วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ตำรวจภูธรภาค 4 สกัดจับเฮโรอีนบิ๊กล๊อต มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย

วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่อาคารแสงสิงแก้ว ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม , พล.ต.ต ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 , พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม , พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธ์ ผบ.นรข. , พ.อ.วุทธิพงศ์ อรรคคำ รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี และนายภิญโญ โฆษิต ผอ.ปปส.ภาค4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางเฮโรอีนอัดแท่ง ประมาณ 600 กิโลกรัม และรถยนต์ mazda สีดำ ป้ายเลขทะเบียน 9 กต 5200 กทม ภายหลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากในเขตพื้นที่รอยต่อจังหวัดนครพนมและจังหวัดบึงกาพ เพื่อเข้าสู่พื้นที่ตอนใน

โดยพฤติการณ์ในครั้งนี้สายลับแจ้งว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม โดยในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 สายลับได้แจ้งว่าพบรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปจอดพักในห้องหมายเลข 8 ภายในรีสอร์ทเป้าหมาย ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบกระสอบสีดำจำนวนหลายกระสอบอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์ ส่วนในห้องพักพบผู้ต้องสงสัย 1 ราย เป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งให้การยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวจริงโดยได้เช่ามาจากจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผู้ต้องสงสัยนำตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่ากระสอบสีดำทั้งหมดได้บรรจุเฮโรอีนอัดแท่ง จึงได้ทำบันทึกการจับกุม พร้อมนำของกลางทั้งหมดมายังกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม จากนั้นได้ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนม ตรวจนับโดยละเอียดพบเป็นเฮโรอีนอัดแท่ง แบ่งเป็นถุงสีดำ 55 ห่อๆ ละ 20 แท่ง สีขาว 13 ห่อๆ ละ 40 แท่ง รวมเป็น 1,673 แท่ง ๆละ 374 กรัม รวมน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ภูมิประเทศของภาคอีสานที่ติดแม่น้ำโขงมีระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ที่มีช่องทางธรรมชาติเอื้ออำนวยต่อการลักลอบนำเข้ายาเสพติดได้ง่าย ทั้งเส้นทางคมนาคมไม่เหมือนภาคเหนือที่ถูกบังคับด้วยภูเขา แต่ภาคอีสานเส้นทางคมนาคมจะเป็นเส้นใยแมงมุมทำให้ง่ายต่อการหลบหลีก หลบหนีของขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด ประกอบกับภาคเหนือมีการเข้มงวดมาอย่างยาวนานในการปราบปรามยาเสพติด ทำนักค้าเปลี่ยนมาใช้เส้นทางภาคอีสานมากขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดหนองคายและนครพนม สำหรับเฮโรอีนล็อตนี้จากการข่าวเบื้องต้นพอทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มแก๊งไหน เครือข่ายของใคร ทำให้รู้ว่าล๊อตนี้ไม่ได้นำมาใช้ในประเทศแต่จะส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ผ่านลงไปยังจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งตอนนี้ทางชุดสืบสวนกำลังขยายผลหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพราะคนที่จับได้เป็นเพียงมือขนแต่นายทุนหรือตัวจริงยังมีอยู่ โดยเฮโรอีนล็อตนี้ถือเป็นล็อตที่ใหญ่สุดในภาคอีสาน ส่วนราคาจากการได้พูดคุยกับทาง ปปส. 600 กิโลกรัมที่จับได้ถ้าอยู่ในประเทศราคาประมาณ 300 ล้านบาท แต่ถ้าหลุดออกไปต่างประเทศได้ จะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทโดยประมาณ


วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทบ.นำเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิดถึงนครพนมอย่างปลอดภัย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วย นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสมชัย นำโชคประเสริฐ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครพนม นายแพทย์ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดเตรียมสถานที่บริเวณท่าอากาศยานนครพนมและศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรับช่วงต่อจากกองทัพบกที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด – 19 กลับบ้านที่นครพนม ซึ่งในวันนี้เป็นเที่ยวบินแรกที่นำส่งผู้ป่วยที่นครพนม

พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทำให้ทีมแพทย์ต้องรับมือและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดในด้านจำนวนบุคลากร ดังนั้นจึงได้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปตามพื้นที่ต่างๆของในแต่ละจังหวัดเพื่อแบ่งเบาภาระ ซึ่งทางรัฐบาลและกองทัพบก ได้มีความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับสู่ภูมิลำเนา และที่ผ่านมาก็มีทั้งการเตรียมการในการจัดขบวนยานพาหนะนับ 100 คัน ไว้ที่กองทัพภาคที่ 2 และมีการขนย้ายมาบ้างแล้วในทางรถยนต์ ส่วนทางรถไฟในปัจจุบันก็มีการเตรียมแผนเช่นเดียวกัน แม้จะมีการเลื่อนไปเมื่อในเมื่อวานแต่วันนี้ก็ดำเนินการแล้วเหมือนกัน ในส่วนของจังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางที่ไกลและผู้ป่วยมีความจำเป็นเร่งด่วนทางกองทัพบก ก็ได้มีการสนับสนุนเครื่องบินลำเลียงแบบ 295 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไป เพื่อขนย้ายพี่น้องประชาชนที่พบเชื้อโควิดกลับภูมิลำเนา ซึ่งเดิมทีจะมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบิน เกิดความไม่ปลอดภัย จึงยังไม่ได้นำส่งผู้ป่วย แต่ในวันนี้ที่สภาพอากาศพร้อมจึงได้นำผู้ป่วยบินกลับภูมิลำเนา จำนวน 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวแรกในเวลา 11:30 น จำนวน 18 คน เที่ยวบินที่ 2 เวลา 15.30 น. อีก 20 คน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบูรณาการในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ท่าอากาศยานนครพนมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ในการลงจอดของเครื่องบิน หน่วยงานสาธารณสุขที่สนับสนุนบุคลากรในการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยทางมณฑลทหารบกที่ 210 จะดำเนินการลำเลียงผู้ป่วยจากสนามบินไปยังจุดพักคอยเพื่อคัดกรองผู้ป่วยก่อนนำส่งต่อไปยังจุดรักษาต่าง ๆ ตามอาการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม ในส่วนของค่ายพระยอดเมืองขวางก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสถานที่เพื่อรองรับเป็นลักษณะของโรงพยาบาลสนามเช่นเดียวกันหากโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือนมีเตียงไม่เพียงพอ ซึ่งก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลค่ายพระยอดเมืองขวาง ที่เมื่อมีผู้ป่วยเข้าไปในค่ายแล้วทางค่ายจะมีมาตรการที่เข้มงวดและเข้มข้นในการที่จะไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชนและพื้นที่ โดยขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติว่าทางค่ายพระยอดเมืองขวางมีความพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่จะช่วยแบ่งเบาภาระและพร้อมในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

นครพนม ปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์..ลดราคา กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค 540 จุดทั่วจังหวัดช่วยประชาชน

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานปล่อยขบวนรถ kick off โครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก จังหวัดนครพนม เพื่อออกจำหน่ายสินค้าให้กับประชาชนในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิค – 19 ที่ขยายเป็นวงกว้างและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อป้องกันระงับยับยั้งโรคที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ รวมถึงมีมาตรการในการงดเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อลดการเดินทางที่เลี่ยงต่อการติดโรคในทุกพื้นที่และทุกจังหวัด และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในดำเนินโครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด

ซึ่งจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการเป็นเงินทั้งสิ้น 1,518,400 บาท เพื่อนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพกว่า 70 รายการ อาทิเช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ไข่ไก่ ปลากระป๋อง กะปิ อาหารกึ่งสำเร็จรูป สบู่ แชมพู ผงซักฟอก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และสินค้าชุมชนอื่น ๆ ไปจำหน่ายให้ประชาชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาด จำนวน 540 จุดจำหน่าย ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคมถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพ ตลอดจนเป็นการลดความเสี่ยงจากการเดินทางไปจับจ่ายสินค้าให้แก่ประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดเช่นนี้ ทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจากการกระจายผลผลิตและการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19


จ.นครพนม จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชนเอามือสามัคคีเฉลิมพระเกียรติ

