วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

รมช.เกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่นครพนม ติดตามโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร พร้อมแนะอนาคตครัวไทยสู่ครัวโลก

 วันที่ 25 กันยายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และนายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำคณะลงพื้นที่บ้านดอนแดง หมู่ที่ 8 ตำบลธาตุพนมเหนือ อำเภอธาตุพนม เยี่ยมให้กำลังใจและติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร ที่เป็นนโยบายของกระทรวงเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ หันกลับมาประกอบอาชีพทำการเกษตรและกลับสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่ออยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมากยิ่งขึ้น



นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการของเราเป็นโครงการที่สร้างเสริมอาชีพของคนไทยที่แท้จริง โดยเริ่มมาตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคมที่ตอนนั้นยังไม่มีโควิด- 19 เข้ามาเลย เพราะเรามองว่าปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่ลูกหลานกลับมาทำงานในตัวเมืองและกรุงเทพ ทำให้พื้นที่นาในต่างจังหวัดยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่ทุกคนหลั่งไหลเข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่กันเพราะเหตุใด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วต่างจังหวัดเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีความโอบอ้อมอารีที่พร้อมจุนเจือต่อกัน ขณะที่ในเมืองหลวงแต่ละคนแทบไม่รู้จักกันเลย จึงอยากให้ลูกหลานทุกคนได้กลับไปอยู่บ้าน ได้ไปดูแลพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พร้อมกับการมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน



สำหรับจังหวัดนครพนมนั้นมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 127 คน ถ้าเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ แล้ว ถือเป็นจังหวัดต้น ๆ ของประเทศที่มีผู้เข้าร่วม ซึ่งแต่ละคนก็จะมีพื้นฐานที่แตกต่างกันไป เพราะด้วยหน้าที่การงานที่ทำที่ แต่ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์สามารถนำต่อยอดได้เป็นอย่างดี และโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านฯ เงินทุนก็ไม่ใช่ปัจจัยอันดับแรก ๆ แต่ความตั้งใจความมุ่งมั่นต่างหากที่จะเป็นสิ่งสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นเมื่อกรมส่งเสริมการเกษตรเข้ามาให้ความรู้ สร้างความมั่นใจในระบบการผลิต สหกรณ์การเกษตรเข้ามาดูแลให้ความรู้ในด้านการบริหารจัดการและการตลาด ก็จะทำให้ทุกคนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น สามารถขับเคลื่อนแปลงเกษตรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและมองเห็นทิศทาง มองเห็นถึงอนาคตของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และในตอนนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เองก็กำลังผลักดันในเรื่องของอาหารฮาลาล เพราะเรากำลังจะสร้างครัวไทยสู่ครัวโลก ซึ่งอาหารฮาลาลเป็นอาหารที่ทั่วโลกให้การยอมรับ สามารถไปได้ทุกที่ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่ไม่สามารถผลิตอาหารได้เลยแต่มีเงินมากมายรอเราอยู่ ดังนั้นถ้าเราทำได้นั้นหมายถึงรายได้อีกมากมายที่จะเข้ามาสู่ทุกคนในครอบครัวรวมถึงชุมชน  แต่เราต้องเข้าใจหลักการทำ ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎระเบียบเรื่องอาหารฮาลาลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด ถ้าทำได้ก็เหมือนได้คะแนน 50 คะแนนแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของวัตถุดิบ ซึ่งในส่วนนี้ถ้าเราทำเกษตรอินทรีย์ก็ได้อีก 10 คะแนน นอกจากนี้ก็เป็นรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ จึงอยากให้ทุกคนได้มองเห็นถึงโอกาสและอาชีพใหม่ๆ ที่จะมารองรับในส่วนนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น