วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ตำบลยอดชาด อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรบ้านยอดชาด มีการปลูกมันฝรั่งเพื่อจำหน่ายทดแทนการปลูกข้าวนาปรังหลังฤดูทำนา บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเกษตรกร ที่เดินทางมาช่วยกันลงแขกเก็บเกี่ยวผลผลิตมันฝรั่งสดเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับตัวแทนบริษัทที่มารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 11 บาท เป็นการช่วยกันลดรายจ่ายของแต่ละคนทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเกิดความรักความสามัคคีของคนในชุมชนอีกด้วย
นางเทพธิดา
แสนสุริวงค์ หนึ่งในเกษตรกรบ้านยอดชาด เปิดเผยว่า ตัวเองและครอบครัวมีการปลูกมันฝรั่งมาได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว เพราะมองว่ามีรายได้สูงกว่าการทำนาปรัง ทั้งยังใช้น้ำน้อยกว่าและเหมาะกับพื้นที่ของตนเองที่อยู่ห่างจากคลองส่งน้ำ
ซึ่งชาวบ้านในละแวกนี้มีการปลูกอยู่ประมาณ 70-80 ราย โดยการลงทุน 1 ไร่จะอยู่ที่ประมาณ
2 หมื่นกว่าบาท
ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว แต่ละคนจะมีกำไรประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนว่ามีความขยันขนาดไหน
สามารถดูแลแปลงมันฝรั่งได้ดีมากน้อยเพียงใด ส่วนขั้นตอนการปลูกนั้น ก็ไม่ได้ถือว่ายุ่งยากอะไรมากมาย
เริ่มจากการไถดินยกรองแปลงปลูก
จากนั้นก็นำพันธุ์มันฝรั่งที่ซื้อมาทำการผ่าตรงกลางให้ได้ประมาณ 8
ชิ้นแล้วนำไปคลุกปูนขาว รอประมาณ 1 อาทิตย์ก็นำลงแปลงปลูก รดน้ำ พอต้นเริ่มโตก็ทำการกลบ
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษาของแต่ละคน ส่วนระยะเวลาการปลูกจะอยู่ที่ประมาณ
70 วันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ซึ่งการรวมกลุ่มลงแขกเก็บผลผลิตของชาวบ้านยอดชาดแห่งนี้ก็เพราะต้องการให้ทุกคนมีรายได้สูงขึ้น
เป็นการลดต้นทุนการผลิตให้กับทุกคน ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนแนวความคิด วิธีการผลิต
การดูแลแปลงของแต่ละคนไปด้วยระหว่างทำงาน ซึ่งแต่ละวันก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเก็บในแต่ละแปลงให้ได้ตามจำนวนที่บริษัทต้องการในแต่ละวันที่อยู่ประมาณ
1,400 กระสอบ ซึ่งการปลูกมันฝรั่งในช่วงแล้งนี้เมื่อจำหน่ายแล้วทุกคนมีรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัวแบบไม่เดือดร้อน
บางคนมีรายได้เหลือพอที่จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์แบบเงินสดได้เลย
ส่วนตัวเองจะเก็บเงินส่วนนี้ฝากไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือ โดยในปีนี้ทุกคนต่างก็ยิ้มออกเพราะมีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เนื่องจากมีหน่วยงานเข้ามาให้ความรู้เรื่องต้นพันธุ์ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง
ด้านนายวินัย คงยืน
หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งหลังฤดูทำนา
ซึ่งการปลูกมันฝรั่งเป็นการปลูกพืชน้ำน้อยที่มีตลาดรับซื้อที่แน่นอนและมีการประกันรายได้ให้ด้วย
โดยหลังจากนี้ทางหน่วยงานจะเข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรบ้านยอดชาดเข้าสู่ระบบเกษตรแปลงใหญ่
ที่มีมาตรฐาน GAP เพื่อให้เป็นการเกษตรที่เหมาะสม เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่ใช่ว่าผลผลิตเยอะ รายได้สูง แต่สุดท้ายแล้วสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไม่ประสบความสำเร็จ
มันไม่ตอบโจทย์ในเรื่องการส่งเสริมหรือทำให้มันฝรั่งเป็นทางเลือกในการปลูกพืชหลังนาหรือพืชน้ำน้อย


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น