หลายคนอาจจะมีคำถามเกี่ยวกับโคก หนอง นา ว่าทำแล้วประสบความสำเร็จจริงไหม วันนี้เรามีคำตอบมาให้
นายประดิษฐ์ หนองอุดม เกษตรกรบ้านดงยอ หมู่ที่ 8 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังจากที่อบรมมาแล้ว ก็ได้มาตัดต้นยางที่ตนเองเคยปลูกไว้ ประมาณ 6 ไร่ จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ก็ได้มีการขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำ และเริ่มปลูกพืชต่าง ๆ ประมาณเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน เนื่องจากในปีนั้นฝนแล้ง โดยตอนแรกที่ปลูกพืชได้ยึดเอามะพร้าวเป็นหลัก จากนั้นก็มาลงกล้วย ลงตะไคร้เพื่อกันดินพัง เป็นการเสริมพืชต่าง ๆ ในพื้นที่ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติที่ทำเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตอนนั้นที่มีการลงพืชปลูกในแปลงเกษตรก็หาทุกอย่างมาปลูก กระทั่งผ่านไป 3 เดือนก็ได้เริ่มเก็บผลผลิตขาย เริ่มจากตะไคร้ที่ได้ขายก่อนเพื่อนจากนั้นก็เป็นประเภทพริก มะเขือ ที่ออกสู่ท้องตลาดตามมาเรื่อย ๆ ไม่นานตะไคร้ออกก็สู่ท้องตลาด 8 เดือนก็ได้ขายกล้วย ซึ่งแม่ค้าจะมีการสั่งจองมาตลอดขาดวันหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะเค้ามั่นใจในสินค้าของเราที่ปลอดสารพิษ ยกตัวอย่าง เช่น ตะไคร้ที่ส่งให้แม่ค้าขาดวันนึงก็จะมีการโวยวายจนต้องเอาไปส่งให้ทันที ซึ่งการเก็บผลผลิตทุกวันก็จะมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวอย่างดีและต่อเนื่องอย่างขายตะไคร้วันหนึ่งก็ได้เงินอยู่ประมาณ 200 บาท นี่เฉพาะตะไคร้ยังไม่รวมผลผลิตอย่างอื่น นับจากวันที่ขายจนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้เงิน 4-5 หมื่นแล้ว และตนเองก็มองถึงอนาคตข้างหน้าว่าถ้าเกิดวิกฤตขึ้น เขาไม่ให้ไปซื้อที่สินค้าที่อื่นเราก็สามารถที่จะหากินที่สวนเราของได้ตลอดเพราะมีทุกอย่าง จึงอยากขอแนะนำคนที่ยังไม่ได้ทำหรือคิดอยากจะทำ ให้มาทำเป็น โคก หนอง นา เพราะทำจริง ได้จริง โดยทุกคนที่สนใจเรื่อง โคก หนอง นา สามารถที่จะมาดูที่สวนของตนเอง หรือสวนคนที่ทำในลักษณะนี้ก่อนลงมือทำ จะเห็นได้ว่าผลผลิตที่เกิดขึ้น เราสามารถอยู่ได้ถึงแม้จะเกิดวิกฤตเป็นเดือน 2 เดือน 3 เดือน หรือเป็นเท่าไหร่เราก็อยู่ได้ เพราะสวนเราปลูกทุกอย่างที่กินได้รวมอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็น พืช ผัก ปลา หมู ไก่ และผลไม้ต่าง ๆ เนื่องจากตนเองเชื่อว่าการทำการเกษตร ถ้าไม่มีตัวอย่างให้ดู พูดเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าได้ผลจริงซึ่งถ้าเรารู้จักวางแผนให้ดี มีความขยัน หมั่นใส่ใจดูแลในแปลงเกษตร ไม่นานผลผลิตก็จะออกมาตอบแทน กลายเป็นความยั่งยืน ที่ไม่ว่าสถานการณ์ของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราก็ยังมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวแน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น