วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

อนุทิน ลงพื้นที่นครพนม ติดตามนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เยี่ยม ขอบคุณ อสม. และเปิดศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) ให้บริการฟรีสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ประชาชน

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงพยาบาลนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งจังหวัดนครพนมได้มีการดำเนินการ ทั้งการส่งบุคลากรแพทย์แผนไทยเข้าอบรมหลักสูตรของกรมการแพทย์แผนไทยฯ จำนวน 38 คน และหมอพื้นบ้านที่มีใบประกอบ (ค.) 1 คน ซึ่งทุกคนได้ใบประกาศทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการอบรมพัฒนาศักยภาพเวชปฏิบัติแผนไทยด้านการปรุงยาตำรับที่มีกัญชาปรุงผสม ครอบคลุมสถานบริการ 100 % มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน การพัฒนากัญชาทางการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านใน รพ.สต.และชุมชน การไปการเรียนรู้พัฒนาสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจที่ รพ.สต.เชียงพิณ และรพ.ห้วยเกิ้ง จังหวัดอุดรธานี มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วม MOU กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อปลูก ระยะที่ 2 จำนวน 8 แห่ง ทั้งมีการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ให้คำปรึกษาและให้บริการรักษา จากนั้นได้เดินทางไปเปิดศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงคราม เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียง โดยเน้นผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน ด้อยโอกาส ในการฟอกไตฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย จากปกติที่ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 1,500 บาทต่อครั้ง และต้องทำการฟอกไตประมาณสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง ซึ่งศูนย์แห่งนี้นอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้บริการแล้วยังเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จังหวัดนครพนมในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลงานเด่น ของ อสม. ดีเด่นระดับชาติ ในสาขาการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ สาขาคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ รวมถึงนิทรรศการตำบลจัดการสุขภาพชุมชนสร้างสุขในการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมอบเข็มให้แก่ อสม. ที่ได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรกระทรวงสาธารณสุขและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ช่วงโควิด รอบที่ 3 และ อสม. ที่ปฏิบัติงานครบ 40 ปี จำนวน 12 ราย


โดยในโอกาสนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจแก่ อสม. ที่ต่างก็เสียสละแรงกายแรงใจ เวลาปฏิบัติหน้าที่ แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ดำรงตนเป็นตัวอย่างที่ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ที่ผ่านมา อสม. ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและเป็นกลไกในการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนและเป็นส่วนสำคัญของระบบสุขภาพปฐมภูมิ ขณะที่ศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงครามก็เป็นอีกหนึ่งการบริการที่เข้าช่วยในการดูแลสุขภาพประชาชน ลดภาระค่าใช่จ่าย ค่าเดินทางเพื่อไปทำการรักษา ทั้งยังช่วยลดความแอดอัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งมูลนิธิฟ้าสั่งจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการฟอกไตแก่ผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาลศรีสงคราม รายละ 1,000  บาท โดยศูนย์แห่งนี้มีเตียงให้บริการทั้งสิ้น 15 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงสุดวันละ 45  ราย เพิ่มเติมจากการให้บริการของจังหวัดนครพนมที่มีหน่วยให้บริการบำบัดทดแทนไตทั้งหมด 7 หน่วย เป็นเอกชน 2 แห่ง ที่มีจำนวนเครื่องไตเทียมทั้งสิ้น 84 เครื่อง


สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประเทศไทยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย 2 แสนคน ขณะที่จังหวัดนครพนมในปี 2563 พบว่าผู้ป่วยไตเรื้อรังรวมทั้งสิ้น 9,796 ราย เป็นผู้ป่วยระยะที่ 3 มากที่สุด คือ 4,100 ราย ซึ่งโรคไตเป็นโรคที่ไม่หายขาด ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้ายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด การล้างไตผ่านช่องท้อง หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต  ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคไตวายเรื้อรังมาจากหลายสาเหตุ แต่เราทุกคนสามารถป้องกันได้ หากได้รับการรักษาในระยะแรก เช่น การควบคุมเบาหวาน และความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ดี เลี่ยงการกินอาหารรสเค็ม เลี่ยงการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ยาแก้ปวด ชนิดที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ (NSAIDs), ยาชุด, ยาหม้อ ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เจนตามัยซิน, คานามัยซิน และเลี่ยงการใช้สารทึบรังสีโดยไม่จำเป็น และเข้ารับการตรวจสุขภาพ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น