วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

ทีมพิทักษ์สิทธิ์ 5,000 ไล่เคาะประตูบ้านทวนสิทธิ์ชาวนครพนมคืบหน้ากว่าร้อยละ 92


วันที่ 30 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นางสุธิษา จารุเมธาวิทย์ คลังจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้ขอรับการช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาท แล้วก็ได้รับ SMS ว่าไม่ได้สิทธิ์ในเรื่องของการรับเงินเยียวยาและมีการขอทบทวนสิทธิ์นั้น ณ วันนี้ จังหวัดนครพนมได้รับข้อมูลจากส่วนกลาง ว่ามีผู้ขอทบทวนสิทธิ์ทั้งสิ้น 2,643 ราย โดยกำลังอยู่ในระหว่างที่ทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ของจังหวัดนครพนมลงพื้นที่เพื่อสำรวจสิทธิ์ ว่าตรงตามหลักเกณฑ์ที่ยื่นขอมาหรือไม่ เพราะบางคนได้รับแจ้ง SMS ว่าเป็นเกษตรกร เนื่องจากพ่อแม่เอาชื่อเข้าไปในรายชื่อเกษตรกรทำให้ถูกตัดสิทธิ์ไป และมีกรณีอื่น ๆ อีก ซึ่งขั้นตอนการทบทวนสิทธิ์นั้นในเบื้องต้นหลังได้รับรายชื่อเจ้าหน้าที่จะประสานล่วงหน้าไปยังผู้ขอทบทวนสิทธิ์ ว่าท่านสะดวกให้ตรวจสอบตอนไหน ก็จะนัดเวลาเพื่อเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ ต่อมาคือต้องมีบัตรประชาชนตัวจริงเพื่อสแกนข้อมูลเข้าใน Application แล้วก็สแกนใบหน้าของผู้ทบทวนสิทธิ์ ดังนั้นผู้ที่ขอทบทวนสิทธิ์จะต้องอยู่ ณ สถานที่ที่แจ้งไว้ และที่สำคัญอีกอย่างคือหลักฐานการประกอบอาชีพ เช่น ตัวท่านบอกว่าขับรถตุ๊กๆ หรือค้าขาย ก็ต้องมีการหลักฐานพิสูจน์ว่ามีอาชีพนั้นจริง

ซึ่งที่ผ่านมาทีมพิทักษ์สิทธิ์ของจังหวัดนครพนม จะมีการดำเนินการหลังจากที่ได้รับข้อมูลรายชื่อจากส่วนกลางในวันรุ่งขึ้นทันที ในลักษณะไปเคาะถึงประตูบ้านเพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากที่สุดเพราะถ้าเราดำเนินการได้เร็วนั้นหมายถึงประชาชนผู้เดือดร้อนจะได้รับเงินเยียวยาที่เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลรายชื่อผู้ขอทบทวนสิทธิ์จะเป็นข้อมูลแบบรายวัน ซึ่งปัจจุบัน ณ วันที่ 29 เมษายน 2563 สามารถเก็บข้อมูลแล้วเสร็จทั้งสิ้น 2,432  ราย คิดเป็นร้อยละ 92 ของผู้ที่รายชื่อทบทวนสิทธิ์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 211 ราย อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์ต่อไป

รองผู้ว่านครพนม นำทีมราชการเยี่ยมสถานประกอบการและผู้ใช้แรงงาน สานสัมพันธ์สู้ภัยโควิด


วันที่ 30 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมสถานประกอบการและผู้ใช้แรงงานสานสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน ตามโครงการแรงงานไทย ร่วมใจต้ายภัย COVID – 19 จังหวัดนครพนม ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมกับเครือข่ายแรงงานในสถานประกอบกิจการ/รัฐวิสาหกิจจัดขึ้น เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2563 ซึ่งปกติทุกปีจังหวัดนครพนมจะมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบให้ผู้ใช้แรงงาน เครือข่ายแรงงาน สถานประกอบการและหน่วยงานภาครัฐได้ทำร่วมกัน ทั้งการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้ใช้แรงงานได้มีทักษะ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ กฎหมายแรงงานและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และตอบข้อซักถาม ข้อสงสัย ไปจนถึงการเล่นเกมส์ชิงของรางวัล การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ และการบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมด้วยการร่วมกันบริจาคโลหิตและอวัยวะให้กับทางโรงพยาบาล โดยในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนวความคิดและให้กำลังใจกับเจ้าของกิจการและผู้ใช้แรงงาน รวมถึงสอบถามปัญหาความเดือดร้อน แนวทางการดำเนินกิจการ การปฏิบัติตนและการป้องกันดูแลสุขภาพในช่วงสถานการณ์โควิด -19  

สำหรับวันแรงงานในประเทศไทยนั้น ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งตรงกับสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ในรัชสมัยรัชกาลที่ 8 เมื่อประเทศไทยเริ่มมีการจัดการบริหารแรงงานโดยเป็นการจัดสรรและพัฒนาแรงงานตลอดจนคุ้มครองและดูแลสภาพการทำงานของแรงงาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างรากฐานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างให้ดีขึ้น และรัฐบาลได้รับรองในปี พ.ศ. 2499 ให้วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นวันกรรมกรแห่งชาติ และต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวันแรงงานแห่งชาติ โดยในยุคแรกของวันแรงงานนั้นลูกจ้างยังไม่ได้หยุดงาน กระทั่งปี พ.ศ. 2517 จึงได้ประกาศเป็นวันหยุดให้แรงงานได้มีช่วงเวลาเฉลิมฉลอง

เกษตรนครพนม นำทีมขายมันแกวช่วยเกษตรกรอำเภอธาตุพนมสู้ภัยโควิด -19


วันที่ 30 เมษายน 2563 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักแบบสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างของหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้ที่มาติดต่องานกับหน่วยงานต่าง ๆ เนื่องจากทางเกษตรจังหวัดนครพนมได้นำเกษตรกรที่ปลูกมันแกวหรือมันเพาในพื้นที่อำเภอธาตุพนม ใส่รถแห่มาจำหน่ายให้กับทุกคนได้ซื้อหาไปรับประทานในช่วงเวลาพักเที่ยงในราคาที่ถูก เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในสถานการณ์โควิด – 19 โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 12 กิโลกรัม 100 บาทเท่านั้น ทำให้คนที่ชื่นชอบในรสชาติของมันแกวที่หวานและกรอบอร่อย รีบมาซื้อไว้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญอีกอย่างคือสามารถรับประทานได้ทั้งผลสด หรือจะนำไปทำอาหาร เช่น ยำ สลัด หรือแม้แต่ของหวานก็ได้เช่นเดียวกัน

นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า มันแกวหรือมันเพาที่มาจำหน่ายในวันนี้นั้น ทั่วประเทศสามารถที่จะปลูกในภาคอีสานได้ 2 จังหวัด คือ จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดนครพนม โดยพื้นที่ปลูกของจังหวัดนครพนมนั้น อยู่ที่อำเภอธาตุพนม ซึ่งจะปลูกอยู่ 2 ช่วงด้วยกัน คือช่วงงานนมัสการองค์พระธาตุพนม และในเทศกาลสงกรานต์ ที่พี่น้องประชาชนกลับมาเยี่ยมบ้าน โดยในวันนี้ได้นำมันแกวที่เกษตรกรปลูกเพื่อขายในช่วงสงกรานต์มาจำหน่าย เนื่องจากช่วงนี้เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ทำให้เกษตรกรขายไม่ได้ ซึ่งถ้าจำหน่ายไม่ทันเกษตรกรจะได้รับผลกระทบเสียหายมาก ก็เลยได้นำเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมลงพื้นที่ช่วยเกษตรกรด้วยการใส่รถกระบะแห่เร่ขายตามสถานที่ราชการและตามตลาดให้กับข้าราชการและประชาชนชาวนครพนมได้ซื้อไปรับประทานในราคาหาบละ 12 กิโลกรม 100 บาท โดยวันนี้นำมาจำหน่ายประมาณ 3,000 กิโลกรัม สำหรับมันแกวในรอบการผลิตนี้ที่อยู่ในอำเภอธาตุพนมจะมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 10 ตันเท่านั้น โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูคลิปก่อนตัดสินใจผ่านทางเพจสินค้าเกษตรออนไลน์จังหวัดนครพนม ซึ่งจะมีเบอร์โทรของเกษตรกรเองอยู่ภายในคลิป หรือจะสั่งผ่านมาทางสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม หรือสำนักงานเกษตรอำเภอธาตุพนมก็ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ได้มีการประสานกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด สาขานครพนมเพื่อร่วมกันจัดส่งสินค้าเกษตรในราคาที่ถูกให้กับผู้ที่ต้องการแล้ว