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนจิตอาสาร่วมพัฒนาชุมชนเอามื้อสามัคคี เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อเป็นการ kick off ระดับจังหวัด ในแปลงพื้นที่ต้นแบบตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ที่เป็นการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ตามแนวทางที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานไว้ และเป็นการน้อมนำแนวทางจิตอาสาพระราชทานมาจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชนเอามื้อสามัคคีเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมการลงแขกที่กำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทย มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการ kick off ระดับจังหวัดในพื้นที่แปลงต้นแบบของนางสาวพัชรินทร์ หารู้ หมู่ที่ 4 ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน ซึ่งมีกิจกรรมเริ่มจากการเพาะพันธุ์กล้าไม้ เพื่อขยายพันธุ์ไว้สำหรับเพาะปลูกพืชชนิดต่าง ๆ จากนั้นร่วมกันทำปุ๋ยแห้งชามน้ำชาม ซึ่งเป็นการผลิตปุ๋ยชีวภาพไว้ใช้ในครัวเรือนและแปลงเกษตรของตนเอง ร่วมกันปลูกไม้ 5 ระดับ (สูง กลาง เตี้ย เรี่ยดิน กินหัว) ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งในส่วนนี้ในอนาคตจะทำให้ทุกคนมีป่าไม้ไว้เป็นร่มเงา มีไม้เศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ และมีไม้ไว้ใช้สอยประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย ตามมาด้วยการปลูกพืชสมุนไพรโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้ป่วยโควิดที่กำลังหามารับประทาน ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทลายโจร ขิง ข่า ตระไคร้ ขมิ้นชัน กระชายขาว หอมแดง กระเทียมและพืชชนิดอื่น ๆ ซึ่งในระหว่างการปลูกพืชก็จะทำกิจกรรมห่มดินด้วยฟางและเศษหญ้าเศษใบไม้ไปพร้อมกัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการใส่อาหารให้แก่ดินด้วยวิธีธรรมชาติที่ในอนาคตเมื่อดินมีแร่ธาตุที่เพียงพอก็จะส่งผลให้พืชและต้นไม้ที่ปลูกมีการเจริญเติบโตงอกงามอย่างเต็มที่ มีความสมบูรณ์ ซึ่งหลักการดังกล่าวเรียกว่า เลี้ยงดินเพื่อให้ดินเลี้ยงพืช จากนั้นมาทำกิจกรรมขึ้นแซนวิช เพื่อสร้างแหล่งอาหารสำหรับปลาที่เลี้ยงในบ่อโดยการหาวัสดุในท้องถิ่น เช่นไม้ไผ่มาปักในบ่อเป็นคอก จากนั้นนำฟางและเศษวัชพืช เศษใบไม้ มาใส่ให้มีความสูงประมาณ 1 ฟุต ย่ำให้แน่น นำปุ๋ยคอกมาใส่พร้อมกับการรดน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ โดยทำสลับเป็นชั้น ๆ จนเต็มคอก ซึ่งในส่วนนี้เมื่อเศษวัชพืชมีการย่อยสลายจะเป็นอาหารให้ปลาที่เลี้ยงในบ่อได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารปลา ทั้งเป็นการบำบัดรักษาน้ำด้วยการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม ก่อนที่ทุกคนจะสิ้นสุดกิจกรรมด้วยการร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา


จังหวัดนครพนม ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 500,070 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณบึงมอ หมู่ที่ 3 ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประกอบพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2564 ที่สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดจังหวัดนครพนม และเทศบาลตำบลท่าอุเทนจัดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศล เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงงานด้านการประมง และทรงมีพระเมตตาเสด็จพระราชดำเนินทรงงานที่เกี่ยวข้องกับการประมงทั่วประเทศ ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนมีความรัก ความหวงแหนในแหล่งน้ำชุมชน ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเพิ่มพูนปริมาณสัตว์น้ำในแหล่งน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น



โดยบึงมอแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ของชุมชน มีพื้นที่ประมาณ 22 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน มีสัตว์น้ำนาชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นสถานที่อีกหนึ่งแห่งในการหาอาหารของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำที่ประชาชนในพื้นที่ใช้ในการอุปโภคและการเกษตรอยู่เสมอเพราะมีน้ำตลอดทั้งปี สำหรับพันธุ์สัตว์น้ำที่นำมาปล่อยในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ปลาบึก 70 ตัว ปลาสวาย 20,000 ตัว ปลาโพง 80,000 ตัว และปลาตะเพียน 400,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 500,070 ตัว ซึ่งนอกจากจะปล่อยในบึงมอแล้ว ยังได้แบ่งส่วนหนึ่งมอบให้กับผู้นำ 7 ชุมชนในตำบลท่าอุเทน นำไปปล่อยในแหล่งน้ำในพื้นที่ตนเองเพิ่มเติมด้วย

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จากผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าฯ สู่ภูมิปัญญาชาวหนองสังข์ จ.นครพนม

การทอผ้าไหมขิดและผ้าไหมยก เป็นหนึ่งในศิลปะที่ชาวนครพนมสืบทอดต่อกันมา จากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของการทอ ที่เมื่อมีการพูดถึงการทอผ้าทั้ง 2 แบบ ต้องนึกถึงชาวบ้านหนองสังข์ ตำบลหนองสังข์ อำเภอนาแกทันที และด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระราชทานต้นแบบผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ฯ มาให้พสกนิกรชาวไทย เรามาดูว่าชาวบ้านหนองสังข์ มีวิธีการอย่างไร

นางมะโรง ด้วงคำภา ประธานกลุ่มทอผ้าบ้านหนองสังข์ หมู่ที่ 7 อำเภอนาแก เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มกำลังทอผ้าลายขอของเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ซึ่งแต่ก่อนก็มีการทอผ้ามาหลายรูปแบบ ทั้งผ้าสไบ ผ้าพันคอ ผ้าต่างๆ ผ้ามัดหมี่ก็มี แต่เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าได้ออกแบบผ้าลายขอมาให้ จึงได้ร่วมกันนำมาคิดค้นกรรมวิธีการผลิต เพราะต้องการให้มีความแตกต่างไม่อยากมัดหมี่เหมือนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งการทำก็เป็นการทำแบบลองผิดลองถูกมาเรื่อย ๆ ครั้งแรกได้มา 2 ชิ้น แต่สีไม่สวยไม่สด ทุกคนลงความเห็นว่าไม่ผ่านก็ลงมือทำกันใหม่ มีการเก็บลวดลายทุกอย่างให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับทำให้สีมีความสวยงามมากขึ้น จนเป็นที่มาของการทอที่ไม่เหมือนเดิมเพราะแต่ก่อนคนทอจะเห็นลายที่ทออยู่ด้านบน แต่สำหรับผ้าลายขอพระราชทานถ้าจะดูลวดลายที่แท้จริงต้องกลับด้านล่างขึ้นมาให้ดู ว่ามีความสวยงามขนาดไหน ซึ่งกว่าจะได้เหมือนต้นแบบที่พระองค์ท่านออกแบบมาให้ต้องใช้เวลาประมาณเดือนกว่าทางกลุ่มจึงจะประสบความสำเร็จ เพราะเพียงแค่รูปดวงใจ 10 ดวงและตัว S 10 ตัว ก็ใช้เวลาไปแล้ว 3 อาทิตย์ แต่ก็ใช่ว่าจะลงตัวเต็มที่ ทั้งหมดยังต้องมีการปรับปรุงจุดต่าง ๆ อีกเพื่อให้มีความสวยงาม สมพระเกียรติ เหมือนต้นแบบที่พระองค์ท่านพระราชทานให้
โดยผ้าลายขอพระราชทานที่ทางกลุ่มทอ 1 เมตร จะใช้เวลาอยู่ 3 วันเป็นอย่างน้อย เนื่องจากต้องใช้คนถึง 3 คนในการช่วยกันทอ คนหนึ่งจะหิ้วยกลาย อีกคนจะเป็นคนใช้ไม้เสียบช่องเพื่อใช้ในการทอ ขณะที่อีกคนจะเป็นคนที่สอดด้ายเพื่อทอผ้าขึ้นลาย แต่ด้วยจำนวนสมาชิกในกลุ่มที่มีน้อยก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีลดจำนวนคนทอลงเป็น 2 คนต่อหนึ่งชุด เพื่อจะได้ทอพร้อมกันได้หลายผืน ซึ่งในเบื้องต้นทางกลุ่มยังไม่ได้คิดที่จะไปต่อยอดเพิ่มเติม เนื่องจากการทอผ้ายังสามารถทำได้น้อยอยู่ อยากทำส่วนนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะฉะนั้นในกลุ่มเฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ จึงยังไม่มีการลงภาพประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปได้รับรู้ เพราะกลัวว่าเมื่อมีคนเห็นเยอะ สนใจสั่งเข้ามาแล้วจะทำให้ไม่ทันตามออเดอร์ แต่ถ้าใครสนใจจริง ๆ สามารถรอได้ทางกลุ่มก็พร้อมยินดีทำให้ โดยสามารถโทรมาสั่งจองล่วงหน้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 089 414 0735 ซึ่งนอกจากการผ้าลายขอพระราชทานแล้ว ทางกลุ่มยังมีการทอผ้ามัดหมี่ ลายอื่น ๆ ไว้จำหน่ายด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนราคาเริ่มต้นก็ตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับลวดลายและขนาดของผ้า
เราจะเห็นว่าผ้าไหมที่ได้นั้น มีความสวยงาม ที่มาพร้อมกับเทคนิคการทอที่สลับซับซ้อน บนพื้นฐานของความประณีตและอดทนจนประสบความสำเร็จ เป็นน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นเพื่อปวงชนชาวไทย ในการเสริมสร้างราย ได้ทำให้ทุกคนได้มีงานทำ มีอาชีพเสริม นำมาซึ่งความสุขในครอบครัว

