วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

จังหวัดนครพนม จัดพิธีถวายภัตตาหารพระราชทานแด่พระภิกษุสงฆ์สามเณรในการสอบบาลีสนามหลวง วันที่ 2

วันนี้ 27 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา และทรงถวายความอุปถัมภ์แด่พระภิกษุ สามเณร ที่เข้าทดสอบความรู้บาลีสนามหลวง ครั้งที่ 1 ครั้งหลัง ประจำปี 2565 และพระภิกษุผู้ทำหน้าที่กรรมการกำกับการสอบที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยในวันที่ 2 นี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายปิตานนท์ ปัญญา นายอำเภอธาตุพนม เป็นผู้เชิญภัตตาหารและสิ่งของพระราชทาน ถวายแด่พระภิกษุ สามเณร ที่เข้าสอบบาลีสนามหลวง ต่อจากวันแรกที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายชาธิป รุจเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้เชิญภัตตาหารและสิ่งของพระราชทาน ถวายแด่พระภิกษุ สามเณร ที่เข้าสอบบาลีสนามหลวง ณ พระอุโบสถ์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

สำหรับการสอบบาลีสนามหลวง หรือการสอบพระปริยัติธรรมแผนกบาลี คือการสอบไล่วัดความรู้พระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย โดยคำว่า "สนามหลวง" นั้น สันนิษฐานว่ามาจาก การสอบพระปริยัติธรรมบาลีในพระราชวังหลวง ซึ่งการสอบในสมัยก่อนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับเป็นพระราชภาระ ถวายความอุปถัมภ์การจัดสอบขึ้นในพระบรมมหาราชวัง โดยเป็นการสอบแบบปากเปล่า คือพระภิกษุหรือสามเณรผู้ศึกษาบาลี มีความรู้พอสมควรแล้ว เข้าสอบบาลีสนามหลวง โดยการแปลคัมภีร์ภาษาบาลีเป็นภาษาไทย หรือแต่งภาษาไทยเป็นภาษาบาลี ต่อหน้าพระที่นั่งและคณะกรรมการพระเถรานุเถระ โดยผู้สอบไล่ได้ในชั้นประโยคต่างๆ จะได้รับการพระราชทานสมณศักดิ์ พัดยศ ไตรจีวร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระภิกษุสามเณรผู้สอบได้ให้เป็นเปรียญและรับนิตยภัตของหลวงเป็นการยกย่องเชิดชู ทั้งนี้การสอบจะแบ่งออกเป็น 9 ประโยค ประโยค 1-2 ถึงประโยค 3 เป็นเปรียญตรี (กระทรวงศึกษาธิการเทียบวุฒิให้เทียบเท่ามัธยมศึกษาตอนต้น) ประโยค 4 ถึงประโยค 6 เป็นเปรียญโท (กระทรวงศึกษาธิการเทียบวุฒิให้เทียบเท่ามัธยมศึกษาตอนปลาย) ประโยค 7 ถึงประโยค 9 เป็นเปรียญเอก (กระทรวงศึกษาธิการเทียบวุฒิให้เทียบเท่าปริญญาตรี) โดยการสอบจะใช้ข้อสอบที่ออกโดยแม่กองบาลีสนามหลวง ซึ่งการสอบในครั้งนี้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยในส่วนของจังหวัดนครพนมมีพระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั่วไปสมัครเข้าทดสอบรวมทั้งสิ้น 161 ราย แบ่งเป็น พระภิกษุ สามเณร 152 รูป สอบที่ส่วนกลาง 8 รูปในระดับเปรียญธรรมประโยค 5 บาลีศึกษาประโยค 5 ที่เหลือสอบส่วนภูมิภาคร่วมกับประชาชนทั่วไป 9 ราย ในระดับเปรียญธรรมประโยค 1-2, เปรียญธรรมประโยค .3-4, บาลีศึกษาประโยค 1-2 ,บาลีศึกษาประโยค 3-4


วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นักกีฬาเซปักตระกร้อ 350 ทีมทั่วประเทศร่วมฟาดแข้งที่นครพนม ชิงถ้วยพระราชทาน กรมสมเด็จพระเทพฯ

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ “ฮอนด้ายูเนี่ยนคัพ” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 ที่สมาคมกีฬาตะกร้ออาวุโสไทย ร่วมกับจังหวัดนครพนม โดย สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม และสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันสำคัญแห่งประวัตศาสตร์ทางการกีฬา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะที่ทรงเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2510 และทรงได้รับเหรียญทอง จากการแข่งขันเรือใบ อีกทั้งเพื่อถวายเป็นพระราชสดุดีในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่วงการกีฬา และการศึกษา ร่วมถึงเป็นการอนุรักษ์กีฬาเซปักตะกร้อและพัฒนาการบริหารจัดการแข่งขันให้เป็นมาตรฐานสากล ตลอดจนเป็นการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมธุรกิจที่เกี่ยวกับการกีฬา และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และนักกีฬาร่วมอัญเชิญถ้วยรางวัลพระราชทาน