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

ผู้ว่าฯนครพนม แจงระยะเปลี่ยนผ่านสู้โควิด 19 เน้นสร้างเกราะป้องกันจากภายนอก เพิ่มภูมิคุ้มกันภายใน และลดภาวะแรงกดดันที่เกิดขึ้นกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ


วันที่ 29 เมษายน 2563 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคลผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ทั่วโลก ทั่วประเทศ รวมถึงจังหวัดนครพนมมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการดูแลพื้นที่ให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตามกิจกรรมทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนยังคงต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็น การประกอบอาชีพ การเดินทาง และการทำกิจกรรมหลายๆกิจกรรม ซึ่งจากการแถลงของนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลความปลอดภัยจากโรคติดต่อมาเป็นอันดับที่ 1 ควบคู่ไปกับการดูแลภาคเศรษฐกิจ

เพราะฉะนั้นในระยะเปลี่ยนผ่านที่จะครบกำหนดตามคำสั่งต่างๆ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนมจึงได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนมาตรการต่าง ๆ โดยรายละเอียด ภายใต้แนวปฏิบัติที่ว่าสร้างเกราะป้องกันจากภายนอก เพิ่มภูมิคุ้มกันภายใน และลดภาวะแรงกดดันที่เกิดขึ้นกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ  ทำให้มีหลายมาตรการที่ผ่อนปรนให้กับพี่น้องประชาชน เช่น เกี่ยวกับตลาดสดได้ผ่อนผันให้เปิดได้ในช่วงกลางวัน ตั้งแต่ 5.00 -18.00 น. ส่วนตลาดที่มีลักษณะเป็นตลาดโต้รุ่ง ตลาดนัดตลาดชุมชน ให้เปิดในเวลา 16:00 – 20.00 น. แต่ต้องผ่านมาตรฐานการตรวจสอบจากทางอำเภอและทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอก่อนจึงจะสามารถเปิดได้ ในส่วนของการเดินทางเข้าออกจังหวัดนครพนมทั้งทางบกและทางอากาศนั้นหลังวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ไม่ต้องขออนุญาตแล้วแต่ก่อนที่จะผ่านเข้ามาในจังหวัดนครพนมจะต้องมีการตรวจคัดกรองและให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนว่าไปที่ไหน พักอยู่ที่ไหน ประวัติก่อนหน้า 14 วันเป็นอย่างไร เพื่อที่จังหวัดจะได้ประมวลข้อมูลทั้งหมดและส่งต่อไปยังอำเภอและพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เข้าไปติดตามทุกรายที่เข้ามา ส่วนมาตรการที่ยังคงเดิมก็ยังคงมีหลายมาตรการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การห้ามคนต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครพนมยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาต  บริเวณสะพานมิตรภาพ 3 อนุญาตเฉพาะการขนส่งสินค้าที่กำหนดเท่านั้นบุคคลทั่วไปยังไม่สามารถเข้าออกได้ รวมถึงการจำหน่ายสุรา สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดที่เคยห้ามก่อนหน้านี้ก็ยังคงมีเหมือนเดิม

ส่วนเรื่องที่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็คือคณะกรรมการโรคติดต่อ มีมติให้ทุกคนที่จะออกนอกเคหสถานต้องสวมหน้ากาก ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากแล้วอยู่ภายนอกเคหะสถานถือว่ามีความผิด มีโทษตามกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ โดยจะเริ่มในวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จังหวัดนครพนมจะมีการประเมินสถานการณ์ทุกวันและมาตรการต่างๆ จะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาในพื้นที่และตามนโยบายส่วนกลาง

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

นครพนม บูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบอัคคีภัยบ้านเสียหายทั้งหลัง

วันที่ 28 เมษายน 2563 ที่บ้านเลขที่ 127/1 บ้านดอนแดง หมู่ที่ 13 ตำบลคำเตย อำเภอเมืองนครพนมจังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยจังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือ นางสาวกุลณิตา น้อยโส และครอบครัว ที่ประสบเหตุไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลา 6.00 น. ที่ผ่านมา โดยการบูรณาการให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมมอบเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท มอบเครื่องอุปโภคบริโภค และผ้าห่ม สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมมอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือ 2,000 บาท สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน จำนวน 2,000 บาท และเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอนจนประชาชนในพื้นที่ร่วมกันบริจาคเครื่องใช้ในครัวเรือนมามอบให้อีกจำนวนหนึ่ง และทางองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตยกำลังเร่งดำเนินการเบิกเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อวัสดุมาใช้ในการก่อสร้าง จำนวน 33,000 บาท และเงินค่าครองชีพอีก 3,000 บาท เพื่อมาให้ความช่วยเหลือ ขณะที่การสร้างบ้านใหม่นั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มีการพูดคุย ชี้แจงกับเจ้าของบ้านถึงแนวทางการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ที่ระเบียบของทางราชการสามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้ ทั้งนี้เบื้องต้นได้มอบหมายให้ช่างองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตยเป็นผู้ออกแบบบ้านให้ใหม่ ส่วนวัสดุก่อสร้างจะพยายามขอการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ มาช่วยเหลือเพิ่มจากเงินช่วยเหลือและเงินทุนสำรองของผู้ประสบภัย

นางสาวกุลณิตา น้อยโส เปิดเผยว่า ตนเองรับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเพียพิทยาพัฒน์ จังหวัดสกลนคร โดยบ้านหลังดังกล่าวอยู่อาศัยด้วยกัน 5 คน ประกอบไปด้วย ตนเอง สามี ลูก 2 คน และแม่ วันเกิดเหตุอยู่ที่บ้านด้วยกัน 4 คน เนื่องจากสามีออกไปพักอยู่ที่ทุ่งนา โดยขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 6.00 น. ตนเองอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงเหมือนพุแตกดังขึ้นที่ชั้นบนของบ้าน จึงวิ่งมาดูก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้ จึงได้เรียกให้แม่กับลูกทั้ง 2 คนออกมาจากบ้าน พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และหาน้ำมาดับไฟ แต่เวลาเพียง 30 นาทีบ้านก็ไหม้หมดทั้งหลัง แม้เพื่อนบ้านตลอดจนเจ้าหน้าที่จะนำรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟแล้วก็ตาม แต่ก็ยังโชคดีที่ไฟไม่ลามไปยังบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ในวันนี้ก็ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ออกมาให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ทำให้มีกำลังใจเดินหน้าต่อไป หลังจากนี้ตนเองคงต้องทำเรื่องกู้ยืมกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เพื่อนำเงินมาสมทบกับที่ได้รับการช่วยเหลือเพื่อสร้างบ้านใหม่อยู่ ระหว่างนี้ก็จะไปอาศัยอยู่กับน้องสาวไปพลาง ๆ ก่อน