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำทีมลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และสอบถามปัญหาหลังมีคำสั่งปิด 2 หมู่บ้าน อำเภอโพนสวรรค์

วันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมพร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและสอบถามปัญหาในการปฏิบัติงานในการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ของเจ้าหน้าที่ ภายหลังจังหวัดมีคำสั่งที่ 1844 / 2564 เรื่องปิดสถานที่และห้ามเข้าออกสถานที่กำหนดเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24-30 กรกฎาคม 2564 เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนโรค เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้อในพื้นที่บ้านนาคำ หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 16 ตำบลบ้านค้อ อำเภอโพนสวรรค์

โดยในการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดจุดเข้าออกของทั้ง 2 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น  7 จุดใหญ่ที่มีการเชื่อมโยงกับหมู่บ้านข้างเคียงและที่มีถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2132 ตัดผ่านกลางหมู่บ้านของหมู่ที่ 16 ทั้งนี้ได้มีการแบ่งเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ด้านสาธารณสุขเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำการเก็บตัวอย่างเชื้อของประชาชนในชุมชน จำนวนกว่า 1,300 คน เพื่อส่งตรวจหาผู้ป่วยมาทำการรักษาพร้อมกับการสืบสวนสอบสวนโรคเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นสามารถเก็บตัวอย่างไปได้แล้วกว่า 600 ราย คาดว่าเย็นวันนี้จะแล้วเสร็จทั้งหมด และจากการสอบสวนโรคเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าผู้ป่วยในพื้นที่บ้านนาคำหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 16 มีการเชื่อมโยงกับผู้ป่วยในพื้นที่บ้านนาดี หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงครามด้วย เพราะเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน โดยผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มได้มารับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ซึ่งในส่วนของบ้านนาดี หมู่ที่ 3 ทางอำเภอศรีสงครามได้มีคำสั่งอำเภอที่ 233/2564 สั่งปิดหมู่บ้านชั่วคราว เป็นระยะเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 24-27 กรกฎาคม 2564 เช่นเดียวกัน โดยโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้เสียสละเวลาและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ขาดเหลือหรือมีปัญหาติดขัดในเรื่องใดก็ขอให้แจ้งผู้บังคับบัญชาเพื่อจะได้ประสานส่วนต่าง ๆ ในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ทุกคนมีความปลอดภัย

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดนครพนมในวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 122 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อนอกพื้นที่ 110 ราย และติดเชื้อในจังหวัด 12 ราย ทำให้ปัจจุบันจังหวัดนครพนมมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 1,466 ราย รักษาหายแล้ว 524 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 935 ราย และเสียชีวิตสะสม 7 ราย ขณะที่จำนวนเตียงการรักษาผู้ป่วยโควิด – 19 ของจังหวัดนครพนม มีทั้งสิ้น 1,560 เตียง ใช้ไปแล้ว 935 เตียง คงเหลือ 625 เตียง ประกอบไปด้วยเตียงของโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่ 12 อำเภอ 482 เตียง ใช้ไปแล้ว 465 เตียง คงเหลือ 17 เตียง เตียงของโรงพยาบาลสนาม 716 เตียง ใช้ไปแล้ว 400 เตียง คงเหลือ 316 เตียง และเตียงของศูนย์พักคอย 362 เตียง ใช้ไปแล้ว 70 เตียง คงเหลือ 292 เตียง

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม ผุดไอเดียเปิดโรงบาลจิ๋วเพิ่มจำนวนเตียงในการรักษาผู้ป่วยโควิด

วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขี้น 70 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ขณะเดียวกันในระว่างที่แถลงข่าวก็มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้ปัจจุบันจังหวัดนครพนมมียอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมเป็น 726 ราย เสียชีวิต 6 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 495 ราย ส่วนจำนวนเตียงการรักษาผู้ป่วยโควิดทั้งของโรงพยาบาลหลักประจำ 12 อำเภอ และโรงพยาบาลสนามที่มีการเปิดขึ้นมาเพื่อดูแลผู้ที่ติดเชื้อ รวมทั้งสิ้น 696 เตียง มีการใช้เตียงไปแล้ว 495 เตียง คงเหลือ 201 เตียง

และด้วยสถานการณ์ที่แต่ละวันมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมได้มีการวางแผนและปรับการบริหารจัดการเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น โดยได้เตรียมให้แต่ละ รพ.สต. สร้างพื้นที่ของตนเองเป็นโรงบาลจิ๋ว เพื่อที่จะรับผู้ป่วยที่อยู่ในการรักษากลุ่มที่ไม่มีอาการไปรักษาต่อจากโรงพยาบาลสนามจนกว่าจะหายดีจึงจะให้กลับบ้าน โดยลักษณะการรักษาจะแบ่งเป็นกลุ่มที่มีอาการรุนแรงและอาการปานกลางให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก ซึ่งจะมีเครื่องมืออุปกรณ์และทีมแพทย์พยาบาลที่พร้อมมากสุดได้ดูแลเพื่อความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มต่อมาคือผู้ที่มีอาการเล็กน้อยและไม่มีอาการให้รักษาที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลดูแลเช่นเดียวกัน เมื่อครบ 10 วันจึงจะส่งต่อไปยังโรงบาลจิ๋วที่เตรียมไว้ในพื้นที่ตามภูมิลำเนาผู้ป่วยเพื่อรักษาต่อจนกว่าจะหาย จึงจะให้กลับบ้านและยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมกำหนดต่อไป

โดยในโอกาสนี้ยังได้มีการชี้แจงมาตรการของจังหวัดเกี่ยวกับผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดนครพนมเพิ่มเติม ในกรณีการฉีดวัคซีนของผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด และผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุม โดยได้ปรับเพิ่มนอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ให้มีผล RT PCR เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง ในกรณีไม่มีผลตรวจ RT PCR ต้องทำ Rapid Antigen Test ทุกราย หากมีผลเป็นบวกต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หากมีผลลบไม่ต้องกักตัวแต่ให้แยกตัวเอง Self Isolation และแก้ไขข้อความเพิ่มเติมจากเดิมกรณีฉีดซิโนแวค 2 เข็มมาแล้ว 2 สัปดาห์ ไม่ต้องกักตัว แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการ 17 จังหวัดกรณีไม่มีความเสี่ยง ให้เพิ่มเป็นฉีดซิโนแวคและซิโนฟาร์ม และกรณีที่ฉีดแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็มมาแล้ว 4 สัปดาห์ไม่ต้องกักตัว แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการ 17 จังหวัดกรณีไม่มีความเสี่ยง ให้เพิ่มเป็น แอสตร้าเซเนก้า ไฟเซอร์ และ โมเดอร์น่า


วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม รวมพลังจิตอาสาพัฒนากำจัดผักตบชวาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะจิตอาสาลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก้ไขปัญหาผักตบชวา จังหวัดนครพนม ประจำปี 2564 ที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้บูรณาการร่วมกันจัดขึ้น ภายใต้กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564 เป็นการเฉลิมพระเกียรติ แสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ กำจัดผักตบชวา ทำความสะอาดแม่น้ำคูคลอง และปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ตามความยาวของห้วยฮ่องฮอ ซึ่งเป็นลำน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน เป็นลำห้วยที่รับน้ำมาจากอำเภอศรีสงครามผ่านมาทางอำเภอท่าอุเทนและไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บริเวณอำเภอเมืองนครพนม และตลอด 2 ข้างของลำห้วย มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก ประกอบด้วย ตำบลนาคำ อำเภอศรีสงคราม ตำบลเวินพระบาท ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน และตำบลอาจสามารถ ตำบลหนองญาติของอำเภอเมือง มีการใช้ประโยชน์ของน้ำจากลำห้วยแห่งนี้ ทั้งเพื่อการอุปโภคและการเกษตร โดยก่อนหน้านี้คณะจิตอาสาจังหวัดนครพนมได้ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์มาแล้วหลายครั้งในการกำจัดเศษวัชพืชและผักตบชวา แต่ด้วยระยะทางที่มีความยาวของลำห้วยจึงทำได้ไม่ทั้งหมดในคราเดียวจึงทำให้ผักตบชวาที่เหลืออยู่มีการขยายพันธุ์และไหลมากรีดขวางทางน้ำในจุดที่ตื้นเขินจุดอื่น ๆ และในครั้งนี้เป็นการบูรณาการจิตอาสาภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีเครื่องจักรมาช่วยในการขุดลอกและปรับแต่งพื้นที่ไปในคราวเดียวเพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่ไม่ต้องการให้มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่มีการเว้นระยะห่างซึ่งจะเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ด้วย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลประยงค์นครพนม และห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยเจริญศรีสะเกษ ได้สนับสนุนรถรถแม็คโครแขนยาวพร้อมคนขับและน้ำมัน มาช่วยในการกำจัดตักผักตบชวา เศษวัชพืช และขุดลอกลำน้ำในส่วนที่ตื้นเขินนำใส่รถบรรทุกของแขวงทางหลวงชนบทนครพนม และของโครงการชลประทานนครพนม ที่ได้อนุเคราะห์รถบรรทุกพร้อมคนขับและน้ำมัน เพื่อนำไปถมพื้นที่ให้กับสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดนครพนมและสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมเพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชและสร้างอาคารสำนักงานในอนาคต ขณะที่หน่วยงานและภาคส่วนอื่นๆ ก็ได้มีการสนับสนุนในเรื่องอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวัน


วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม เปิดโรงพยาบาลสนามมาตรฐานเหมือน รพ.บุษราคัม สามารถรับผู้ป่วยโควิดได้ 160 เตียง

วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณโรงยิมสนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ซึ่งได้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 160 เตียงของจังหวัดนครพนม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดชาวนครพนม ที่ได้มีการประสานขอเข้าสู่ระบบสาธารณสุขของจังหวัด นายศุภชัย โพธิ์สุรอง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 พร้อมด้วย นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภช ธีระกุลภักดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ตลอดจนคณะหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบความพร้อมและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

โดยทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (Medical Emergency Response Team: MERT) ที่จะเข้าประจำการปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดแรก ประกอบด้วย นายแพทย์จิรวัฒน์ อ่อนมณี นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลนาทม นายณัฐกรณ์ ศรีบุรมย์ เภสัชกรปฏิบัติการ โรงพยาบาลนาแก นางสาวพิจิตรา วรรณวงศ์ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนาทม นางลดาวรรณ แก้วมาลา พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนาหว้า นางจีราภรณ์ ขาวขำ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนาหว้า นางสวัสดี ปิ่นเมือง พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลบ้านแพง และนายดนุพล เนวะมาตย์ เจ้าพนักงานสาธารณสุขปฏิบัติงาน (เวชกิจฉุกเฉิน) โรงพยาบาลศรีสงคราม ทั้งนี้ในช่วงบ่ายของวันนี้ทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขจะมีการนำผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักที่มีอาการเล็กน้อยและไม่มีอาการเลยเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพื่อเป็นการบริหารจัดการเตียงให้ว่างรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและอาการปานกลางให้ได้อยู่ในโรงพยาบาลหลักที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมมากกว่าเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของชาวนครพนม ที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ที่ได้บูรณาการร่วมกันสนับสนุน จัดหารถเพื่อหาทางนำตัวกับมารักษาที่จังหวัดตามการร้องขอจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ตลอดจนสนับสนุนในด้านอื่น ๆ

สำหรับโรงพยาบาลสนามแห่งนี้มีการปรับปรุงอาคารให้มีลักษณะเหมือนกับโรงพยาบาลบุษราคัมที่เมืองทองธานี มีการกั้นแยกห้องชาย/หญิงที่ชัดเจน โครงสร้างเป็นผนังยิปซัมที่มีความแข็งแรง มีพัดลมขนาดใหญ่เป็นระบบระบายอากาศทั้งอาคาร มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าไว้ให้ผู้ป่วยได้ใช้งานเตียงละ 1 จุดพร้อมกับพัดลม 1 เครื่อง มีระบบอินเทอร์เน็ตและระบบติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล มีการบริหารจัดการขยะติดเชื้อที่เจ้าหน้าที่จะมีการจัดเก็บเพื่อทำลายทุกวัน ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยจะมีระบบกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง


วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สกู๊ปข่าว โคก หนอง นา ทางรอดในทุกสถานการณ์

หลายคนอาจจะมีคำถามเกี่ยวกับโคก หนอง นา ว่าทำแล้วประสบความสำเร็จจริงไหม วันนี้เรามีคำตอบมาให้

นายประดิษฐ์ หนองอุดม เกษตรกรบ้านดงยอ หมู่ที่ 8 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังจากที่อบรมมาแล้ว ก็ได้มาตัดต้นยางที่ตนเองเคยปลูกไว้ ประมาณ 6 ไร่ จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ก็ได้มีการขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำ และเริ่มปลูกพืชต่าง ๆ ประมาณเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน เนื่องจากในปีนั้นฝนแล้ง โดยตอนแรกที่ปลูกพืชได้ยึดเอามะพร้าวเป็นหลัก จากนั้นก็มาลงกล้วย ลงตะไคร้เพื่อกันดินพัง เป็นการเสริมพืชต่าง ๆ ในพื้นที่ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติที่ทำเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตอนนั้นที่มีการลงพืชปลูกในแปลงเกษตรก็หาทุกอย่างมาปลูก กระทั่งผ่านไป 3 เดือนก็ได้เริ่มเก็บผลผลิตขาย เริ่มจากตะไคร้ที่ได้ขายก่อนเพื่อนจากนั้นก็เป็นประเภทพริก มะเขือ ที่ออกสู่ท้องตลาดตามมาเรื่อย ๆ ไม่นานตะไคร้ออกก็สู่ท้องตลาด 8 เดือนก็ได้ขายกล้วย ซึ่งแม่ค้าจะมีการสั่งจองมาตลอดขาดวันหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะเค้ามั่นใจในสินค้าของเราที่ปลอดสารพิษ ยกตัวอย่าง เช่น ตะไคร้ที่ส่งให้แม่ค้าขาดวันนึงก็จะมีการโวยวายจนต้องเอาไปส่งให้ทันที ซึ่งการเก็บผลผลิตทุกวันก็จะมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวอย่างดีและต่อเนื่องอย่างขายตะไคร้วันหนึ่งก็ได้เงินอยู่ประมาณ 200 บาท นี่เฉพาะตะไคร้ยังไม่รวมผลผลิตอย่างอื่น นับจากวันที่ขายจนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้เงิน 4-5 หมื่นแล้ว