โดยการแข่งขันในครั้งนี้มีนักกีฬาจากทั่วประเทศรวม 350 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นเยาวชนชาย/หญิง อายุ 12 ปี, 14 ปี , 16 ปี และ 18 ปี รุ่นประชาชนทั่วไปชาย/หญิง และรุ่นอาวุโส อายุ 40-60 ปีขึ้นไป โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 8 กลุ่ม แข่งขันแบบ 2 ใน 3 เซต แพ้ 2 ครั้งคัดออก ทีมที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 และ 2 เข้ารอบต่อไป โดยการแพ้ชนะในการแข่งขันเซ็ตที่ 3 ให้ใช้คะแนน 15 คะแนน ทีมใดมี 8 คะแนนต้องเปลี่ยนแดน ทั้งนี้ถ้าคะแนน 14-14 ต้องดิวคู่ละไม่เกิน 17 คะแนน ถ้าคะแนนเท่ากัน 2 ทีมให้ดูผลของคู่กรณี และถ้าคะแนนเท่ากัน 3 ทีมให้จับฉลาก ซึ่งในการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ “ฮอนด้ายูเนี่ยนคัพ” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 ใช้สนามในการแข่งขัน 2 แห่ง คือ สนามโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม และสนามโรงเรียนสุนทรวิจิตร


วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัย

วันนี้ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้กับนางคิดสรรค์ แสงมณี และครอบครัว เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ ภายหลังบ้านที่อยู่อาศัยร่วมกัน รวม 4 คน เลขที่ 127 หมู่ที่ 10 ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้ไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ประสบภัย

นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด การดำเนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงขอให้ครอบครัวผู้ประสบภัยมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าและพระพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงมีพระเมตตา พร้อมทั้งฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคน ในการช่วยกันตรวจสอบสายไฟฟ้าในบ้านเรือนด้วย เพราะส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งพร้อมกับการสร้างบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดนั้นมีอายุการใช้งาน หากมีการชำรุดหรือเสียหายก็ขอให้เปลี่ยนใหม่ก่อนที่จะเกิดการสูญเสียเช่นนี้

ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมา ทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกับครอบครัวผู้ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยกันดับไฟ การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลโคกหินแฮ่ ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 25,000 บาท ขณะเดียวกันในวันนี้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมก็ได้เดินทางมอบความช่วยเหลือเป็นเงิน 8,000 บาทพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนมมอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน 2,000 บาท ภาคเอกชนในจังหวัดนครพนมมอบเงินช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมียังมีเพื่อนบ้านนำสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ มามอบให้ รวมถึงสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม กำลังประสานขอรับเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพิ่มเติมอีกส่วน


วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

จังหวัดนครพนมจัดพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” ส่งต่อช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิค ต่อยอดอัตลักษณ์ภูมิปัญญาสร้างรายได้สู่ชุมชน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10:00 น. ณ ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางกาญจนี รุจนเสรี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม เป็นประธานประกอบพิธีมอบแบบลายผ้าขิดพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” ให้แก่ช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิค นำไปทอผ้า ผลิตผ้าตามอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของแต่ละพื้นถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครพนม ผ่านทางพัฒนาการจังหวัดนครพนม นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ และภริยาหรือสมาชิกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมพิธี

นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติบำเพ็ญพระกรณียกิจนานัปการ เพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ทรงมุ่งมั่นที่จะสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ พื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป และด้วยพระอัจฉริยภาพ พระองค์ทรงต่อยอดผสมผสานมุมมองด้านแฟชั่นที่ร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งการสืบสานอัตลักษณ์ เรื่องราวประจำภูมิภาค เป็นคุณูปการอย่างยิ่งแก่ปวงชนคนไทย ทรงพระราชทานแบบลายผ้า ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” แก่พสกนิกรชาวไทย อันเป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัดถึงพระปรีชาสามารถในการออกแบบ เกิดความเชื่อมั่นว่าความงดงามของผ้าไทยจะคงอยู่คู่กับสังคมไทย

และเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนิน ณ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ทอดพระเนตรกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทย และงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ วัดธาตุประสิทธิ์ และหอประชุมโรงเรียนนาหว้าพิทยาคม จังหวัดนครพนม เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของโครงการศิลปาชีพ และในโอกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครบ 90 พรรษา เพื่อสร้างการรับรู้ประวัติศาสตร์สู่คนรุ่นหลัง และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยมีสมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม และราษฎรเฝ้าฯ รับเสด็จ ในการนี้ทรงพระราชทานแบบลายผ้า “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา”ที่ทรงได้รับแรงบันดาลพระทัยจาก “ผ้าขิดลายสมเด็จ” ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทานแก่ราษฎร อันเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย ซึ่งแต่ละลวดลายมีความหมายที่ลึกซึ้ง แสดงถึงความตั้งพระทัยมั่นของพระองค์ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชกรณียกิจของสมเด็จย่า ในการฟื้นคืนภูมิปัญญาผ้าไทยให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดิน ผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นของขวัญให้กับช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิคนำไปทอผ้า ผลิตผ้าตามอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ

