วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง
เลียบถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมคนใหม่ที่เดินทางมาปฏิบัติราชการวันแรกในพื้นที่จังหวัดนครพนมได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ
เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจศิลปินเรือไฟที่กำลังขะมักเขม้นในการประดับตกแต่งตะเกียงไฟบนเรือไฟให้มีความสวยงามตามจินตนาการที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในสถาบันชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์
รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนแต่ละชุมชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนมและสถานที่สำคัญต่าง
ๆ ของจังหวัดเพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมา ความเชื่อ ความศรัทธา
ที่มีต่อแม่น้ำโขงและพระพุทธศาสนาตลอดจนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนนครพนมที่จะสร้างประทีปพุทธบูชาในช่วงวันออกพรรษาในปีนี้
โดยในวันนี้ยังคงมีประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาชมความงามอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นมากกว่าเมื่อวานและคาดว่าในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันออกพรรษาที่มีการไหลเรือไฟ
7 ลำ จะมีมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
สำหรับวันนี้ที่มีการไหลเรอไฟ 3 ลำ ได้เริ่มขึ้นในเวลา 19.00 น. โดยเป็นเรือไฟของอำเภอบ้านแพง
ที่ได้มีการสร้างเรือไฟขนาดความยาว 60 เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟ
จำนวน 15,000 ดวง มีรูปตราสัญลักษณ์ วปร. เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รูปคนโอบกอดภูลังกาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
เพื่อสื่อถึงงานเทศกาลอ้อมกอดภูลังกาที่จะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การท่องเที่ยวของอำเภอบ้านแพง
รูปคนปั่นจักรยานและคนวิ่งออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการรักษาสุขภาพเสริมสร้างพลานามัยของประชาชนให้สมบูรณ์และแข็งแรง
รูปหน้ากากอนามัยเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการเฝ้าระวังป้องกันตัวเองจากไวรัสโควิด
-19 โดยทั้งหมดจะอยู่บนเรือสุพรรณหงส์ ตามมาด้วยเรือไฟอำเภอปลาปาก มีการสร้างเรือไฟขนาด
60 เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟ 12,000 ดวง
เป็นรูปเรือไฟพระมหาชนก ประกอบไปด้วย พระธาตุมหาชัยซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ
มีพระมหาเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์สารีริกธาตุ
รวมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา มีพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 10 ที่ทรงสืบสานปณิธาน พ่อหลวงภูมิพล ก่อกำเนิดพลังจิตอาสา เราทำความดี เพื่อชาติ
ศาสน์ กษัตริย์ และโครงการโคกหนองนาโมเดลเพื่อสร้างประโยชน์สุขและความยั่งยืนให้กับอาณาประชาราษฎร์
และสุดท้ายคือเรือไฟอำเภอนาแก ที่สร้างด้วยขนาด 70 เมตร ประดับตะเกียงไฟ
15,000 ดวง โดยเรือไฟจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่คนทั่วโลกและประเทศไทยกำลังประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด
-19 แต่ด้วยพระบารีของสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระธาตุพนม
องค์พญาศรีสัตตนาคราช ที่คอยปกป้องคุ้มภัยทำให้สถานการณ์โรคภัยต่าง ๆ คลี่คลาย
ซึ่งทุกคนที่มาร่วมงานจะได้เห็นเป็นภาพ พญาศรีสัตตนาคาแล่นผ่านเกลียวคลื่นซัดสาด และดวงอาทิตย์ที่สาดทอแสงผ่านก้อนเมฆที่บ่งบอกถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าผู้ใดที่อยู่ใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ จะไม่มีสิ่งใดทำร้าย หรือทำอันตรายได้ เพราะเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คู่บ้านคู่เมือง คอยคุ้มครอง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น