วันที่ 30 มีนาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ รวมใจ เทิดไท้องค์ราชัน และการแสดงผลงานของนักเรียนกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ฯ ประจำปีการศึกษา 2563 ณ โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 นครพนม ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ครู เจ้าหน้าที่ นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงใส่พระราชหฤทัยในการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาของชาติ อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังหลักในการช่วยพัฒนาประเทศชาติ เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชประสงค์ให้กระจายการศึกษาสู่พื้นที่ทุรกันดารห่างไกล
เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่เหล่านั้นได้มีโอกาสรับการศึกษาเท่าเทียมกัน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดตั้งโรงเรียนทั้งในส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาค และโรงเรียนที่อยู่ในชนบทห่างไกลจากการคมนาคมไม่สะดวก จำนวนทั้งสิ้น
15 โรงเรียน และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการส่งเสริมการศึกษาให้เข้าถึงเยาวชนทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะเยาวชนไทยที่มีฐานะยากจน ยากลำบาก แต่ประพฤติดี ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่อง
และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์และจากผู้บริจาค
มาเป็นทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย โดยในปี พ.ศ.
2552 มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร หรือ ม.ท.ศ. ขึ้น เพื่อพระราชทานทุนให้แก่นักเรียนที่จบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ที่ครอบครัวมีฐานะยากจน แต่เรียนดี ประพฤติดี มีวินัย มีคุณธรรม มีความจงรักภักดี
ต่อชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือสายสามัญและสายอาชีพอย่างต่อเนื่องจนจบระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความรู้ความสามารถ
ความต้องการของผู้เรียน ซึ่งทุนพระราชทานนี้ไม่มีภาระผูกพันในการใช้ทุนคืนแต่อย่างใด
เมื่อจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจะเปิดโอกาสให้สามารถสมัครเข้าทำงานเป็นข้าราชการบริพารได้ตามความสมัครใจ
และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
กลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทั้ง 15
โรงเรียน จึงได้ร่วมกันจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ
รวมใจ เทิดไท้องค์ราชัน และการแสดงผลงานของนักเรียนกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ฯ
ประจำปีการศึกษา 2563 ขึ้น โดยนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้จะประกอบไปด้วย
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ รวมถึงนิทรรศการและการแสดงผลงานของผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครู
นิทรรศการและการแสดงผลงานของนักเรียนกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ
ประจำปีการศึกษา 2563 ประกอบไปด้วย นิทรรศการและการแสดงผลงานด้านทักษะวิชาการ
ด้านทักษะวิชาชีพ ด้านทักษะชีวิต ด้านเทคโนโลยี และด้านการสื่อสาร 2 ภาษา นิทรรศการห้องเรียนสีเขียวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
นอกจากนี้ภายในงานยังมีนิทรรศการแปลงเกษตรสาธิต
โคก หนอง นา พัชรโมเดล
เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เรียนรู้ศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
มีการจัดตลาดนัดพอเพียง เคียงคู่ภูมิปัญญา
พัฒนาอาชีพของนักเรียนกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ และการออกบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า
OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
โดยในโอกาสนี้พลเอก
ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์
ได้อัญเชิญพระราโชบายด้านการศึกษาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาอธิบายชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ที่จะส่งผลต่อประเทศชาติ
ชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน ให้คณะผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียนของกลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ
ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นระหว่างการชมนิทรรศการว่า
การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่นักเรียน 4 ด้าน
ซึ่งทุกด้านล้วนเกี่ยวเนื่องและเชื่อมโยงกัน ประกอบไปด้วย ด้านการมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง
คือ ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ดีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา
มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัวและชุมชนของตน ด้านการมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง
มีคุณธรรม คือให้รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด-ที่ถูก สิ่งชั่ว-สิ่งดี
เพื่อปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบที่ดีงาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิดที่ชั่ว
เพื่อสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง ด้านการมีงานทำ มีอาชีพ คือต้องให้เด็กรักงาน
สู้งาน ทำงานจนสำเร็จ อบรมให้เรียนรู้การทำงาน ให้สามารถเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัวได้
และด้านการเป็นพลเมือง หมายถึงการมีน้ำใจ มีความเอื้ออาทร ต้องทำงานอาสาสมัคร
งานบำเพ็ญประโยชน์ เห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ ซึ่งพระบรมราโชบายทั้งหมดนี้
ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินกว่าครูจะทำและสั่งสอนศิษย์ให้ทำได้ หากครูตั้งใจสร้างศิษย์ให้ได้ผลตามพระบรมราโชบายทั้ง
4 ข้อนี้ ก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญ ไม่มีคนที่นิ่งดูดาย ปล่อยให้เกิดความชั่ว
ความไม่ดีในบ้านเมือง รู้จักแยกแยะสิ่งที่ถูกที่ผิด สิ่งที่ดีที่ชั่ว และเลือกรับ เลือกทำแต่ทางที่ถูกที่ดี
รู้จักใช้วิจารณญาณของตนไม่ตามแฟชั่นตามสังคมโดยไร้สติ เห็นอะไรที่ควรทำเพื่อบ้านเมืองก็ต้องทำ
ไม่ปล่อยให้ผ่านไปด้วยความคิดว่าธุระไม่ใช่




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น