วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564

กตป.ลงพื้นที่นครพนม รับฟังความคิดเห็นด้านกิจการโทรคมนาคม พร้อมแนะอย่าหลงกลลวง SMS


วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กตป.) ได้มีการลงพื้นที่เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการโทรคมนาคมในพื้นที่จังหวัดนครพนม ประจำปี 2564 เพื่อนำประเด็นและข้อสรุปทั้งหมดที่ได้ไปรายงานผลการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการและบริหารงานของ กสทช. /สำนักงาน กสทช. / และเลขาธิการ กสทช. เพื่อนำเสนอต่อวุฒิสภาตามกฎหมาย และใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
พันเอก ดร.พีรวัส พรหมกลัดพะเนาว์ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.) เปิดเผยว่า กตป. มีกำหนดการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นสาธารณะเพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2564 ทั้งสิ้น 5 ครั้ง ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เลือกจังหวัดนครพนม ส่วนอีก 4 ครั้งที่เหลือจะไปที่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยในวันนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้บริการคลื่นความถี่ที่ กสทช. กำกับดูแลอยู่หรือให้อนุญาตมา ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่ด้านโทรศัพท์ หรือด้านโทรคมนาคม คลื่นความถี่วิทยุคมนาคม และคลื่นความถี่ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตต่างๆ ว่าที่ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตมานั้น มีความเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ใช้แล้วเต็มประสิทธิภาพหรือป่าว มีความคุ้มค่ากับ package ที่โฆษณาหรือไม่ ระบบโครงข่ายเป็นอย่างไร ทั้งคลื่นความถี่ 900 MHz, 1800 MHz และคลื่น 5g ใหม่ที่มีการประมูลมาแล้ว รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดสรรและการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3500 MHz นอกจากนี้ยังมีในเรื่องการเร่งรัดการนำสายสื่อสารลงใต้ดินและการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ต้องมีการบูรณาการในหลายภาคส่วน ทั้งการไฟฟ้า การประปา กระทรวงมหาดไทยและท้องถิ่น ตามมาด้วยเรื่องที่ กสทช. พยายามจะจัดทำระเบียบและให้ใบอนุญาตวงโคจรดาวเทียม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดประมูลและยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังต้องการรักษาวงโคจรดาวเทียมของประเทศเอาไว้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งในส่วนของประชาชนผู้บริโภคจะต้องรู้คือคลื่นความถี่โทรคมนาคมและคลื่นดาวเทียมมีสัญญาณรบกวนกัน ทำให้เกิดการติดขัดหรือรับชมไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน กสทช. กับผู้ประกอบการกำลังดำเนินการหามาตรการเยียวยาอยู่ ทั้งพยายามสร้าง guard band ไม่ให้ความถี่รบกวนซึ่งกันและกัน เรื่องต่อมาคือ SMS หลอกลวงต่าง ๆ ที่ไม่อยากให้ประชาชนหลงเชื่อ เพราะส่วนใหญ่ SMS เหล่านี้จะอาศัยความโลภของคนเข้ามาเป็นตัวล่อ เช่นการชักชวนให้ไปสมัครงานบ้านโดยจะให้ค่าแรง 2,000 บาทต่อวัน ซึ่งในหลักความเป็นจริงไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือการกดรับแพ็คเกจฟรีต่าง ๆ ซึ่งจะมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เราต้องเสียไปแบบไม่รู้ตัวเนื่องจากอ่านข้อความไม่หมด จึงอยากให้ประชาชนวิเคราะห์ด้วยหลักและเหตุผลให้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนที่ไม่เก่งเทคโนโลยีที่อาจจะถูกหลอกลวงได้ง่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น