และตนเองก็มองถึงอนาคตข้างหน้าว่าถ้าเกิดวิกฤตขึ้น เขาไม่ให้ไปซื้อที่สินค้าที่อื่นเราก็สามารถที่จะหากินที่สวนเราของได้ตลอดเพราะมีทุกอย่าง จึงอยากขอแนะนำคนที่ยังไม่ได้ทำหรือคิดอยากจะทำ ให้มาทำเป็น โคก หนอง นา เพราะทำจริง ได้จริง โดยทุกคนที่สนใจเรื่อง โคก หนอง นา สามารถที่จะมาดูที่สวนของตนเอง หรือสวนคนที่ทำในลักษณะนี้ก่อนลงมือทำ จะเห็นได้ว่าผลผลิตที่เกิดขึ้น เราสามารถอยู่ได้ถึงแม้จะเกิดวิกฤตเป็นเดือน 2 เดือน 3 เดือน หรือเป็นเท่าไหร่เราก็อยู่ได้ เพราะสวนเราปลูกทุกอย่างที่กินได้รวมอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็น พืช ผัก ปลา หมู ไก่ และผลไม้ต่าง ๆ เนื่องจากตนเองเชื่อว่าการทำการเกษตร ถ้าไม่มีตัวอย่างให้ดู พูดเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าได้ผลจริง

ซึ่งถ้าเรารู้จักวางแผนให้ดี มีความขยัน หมั่นใส่ใจดูแลในแปลงเกษตร ไม่นานผลผลิตก็จะออกมาตอบแทน กลายเป็นความยั่งยืน ที่ไม่ว่าสถานการณ์ของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราก็ยังมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวแน่นอน

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ผู้ว่าราชการนครพนม นำทีมติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่

วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ยังคงพบผู้ป่วยต่อเนื่อง โดยวันนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 51 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพมหานคร 14 ราย ปทุมธานี 18 ราย สมุทรปราการ 5 ราย นครปฐม 4 ราย ชลบุรี 4 ราย สมุทรสาคร 4 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย และพระนครศรีอยุธยา 1 ราย ซึ่งได้มีการติดต่อเข้าสู่ระบบสาธารณสุขที่ทางจังหวัดกำหนดไว้ทั้งหมดจึงไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในพื้นที่ และส่งผลให้จังหวัดนครพนมมียอดผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมรวม 525 ราย รักษาหายแล้ว 174 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 347 ราย ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตในวันนี้มีเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยที่มีอาการหนักมาจากเขตสาทร เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อมาถึงได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที กระทั่งเวลา 07.00 น. ของวันนี้ได้เสียชีวิตลง ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมรวมเป็น 4 ราย

ในส่วนของจำนวนเตียงในการรักษาผู้ป่วยโควิดของจังหวัดนครพนม ไม่ว่าจะเป็น ที่โรงพยาบาล 12 อำเภอได้มีการปรับลดการให้บริการในส่วนที่สามารถลดได้มาเพิ่มจำนวนเตียงให้กับผู้ป่วยโควิด และโรงพยาบาลสนามที่มีการเปิดไปก่อนหน้านี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 411 เตียง ปัจจุบันคงเหลือ 64 เตียง ขณะที่ข้อมูลล่าสุดวันนี้พบว่ามีผู้ประสงค์เดินทางเข้ารับการรักษาแล้ว 13 ราย ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเตียงให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่คาดว่าจะยังคงมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม พันเอกจักริน จิตคต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม (ฝ่ายทหาร) และนายเดช บำรุงหงส์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม จึงได้มีการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เพื่อร่วมกันวางแผนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการก่อสร้างทำให้ทุกแห่งสามารถเปิดได้โดยเร็วที่สุดบนพื้นฐานความมีมาตรฐานด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย

โดยในวันนี้ได้เดินทางไปที่หอประชุมสนามกีฬากลางจังหวัดนครพนม ที่ได้มีการออกแบบการสร้างให้คล้ายกับโรงพยาบาลบุษราคัม มีการแบ่งเป็นล๊อค แยกฝั่งชายหญิงอย่างชัดเจน มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทุกมุมของพื้นที่ รวมถึงมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาลที่จะมาคอยดูแล ตรวจอาการ ให้คำปรึกษา คำแนะนำ สร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องให้กับผู้ป่วยที่จะมาใช้บริการที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ นอกจากจากนี้ยังเตรียมเจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้มีความคืบหน้ากว่าเมื่อวานเป็นอย่างมาก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในคืนนี้ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 160 เตียง ขณะที่อีกแห่งคือโรงพยาบาลสนามที่บริเวณโรงยิมเมืองเว สเตเดียม อำเภอเรณูนคร ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นลักษณะการใช้เตียงสนามกระดาษเอสซีจีพีร่วมกับเบาะรองนอน ที่มีการปูผ้าป้องกันสารคัดหลั่งอย่างดี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 70 เตียง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบไฟฟ้า แสงสว่าง และระบบการถ่ายเทอากาศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้เร็วสุดในวันพุธ ที่ 14 กรกฎาคม 2564


วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม เร่งสร้างโรงพยาบาลสนามทุกอำเภอรองรับผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง

วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้กลายเป็นสถิติใหม่ของนครพนมที่พบผู้ป่วยโควิดสูงถึง 63 ราย แต่ทั้งหมดเป็นผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงที่ผ่านการตรวจคัดกรองและนำส่งจากทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันพาคนนครพนมกับบ้าน ทำให้ทุกคนไม่ได้เข้าไปในชุมชนแต่เข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาลทันที และจากการบริหารจัดการที่ผ่านมาในการเตรียมเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วย ซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่าจะใช้อาคารของมหาวิทยาลัยนครพนมเป็นโรงพยาบาลสนาม มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ ประเมิน และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว แต่เมื่อมีประชาชนส่วนน้อยไม่เห็นด้วย คณะกรรมการฯจึงมีมติให้ปรับเปลี่ยนสถานที่ใหม่เพื่อให้ทันรองรับประชาชนที่กลับมา ซึ่งจากข้อมูลการประสานงานพบว่าชาวนครพนมที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหลาย ๆ คน ไม่มีที่พักรักษาตัว หลาย ๆ คน มีอาการหนักอยากกลับมารักษาตัวที่บ้าน

ดังนั้นทุกฝ่ายจึงพยายามเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ได้ทันเวลาก่อนที่ผู้ป่วยจะไม่มีเตียงรักษา ทั้งนี้เบื้องต้นทางโรงพยาบาลต่าง ๆ ก็ได้มีการปรับเตียงในโรงพยาบาลที่จะสามารถลดการให้บริการที่ไม่จำเป็นได้มาเป็นเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย ทำให้ได้เตียงเพิ่มมาอีก 200 เตียง ทำให้ปัจจุบันมีเตียงรักษารวมทั้งสิ้น 404 เตียง แต่อย่างไรก็ดี ก็มียอดครองเตียงอยู่ที่ 322 เตียง ทำให้คงเหลือ 82 เตียง และในช่วงสายถึงค่ำวันนี้จะมียอดผู้ที่กลับมารักษาตัวเพิ่มอีกทำให้จะเหลือเตียงจริง ๆ ประมาณ 47 เตียง ซึ่งก่อนที่โรงพยาบาลสนามจแห่งใหม่จะเปิดได้ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายจึงต้องมีการบริหารจัดการเตียงแบบเรียลไทม์เพื่อหมุนปรับเปลี่ยนการครองเตียงในโซนต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนั้นหมายถึงคนไข้ที่อยู่อำเภอหนึ่งอาจจะต้องไปรักษาอยู่อีกอำเภอหนึ่ง โดยทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขจะพิจารณาด้วยการให้คนป่วยอาการรุนแรง อาการปานกลางอยู่ที่โรงพยาบาลหลัก เพราะมีทุกอย่างพร้อมในการรักษาจะทำให้ทุกคนมีความปลอดภัยมากที่สุด ส่วนคนที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการก็ต้องปรับให้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลสนามที่มีอยู่แทนจนกว่าจะรักษาหาย

สำหรับโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ที่ปรับเปลี่ยนมา อยู่ที่หอประชุมสนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม คาดว่าไม่เกินวันพฤหัสบดีจะสามารถเปิดให้บริการได้ โดยได้มีการปรับให้มีลักษณะคล้ายกับโรงพยาบาลบุษราคัมที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะสามารถรองรับได้ 160 เตียง นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้โรงพยาบาลทุกแห่งสร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นมารองรับผู้ป่วยเช่นเดียวกัน เบื้องต้นทางโรงพยาบาลเรณูนครได้เตียงมาเพิ่มอีก 100 เตียง โรงพยาบาลศรีสงคราม 30 - 50 เตียง โรงพยาบบาลอำเภอท่าอุเทนและอำเภอโพนสวรรค์อีกอำเภอละ 30 เตียง ขณะที่โรงพยาบาลอื่นก็พยายามหาสถานที่เพื่อสร้างโรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมได้ยืนยันว่า ณ ปัจจุบันยังสามารถบริหารจัดการเตียงให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยได้อยู่ขอพี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตกใจ


วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม สั่งเตรียมพร้อมเตียงและสถานที่กักตัว หลังพบยอดผู้มาจากพื้นที่เสี่ยงเพิ่มต่อเนื่อง

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้ยังคงมีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น 23 รายเป็นผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อรวมเป็น 375 ราย รักษาหายแล้ว 157 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้ที่ทำการรักษาอยู่ 215 ราย ไม่มีการถึงมีอาการเล็กน้อย 177 ราย มีอาการปานกลาง 36 ราย และมีอาการรุนแรง 2 ราย

และจากการที่นครพนมได้มีการจัดทำระบบปฏิทินแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่สำหรับให้ชาวนครพนมได้ประสานเข้ามาก่อน เพื่อที่จะได้มีการวางแผนในการบริหารจัดการยาเวชภัณฑ์ เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงรักษา และสถานที่กักตัวที่หน่วยงานรัฐจัดให้ ให้มีความเพียงพอกับปริมาณการเดินทางกลับ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ที่แจ้งความประสงค์สามารถเข้ารับบริการได้ทันทีเมื่อถึงจังหวัดนครพนมแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงให้กับชุมชนเพราะต้องผ่านการคัดกรองและการกักตัวที่มีมาตรฐานจากเจ้าหน้าที่ ลดการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเบื้องต้นมีประชาชนแจ้งความประสงค์เข้ามาแล้ว 875 ราย กระจายอยู่ตามวันต่าง ๆ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ดังนั้นในวันนี้ที่มีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จึงได้มีการสั่งการในการหาสถานที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ที่จะเข้ามา ทั้งที่มีการแจ้งความประสงค์และผู้ที่ไม่ได้แจ้ง เพราะคาดว่าในจำนวนผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ อาจจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 180 คน เพราะสถานการณ์เตียงรักษาผู้ป่วยโควิดในปัจจุบันมีอยู่ 337 เตียง ใช้ไปแล้ว 215 เตียง เหลือ 122 เตียง ซึ่งเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยนครพนมพร้อมส่งมอบสถานที่เพื่อใช้อาคารสร้างเป็นโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีก จำนวน 220 เตียง ขณะที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนมก็ได้มีการปรับห้องรักษาในส่วนที่สามารถลดการให้บริการที่ไม่จำเป็นมาใช้เป็นห้องสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 1 ชั้น ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีกประมาณ 20 เตียง นอกจากนี้โรงพยาบาลอื่น ๆ ก็มีการปรับเช่นเดียวกัน ซึ่งจะได้จำนวนเตียงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของแต่ละแห่ง อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม คาดว่าถ้าประชาชนยังคงเดินทางกลับอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อีกประมาณ 10-14 วัน ระบบเตียงรักษาที่มีจึงจะสมดุลกับผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ เพราะผู้ที่รักษาหายแล้วส่วนหนึ่งจะเดินทางกลับบ้านจำนวนเตียงก็จะเพิ่มมารองรับกันพอดี สำหรับสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ รวมทั้ง 12 อำเภอ มีอยู่ 3,078 เตียง ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 1,463 คงเหลือ 1,615 เตียง และในโอกาสนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อได้ฝากถึงพี่น้องชาวนครพนมทุกคนที่จะกลับเข้ามาในพื้นที่ขอให้แจ้งความประสงค์เข้ามา อย่าได้มีความกังวล เพราะนโยบายของคณะกรรมการฯ คือคนนครพนมทุกคนต้องได้กลับบ้าน ซึ่งการรู้จำนวนที่แท้จริงจะทำให้ระบบการบริหารจัดการทุกอย่างสมบูรณ์ นั้นหมายถึงทุกคนจะมีความปลอดภัยทั้งคนที่เข้ามาและคนในพื้นที่ รวมทั้งขอให้ทุกคนได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะอาจจะมีคนที่หลบหลีกเข้ามาซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้


วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม ปรับอาคารสถานศึกษาเป็น รพ.สนาม เตรียมรับผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564  ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอีก 23 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 352 ราย รักษาหายแล้ว 154 ราย เสียชีวิต 3 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 195 ราย โดยผู้ป่วยที่พบในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง และผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันของตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม ที่มีการสั่งปิดหมู่บ้านเพื่อตรวจค้นหาเชิงรุกติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 13 ปีที่ติดเชื้อด้วย แต่ด้วยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน จึงทำให้ไม่มีการกระจายเชื้อไปสู่โรงเรียน  ส่วนการรักษาผู้ป่วยนั้น พบว่ามีอาการรุนแรง 2 รายแต่ไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการปานกลาง 30 ราย กลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยรวม 163 ราย


และด้วยสถานการณ์ที่มีชาวจังหวัดนครพนมแจ้งความประสงค์ที่จะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนอาจมีความกังวลว่าเตียงรักษาอาจจะมีไม่เพียงพอเพราะยอดผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจังหวัดจึงได้มีการหาสถานที่เพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยจากเดิมที่มีอยู่ 321 เตียง ใช้ไปแล้ว 195 เตียง คงเหลือ 126 เตียง โดยได้เตรียมนำอาคารสถานศึกษาที่อยู่ระหว่างปิดการเรียนการสอนในช่วงนี้มาปรับปรุงใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม เช่น อาคารของมหาวิทยาลัยนครพนม ที่คาดว่าภายใน 3-4 วันนี้ จะเริ่มเปิดให้บริการเบื้องต้นได้อีกประมาณ 200 กว่าเตียง ขณะเดียวกันอีก 7 – 14 วัน ก็จะมีผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่รักษาหายกลับบ้านได้ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นจะทำให้ระบบเตียงรักษาสมดลกับจำนวนผู้ป่วยพอดี ในส่วนของสถานที่กักตัวที่หน่วยงานรัฐจัดให้ตามนโยบายของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมที่ไม่ให้มีการกักตัวที่บ้าน สำหรับผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง 15 จังหวัดและพื้นที่สีส้ม 4 จังหวัด รวมถึงผู้ที่มีความสงสัย หรือผู้ที่เกี่ยวโยงกับผู้ป่วยยืนยัน นั้น สามารถรองรับได้ 2,918 ราย ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 1,475 ราย คงเหลือ 1,443 ราย โดยในวันนี้ได้รับการประสานแจ้งเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่จะเข้าทำการรักษาอีกจำนวน 18 ราย ซึ่งจะมีทั้งผู้ที่ป่วยแล้ว ผู้ที่อาการและผู้ที่สงสัยว่าจะป่วย ส่วนผู้ที่จะต้องกักตัวจะมาวันนี้อีก 148 ราย ขณะเดียวกันนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนมก็ได้ใช้โอกาสนี้ฝากไปถึงประชาชนที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไว้ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม โดยในเดือนนี้จังหวัดนครพนมก็จะมีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้า ซึ่งได้ให้แต่ละโรงพยาบาลในพื้นที่แยกข้อมูลกลุ่มเป้าหมายจัดลำดับตามการลงทะเบียนไว้แล้ว เมื่อได้รับการจัดสรรวัคซีนมาจะมีการประสานไปยังผู้ที่ลงทะเบียนตามลำดับเพื่อให้มารับวัคซีนทันที

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

นรข.นครพนม สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดไม้พะยูงมูลค่ากว่า 500,000 บาท


วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นาวาเอก เสริมศักดิ์ บุญทา หัวหน้ายุทธการและข่าว หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม พร้อมด้วย นาวาโท วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม นาวาโท บุญเชิด กุลอำภา หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง นายวิระชัย แบขุนทด ผู้อำนวยการทรัพยากรป่าไม้นครพนม พันตรี สิทธิศักดิ์ สิทธิโคตร หัวหน้าฝ่ายการข่าว บก.ควบคุมที่ 1 กลล.สุรศักดิ์มนตรี นายกิติตภูมิ คีรีวรรณ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรนครพนม พันตำรวจโทฌานนท์ เนื่องกัลยา รอง ผกก.สส.สภ.ท่าอุเทนและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงการณ์จับกุมผู้ต้องหาชาวลาว 1 ราย พร้อมของกลางไม้พะยูง 32 ท่อน และรถบรรทุกขนาดเล็กที่มีการดัดแปลงเสริมโครงเหล็ก ยี่ห้อนิสสัน 1 คัน ภายหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้หวังดีว่าจะมีการลักลอบนำไม้พะยูงออกนอกราชอาณาจักร บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านพนอมเหนือ หมู่ที่ 5 ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการบูรณาการ วางแผนและจัดกำลังตรวจลาดตระเวนหาข่าวในพื้นที่พร้อมเฝ้าระวังร่วมกันเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้กระทำผิดจะมีการลักลอบทยอยนำไม้พะยูงที่ลักลอบตัดมารวมกันไว้ จากนั้นอาศัยช่วงที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่และพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งทำให้การมองเห็นเริ่มแคบลงลำเลียงไม้พะยูงทั้งหมดไปยังริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อรอเพื่อนบ้านขับเรือมารับ โดยมีชุดเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบพื้นที่ กระทั่งเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ใช้กล้องส่องกลางคืน ตรวจพบกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน กำลังลำเลียงไม้พะยูงลงเรือ จึงได้ร่วมกันแสดงตนขอเข้าตรวจค้น เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวเห็นก็ได้ทิ้งของกลางวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทางในความมืด เจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งไล่ตาม กระทั่งสามารถจับกุมตัวมาได้ 1 ราย เป็นชาวลาว อายุ 47 ปี อยู่ที่บ้านกะวะเหนือ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุผลปรากฎว่ามีไม้พะยูงที่มีขนาดความยาวประมาณท่อนละ 2 เมตร อยู่บนเรือจำนวน 11 ท่อน และอยู่บนรถบรรทุกขนาดเล็กที่มีการดัดแปลงเสริมโครงเหล็กอีกจำนวน 21 ท่อน รวมไม้พะยูงทั้งสิ้น 32 ท่อน ปริมาตร 1.054 ลูกบาศก์เมตร มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท จึงได้ทำบันทึกจับกุมและตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมนำส่งพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จ.นครพนม สั่งทำปฏิทินผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา สร้างฐานข้อมูลในการรักษาผู้ป่วยโควิด

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอีก 42 ราย ทำให้ปัจจุบันนครพนมมียอดสะสมผู้ติดเชื้อระลอกใหม่รวม 329 ราย รักษาหายแล้ว 150 ราย เสียชีวิต 1 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 176 ราย โดยผู้ป่วยที่พบในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง มีเพียง 4 รายที่เป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันที่มาจากพื้นที่เสี่ยง และในเคสนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมได้มีมติร่วมกันในการสั่งปิดหมู่บ้านเพื่ออำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นหาเชิงรุกและสืบสวนโรค ทั้งผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม ประกอบไปด้วย หมู่ที่ 2 บ้านโสกแมว หมู่ที่ 3 บ้านดอนสวรรค์ และหมู่ที่ 9 บ้านโชคอำนวย รวมทั้งสิ้น 1,620 คน นอกจากนี้ยังให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำเชื้อเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัด ที่ให้ผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทำการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ตรวจหาเชื้อและกักตัวในสถานที่ที่หน่วยงานภาครัฐจัดให้เป็นเวลา 14 วัน จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดสู่ครอบครัวและบุคคลในชุมชน

และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในหลายพื้นที่ ประกอบกับประชาชนชาวจังหวัดนครพนมมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา ดังนั้นจังหวัดจึงให้ อสม. ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจเช็คผู้ที่เข้ามาในพื้นที่เพื่อนำข้อมูลมาทำปฏิทินผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 6 - 20 กรกฎาคม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการรักษา การจัดหาเตียงสำรองไว้รอทั้งโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม และการหาสถานที่ให้กักตัวตามคำสั่งจังหวัด ที่ปัจจุบันไม่ให้ผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง 15 จังหวัดกักตัวที่บ้าน เพราะไม่มั่นใจในมาตรฐานการปฏิบัติของแต่ละครัวเรือน โดยข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม มีผู้แจ้งความประสงค์แล้วจำนวน 146 ราย ซึ่งจะทยอยกลับไม่พร้อมกันขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน เพราะฉะนั้นปฏิทินจะมีการปรับปรุงข้อมูลในเวลา 19.00 น. ของทุกวัน เพื่อให้เป็นปัจจุบันที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่มีความประสงค์ต้องการจะกลับบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ก็ได้เปิดสายด่วนเพื่อช่วยเหลือ โดยสามารถติดต่อได้ที่ 092-2727879 , 061-390777 และ 083-3538040

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรองรับสถานกาณ์ จังหวัดนครพนมได้แบ่งกลุ่มผู้ป่วยออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มมีอาการรุนแรง กลุ่มมีอาการปานกลาง กลุ่มมีอาการเล็กน้อยและกลุ่มไม่มีอาการ ซึ่งจะมีการบริหารจัดการเตียงรักษา โดย 2 กลุ่มแรกจะรักษาในโรงพยาบาลหลัก 2 กลุ่มหลังจะใช้โรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้ที่ต้องกักตัวจะอยู่ตามตำบลต่าง ๆ ตามภูมิลำเนาที่หน่วยงานรัฐจัดให้จนกว่าจะครบ 14 วัน ทั้งนี้ข้อมูลปัจจุบันจังหวัดนครพนม มีเตียงรักษาทั้งสิ้น 309 เตียง อยู่ในโรงพยาบาลทั้ง 12 อำเภอ รวม 233 เตียง อยู่ในโรงพยาบาลสนาม 76 เตียง ใช้ไปแล้ว 176 เตียง คงเหลือ 133 เตียง และกำลังจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเพื่อเปิดเพิ่มอีก 100 เตียงที่อำเภอเรณูนคร ซึ่งถ้ามีประชาชนแจ้งความประสงค์เข้ามามากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ก็เตรียมจัดหาสถานที่อื่น ๆ สำรองไว้เช่นเดียวกัน


วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ผวจ.นครพนม นำทีมตรวจสถานที่กักตัวอำเภอปลาปาก เน้นทุกแห่งต้องได้มาตรฐานมีความปลอดภัย

วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ที่อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และท้องถิ่นจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมสอบถาม รับฟังปัญหา เพื่อประเมินมาตรฐานและความพร้อมของสถานที่กักตัวที่ Local Quarantine หลังจังหวัดนครพนมมีคำสั่งให้ยกเลิกการกักตัวที่บ้านของผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ จังหวัดนครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สงขลา สมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตรัง เพชรบุรี และจังหวัดสระบุรี โดยทุกรายที่เดินทางมาถึงจังหวัดนครพนมจะต้องมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 ถ้าพบเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษา ถ้าผลเป็นลบต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันในสถานที่จัดให้เท่านั้น ยกเว้นกรณีฉีดวัคซีน SINOVAC 2 เข็ม มาแล้ว 2 สัปดาห์ หรือฉีดวัคซีน AstraZeneca 1 เข็ม มาแล้ว 4 สัปดาห์