อดีตข้าราชการสาวนครพนม เปลี่ยนกลยุทธการขายมะม่วงอาร์ทูอีทูสู้ภัยโควิด


วันที่ 28 เมษายน 2563 ที่อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ว่าที่ ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอปลาปาก เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เกษตรในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงได้ร่วมกับนายพจน์ สมแพง เกษตรอำเภอปลาปาก นายจรูญ จันทะแสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสูง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนมะม่วง อาร์ทูอีทู ของนางสาวอรทัย ผงทอง ที่บ้านสว่างภูมี ตำบลโคกสูง ซึ่งอดีตเคยเป็นข้าราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ปัจจุบันได้ลาออกมาทำการเกษตรแบบเต็มตัว เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและนำหลักแนวคิดในการทำการเกษตรมาเป็นต้นแบบให้เกษตรกรรายอื่น ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้กับแปลงเกษตรของตนเอง เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการตลาดในช่วงโควิดระบาด นอกจากนี้ยังได้ประสานเจ้าของสวนมะม่วงเพื่อ พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้ประชาชน ผู้สนใจมาศึกษา เที่ยวชม และนำไปสร้างเป็นอาชีพ เป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป

นางสาวอรทัย ผงทอง เปิดเผยว่า ตนเองเลือกปลูกมะม่วง สายพันธุ์ อาร์ทูอีทู เพราะมองว่ามีช่องทางการตลาดที่ดี ด้วยเนื้อมะม่วงผลดิบ ฉ่ำน้ำ รสชาติเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนผลสุกจะเป็นสีเหลืองปนส้มเล็กน้อยดูคล้ายผลแอปเปิ้ลมาก ทำให้หลายคนเรียกว่า มะม่วงแอปเปิ้ล ซึ่งผลสุกเนื้อในจะเป็นสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานปนเปรี้ยวนิดๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสหวานจัด ส่วนใหญ่นิยมเอาเนื้อสุกไปปั่นเป็นน้ำผลไม้เติมเกลือและน้ำเชื่อมเล็กน้อย จะอร่อยชื่นใจมาก ประกอบกับในปัจจุบันยังมีคนปลูกน้อยอยู่ และเหมาะกับพื้นดินของตนเองที่เป็นดินลูกรังซึ่งไม่สามารถทำนาได้ โดยเริ่มปลูกครั้งแรกบนพื้นที่ที่มีอยู่ 25 ไร่ ในปี พ.ศ. 2560 ประมาณ 500 ต้น และปัจจุบันสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว โดยตนเองจะเน้นการปลูกและดูแลด้วยวิธีธรรมชาติทั้งหมด เน้นใช้ปุ๋ยชีวภาพทำให้ผลผลิตที่ได้ปลอดภัยไร้สารพิษ คาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตอยู่ประมาณ 3-4 ตัน แต่พอมาเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ทำให้สามารถจำหน่ายหน้าสวนได้น้อย จึงได้มองหาช่องทางการจำหน่ายอื่นเพิ่มเติม ซึ่งก็คือการขายออนไลน์ โดยตอนนี้ก็มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศสั่งออเดอร์เข้ามาเรื่อย ๆ เป็นที่น่าพอใจ เพราะตนเองจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 -100 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนการสั่งและระยะทางในการจัดส่ง ทั้งนี้หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 064 –5167107 (คุณปุ๊ก) หรือจะเข้าไปเยี่ยมชมผ่านทางแฟนเพจสินค้าเกษตรออนไลน์จังหวัดนครพนมก็ได้ ซึ่งในนั้นจะมีสินค้าเกษตรหลากหลายอย่างให้ทุกคนได้เลือกหาจากเกษตรกรนครพนมคนอื่น ๆ ด้วย หรือถ้าอยากจะมาที่สวนก็ยินดีต้อนรับทุกคนเช่นเดียวกัน

คกก.โรคติดต่อนครพนม วางมาตรการเข้มรองรับการเปิดสนามบิน และคลายล็อคมาตรการก่อนหน้า


วันที่ 28 เมษายน 2563 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การแพระระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 รวมถึงผลการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ร่วมกับนายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมดเพื่อผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ  โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอส่งทีมตรวจสอบลงพื้นเช็คข้อมูลการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของประชาชนอีกรอบ เพื่อสร้างความมั่นใจในฐานข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ก่อนจะมีการทำ Big cleaning ใหญ่

สำหรับการวางมาตรการรองรับการเปิดให้บริการของสนามบินนครพนมในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ได้กำหนดมาตรการเข้มเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ประกอบไปด้วย ผู้ที่จะมากับไฟท์บินจะต้องมีการนั่งแบบเว้นที่นั่ง เมื่อมาถึงจะต้องกรอกแบบฟอร์มประวัติรายละเอียดต่าง ๆ เมื่อลงเครื่องมาเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานจะใช้เครื่องเทอร์โมสแกนตรวจวัดไข้ ถ้ามีอาการไข้จะถูกแยกตัวไปต่างหาก ถ้าไม่มีจะผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองอีกระดับชั้น โดยการตรวจจะแยกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับหนักสุดจะส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ระดับมีประวัติความเสี่ยง เช่น มาจากพื้นที่เสี่ยงหรือประเทศเสี่ยงจะต้องเข้าสู่ระบบการกักตัว 14 วัน และระดับไม่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น บุคคลทั่วไป นักท่องเที่ยว ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องปฏิบัติตัวตามข้อกำหนดของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมกำหนด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะมีเอกสารแนะนำการปฏิบัติตัวให้เมื่อมีการแยกระดับแล้ว โดย 2 กลุ่มหลังจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามอาการทุกวัน และเมื่อผ่านขั้นตอนตรวจคักรองแล้วจึงจะสามารถรับกระเป๋าและเดินทางกลับบ้านได้ ในส่วนของผู้ที่มารับและมาส่งนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าออกในตัวอาคารสนามบิน  สำหรับมาตรการล็อคดาวน์ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2563 นั้นผู้ที่เข้า-ออกเมือง ยังคงต้องผ่านจุดตรวจคัดกรองเช่นเดิม แต่ไม่ต้องขออนุญาตเข้า-ออกเมืองแล้ว ขณะที่มาตรการระหว่างประเทศยังคงมาตรการเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น การนำเข้าและส่งออกสินค้า เรื่องห้ามบุคคลต่างด้าวเข้ามาในเขตจังหวัดนครพนม ส่วนการเปิดตลาดชุมชนในแต่ละอำเภอนั้น สามารถเปิดได้แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมกำหนดอย่างเคร่งครัด

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

จ.นครพนม หารือวางแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด เดินหน้าสู้ภัยโควิด 19


วันที่ 27 เมษายน 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุท่าอุเทน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมทีมเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม ซึ่งประกอบไปด้วย เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม เกษตรจังหวัดนครพนม พาณิชย์จังหวัดนครพนม อุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม คลังจังหวัดนครพนม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม หอการค้าจังหวัดนครพนม สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ วาย อี ซี และกลุ่มงานยุทธศาสตร์จังหวัดนครพนม เพื่อร่วมกันหารือและวางแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมภายใต้สถานการณ์โควิด -19

 นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการเชิญตัวแทนทุกภาคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมมาร่วมกันหารือถึงปัญหาและผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัดที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากสถานการณ์โควิด – 19 พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของแต่ละทีม ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการลงพื้นที่หาข้อมูลและประชุมทีมย่อมมาแล้ว ว่าจังหวัดควรปรับเปลี่ยนแนวทางในส่วนใดบ้าง เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบภาคเศรษฐกิจในทุกระดับ ตั้งแต่ประชาชนทั่วไป กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มเกษตรกร ห้างร้าน สถานประกอบการ ไปจนถึงและการส่งออก เพราะสถานการณ์ในครั้งนี้มีผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องกันในหลาย ๆ ส่วน ยกตัวอย่างเช่น ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจโรงแรมที่ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลตามมาให้ภาคการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเกษตรกร ประชาชน ห้างร้านที่ต้องงดการจำหน่ายสินค้าทำให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดไม่มีการหมุนเวียน หรือในภาคของการส่งออกก็เช่นเดียวกันที่กระทบในหลายภาคส่วน ทั้งด้านแรงงาน การค้าการลงทุน ดังนั้นในวันนี้ข้อมูลที่ได้จากแต่ละทีมจะมีการสรุปรายละเอียดเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของสภาพปัญหาและผู้ที่ได้รับผลกระทบ กับส่วนของข้อเสนอแนะ แนวทางดำเนินการ ซึ่งจะลงรายละเอียดแบบเจาะลึก เริ่มตั้งแต่แผนระยะสั้น แผนระยะกลาง ไปจนถึงแผนระยะยาว โดยตั้งเป้าหมายหลักคือให้ประชาชนทุกคนมีรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่ได้จะนำไปเสนอต่อคณะกรรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมเพื่อพิจารณาประมวลผลในภาพรวมอีกครั้ง เพื่อผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ออกมาในโอกาสต่อไป ตามความเหมาะสมของสถานกาณ์โควิด -19  ไม่ว่าจะเป็น มาตรการเปิดตลาดชุมชน เปิดถนนคนเดิน เปิดร้านอาหาร ร้านตัดผม การค้าและส่งออกระหว่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งทุกมาตรการต้องมีแนวทางรองรับที่ชัดเจน ที่ทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามในการแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

