื่องจากเราทราบรายชื่อบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้าว่าจะถูกส่งมาที่สนามบินจังหวัดอุดรธานี จึงได้เดินทางไปรับมา โดยในขณะที่รับมาก็จะมีการใส่แมสและห้ามแรงงานลงไปที่ไหน ให้อยู่ในรถตลอดเวลา พอมาถึงจังหวัดนครพนม ก็มีการตรวจไข้ มีการตรวจคัดกรองเรื่องอื่น ๆ เบื้องต้นก่อน เสร็จแล้วก็มีรถรับเข้าไปในพื้นที่

ซึ่งก่อนเข้าไปในพื้นที่ทางหน่วยงานก็มีการเตรียมการก่อน ประกอบไปด้วย เรื่องของสถานที่ที่จะต้องอยู่อย่างเป็นเอกเทศ เรื่องของภาชนะ การอยู่ การกิน ที่จะต้องมีการแยกช้อน ถ้วยชามต่างหาก ไม่ให้ปะปนกับคนอื่น ห้องสุขาก็ต้องใช้คนเดียว ผ้าเช็ดตัวก็ต้องแยกเช่นเดียวกัน เมื่อใช้แล้วจะต้องล้างเอง เสื้อผ้าก็ต้องซักเอง แยกกะละมัง แยกผงซักฟอกไม่ปะปนกับคนอื่นเลย โดยในแต่ละวันจะมีการส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับ อสม. เข้าไปตรวจวัดไข้วันละ 2 ครั้ง ถ้ามีอาการผิดปกติเมื่อไหร่จะมีการตรวจละเอียดอีกครั้ง ถ้าไข้สูงถึงขั้นที่ต้องเฝ้าระวังจะนำตัวมาที่โรงพยาบาล เพื่อทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจและทำการรักษา ซึ่งถ้าแรงงานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศสามารถปฏิบัติตัวได้ดีอย่างนี้ตลอดครบ 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงจากสนามบินมาประเทศไทย ก็จะครบระยะเฝ้าระวังถือว่าปกติ

และประเด็นต่อมาคือประเทศไทยเราจะป้องกันเชื้อไวรัสได้หรือไม่ จะเข้าสู่ระยะที่สามหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเท่านั้น ซึ่งหากผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง เช่น ประเทศที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ติดต่อโรคอันตราย ท่านต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที และต้องกักตัวอยู่ภายในบ้าน ไม่ว่าจะมีไข้หรือไม่ก็ตาม อย่าได้ออกไปสู่ที่สาธารณะหรือชุมชน นอกจากนั้นแล้วยังมีประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องที่ประกาศเพิ่มเติม เช่น ประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อเมริกาและประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่องอยู่ ถ้ามาจากประเทศเหล่านี้ท่านก็ควรจะรับผิดชอบตนเองและสังคมด้วยการกักตัว 14 วันเช่นกัน ส่วนประชาชนทั่วไปก็ขอแนะนำว่าในขณะนี้ถ้าหลีกเลี่ยงได้ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนเยอะๆ ไปชุมนุมกัน ควรมีระยะห่างแต่ละคนประมาณ 2 เมตร ก่อนออกไปไหนต้องมีการสวมแมส ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัยของทางราชการหรือหน้ากากผ้า ก็สามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องล้างมือให้เป็นกิจจะลักษณะ เป็นสุขนิสัย ด้วยน้ำสบู่ เจลแอลกอฮอล์ หรือแค่น้ำเปล่าก็ได้ ตามมาด้วยการกินร้อน ช้อนกลาง พยายามอย่ากินข้าวกันเป็นหมู่ ต้องพยายามกินจานใครจานมันจะดีที่สุด รวมทั้งการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อจะได้มีภูมิต้านทานโรคในครั้งนี้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

นรข. ยึดยาไอซ์ล็อตใหญ่กว่าครึ่งตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท


วันที่ 1 มีนาคม 2563 ที่กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม  พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 พร้อมด้วย พลเรือตรี สมพงษ์ ศรอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210  พลตรี สวราชย์ เเสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นาวาเอก ณัฐพงษ์ พรรณรายน์ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม นาวาโท สิทธิศักดิ์  สิทธิกุล หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงการณ์ตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 542 กิโลกรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท  ที่มีการตรวจยึดได้เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังมีการสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่รอยต่อ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมกับอำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร

โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังวางแผนและจัดชุดลาดตระเวนลาดลงพื้นที่สกัดกั้น ปราบปรามและจับกุม กระทั้งพบกลุ่มชายต้องสงสัย ประมาณ 4 -5 คน ขับเรือหางยาวมาจอดเทียบท่า บริเวณริมแม่น้ำโขง บ้านบางทรายน้อย ตำบลบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ เมื่อกลุ่มชายผู้ต้องสงสัยเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งขับเรือหนีไปในความมืด และทิ้งกระสอบปุ๋ยต้องสงสัยไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นกระสอบปุ๋ยยูเลียสีเหลือง จำนวน 22 กระสอบ ภายในบรรจุถุงพลาสติกกันชื้นห่อหุ้มยาไอซ์ แพคเก็ตสีเขียว มีอักษร ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ คำว่า GUANYINWANG  น้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 542 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดและเร่งขยายผลหาที่มาและติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยจากข้อมูลการจับกุม พบว่ายาไอซ์ มีราคาซื้อขายกิโลกรัมละประมาณ 1 ล้านบาท ถ้าส่งต่อไปขายจะมีมูลค่าเพิ่มอีก 1 -2 เท่า

พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ตามชายแดนอีสานถือว่ามีการตรวจยึดยาเสพติดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมีการกดดันในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุมตามแนวชายแดนภาคเหนือ ขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดจึงเปลี่ยนมาใช้เส้นทางภาคอีสานแทน อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการบูรณาการกันอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดที่นำไปสู้การตรวจยึด จับกุมในพื้นที่ชายแดนภาคอีสานบ่อยครั้ง ทั้งนี้ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทุกพื้นที่มีความเข้มงวดในการหาข่าว ตรวจสอบ และการสกัดกั้นปราบปรามตามแนวชายแดน โดยสร้างความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะน้ำโขงลด ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าหน้าที่และเอื้อต่อการลักลอบของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งการสร้างความร่วมมือทุกฝ่ายในการทำงาน รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแสจึงมีความสำคัญ สำหรับยาไอซ์ล็อตนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่ามาจากทางชายแดนทางภาคเหนือ ข้ามมาจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่สามารถระบุต้นทางการผลิตได้ต้องรอการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง โดยการลำเลียงจะใช้พื้นที่หลายจังหวัดตามชายแดนภาคอีสาน หากพื้นที่ไหนสะดวกก็จะลักลอบส่งข้ามทันที  อย่างไรก็ตามหน่วยงานเกี่ยวข้องจะมีการเพิ่มมาตรการมากยิ่งขึ้น เพราะหากลักลอบเข้ามาได้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างมหาศาล