วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ปลัดกระทรวง ศธ. ลงพื้นที่ภาคอีสานเยี่ยมแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ วางแนวทางพัฒนาและขับเคลื่อนระบบการศึกษา

วันนี้ 8 ธันวาคม 2564 ที่โรงเรียนนครพนมพิทยาคม จังหวัดนครพนม ภายหลังการเป็นประธานเปิดโครงการประชุมกระทรวงศึกษาสัญจร ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เปิดเผยว่า โครงการประชุมกระทรวงศึกษาธิการสัญจรเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความร่วมมือการทำงานของหน่วยงานในส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง เนื่องจากในกระทรวงศึกษาธิการมีวิธีการสนับสนุนในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ให้กับเยาวชนไทยในหลายรูปแบบ ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และปริญญาตรี ไปจนถึงการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีวิธีการจัดการศึกษาทั้งข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงอยากให้ผู้บริหารทุกคนตลอดจนคณะทำงานได้รับรู้ถึงแนวนโยบาย วัตถุประสงค์ ในการขับเคลื่อนการศึกษาตามหลักแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) และอีกส่วนเพื่อเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สำหรับการนำเสนอ ปัญหา อุปสรรค เพื่อหาวิธีจัดการร่วมกัน ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพ ศักยภาพของการจัดการศึกษา ทั้งในสถานศึกษาและหน่วยสนับสนุนการศึกษาได้ ซึ่งนอกจากจะรับฟังในที่ประชุมแล้วยังได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการแบ่งสายลงพื้นที่เยี่ยมสถานศึกษาต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อนำข้อมูลย้อนกลับเข้ามายังที่ประชุมด้วย

โดยในปี 2565 มี 2-3 เรื่องที่อาจจะต้องโฟกัสมากขึ้น นอกเหนือจากนโยบาย 12 +7 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งยังเป็นข้อบังคับทางกฎหมายที่ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ ในแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ในการขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญด้านการศึกษา หรือ 5 Big Rock ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา มี 2 ส่วนที่กระทรวงศึกษารับผิดชอบ โดยส่วนแรกคือการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนไปสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ซึ่งการปรับวิธีการเรียนการสอนจะเป็นเรื่องของสถานศึกษาเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการจัดการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไปจะต้องเน้นในเรื่องของ active learning หมายถึงครูแต่ละสาขาวิชาจะต้องจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนำหลายวิชามารวมเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มทักษะในการวิเคราะห์ การจัดการปัญหา การออกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีม ซึ่งปัจจุบันมีหลายสถานศึกษาดำเนินการไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องทำความเข้าใจกับครูผู้สอนว่าการจัดการศึกษานี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ส่วนประเด็นต่อมา เป็นการพัฒนาผู้เรียนที่เน้นไปสู่การพัฒนาทักษะอาชีพ และเน้นในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี ที่จะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับวิทยาลัยอาชีวศึกษา เพราะนั้นหมายถึงตำแหน่งงานที่นักศึกษาจะได้โอกาสในการเข้าไปทำงานในสถานประกอบการมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขในการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจในสังคมปัจจุบันได้ ทั้งนี้ก็อยากฝากถึงผู้ปกครองของนักเรียนนักศึกษาถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด แม้ปัจจุบันนักเรียนนักศึกษาจะได้รับวัคซีนไปจำนวนเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย เพราะฉะนั้นถ้าผู้ปกครองได้รับวัคซีนก็จะเป็นเหมือนเกราะป้องกันให้กับเด็กเยาวชนกลุ่มนี้ได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น