โดยอำเภอปลาปากเป็นอำเภอที่พบว่ามียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม มากเป็นอันดับ 2 ของจังหวัด คือ 51 ราย ปัจจุบันมีผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา 30 ราย กระจายอยู่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ในส่วนของผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง 15 จังหวัดเบื้องต้นทางอำเภอได้รับการประสานขอกลับมาในพื้นที่แล้วประมาณ 30 ราย อยู่ระหว่างการทยอยเดินทางกลับ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับประชาชนในส่วนนี้ ทางอำเภอจึงได้มีการบูรณาการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งสถานที่กักตัวขึ้นตามนโยบายของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด รวมทั้งสิ้น 40 แห่ง กระจายอยู่ใน 8 ตำบลของอำเภอปลาปาก โดยทั้งหมดสามารถรองรับการกักตัวได้ 284 ราย ซึ่งทุกแห่งจะมีการจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีทีมแพทย์เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการตั้งกลุ่มไลน์เพื่อให้ผู้กักตัวและเจ้าหน้าที่ได้พูดคุย สอบถามอาการ ปรึกษาปัญหาในระหว่างการกักตัวด้วย ในส่วนของโรงพยาบาลสนามทางอำเภอ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอปลาปาก ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 20 เตียง ทั้งนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงห้องน้ำ
และในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เน้นย้ำกับทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีมาตรฐานอย่าได้หละหลวมแม้ผู้ที่ถูกกักตัวจะเป็นญาติ เป็นบุตรหลาน เพราะนั้นหมายถึงความเสี่ยงที่จะนำมาสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากไวรัสโควิดครั้งนี้สามารถติดต่อกันได้ง่าย และอยากให้ทุกฝ่ายวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วันเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากเกิดเหตุจริงทุกคนจะสามารถปฏิบัติได้อย่างทันทวงที ในทุก ๆ เรื่อง ในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น ก็ต้องให้เป็นไปตามระเบียบราชการ ที่ทุกอย่างต้องโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และถ้าติดขัดในเรื่องใดก็ขอให้แจ้งไปยังจังหวัดเพื่อจะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 30 ราย (รายที่ 240-270) เป็นผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด โดยทุกคนได้มีการปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดอย่างเคร่งครัด คือเมื่อมาถึงได้เข้ารายงานตัว และทำการตรวจหาเชื้อเมื่อพบก็เข้าสู่กระบวนการรักษายังไม่มีใครเข้าสู่ชุมชนแต่อย่างใด ขณะเดียวกันในวันนี้ก็มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นรายที่ 152 ของจังหวัด เพศชาย อายุ 61 ปี เดิมรักษาที่ รพ.ปลาปาก แต่ด้วยมีโรคประจำตัวที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต เนื่องจากเป็นคนอ้วนน้ำหนัก 103 กิโลกรัม มีโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด แพทย์จึงได้ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ กระทั่งวันที่ 23 มิถุนายนเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบจึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นกระทั่งวันที่ 4 กรกฎาคมผู้ป่วยได้เสียชีวิตในเวลา 17.15 น. ในส่วนของบ้านหนองเทา หมู่ที่ 1 และ 7 อำเภอท่าอุเทน ที่มีคำสั่งปิดเพื่ออำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นหาเชิงรุก ผลปรากฎว่าผู้เสี่ยงสูงที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน 17 รายมีผลเป็นลบทั้งหมด ส่วนคนในชุมชนที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ราย ที่แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก็อยู่ระหว่างการรอผลตรวจคัดกรอง

และจากสถานการณ์ที่พบผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางโรงพยาบาลต่าง ๆในพื้นที่จึงได้มีการปรับในเรื่องระบบให้บริการที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อนำมาใช้เพิ่มเติมในส่วนของการรักษาผู้ป่วยโควิดมากขึ้น ทั้งในส่วนของพื้นที่และห้องต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องโรงพยาบาลสนามของแต่ละโรงพยาบาลชุมชนด้วย โดยจะมีการบริหารจัดการแบ่งผู้ป่วยออกเป็นผู้ที่มีอาการหนัก อาการปานกลาง อาการไม่รุนแรงและไม่มีอาการ เพื่อที่จะได้แชร์ทรัพยากรร่วมกันในแต่ละโรงพยาบาลที่มีการแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ทั้งมีการจัดตั้งทีมเข้ามาดูแลในการบริหารจัดการโดยตรงที่มีลักษณะเรียลไทม์สามารถที่จะปรับและบริหารจัดการเตียงรักษาได้อย่างทันท่วงที มีการรับและส่งผู้ป่วยที่ปลอดภัย ในส่วนมาตรการจังหวัดก็เตรียมปรับเพิ่มอีก 4 จังหวัด คือนครสวรรค์ สระบุรี นครราชสีมาและระยอง เป็นพื้นที่สีส้ม เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อในจังหวัด ซึ่งคนที่มาจาก 4 จังหวัดนี้จะต้องตรวจคัดกรอง และกักตัวที่บ้านอย่างเข้มข้น เนื่องจากทั้ง 4 จังหวัดไม่ได้อยู่ใน 15 จังหวัดเสี่ยงตามที่ ศบค.กำหนด และที่สำคัญคือการแสกนพื้นที่ เพราะปัจจุบันมีคนเข้ามาในพื้นที่เยอะมาก อาจทำให้มีการหลุดรอดจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ได้ โดยขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่ตรวจสอบคนที่เข้ามาในพื้นที่อยู่ทุกวัน รวมทั้งได้ขอความร่วมมือทุกคนในการร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องเฝ้าระวังผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ เพราะทุกวันนี้ไวรัสสามารถติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ถ้าเกิดการระบาดในพื้นที่จะเป็นปัญหาใหญ่


วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จ.นครพนม ยอดผู้ป่วยโควิดยังพุ่ง สั่งปิด 2 หมู่บ้านตรวจเชิงรุกพร้อมเตรียมแผนระยะยาวหากเกิดเหตุวิกฤต

วันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และนายธนพัต ทีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 17 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อเป็น 240 ราย รักษาหายแล้ว 143 ราย เสียชีวิต 2 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 95 ราย และจากการแนวทางการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่จากประวัติไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายที่ 223 ซึ่งเป็นเด็กอายุ 2 เดือน ที่ญาติพามาส่งแม่ที่อำเภอท่าอุเทน เมื่อญาติกลับไปได้โทรมาแจ้งว่าติดเชื้อโควิด และเมื่อนำเด็กไปตรวจก็พบว่าติดเชื้อเช่นเดียวกัน จึงทำให้ผู้ที่มาหา มาเล่นกับเด็กคนนี้กลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด และเพื่อเป็นการป้องกัน อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ในการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อทำการรักษา จังหวัดนครพนม จึงได้มีคำสั่งที่ 1696/2564 เรื่องปิดสถานที่และห้ามเข้าออกสถานที่ที่กำหนดเป็นการชั่วคราว คือบ้านหนองเทา หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 7 ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน โดยห้ามผู้ใดเข้าออกพื้นที่ทั้งสองหมู่บ้าน ซึ่งหากมีความจำเป็นจะต้องเข้าหรือออกพื้นที่ให้ขออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หรือนายอำเภอท่าอุเทน หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหรือนายอำเภอท่าอุเทน โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2564

ในส่วนของเตียงรักษาผู้ป่วยโควิด ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 95 เตียงจากที่มีทั้งสิ้น 280 เตียง ในโรงพยาบาลปกติและโรงพยาบาลสนาม แต่ด้วยสถานการณ์ที่ทุกพื้นที่มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจึงได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ไปออกแบบแผนการปฏิบัติงานรองรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า หากเกิดเหตุวิกฤตจริง ๆ เจ้าหน้าที่จะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและทันท่วงที โดยเบื้องต้นอยากให้วางแผนไว้เป็นระยะ ๆ คือระยะแรกเตียงรักษาปกติที่มีอยู่ในทุกโรงพยาบาลเต็ม ระยะต่อไปคือเตียงโรงพยาบาลสนามเต็ม โดยให้กำหนดเป็นตุ๊กตาคราว ๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในแต่ละระยะ ทั้งในเรื่องของการป้องกัน การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ไปจนถึงมาตรการควบคุมต่าง ๆ ที่ควรจะใช้ระดับไหน เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างไร ทั้งนี้ให้คำนึงถึงประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก แล้วนำแผนดังกล่าวมาเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมที่มีตัวแทนของทุกภาคส่วนอยู่ในนั้น เพื่อร่วมกันพิจารณาและกำหนดทิศทางการบริหารจัดการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดของจังหวัดนครพนมที่เตรียมการรองรับหากเกิดเหตุวิกฤติจริง ๆ