จ.นครพนม ประกอบพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช


วันที่ 25 เมษายน 2563 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และกล่าวถวายราชสดุดี เบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทน์ เมื่อปี พ.ศ.2098 ในขณะที่พระองค์ทรงพระเยาว์ พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก และทรงขอสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรม เพื่อเป็นตัวประกันที่หงสาวดีจนพระชนมายุได้ 15 พรรษา พระองค์จึงได้เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาและในปี พ.ศ.2098 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลก โดยพระองค์ได้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยจากการเสียกรุงให้กับพม่า และทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง เมื่อ พ.ศ.2126 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาแม้หงสาวดีจะเพียรพยายามส่งกองทัพเข้ามารบหลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง และเมื่อพระบิดาหรือสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคต พระองค์ก็ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2133 ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย ไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขเสมอมา สิริรวมการครองราชสมบัติ 15 ปี และทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา และเพื่อเป็นการเผยแพร่เชิดชูพระเกียรติคุณ พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตลอดจนเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติไทย ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้ทุกวันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และจัดให้มีพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

จ.นครพนม บูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอำเภอโพนสวรรค์



วันที่ 24 เมษายน 2563 ที่วัดวงศ์ทองสุการาม  ตำบลนาใน อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะวิทยากรจิตอาสา 904  สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครพนม และสำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตำบลนาใน อำเภอโพนสวรรค์ ที่เกิดเหตุพายุฤดูร้อนลมกรรโชกแรงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เป็นเหตุให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 30 หลังคาเรือน ประกอบไปด้วย บ้านนาใน หมู่ที่ 1 จำนวน 19 หลังคาเรือน บ้านนาผักหม หมู่ที่ 2 จำนวน 1 หลังคาเรือน และบ้านโชคชัย หมู่ที่ 8 จำนวน 10 หลังคาเรือนนอกจากนี้ยังมีศาลาวัดเสียหาย 1 หลัง และอาคารสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพนสวรรค์เสียหายอีก 1 หลัง  

โดยก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลนาใน และอำเภอโพนสวรรค์  ได้เร่งสำรวจและให้การช่วยเหลือ จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อมาซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับผู้ประสบภัย เป็นเงินทั้งสิ้น 76,000 บาท และได้ระดมสรรพกำลังเพื่อช่วยกันซ่อมแซมบ้านเรือนผู้ประสบภัยจนแล้วเสร็จหมดทุกหลังแล้ว ประกอบไปด้วยคณะจิตอาสา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อปพร. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำทีมให้การช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยตำบลอาจสามารถ


วันที่ 24 เมษายน 2563 ที่วัดธาตุสำราญใต้  หมู่ที่ 3 บ้านสำราญใต้ ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย หลังประชาชนจำนวน 186 คน ในพื้นที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนที่มีลมกรรโชกแรงเป็นเวลา 30 นาที ส่งผลให้บ้านเรือนเสียหาย รวมทั้งสิ้น 62 หลังคาเรือน และยอดพระธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ในวัดธาตุ บ้านสำราญใต้ ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 008 หักเสียหาย เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา

โดยความเสียหายในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย บ้านสำราญเหนือ หมู่ที่ 2 จำนวน 29 ครัวเรือน บ้านสำราญใต้ หมู่ที่ 3 จำนวน  5 หลังคาเรือน บ้านอาจสามารถ หมู่ที่ 5 และ 6  จำนวน 15 หลังคาเรือน บ้านนาหัวบ่อ หมู่ที่ 7 จำนวน 5 หลังคาเรือน บ้านคำเกิ้ม หมู่ที่ 8 จำนวน 5 หลังคาเรือน บ้านไผ่ล้อม หมู่ที่ 10 จำนวน 2 หลังคาเรือนและบ้านห้อม หมู่ที่ 11 จำนวน 3 หลังคาเรือน ทั้งนี้เบื้องต้นก่อนหน้านี้ทางอำเภอเมืองนครพนม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลอาจสามารถ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 236 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะจิตอาสาตำบลอาจสามารถ ได้ร่วมกันซ่อมแขมบ้านเรือนที่ใด้รับความเสียหายให้กับประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เรียบร้อยแล้วกว่าร้อยละ 90 หลังคาเรือน ซึ่งคาดว่าจะซ่อมแล้วเสร็จทุกหลังภายในวันนี้ พร้อมทั้งได้มีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ในการเฝ้าระวังอันตราย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงเมื่อมีพายุฝนและลมกรรโชกแรง การตัดต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมบ้านเรือน และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการด้วย

มูลนิธิพลตำรวจเอก อดุลย์ ร่วมกับคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาและภาคเอกชน บริจาคเงินและสิ่งของให้ชาวนครพนมสู้โควิด – 19


วันที่ 24 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม มูลนิธิพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ร่วมกับคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ตอนบน) บริษัท ห้างร้าน ภาคเอกชน และผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินและสิ่งของให้กับจังหวัดนครพนม เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 มูลค่ารวม 1,300,000 บาท โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่ารราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนชุมชนต่าง ๆ เป็นตัวแทนรับมอบเพื่อนำไปส่งต่อยังข้าราชการในหน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า  ที่ผ่านมาก็ขอชื่นชมท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและส่วนราชการต่างๆที่ได้บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างครบถ้วนทุกหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานด้านสาธารณสุข  หน่วยงานด้านความมั่นคง ด้านกฎหมาย และภาคประชาชน ได้มีการใช้มาตรการตามลำดับขั้นตอนในการยับยั้งป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี โดยจังหวัดนครพนมีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากที่อื่น 2 ราย ซึ่งก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดีมาก ทำให้ไม่มีการแพร่กระจายของโรคเกิดขึ้นในพื้นที่ และในวันนี้ได้รวบรวมสิ่งของต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย 15,950 ชิ้น น้ำดื่ม 14,118 ขวด ไข่ไก่ 10,000 ฟอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1,080 ถ้วย เครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ กว่า 20,000 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 700,000 บาท และเงินสดอีก จำนวน 600,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,300,000 บาท มามอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและตัวแทนส่วนราชการ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และชุมชนต่าง ๆ เพื่อนำไปส่งต่อยังประชาชนในพื้นที่ให้ได้ใช้ต่อไป โดยสิ่งของที่นำมามอบนี้มาจากหลายภาคส่วนที่ได้รับขอบริจาคมา เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ต่อสู้ต่อไป ทั้งนี้ก็ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ตอนนี้เรามาถูกทางแล้ว รัฐบาลได้มีการขับเคลื่อนในเชิงบูรณาการต่าง ๆ ทำให้สถานการณ์โดยภาพรวมประเทศของเรา มีอัตราการพบเชื้อลดน้อยลงทุกที ก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและจังหวัดต่อไป ซึ่งเหมือนจะมีความเข้มงวด แต่นั้นเพราะอยากทำให้ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็วและสามารถฟื้นฟูได้เร็วเช่นเดียวกัน

