วันที่
20 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงพยาบาลนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งจังหวัดนครพนมได้มีการดำเนินการ
ทั้งการส่งบุคลากรแพทย์แผนไทยเข้าอบรมหลักสูตรของกรมการแพทย์แผนไทยฯ จำนวน 38 คน และหมอพื้นบ้านที่มีใบประกอบ
(ค.) 1 คน ซึ่งทุกคนได้ใบประกาศทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการอบรมพัฒนาศักยภาพเวชปฏิบัติแผนไทยด้านการปรุงยาตำรับที่มีกัญชาปรุงผสม
ครอบคลุมสถานบริการ 100 % มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน
การพัฒนากัญชาทางการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านใน รพ.สต.และชุมชน การไปการเรียนรู้พัฒนาสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจที่
รพ.สต.เชียงพิณ และรพ.ห้วยเกิ้ง จังหวัดอุดรธานี มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วม MOU
กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อปลูก ระยะที่ 2 จำนวน
8 แห่ง ทั้งมีการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ให้คำปรึกษาและให้บริการรักษา จากนั้นได้เดินทางไปเปิดศูนย์ฟอกไต
(มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงคราม
เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียง โดยเน้นผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน
ด้อยโอกาส ในการฟอกไตฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย
จากปกติที่ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 1,500 บาทต่อครั้ง และต้องทำการฟอกไตประมาณสัปดาห์ละ
2 -3 ครั้ง
ซึ่งศูนย์แห่งนี้นอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้บริการแล้วยังเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ
อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จังหวัดนครพนมในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลงานเด่น ของ อสม. ดีเด่นระดับชาติ
ในสาขาการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ สาขาคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
รวมถึงนิทรรศการตำบลจัดการสุขภาพชุมชนสร้างสุขในการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
และมอบเข็มให้แก่ อสม.
ที่ได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรกระทรวงสาธารณสุขและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ช่วงโควิด
รอบที่ 3 และ อสม. ที่ปฏิบัติงานครบ 40 ปี จำนวน 12 ราย
โดยในโอกาสนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจแก่ อสม. ที่ต่างก็เสียสละแรงกายแรงใจ
เวลาปฏิบัติหน้าที่ แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข
บำบัดทุกข์ประชาชน ดำรงตนเป็นตัวอย่างที่ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -
19 ที่ผ่านมา อสม.
ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและเป็นกลไกในการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนและเป็นส่วนสำคัญของระบบสุขภาพปฐมภูมิ
ขณะที่ศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงครามก็เป็นอีกหนึ่งการบริการที่เข้าช่วยในการดูแลสุขภาพประชาชน
ลดภาระค่าใช่จ่าย ค่าเดินทางเพื่อไปทำการรักษา
ทั้งยังช่วยลดความแอดอัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลขนาดใหญ่
ซึ่งมูลนิธิฟ้าสั่งจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการฟอกไตแก่ผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาลศรีสงคราม
รายละ 1,000 บาท โดยศูนย์แห่งนี้มีเตียงให้บริการทั้งสิ้น
15 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงสุดวันละ 45
ราย
เพิ่มเติมจากการให้บริการของจังหวัดนครพนมที่มีหน่วยให้บริการบำบัดทดแทนไตทั้งหมด
7 หน่วย เป็นเอกชน 2 แห่ง ที่มีจำนวนเครื่องไตเทียมทั้งสิ้น 84 เครื่อง
สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประเทศไทยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย 2
แสนคน ขณะที่จังหวัดนครพนมในปี 2563 พบว่าผู้ป่วยไตเรื้อรังรวมทั้งสิ้น 9,796 ราย
เป็นผู้ป่วยระยะที่ 3 มากที่สุด คือ 4,100 ราย
ซึ่งโรคไตเป็นโรคที่ไม่หายขาด
ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายสูง
โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้ายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด
การล้างไตผ่านช่องท้อง หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคไตวายเรื้อรังมาจากหลายสาเหตุ
แต่เราทุกคนสามารถป้องกันได้ หากได้รับการรักษาในระยะแรก เช่น การควบคุมเบาหวาน
และความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ดี เลี่ยงการกินอาหารรสเค็ม
เลี่ยงการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ยาแก้ปวด ชนิดที่ไม่ใช่เสตียรอยด์
(NSAIDs), ยาชุด, ยาหม้อ
ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เจนตามัยซิน, คานามัยซิน
และเลี่ยงการใช้สารทึบรังสีโดยไม่จำเป็น และเข้ารับการตรวจสุขภาพ อย่างน้อยปีละ 1
ครั้ง รวมถึงการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือด


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น