วันที่ 9 กันยายน 2563 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง
เลียบถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์
คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ศิลปินเรือไฟของแต่ละอำเภอ
ที่เริ่มทยอยกันขนสิ่งของ ชิ้นส่วนของเรือไฟ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ไผ่ซึ่งเป็นสิ้นส่วนหลักในการสร้างเรือไฟ
ยางรถจักยานยนต์ที่ใช้ในการมัด และชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่แต่ละทีมร่วมกันออกแบบมาเพื่อสร้างเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ใช้เป็นประทีปพุทธบูชาในช่วงวันออกพรรษา
ประจำปี 2563 กับงานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 กันยายน - 4 ตุลาคม 2563 นี้ ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโควิด-19
คือต้องผ่านการตรวจคัดกรองและสวมหน้ากากแบบ 100 % จึงจะเข้าร่วมงานได้เมื่อเข้าไปในพื้นที่แล้วจะต้องมีระยะห่างเพื่อสร้างความปลอดภัยด้วย
นายรังสรรค์
คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า
ประเพณ๊ไหลเรือไฟเป็นประเพณีเก่าแก่หนึ่งเดียวในโลกที่ชาวนครพนมถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปีในช่วงวันออกพรรษา
ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและสอบถามศิลปินเรือไฟส่วนใหญ่เลือกที่จะออกแบบให้เรือมีขนาดใหญ่สุดตามที่จังหวัดกำหนด
คือยาว 80 เมตร ส่วนลวดลายจะยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่เป็นตัวตนของแต่ละชนเผ่าสอดแทรกอยู่ในนั้น
โดยเฉพาะการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ทุกทีมต่างปิดเป็นความลับว่าลวดลายจะเป็นอย่างไร
มีการประดับตกแต่งแบบไหนหรือแม้กระทั่งจะเอาเทคโนโลยีอะไรมาใส่ทำให้มีความโดดเด่นจนกว่าจะใกล้ถึงวันไหล
ผู้ที่มาชมทุกคนจึงจะได้รู้และได้เห็นความงดงามแห่งสายน้ำโขง เพราะการสร้างเรือไฟมีการแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า
450,000 บาท โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ประเภทสวยงามมีเรือไฟที่ส่งเข้าแข่งขันทั้งสิ้น
7 ลำ ขณะที่ประเภทความคิดสร้างสรรค์มีเรือไฟส่งเข้าแข่งขัน 5 ลำ
ทั้งนี้อยากฝากถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาร่วมงานของให้วางแผนให้ดีเพราะนอกจากจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโควิด
– 19 อย่างแล้ว
การไหลเรือไฟแข่งขันก็จะแตกต่างกว่าทุกปีเพราะมีวันไหลเรือไฟเพิ่มขึ้นเป็น 3 วัน จากเดิมที่ไหลวันออกพรรษาเพียงวันเดียว
โดยการไหลจะแบ่งเป็นเรือไฟประเภทความคิดสร้างสรรค์ ไหลวันที่ 30 กันยายน จำนวน 2 ลำ คือของอำเภอนาหว้าและอำเภอวังยาง วันถัดมาวันที่ 1
ตุลาคม จะไหล 3 ลำ เป็นของอำเภอบ้างแพง อำเภอปลาปากและอำเภอนาแก
ขณะที่วันออกพรรษาจะเป็นการไหลเรือไฟประเภทสวยงามของอำเภอศรีสงคราม อำเภอโพนสวรรค์
อำเภอนาทม อำเภอท่าอุเทน อำเภอเมืองนครพนม อำเภอเรณูนครและอำเภอธาตุพนม รวม 7 ลำ ส่วนวันอื่น
ๆ ที่ไม่มีการแข่งขันจะมีไหลเรือไฟโชว์ให้ชมพร้อมกับการปล่อยกระทงสาย
โดยการปล่อยเรือจะเริ่มในเวลา 19.00 น. ของทุกวัน และจะปล่อยห่างกันทุก 30 นาที


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น