วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564

ชาวบ้านท่าเรือ นครพนม สร้างแหล่งอาหารปลูกผักแลกผักเหลือจำหน่ายอยู่อย่างสบายในยุคโควิด

 

วันที่ 22 มกราคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม นายวิชา คำมุงคุณ รักษาราชการเกษตรอำเภอนาหว้า เปิดเผยว่า จากที่ชาวบ้านในตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า มีแนวคิดที่อยากจะปลูกพืชแบบปลอดภัยไร้สารเคมี จึงเป็นที่มาของการส่งเสริมสนับสนุนให้ชาวบ้านได้ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ซึ่งทางสำนักงานเกษตรอำเภอนาหว้า ได้เข้าไปให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้ รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเพื่อให้ทุกคนได้มีแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกพืชผักให้ได้ผลผลิตสูง การใช้สารชีวภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อลดการใช้สารเคมี เช่น การใช้เชื้อราเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับพืช การใช้เชื้อบิวเวอร์เรียในการป้องกันแมลง และในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งการปลูกพืชของที่นี่จะเริ่มขึ้นหลังจากที่ทุกคนเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จแล้ว โดยทุกคนในชุมชนจะมีส่วนในการบริหารจัดการทุกอย่างร่วมกันภายใต้แนวคิดการปลูกพืชปลอดภัยที่ใส่ใจผู้บริโภค ทั้งการวางแผนการเพาะปลูก การบริหารจัดการน้ำและการตลาด ทำให้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเช่นนี้ ทุกคนในชุมชนมีความปลอดภัยและมีแหล่งอาหารที่เพียงพอไม่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งยังมีเหลือเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เพิ่มเติมจากส่วนอื่น ๆ อีกด้วย

ด้านนายเกษชัย มิ่งวงค์ธรรม ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลท่าเรือ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนในพื้นที่ที่เกิดมาพ่อแม่ก็พาทำในลักษณะนี้มาตลอด สมัยก่อนปลูกแตงร้านและพืชผักสวนครัว  เช่น หอม ผักชี ผักกาด และผักอีกนานาชนิด ส่วนการบริหารจัดการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคนในชุมชนยังใช้หลักการเดิม คือการร่วมมือกันเพราะพื้นที่ที่ใช้ปลูกเป็นพื้นที่สาธารณะที่เรียกว่าหนองเรือ ซึ่งจะมีการทำข้อตกลงร่วมกันว่าแต่ละครัวเรือนต้องปลูกไม่เกิน 1 แปลง แม้ปัจจุบันจำนวนคนจะเพิ่มขึ้นเป็น 500-600 ครัวเรือน ก็ยังคงปลูกในลักษณะนี้อยู่ ที่สำคัญคือทุกคนจะเน้นการทำเกษตรแบบอินทรีย์เพราะดีต่อสุขภาพ ทั้งยังลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ก็พยายามนำเอานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพิ่มเติม ในเรื่องของน้ำเราก็พยายามใช้ให้ประหยัดที่สุดเพราะต้องใช้ประโยชน์หลายอย่างจากน้ำตรงนี้ ส่วนผลผลิตที่ได้จะนำไปรับประทานกับคนในครอบครัว ถ้าอยากทานพืชชนิดอื่นที่ไม่ได้ปลูกก็จะนำผักของตนเองไปแลกกับเพื่อนบ้าน เพราะแต่ละคนปลูกพืชคนละชนิด ใครอยากรับประทานอะไรก็นำไปแลกกับคนนั้น ส่วนผลผลิตที่เหลือถึงจะจำหน่ายให้กับคนในชุมชนอื่น โดยระยะหลังๆ นี้ จะมีพ่อค้าคนกลางจากต่างอำเภอที่อยู่ข้างเคียงมารับซื้อให้ถึงที่ เพราะได้ยินจากการเล่าปากต่อปากว่าพื้นที่ตรงนี้ปลูกพืชที่ไม่มีสารเคมี เมื่อมาเห็นก็เป็นจริง ทำให้ทุกคนในชุมชนอยู่อย่างสบาย ๆ มีแหล่งอาหารและมีรายได้ โดยในทุกเย็นเวลาประมาณ 15.00 น. แต่ละคนก็จะออกมาดูแปลงผักของตนเองเพื่อเก็บผลผลิตไปรับประทานและจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น