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

ผู้ว่านครพนม แปลงพื้นที่จวนเป็นสวนผักสร้างต้นแบบความมั่นคงทางอาหาร

วันที่ 22 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม(หลังใหม่) ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัว สร้างความมั่นคงทางอาหารเป็นต้นแบบให้กับข้าราชการ ผู้นำกลุ่มองค์กรและประชาชนในพื้นที่ ให้ได้เห็นเป็นตัวอย่างและนำไปปฏิบัติตาม เพื่อเตรียมความพร้อมของแหล่งอาหารสำหรับแต่ละครัวเรือน ทั้งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคคิด – 19 ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของประเทศไทยต้องชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ประกอบกับความตื่นตระหนกของประชาชนที่เกรงว่าสินค้าอุปโภคบริโภคจะขาดแคลน ดังนั้นเพื่อเป็นต้นแบบให้กับข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ได้เห็นและนำไปปฏิบัติตามในการเตรียมความพร้อมทางอาหารสำหรับคนในครอบครัว จึงได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการสนับสนุน ส่งเสริม รณรงค์ให้ประชาชนทุกคนปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ พร้อมกันนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมแห่งนี้ให้เป็นต้นแบบสำหรับการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ให้ทุกคนได้เห็นเป็นตัวอย่าง ซึ่งในสวนครัวแห่งนี้จะมีทั้ง หอม ข่า ตะไคร้ พริก ใบชะพู สะระแหน่ โหระพา กระหล่ำ มะเขือ กระเพรา คะน้า และตำลึง ซึ่งภายใน 90 วัน ก็จะเจริญเติบโตเป็นแหล่งอาหารให้ได้รับประทานแล้ว ยิ่งเราปลูกเองอย่างนี้ยิ่งมั่นใจได้ว่าเป็นผักที่เก็บมารับประทานมีความปลอดภัยไร้สารพิษ นั้นหมายถึงสุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วยนอกจากการลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ขณะเดียวกันในสวนผักแห่งนี้ก็ยังมีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ดอกดาวเรืองด้วย ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่แล้วยังสามารถนำไปประกอบกิจกรรมทางศาสนาได้อีกด้วย 

รองผู้ว่านครพนม นำหน่วยงานลงพื้นที่ให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยพายุฤดูร้อนพัดบ้านพังทับร่างลูกชายเสียชีวิต



วันที่ 22 เมษายน 2563 ที่บ้านเลขที่ 81 หมูที่ 2 ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย พร้อมด้วยนางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจ ให้กำลังใจ และให้ความช่วยเหลือครอบครัวของนางวัชรา วะชุม ที่ต้องสูญเสียลูกชายไป เนื่องจากเกิดเหตุพายุฤดูร้อนลมกระโชกแรงทำให้บ้านพังทับลูกชายขณะที่ไปรับจ้างทาสีจนเสียชีวิต โดยการช่วยเหลือในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมมอบถุงยังชีพและเงินสงเคราะห์ จำนวน 3,000 บาท สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน จำนวน 2,000 บาท ประสานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ประสบภัย จำนวน 10,0000  บาท ขณะที่เทศบาลตำบลนาหว้าช่วยเหลือเงินค่าทำศพ 2,000 บาท เทศบาลตำบลหนองญาติซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุช่วยเหลือเงินค่าทำศพอีก จำนวน 25,000 บาท

นางวัชรา วะชุม เปิดเผยว่า ตนเองและสามีมีลูกด้วยกัน 2 คน น้องมาร์คที่เสียชีวิตเป็นลูกคนที่ 2 เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนางัว ปกติลูกชายเป็นคนที่พูดน้อยแต่ถ้ามีอะไรจะบอกพ่อกับแม่เสมอ โดยก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน ลูกชายได้มาขออนุญาตเพื่อไปรับจ้างเป็นลูกมือทาสีบ้านที่่บ้านภูเขาทอง หมู่ที่ 12 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองกับเพื่อนๆ เพื่อหาเงินมาเก็บไว้ซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ตนเองและสามีมอบให้ไว้ใช้งานเนื่องจากมีสภาพที่เก่าและชำรุด และไม่อยากรบกวนเงินของพ่อแม่ที่ต้องเหนื่อยทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งทุกเย็นตนเองจะโทรไปสอบถามลูกชายเสมอว่าเป็นยังไงบ้าง ทำงานหนักไหม เหนื่อยไหม ทานอะไรหรือยัง กระทั่งวันที่ 21 เมษายน เวลาประมาณ 19.00 น. ตนเองก็ได้โทรไปสอบถามลูกชายเช่นเดิม ซึ่งวันนี้ลูกชายก็ตอบเหมือนทุกครั้งแต่คำพูดสุดท้ายที่ตอบมาคือขอวางสายก่อนนะเพราะตอนนี้มีพายุฝนลมแรงมากแล้วก็ตัดสายไป ตนก็คิดว่านี่จะเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้คุยกัน กระทั่งมารู้ข่าวอีกทีว่าบ้านที่ลูกชายไปรับจ้างพังลงมาทับร่างเสียชีวิต ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ปัจจุบันก็ยังทำใจไม่ได้มักจะคิดถึงตอนที่โทรไปคุยกับลูกชายอยู่เสมอ คิดถึงทีไรก็น้ำตาไหลทุกทีทุกวันนี้จะมีลูกสาวและสามี ตลอดจนญาติๆ คอยปลอบและให้กำลังใจซึ่งกันและกันตลอดเวลา

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

คกก.โรคติดต่อนครพนม หารือเตรียมรับการเปิดสนามบินและมาตรการผ่อนปรนหลังปลดล็อคดาวน์จังหวัด


วันที่ 21 เมษายน 2563 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 12/2563 เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การแพระระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 รวมถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2563 ว่ามาตรการใดควรจะคงอยู่และมาตรการใดควรจะผ่อนปรน ประกอบกับในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ทางสนามบินนครพนมจะเปิดให้บริการจึงต้องมีการวางแผนการบริหารจัดการเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในส่วนนี้เพิ่มเติม

โดยในที่ประชุมได้มีการเสนอเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนมาตรการผ่อนปรนตลาดสดในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่ก่อนนี้ให้เปิด-ปิด ในเวลา 05.00-18.00 น. ตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองนครพนม ให้เปิด-ปิด ในเวลา 16.00-20.00 น. ร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุราที่มีการห้ามจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สถานที่บริการต่าง ๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน หาบเร่ แผงลอย ร้านขายยา ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โรงฆ่าสัตว์ ร้านหรืออู่ซ่อมรถ สถานที่ให้บริการอื่น ๆ ที่ให้กำหนดระยะเวลาเปิด-ปิด เวลา 05.00-21.00 น. ในส่วนของสนามบินนครพนมที่จะเปิดก็ขอให้มีการคัดกรองที่สนามบินทุกเที่ยวบิน โดยผู้เดินทางต้องสแกนข้อมูลลงทะเบียนประวัติผ่านระบบ Application line NPM-COVID-19 เพื่อติดตามอาการ รวมถึงผู้เดินทางเข้ามาเพื่อพักอาศัยในจังหวัดนครพนมต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการแยกตัวสังเกตอาการไข้ และระบบทางเดินหายใจทุกวัน หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนกว่าจะครบ 14 วัน นับจากวันที่เดินทางมาถึงจังหวัดนครพนม ทั้งนี้จะมีการสรุปรายละเอียดว่ามาตรการที่มีอยู่หรือมาตรการที่จะสามารถผ่อนปรนได้อีกครั้งในวันที่ 28 เมษายน 2563

ไทยเบฟฯ มอบแอลกอฮอล์ 2,500 ลิตร ให้จังหวัดนครพนมใช้ป้องกันโควิด-19


วันที่ 21 เมษายน 2563 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนมคณะตัวแทนบริษัท ไทยเฟเวอเวจ จำกัด (มหาชน) ได้นำแอลกอออล์ 72% จำนวน 2,500 ลิตร มามอบให้กับจังหวัดนครพนม จำนวน 500 ลิตร และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม จำนวน 2,000 ลิตร โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและนางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมเป็นตัวแทนรับมอบ มีสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน โดยหลังการส่งมอบทางจังหวัดนครพนมและสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมได้ตกลงและปรึกษากันแล้วเห็นควรส่งต่อให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานในสังกัดใช้ประโยชน์ต่อไป

