วันที่ 2 ตุลาคม 2563
ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางมาร่วมชมความงดงามของเรือไฟ
ที่ชาวจังหวัดนครพนมได้พร้อมใจกันจัดสร้างขึ้นจำนวน 12 ลำ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการไหลเพื่อประกวดเรือไฟประเภทความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งมีอำเภอส่งเรือไฟเข้าแข่งขัน จำนวน 5 ลำ และในวันนี้มีการประกวดเรือไฟประเภทสวยงามที่มีการไหล
จำนวน 7 ลำ ซึ่งการตัดสินในครั้งนี้ จังหวัดนครพนมได้เชิญ นายนรวัฒน์ สวยงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม
นางสาวสุภาพร เนตรเขียน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครพนม ตลอดจน
นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และสื่อมวลชนร่วมให้คะแนนเพื่อตัดสินร่วมกันอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด
โดยผลปรากฏว่าอำเภอท่าอุเทน
สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภทสวยงาม รับเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานจำลองจากพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฯ ส่วนรองอันดับ 1 ได้แก่ อำเภอเมืองนครพนม รับเงินรางวัล 70,000 บาท รองอันดับ 2
ได้แก่ อำเภอนาทม รับเงินรางวัล 60,000 บาท ขณะที่เรือเข้าแข่งขันลำอื่น ๆ
ได้รางวัลชมเชยรับเงินรางวัล 5,000 บาท ขณะที่เรือไฟแข่งขันประเภทความคิดสร้างสรรค์
เรือไฟที่ชนะเลิศได้แก่ อำเภอนาแก รับเงินรางวัล 80,000
บาท พร้อมถ้วยพระราชทานจำลองจากสมเด็จพระราชินีฯ ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่
อำเภอปลาปาก รับเงินรางวัล 70,000 บาท รองอันดับ 2 ได้แก่ อำเภอนาหว้า
รับเงินรางวัล 60,000 บาท ขณะที่เรือเข้าแข่งขันลำอื่น ๆ
ได้รางวัลชมเชยรับเงินรางวัล 5,000 บาท ทั้งนี้จะมีการจ่ายเงินรางวัลเมื่อได้ทำการรื้อซากเรือไฟหมดแล้วเท่านั้น
โดยเรือไฟอำเภอท่าอุเทนที่ได้รางวัลประเภทสวยงามนั้นมีการออกแบบเรือไฟเป็นเรือสุพรรณหงษ์
ด้านบนเป็นการหลอมรวมความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นของอำเภอท่าอุเทน
ประกอบไปด้วยธงชาติที่สื่อถึงความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียว พระพุทธรูปปางลีลา เทวดา
พญานาค สื่อถึงพระพุทธศาสนา เป็นการแสดงให้เห็นถึงเมื่อครั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จลงจากดาวดึงส์ เทวโลกในวันออกพรรษาท่ามกลางหมู่เทวดาและพรหมแวดล้อม ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯ สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยที่เคียงคู่กับสถาบันชาติ
ศาสนา มาอย่างช้านาน โดยทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ เราจะสืบสาน รักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร์ตลอดไป ส่วนสัญลักษณ์ท้องถิ่นคือองค์พระธาตุท่าอุเทน
ซึ่งภายในมีการบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์เอาไว้และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันศุกร์
เชื่อว่าผู้ที่ได้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ ส่งผลให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณซึ่งเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมใจของชาวท่าอุเทน
ที่มีการก่อสร้างโดยหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน และมีการจัดงานนมัสการในวันขึ้น 15
ค่ำเดือน 4 ของทุกปี ขณะที่เรือไฟอำเภอนาแกที่ได้รางวัลชนะเลิศความคิดสร้างสรรค์
มีการออกแบบเรือไฟให้มีพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
องค์พระธาตุพนมที่สื่อถึงพระพุทธศาสนาและดวงอาทิตย์ที่สื่อถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่
อยู่ด้านบนพญาศรีสัตนาคราชที่กำลังเลื้อยผ่านเกลียวคลื่นที่ซัดดสาดสื่อให้เห็นถึงเราทุกคนจะผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-
19 ไปด้วยกันพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระธาตุพนม
และพญาศรีสัตตนาคราชที่คอยดูแลปกป้องคุ้มครองเราตลอดมา


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น