วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม นางพินใจ สุพร เกษตรกรบ้านดอนกลาง หมูที่ 6 ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง เปิดเผยว่า ตนเองและสามีมีเนื้อที่อยู่ 21 ไร่ ซึ่งแต่ก่อนทำนาอย่างเดียว เมื่อถึงฤดูแล้งที่ไม่มีน้ำก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ทำอะไร แต่จะหันไปรับจ้างก่อสร้างแทน ซึ่งรายได้ของครอบครัวส่วนใหญ่มาจากการขายข้าวที่เหลือจากเก็บไว้รับประทาน ก็จะเหลือแค่ทุนอยู่ประมาณปีละ 2-3 หมื่นบาท และตนเองก็เคยคิดไว้ว่าถ้ามีทุนจะขุดคลองรอบที่นา เพราะอยากทำแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจากการศึกษาและการไปดูงานตามที่ต่างๆ จะต้องมีคันคูรอบที่นาเพื่อไม่ให้น้ำจากที่อื่นเข้ามาได้ ประจวบเหมาะกับที่มีโครงการ โคก หนอง นา ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ที่ทางเกษตรอำเภอได้ออกมาสอบถามว่าใครสนใจ ก็ได้ตอบตกลงไปในทันทีโดยไม่ให้คิดอะไรมากมาย
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดิน เจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นเข้ามาสอบถามว่าตนเองต้องการให้ทำแบบไหนอย่างไร ก็ได้ชี้แจงไป กระทั่งเดือนเมษายนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาขุดสระ ขุดคลองไส้ไก่ และนำดินที่ขุดขึ้นมาทำคันคูให้จนแล้วเสร็จ จากนั้นตนเองก็เริ่มปลูกพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ ที่ปลูกใหม่ก็จะมี เงาะ ลิ้นจี่ ขนุน มะพร้าว ลำไย และกล้วยน้ำหว้า รวมถึงไม้เศรษฐกิจ เช่น ประดู่ มะค่า ยางนา ซึ่งพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกมีหลากหลายอย่างเพราะมีทั้งที่หน่วยงานราชการให้มา ตนเองซื้อมาและขอจากเพื่อนบ้านมาได้ ปัจจุบันก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว จึงคิดว่าแผนที่วางไว้น่าจะอยู่ได้ตลอดทั้งปี เพราะสระน้ำที่ได้มีความลึกประมาณ 5 เมตร น้ำก็เต็มสระนั่นหมายถึงตลอดทั้งปีจะมีน้ำหล่อเลี้ยงแปลงเกษตรแห่งนี้ ที่สำคัญคือพอมีน้ำก็มีปลามาอาศัย ทั้งจากที่ตนเองปล่อยเลี้ยงไว้และมาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าหลายปีผ่านไปน่าจะมีปลากมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอย่างในปีนี้ที่เพิ่งขุดสระไม่นานก็มีปลามาให้เห็นแล้ว เป็นปลาลูกคอกประมาณ 4-5 กลุ่ม ส่วนการใช้น้ำที่มีก็เตรียมที่จะหาระบบพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการสูบน้ำรดต้นไม้ที่ปลูก เป็นการทุ่นแรงงานและทำให้ต้นไม้ที่ปลูกได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอ สำหรับที่นาแปลงนี้คิดไว้ว่าจะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ จึงพยายามปลูกให้มีพืชทุกอย่างที่เราอยากกิน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อที่อื่น และถ้ามีมากเพียงพอก็จะเปิดให้คนเข้ามาเยี่ยมชม ใครสนใจสินค้าเกษตรตัวไหน ก็สามารถเลือกเก็บได้ด้วยตนเองจากแปลงเกษตรนี้แล้วค่อยมาจ่ายเงินรวมทีเดียวเลย ส่วนตอนนี้ตนเองและสามี มีรายได้จากการขายหมู เป็ดและไก่ โดยในอนาคตระยะสั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการเก็บพืชผักไปตั้งแผงขายในหมู่บ้าน โดยจะทำในลักษณะร้านค้าขายผักที่มีทุกอย่างให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาในจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็น พริก มะเขือ ฟักแพง แตงกวา หอม ตะไคร้ ใบมะกูด มะนาว ซึ่งจะเก็บไปขายทุกวันได้แค่วันละ 200-300 ก็เพียงพอแล้วไม่ต้องเป็นหมื่นเป็นแสน เพราะเท่านี้ก็อยู่อย่างสบายเนื่องจากมีทุกอย่างให้ได้เก็บมารับประทานในครัวเรือนหมุนเวียนไปเรื่อยนอกจากนี้ก็ยังมีการบำรุงไม้ผลเพื่อเก็บกินในระยะยาวด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่าการทำโคก หนอง นา แบบนี้เป็นไปได้จริงหรือ ก็ต้องขอตอบว่าขึ้นอยู่กับกำลังแรงงานว่าจะทำได้และตั้งใจทำมากน้อยขนาดไหน ซึ่งปัจจุบันจากที่ทำมาก็มีเพื่อนบ้านที่เห็นและเกิดความสนใจอยากจะทำ บางคนไม่มีที่ดินเป็นของตนเองก็เข้ามาพูดคุยมาขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในช่วงฤดูแล้งเพื่อปลูกพืชผักขายร่วมกัน เพราะมองว่าน้ำคงจะมีเพียงพอตลอดทั้งปี ซึ่งก็ได้ให้คำตอบไปว่าเมื่อถึงเวลานั้น ค่อยมาคุยกันอีกทีว่าแต่ละคนจะทำอะไร ยังไง ได้มากน้อยขนาดไหน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น