นางแสงอุษา ทัศคร นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 และได้ให้การสนับสนุนแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำความสะอาดรักษาสุขอนามัย เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงสถานที่ปฏิบัติงานของบุคคลากรทางการแพทย์ทุกคน ตลอดจนสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัตนครพนมและจังหวัดนครพนมที่ได้ส่งต่อแอลกอฮอล์ทั้งหมดให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมในครั้งนี้ โดยทางสำนักงานจะมีการแจกจ่ายแอลกอฮอล์ที่ได้รับให้แต่ละโรงพยาบาลในสังกัด ประกอบไปด้วย  โรงพยาบาลนครพนม โรงพยาบาลท่าอุเทน โรงพยาบาลธาตุพนม โรงพยาบาลนาแก โรงพยาบาลศรีสงคราม โรงพยาบาลละ 120 ลิตร โรงพยาบาลปลาปาก โรงพยาบาลบ้านแพง โรงพยาบาลเรณูนคร โรงพยาบาลนาหว้าและโรงพยาบาลโพนสวรรค์ โรงพยาบาลละ 90 ลิตร ส่วนโรงพยาบาลนาทมและโรงพยาบาลวังยางที่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กกว่าก็จะได้รับโรงพยาบาลละ 60 ลิตร ทั้งนี้ในส่วนของแอลกอฮอล์ที่เหลือจะเก็บไว้ที่คลังของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมก่อน เพื่อสำรองไว้สำหรับเติมเต็มหน่วยต่าง ๆ ที่มีการร้องขอเข้ามาในภายหลัง

จ.นครพนม รับมอบรถให้ยืมใช้ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด 19 จาก บ.โตโยต้า


วันที่ 21 เมษายน 2563 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการรับมอบรถยนต์และข้าวสารจากตัวแทนบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายใต้โครงการ Toyota Stay with you โตโยต้าเคียงคู่ไทย สู้ภัย COVID – 19 โดยมีนายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการต่าง ๆ ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบ

สำหรับรถยนต์ที่ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้จังหวัดนครพนมยืมใช้จนกว่าสถานการณ์โควิด -19 จะจบลงในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย รถเก๋งโตโยต้า รุ่น Corolla Altis จำนวน 1 คัน รถกระบะโตโยต้า รุ่น Hilux Revo 4X4 Diff-lock จำนวน 1 คัน และรถกระบะโตโยต้า รุ่น Hilux Revo PreRunner จำนวน 1 คัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้นำไปใช้ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และในการปฏิบัติการตามด้านมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดรวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ในส่วนของข้าวสาร จำนวน 343 กิโลกรัมนั้นจะเป็นเสบียงสำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

รองผู้ว่าฯนครพนมลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังทีมแพทย์ รพ.สต.อำเภอเมืองนครพนม


วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม หลังทราบจากทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครพนม ว่าจะมีการจัดประชุมตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลส่งเสริมตำบลในเขตอำเภอเมืองนครพนม เพื่อรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานในแต่ละวันเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและร่วมประชุม โดยในโอกาสนี้ได้กล่าวขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ที่ได้ทุ่มเทเวลา แรงกาย แรงใจ ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถเพื่อดูแลประชาชนชาวจังหวัดนครพนม และเข้าใจดีว่าขณะนี้มีหลายหน่วยที่เครื่องมือและอุปกรณ์ยังมีไม่เพียงพอ ทางจังหวัดก็กำลังพยายามจัดหามาให้เพื่อให้ทุกคนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่นเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมก็ได้มีการอนุมัติเงินสะสมจ่ายขาด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อมาจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจที่มีความแม่นยำ แสดงข้อมูลได้ละเอียดทั้งกราฟและตัวเลข เพื่อมาดูแลผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง นอกจากนี้ยังมีภาคส่วนต่าง ๆ สนับสนุนเพิ่มเติม และในวันนี้เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคน นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ก็ได้ใช้เงินส่วนตัวจัดหาชุด PPE ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมามอบให้จำนวนหนึ่งด้วย

          สำหรับรายงานผลการปฏิบัติงานของ 27 โรงพยาบาลส่งเสริมตำบล และ 1 ศูนย์สุขภาพชุมชนเขตเมืองในเขตอำเภอเมืองนครพนม ที่มีการลงพื้นที่ร่วมกับทาง อสม. ในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID -19) การปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากโรค สถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละวัน และการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการตรวจติดตามผู้ที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน เพราะมาจากพื้นที่เสี่ยงนับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 จำนวน 1,801 คนซึ่งปัจจุบันพ้นระยะการกักตัวแล้วจำนวน 1,407 ราย และยังเหลือที่กำลังกักตัวอยู่บ้านอีกจำนวน 394 ราย ทั้งนี้ทุกคนยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี

นครพนมบูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านรามราช ที่บ้านประสบไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง


วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 2 บ้านรามราช ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยจังหวัดนครพนม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน กอ.รมน.จังหวัดนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มอาสาสมัครแรงงานจังหวัดนครพนม และบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือนางสาวหวานตา แก้วนิวงค์ ที่ประสบเหตุไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา โดยการบูรณาการให้การช่วยเหลือครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การมอบเครื่องอุปโภคบริโภคตลอดจนเครื่องใช้ครัวเครือนต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ไข่ไก่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ตะกร้า ยาสีฟัน แชมพูสระผม สบู่ กระทะไฟฟ้า ที่นอน หมอน มุ้ง และเงินจำนวน 12,400 บาท นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนตำบลรามราชและผู้นำชุมชนตลอดจนผู้ที่ได้ทราบข่าวจากการแจ้งข่าวของอาสาสมัครแรงงานประจำตำบลรามราช ก็ได้ร่วมกันบริจาคเงินสมทบอีกจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้

นางสาวหวานตา แก้วนิวงค์ เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวที่ไหม้ไปนั้น ตนเองอาศัยอยู่คนเดียว เป็นบ้านชั้นเดียวที่ก่ออิฐแล้วมุงหลังคาด้วยหญ้าคา โดยขณะเกิดเหตุตนเองอยู่ที่หลังบ้านกำลังเก็บผักเพื่อจะมาปรุงอาหาร ได้ยินเหมือนเสียงไม้ลั่นอยู่หน้าบ้าน จึงรีบวิ่งมาดูก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้หลังคาบ้านอยู่ จึงพยายามหาน้ำมาดับไฟและร้องให้คนมาช่วยแต่ก็ไม่ทันเพราะวันที่เกิดเหตุมีลมพายุพัดแรงด้วย เพียงเวลาไม่นานบ้านก็ไหม้หมดทั้งหลัง ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือเริ่มตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ทางองค์การบริหารส่วนตำบลรามราช ที่ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลในส่วนต่าง ๆ มาตั้งเต้นท์ให้เป็นที่พักชั่วคราวก่อน น้องอาสาสมัครแรงงานประจำตำบลรามราชที่เป็นกระบอกเสียงช่วยแจ้งข่าว ทำให้คนมาช่วยกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อยพอได้สร้างบ้านให้เป็นที่พักอาศัยใหม่ และที่สำคัญได้เห็นผู้ใหญ่ทุกคนและหน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่มาช่วยเหลือในวันนี้ ซึ่งตนเองไม่คาดคิดว่าจะมากขนาดนี้ ทำให้วันนี้รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก และทำให้มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตข้างหน้า

