วันที่ 1 มีนาคม 2563 ที่กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 พร้อมด้วย
พลเรือตรี สมพงษ์ ศรอากาศ
ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) พลตรี สามารถ
จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พลตรี สวราชย์ เเสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี
นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นาวาเอก ณัฐพงษ์ พรรณรายน์
ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม นาวาโท
สิทธิศักดิ์ สิทธิกุล
หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงการณ์ตรวจยึดยาไอซ์
จำนวน 542 กิโลกรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ที่มีการตรวจยึดได้เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังมีการสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่รอยต่อ
อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมกับอำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร
โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังวางแผนและจัดชุดลาดตระเวนลาดลงพื้นที่สกัดกั้น
ปราบปรามและจับกุม กระทั้งพบกลุ่มชายต้องสงสัย ประมาณ 4 -5 คน
ขับเรือหางยาวมาจอดเทียบท่า บริเวณริมแม่น้ำโขง บ้านบางทรายน้อย ตำบลบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่
จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ เมื่อกลุ่มชายผู้ต้องสงสัยเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งขับเรือหนีไปในความมืด
และทิ้งกระสอบปุ๋ยต้องสงสัยไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นกระสอบปุ๋ยยูเลียสีเหลือง
จำนวน 22 กระสอบ ภายในบรรจุถุงพลาสติกกันชื้นห่อหุ้มยาไอซ์ แพคเก็ตสีเขียว มีอักษร
ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ คำว่า GUANYINWANG
น้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม
รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 542 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดและเร่งขยายผลหาที่มาและติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยจากข้อมูลการจับกุม พบว่ายาไอซ์ มีราคาซื้อขายกิโลกรัมละประมาณ 1 ล้านบาท ถ้าส่งต่อไปขายจะมีมูลค่าเพิ่มอีก
1 -2 เท่า
พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค
2 เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ตามชายแดนอีสานถือว่ามีการตรวจยึดยาเสพติดอยู่บ่อยครั้ง
เนื่องจากมีการกดดันในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุมตามแนวชายแดนภาคเหนือ ขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดจึงเปลี่ยนมาใช้เส้นทางภาคอีสานแทน
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการบูรณาการกันอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดที่นำไปสู้การตรวจยึด
จับกุมในพื้นที่ชายแดนภาคอีสานบ่อยครั้ง ทั้งนี้ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทุกพื้นที่มีความเข้มงวดในการหาข่าว
ตรวจสอบ และการสกัดกั้นปราบปรามตามแนวชายแดน โดยสร้างความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่
โดยเฉพาะช่วงนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะน้ำโขงลด ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าหน้าที่และเอื้อต่อการลักลอบของขบวนการค้ายาเสพติด
ซึ่งการสร้างความร่วมมือทุกฝ่ายในการทำงาน รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแสจึงมีความสำคัญ
สำหรับยาไอซ์ล็อตนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่ามาจากทางชายแดนทางภาคเหนือ
ข้ามมาจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่สามารถระบุต้นทางการผลิตได้ต้องรอการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง
โดยการลำเลียงจะใช้พื้นที่หลายจังหวัดตามชายแดนภาคอีสาน หากพื้นที่ไหนสะดวกก็จะลักลอบส่งข้ามทันที อย่างไรก็ตามหน่วยงานเกี่ยวข้องจะมีการเพิ่มมาตรการมากยิ่งขึ้น
เพราะหากลักลอบเข้ามาได้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างมหาศาล


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น