วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ชาวอำเภอท่าอุเทนและอำเภอนาแกเฮ คว้าชัยประกวดเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2563

วันที่ 2 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางมาร่วมชมความงดงามของเรือไฟ ที่ชาวจังหวัดนครพนมได้พร้อมใจกันจัดสร้างขึ้นจำนวน 12 ลำ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการไหลเพื่อประกวดเรือไฟประเภทความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมีอำเภอส่งเรือไฟเข้าแข่งขัน จำนวน 5 ลำ และในวันนี้มีการประกวดเรือไฟประเภทสวยงามที่มีการไหล จำนวน 7 ลำ ซึ่งการตัดสินในครั้งนี้ จังหวัดนครพนมได้เชิญ นายนรวัฒน์ สวยงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม นางสาวสุภาพร เนตรเขียน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครพนม ตลอดจน นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนร่วมให้คะแนนเพื่อตัดสินร่วมกันอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด


โดยผลปรากฏว่าอำเภอท่าอุเทน สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภทสวยงาม รับเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานจำลองจากพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว ฯ ส่วนรองอันดับ 1 ได้แก่ อำเภอเมืองนครพนม รับเงินรางวัล 70,000 บาท รองอันดับ 2 ได้แก่ อำเภอนาทม รับเงินรางวัล 60,000 บาท ขณะที่เรือเข้าแข่งขันลำอื่น ๆ ได้รางวัลชมเชยรับเงินรางวัล 5,000 บาท ขณะที่เรือไฟแข่งขันประเภทความคิดสร้างสรรค์ เรือไฟที่ชนะเลิศได้แก่ อำเภอนาแก รับเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานจำลองจากสมเด็จพระราชินีฯ ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ อำเภอปลาปาก รับเงินรางวัล 70,000 บาท รองอันดับ 2 ได้แก่ อำเภอนาหว้า รับเงินรางวัล 60,000 บาท ขณะที่เรือเข้าแข่งขันลำอื่น ๆ ได้รางวัลชมเชยรับเงินรางวัล 5,000 บาท ทั้งนี้จะมีการจ่ายเงินรางวัลเมื่อได้ทำการรื้อซากเรือไฟหมดแล้วเท่านั้น

โดยเรือไฟอำเภอท่าอุเทนที่ได้รางวัลประเภทสวยงามนั้นมีการออกแบบเรือไฟเป็นเรือสุพรรณหงษ์ ด้านบนเป็นการหลอมรวมความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นของอำเภอท่าอุเทน ประกอบไปด้วยธงชาติที่สื่อถึงความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียว พระพุทธรูปปางลีลา เทวดา พญานาค สื่อถึงพระพุทธศาสนา เป็นการแสดงให้เห็นถึงเมื่อครั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จลงจากดาวดึงส์ เทวโลกในวันออกพรรษาท่ามกลางหมู่เทวดาและพรหมแวดล้อม ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯ สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยที่เคียงคู่กับสถาบันชาติ ศาสนา มาอย่างช้านาน โดยทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ เราจะสืบสาน รักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร์ตลอดไป ส่วนสัญลักษณ์ท้องถิ่นคือองค์พระธาตุท่าอุเทน ซึ่งภายในมีการบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์เอาไว้และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันศุกร์ เชื่อว่าผู้ที่ได้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ ส่งผลให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณซึ่งเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมใจของชาวท่าอุเทน ที่มีการก่อสร้างโดยหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน และมีการจัดงานนมัสการในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ของทุกปี ขณะที่เรือไฟอำเภอนาแกที่ได้รางวัลชนะเลิศความคิดสร้างสรรค์ มีการออกแบบเรือไฟให้มีพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระธาตุพนมที่สื่อถึงพระพุทธศาสนาและดวงอาทิตย์ที่สื่อถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่ อยู่ด้านบนพญาศรีสัตนาคราชที่กำลังเลื้อยผ่านเกลียวคลื่นที่ซัดดสาดสื่อให้เห็นถึงเราทุกคนจะผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 ไปด้วยกันพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระธาตุพนม และพญาศรีสัตตนาคราชที่คอยดูแลปกป้องคุ้มครองเราตลอดมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น