พนักงาน tot นครพนม พร้อมใจแบ่งเงินเดือนซื้ออาหารแจกผู้ได้รับผลกระทบโควิด19


วันที่ 20 เมษายน 2563 ที่ศูนย์บริการลูกค้าทีโอทีสาขานครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายอนุคม ทองประเสริฐ โทรศัพท์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พนักงานบริษัททีโอทีจำกัด (มหาชน) สาขานครพนมทุกคน ได้ติดตามข่าวมาตลอดและต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่า ประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก มีทั้งที่ไม่มีงานทำ ตกงาน การครองชีพที่ลำบาก ไม่มีอาหารรับประทาน ประกอบกับช่วงนี้ที่จังหวัดมีมาตรการล็อกดาวน์ห้ามเข้าออกเมือง จึงคาดว่าจะมีชาวนครพนมหลายคนที่จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

ดังนั้นพนักงานทุกคนจึงได้มีแนวคิดร่วมกันว่าเราควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคม ถึงแม้จะไม่มีเงินแต่ก็ขอให้ทุกคนได้มีอาหารไว้รับประทาน โดยตกลงกันว่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่ได้รับและต้องไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของตัวเอง มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังของแต่ละคนมารวมกันซื้ออาหารแจกผู้ได้รับผลกระทบให้ได้รับประทานในแต่ละวันจนกว่าจะถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ครบกำหนดล็อกดาวน์ห้ามเข้าออกจังหวัด ทั้งนี้ในแต่ละวันจะมีการตั้งโต๊ะแจกที่บริเวณหน้าศูนย์บริการลูกค้าทีโอทีสาขานครพนม ถนนนิตโย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดอรัญญิกาวาส  โดยแต่ละวันจะมีการสลับสับเปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ ทั้งอาหารแห้ง ข้าวห่อ นอกจากนี้ยังมีผลไม้ น้ำดื่มและแกฟให้รับประทานด้วย

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563

มทบ.210 ลุยสวนรับซื้อแตงโมช่วยเกษตรกรแก้ปัญหาช่องทางการจำหน่ายในช่วงไวรัสโควิด 19 ระบาด


วันที่ 19 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 (ผบ.มทบ.210) เปิดเผยว่า จากภาวะการแพระระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกแตงโมในพื้นที่จังหวัดนครพนม ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตที่กำลังออกเต็มที่ในช่วงนี้ได้ ซึ่งปกติจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากต่างถิ่นมารับซื้อถึงสวนเพื่อไปจำหน่าย หรือประชาชนที่ผ่านไปมาตามเส้นทางเห็นแล้วก็ลงมาซื้อไปรับประทานหรือนำไปเป็นของฝากคนที่รัก ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมที่บ้านหนองฮี ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก อำเภอปลาปาก จึงได้ส่งทีมพ่อครัวของมณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและซื้อผลผลิตของกลุ่มเกษตรกรภายใต้โครงการ "ทหารอิ่มท้อง พี่น้องมีตังค์"

สำหรับการับซื้อของโครงการนั้น จะซื้อประมาณวันละ 300 กิโลกรัม โดยจะตระเวนไปตามสวนต่าง ๆ เพื่อซื้อทุกวันจนกว่าพี่น้องเกษตรกรจะสามารถค้าขายได้ตามปกติ  ซึ่งแตงโมที่ได้มาทั้งหมดจะนำไปเป็นเมนูอาหารเสริมให้กับข้าราชการและน้อง ๆ พลทหารในหน่วย ให้ทุกนายได้รับประทานแตงโมที่สด ใหม่หวาน กรอบ อร่อย สะอาดปลอดภัย ไปพร้อม ๆ กับการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น สามารถขายได้ทันเวลาในภาวะที่ผลผลิตกำลังออกเต็มที่ จึงนับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของเราชาวค่ายพระยอดเมืองขวาง เพราะทุกคำทุกมื้อที่เราอิ่มท้อง จะมีความสุขและความอิ่มใจของพี่น้องเกษตรกรชาวนครพนม

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำทีมให้การช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย อำเภอโพนสวรรค์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำทีมให้การช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย อำเภอโพนสวรรค์
วันที่ 18 เมษายน 2563 ที่อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะ วิทยากรจิตอาสา 904 สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย หลังประชาชนในพื้นที่อำเภอโพนสวรรค์ จำนวน 2 ตำบล ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน เมื่อคืนวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนสลับกับลมกรรโชกแรง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 30 หลังคาเรือน ประกอบไปด้วย บ้านเสาเล้าเหนือ หมู่ที่  10 ตำบลโพนสวรรค์ บ้านเรือนเสียหาย 5 หลัง แบ่งเป็น เสียหายหนัก 3 หลัง เสียหายเล็กน้อย 2 หลัง ตำบลนาหัวบ่อ บ้านเรือนเสียหาย 25 หลัง ได้แก่ บ้านโพนเพ็ก หมู่ที่ 1 เสียหายหนัก 7 หลัง เสียหายเล็กน้อย 15 หลัง บ้านหนองผักตบ หมู่ที่ 4 เสียบางส่วน 2 หลัง และบ้านเจริญศิลป์ หมู่ที่ 8 เสียหายบางส่วน 1 หลัง

ซึ่งในเบื้องต้นทางอำเภอโพนสวรรค์ ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล เร่งสำรวจความเสียหายพร้อมรายงานมายังจังหวัด และร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนจิตอาสาดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมทั้งก็ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ในการเฝ้าระวังอันตราย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงเมื่อมีพายุฝนและลมกรรโชกแรง การตัดต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมบ้านเรือน และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการด้วย

​หน่วยความมั่นคงนครพนม ตรวจยึดหน้ากากอนามัยลักลอบนำเข้า 3​3,000 ชิ้น

หน่วยความมั่นคงนครพนม ตรวจยึดหน้ากากอนามัยลักลอบนำเข้า 3​3,000 ชิ้น

วันที่ 18 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม​ ชุดเฉพาะกิจที่มีการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคง ประกอบไปด้วย​ เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรนครพนม, กอ.รมน.จังหวัดนครพนม​ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครพนม,​ ชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม, เจ้าหน้าที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, กองร้อยตํารวจตระเวนชายแดนที่ 236 ตำรวจท่องเที่ยวนครพนม ตำรวจน้ำนครพนม และ หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตพื้นที่ นครพนม ได้ร่วมกันตรวจยึดหน้ากากอนามัย (ประเภทใยสังเคราะห์) จำนวน 11 ลัง ประมาณ 33,000 ชิ้น​ หลังมีการลาดตระเวนตรวจพบที่ถนนทางเข้าบ้านเวินพระบาท​ หมู่ที่ 10 อำเภอท่าอุเทน​ จังหวัดนครพนม​ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ผ่านทางฝั่ง สปป.ลาว และนำมาวางไว้เพื่อรอการขนถ่ายเคลื่อนย้ายไปส่งต่อยังนายทุนอีกครั้ง

ตามที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัส covid- 19 รัฐบาลจึงมีมาตรการควบคุมการจำหน่ายสินค้า อุปโภคและบริโภค รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และ อื่นๆ จากมาตรการการควบคุมสินค้าดังกล่าว โดยรัฐบาลได้ประกาศทั่วประเทศฯ มิให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับกักตุนสินค้า การลักลอบจำหน่ายเกินราคา และเคลื่อนย้ายสินค้าบางประเภทที่มีการควบคุมฯ จังหวัดนครพนม โดยหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วย จึงได้ร่วมกันออกตรวจตราลาดตะเวน ตรวจสอบตามห้างร้าน และพื้นที่ต่างๆทุกพื้นที่​ กระทั้งเวลา​ 10.30 น. ชุดตรวจยึดได้ตรวจพบกล่องวัตถุต้องสงสัย​ ​เป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล​ขนาดใหญ่เขียนด้วยภาษาจีน จำนวน​ 11 กล่อง​ วางอยู่ที่ริมทางเข้าบ้านเวินพระบาท หมู่ที่​ 10 อำเภอ​ท่าอุเทน จังหวัด​นครพนม​ จึงได้ร่วมกันตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นหน้ากากอนามัย( ประเภทใยสังเคราะห์) ซึ่งมีการประกาศควบคุม ตาม พ.ร.บ.​ จากนั้นชุดตรวจยึดจึง​ได้ร่วมกันตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ แต่ไม่พบมีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ร่วมกันทำบันทึก​ตรวจยึดและนำไปตรวจนับโดยละเอียดที่อาคารสำนักงาน​ด่านศุลกากรนครพนม 

