วันที่ 11 เมษายน 2563 ที่ตำบลท่าจำปา
อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นและตั้งตารอของชาวบ้านท่าดอกแก้ว
หมู่ที่ 5 และ 6 จำนวน 1,863 คน หลังต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา
14 วัน ตามคำสั่งจังหวัดนครพนมที่ให้ปิดหมู่บ้านไม่ให้ใครเข้าออกพื้นที่
เพื่อเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เนื่องจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 19
ในหมู่บ้าน จำนวน 1 ราย เมื่อวันที่ 27
มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างปิดหมู่บ้านเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม
ได้ร่วมกับโรงพยาบาลท่าอุเทน โรงพยาบาลนครพนม ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม
ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม มลฑลทหารบกที่ 210 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ อสม. ได้เข้าดำเนินการอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอนตามระเบียบและข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งทุกคนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการตรวจคัดกรอง การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ
การดูแลเฝ้าระวังสุขภาพ การรักษาความสะอาดภายในครัวเรือนและสภาพแวดล้อมในหมู่บ้าน โดยมีประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดนครพนมที่รู้ข่าว
ส่งกำลังใจ สิ่งของและอาหารมาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนการเปิดหมู่บ้านในครั้งนี้
ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสุขภาพและสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้านของชาวบ้านท่าดอกแก้ว
หมู่ที่ 5และ 6 อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์
ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่ป่วยติดเชื้อก็ทำการรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว
ขณะนี้ให้กักตัวเพิ่มอยู่ที่โรงพยาบาลนครพนมจนกว่าจะครบ 1
เดือนเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนอีกชั้น
และในวันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม
จึงมีความเห็นร่วมกันว่าทุกคนไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้แพร่เชื้อโรค จึงได้มีการประกาศปลดล๊อคหมู่บ้านให้กับทุกคนในวันนี้
โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายรังสรรค์
คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายชาตรี จันวีระชัย
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความยินดีกับทุกคนในหมู่บ้าน
ด้านนางบังอร สมสุข หนึ่งในชาวบ้านท่าดอกแก้ว หมู่ที่
5 เปิดเผยว่า ตอนแรกที่มีการสั่งปิดหมู่บ้านก็เป็นกังวล
ในเรื่องต่างๆ ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตดีเพราะปกติต้องออกไปรับจ้าง จะเอาเงินที่ไหนไปซื้ออาหารอีกทั้งลูกก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
แต่เมื่อถูกกักตัวจริง ๆ เจ้าหน้าที่ก็ได้นำอาหาร สิ่งของต่าง ๆ
มาให้มาคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ เรื่องของสุขภาพอนามัยก็มีเจ้าหน้าที่
อสม.มาตรวจทุกวัน ระหว่างที่ถูกปิดหมู่บ้านก็จะทำความสะอาดบ้านและรอบ ๆ บริเวณเหนื่อยก็พัก
เช้าก็ไปวัดตามปกติ ทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในบ้าน ถ้าอยากได้ของใช้ก็ไปซื้อที่ร้านค้าหมู่บ้าน
โดยจะมีการใส่หน้ากากเสมอ แล้วก็ใช้สบู่และน้ำยาล้างมือทุกครั้ง ยิ่งเมื่อรู้ว่าวันนี้มีการปลดล็อคเปิดหมู่บ้านให้สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติก็มีความรู้สึกดี
ซึ่งมั่นใจว่าทุกคนในหมู่บ้านของตัวเองมีความปลอดภัยมากกว่าที่อื่น ๆ ด้วยซ้ำ
หลังจากนี้คนที่จะเข้ามาในหมู่บ้านของเราจะต้องถูกตรวจคัดกรองไม่ว่า ทั้งคนในที่ออกไปแล้วจะเข้ามา
หรือคนข้างนอกที่จะเข้ามาในพื้นที่


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น