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563

จ.นครพนม ประกอบพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี


วันที่ 17 เมษายน 2563 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะข้าราชการในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ตามที่ทรงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม  กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราโชบายและพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 ณ พระที่นั่งอมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร

นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีความเสี่ยงในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย COVID-19 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID- 19 โดยจังหวัดนครพนมได้รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย จำนวน 10,000 ชิ้น หน้ากากเลนส์ใส FACE SHIELD จำนวน 120 ชิ้น COVER ALL จำนวน 50 ชิ้น ยังมาซึ่งความปลาบปลื้มปิติแก่บุคลากร เจ้าหน้าที่ทุกคน และต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทั้งนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม จะได้ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน ให้กับโรงพยาบาล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุกแห่งต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563

ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ด่านคัดกรองมาตรการล็อกดาวน์นครพนม


วันที่ 16 เมษายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี /กอ.รมน.ภาค2 สย.1  พร้อมด้วยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองบริเวณทางหลวงหมายเลข 212 บ้านแดนสวรรค์ ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็น 1 ใน 24 จุดที่จังหวัดนครพนมบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้กับมาตรการเข้าออกเมืองหรือห้ามข้ามเขตพื้นที่ เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค การป้องกันโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องมืออุปกรณ์เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการกู้ชีพกู้ภัยฉุกเฉิน รถพยาบาลและยานพาหนะของทางราชการ หรือที่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้มอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นกรณีไป ในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยในโอกาสนี้ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้สอบถามถึงแนวทางปฏิบัติงานและมอบนโยบาย ตลอดจนกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเคร่งครัดเพื่อป้องกันโรคให้กับประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมมอบอาหารแห้งและน้ำดื่มเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

พลตรี สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี /กอ.รมน.ภาค2 สย.1  เปิดเผยว่า  ในสถานการณ์โควิด 19 เช่นนี้กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีก็ยังคงมีการบูรณางานร่วมกับจังหวัดนครพนมเช่นดังเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดตรวจคัดกรองคนเข้าออกเมือง การป้องกันปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดที่ยังคงเข้มงวดในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง การตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้นในพื้นที่ตามแผนเดิม รวมถึงยังได้เสริมในเรื่องของการช่วยกันสกัดกั้นการลักลอบการใช้พื้นที่ตามแนวชายแดน และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วย ทั้งนี้ก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตในครั้งนี้ที่เราทุกคนต้องช่วยกัน มาตรการที่จังหวัดนครพนมได้ทำอยู่ทุกวันนี้มีจุดมุ่งหมายหลักก็เพื่อความปลอดภัยของพื้นที่และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเอง ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขอให้อดทนอีกสักนิด เพราะสุดท้ายแล้วประโยชน์ที่ได้จะเกิดกับตัวพี่น้องประชาชนทุกคนในจังหวัดนครพนม ถ้าพื้นที่ปลอดภัยหลังเหตุการณ์จบแล้ว สภาพเศรษฐกิจ การค้าขาย การท่องเที่ยว ก็จะดีขึ้นตามลำดับต่อไป

ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ร่วมกับ วปอ. รุ่นที่ 62 มอบเครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่นครพนม


วันที่ 16 เมษายน 2562 ที่บริเวณโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พลตรี สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี /กอ.รมน.ภาค2 สย.1 ร่วมกับคณะนักศึกษาวปอ.รุ่นที่ 62 หมู่กวาง นำชุดเครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ประกอบไปด้วย ชุดPPE จำนวน 40 ชุด หน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield) จำนวน 500 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 500 ชิ้น แอลกอฮอล์75% จำนวน 40 ลิตร และถุงมือสำหรับการตรวจโรค จำนวน 500 คู่ มามอบให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม โดยมีนายแพทย์ มนู ชัยวงศ์โรจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนมเป็นตัวแทนรับมอบ มีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่พยาบาล ร่วมเป็นสักขีพยาน

จากนั้นได้เยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการรักษาผู้ป่วยบริเวณศาลาพักญาติเทิดพระเกียรติ ฯ ที่ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จัดให้เป็นคลินิกตรวจผู้ป่วยที่มีอาการไข้และไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ตลอดจนผู้ที่มีความผิดปกติทางเดินหายใจ และเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) แยกต่างหากจากตัวอาคารที่ทำการรักษาโรคทั่วไป เพื่อเป็นจุดคัดกรองและรักษาผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ทางโรงพยาบาลออกมาเพื่อลดความเสี่ยงให้กับประชาชนที่มาทำการรักษากับทางโรงพยาบาล โดยพื้นที่ตรงนี้จะมีทั้งทีมแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาที่ครบครัน เริ่มตั้งแต่การตรวจวัดไข้ ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน จากนั้นมาตรวจและวินิจฉัยอาการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถ้ามีความเสี่ยงก็จะมีการตรวจเอกซเรย์และนำสายคัดหลั่งส่งตรวจอีกครั้ง และถ้าเจ็บป่วยทั่วไปก็สามารถรับยา ณ จุดจ่ายยาได้เลย นอกจากนี้คลินิกดังกล่าวยังป็นศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหา COVID-19 อีกด้วย

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563

ผู้ว่าฯนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจคนในชุมชนรวมถึงผู้ป่วยโควิด 19 และญาติ


วันที่ 15 เมษายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม หลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมร่วมกับอำเภอต่าง ๆ ผ่านระบบ Video Conference เพื่อติดตามสถานการณ์รายวัน ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID -19) และมาตรการต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดได้มีการประกาศออกไป นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด -19 รายที่ 2 ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสงคราม ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว จากที่วันแรกลิ้นไม่รับรู้รส จมูกไม่รับรู้กลิ่น ปัจจุบันผู้ป่วยไม่มีอาการไข้แต่อย่างใด ขณะที่ประสาทสัมผัสทั้ง 2 ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว

จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมญาติของผู้ป่วยติดเชื้อ ที่บ้านที่มีคำสั่งให้กักตัว และบ้านพักที่ทางราชการจัดให้กักตัว ประกอบไปด้วย แม่ผู้ป่วย พี่สาว พี่เขย หลานสาว และหลานชาย โดยทุกคนผ่านการตรวจสารคัดหลั่งแล้วปรากฏว่าไม่พบเชื้อแต่อย่างใด และทุกคนยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดี ทั้งนี้แม่ผู้ป่วยและพี่เขยมีความกังวนเล็กน้อยเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของคนในชุมชนเพราะทราบข่าวว่าคนในชุมชนไปซื้อสินค้าที่ตลาดแล้วแม่ค้าไม่อยากขายให้ ทำให้คิดว่าครอบครัวตนเองนำปัญหามาให้คนในชุมชน จึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ซึ่งพอจังหวัดทราบถึงสภาวะความเครียดก็ได้ให้ทีมแพทย์ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับทุกคนในชุมชน รวมถึงให้ผู้นำชุมชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศเสียงตามสายชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งการปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ลักษณะความสุ่มเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค ผลตรวจของญาติผู้ป่วยทั้งหมดที่ไม่มีใครติดเชื้อแต่อย่างใด รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลและจังหวัดได้ออกมาในช่วงนี้ จึงทำให้ทุกคนเข้าใจ สบายใจ และมีการนำอาหาร ผลไม้มาเยี่ยม โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมสาธารณสุข คือเอาใส่ถุงมาห้อยไว้ที่ประตูรั้วแล้วค่อยให้คนที่ถูกกักตัวมาเอาไปรับประทาน และในวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมก็ได้นำทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันให้ทุกคนในชุมชนได้เห็นว่ามีความปลอดภัยจริงอีกด้วย