โดย “ลาย S ที่ท้องผ้า” หมายถึง สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าไทย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงออกแบบให้เว้นช่องว่างไว้ เพื่อให้ราษฎรได้ร่วมถักทอลวดลายของตนเองลงในช่องว่าง เป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากแต่ละท้องถิ่น โดยลายขิดที่เป็นกรอบล้อมรอบตัว S นี้ หมายถึงความจงรักภักดีที่ชาวไทยมีต่อพระบรมราชจักรีวงค์

“ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ” หมายถึง ความรักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อปวงชนชาวไทย
“ลาย S ประกอบกับลายขิดที่เชิงผ้า” หมายถึง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงปรารถนาให้คนไทยอยู่ดีมีสุข
“ลายต้นสนที่เชิงผ้า” หมายถึง พระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ของโครงการศิลปาชีพฯ อันลายต้นสนนี้ เป็นลวดลายพื้นถิ่นที่ถักทออยู่บนผืนผ้าของบ้านนาหว้า จังหวัดนครพนม ที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดโครงการศิลปาชีพฯ
“ลายหางนกยูงที่เชิงผ้า” หมายถึง ความตั้งพระทัยมั่นในการสืบสาน รักษาและต่อยอด พระราชกรณียกิจของสมเด็จย่าของพระองค์ ในการฟื้นคืนภูมิปัญญาผ้าไทยให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดิน
ซึ่งที่ผ่านจังหวัดนครพนมได้มีการดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนให้กลุ่มทอผ้าในพื้นที่จังหวัดนครพนมนำแบบลายผ้าพระราชทาน “ ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”ไปถอดแบบและทอผ้าร่วมกับผ้าพื้นเมืองชนิดอื่น ๆ มีการขับเคลื่อนการทำงานในรูปแบบประชารัฐ 7 ภาคี มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนส่วนราชการ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ กลุ่มองค์กรและเครือข่ายต่าง ๆ ในการสวมใส่ผ้าไทย ภายใต้กิจกรรม "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก ภายใต้คำขวัญ “ชาวนครพนมภาคภูมิใจ สวมใส่ผ้าไทยทุกวัน” และมีการลงนามความร่วมมือ 73 หน่วยงานในการรณรงค์ส่งเสริม สนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย นำมาซึ่งรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายในจังหวัด ทำให้ชุมชนมีรายได้จากการจำหน่ายผ้าและเครื่องแต่งกาย ในปี 2564 รวมเป็นเงิน 477,720,070 บาท ทั้งยังมียอดสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้อีกครั้งที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวจังหวัดนครพนมและพสกนิกรชาวไทย ที่จะทำให้ชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากแบบลายผ้าพระราชทาน "ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา" ที่ทรงออกแบบให้เว้นช่องว่างไว้ เพื่อให้ราษฎรได้ร่วมถักทอลวดลายของตนเองลงในช่องว่าง เป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากแต่ละท้องถิ่น

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

จิตอาสานครพนม ทำความสะอาดศาลหลักเมืองอำเภอปลาปาก เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

วันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณหลักเมือง (ดอนหอ) หมู่ที่ 1 ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนจิตอาสาร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงพระราชกรณียกิจอันสำคัญเพื่อปวงชนชาวไทย เช่น ด้านการป้องกันประเทศ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองและป้อมปราการต่าง ๆ ขึ้นเพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านคอยป้องกันข้าศึกที่จะยกเข้ามารุกรานประเทศ ด้านการปกครองทรงบริหารบ้านเมืองโดยให้เจ้านายรับหน้าที่ในการบริหารงานราชการในกรมกองต่างๆ โดยทรงส่งเสริมข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถให้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ตนถนัด พระราชทานโอกาสให้ประชาชนสามารถเลือกหน่วยราชการที่สังกัดได้ ด้านการทำนุบำรุงพระศาสนาทรงโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูบูรณปฏิสังขรณ์ และก่อสร้างศาสนสถานขึ้นมาใหม่ ด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงเป็นกวีเอกและทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่ม เช่น รามเกียรติ์ตอนลักสีดา วานรถวายพล พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ นอกจากนี้ยังมีพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรในสมัยรัชกาลที่ 6 ว่าเป็นยอดกลอนบทละครรำ

โดยกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในครั้งนี้ ทุกคนได้ร่วมกันทำความสะอาด เก็บเศษขยะ ตัดตกแต่งกิ่งไม้ต้นไม้ กำจัดวัชพืช ตัดหญ้าบริเวณโดยรอบศาลหลักเมืองหรือที่ชาวอำเภอปลาปากเรียกดอนหอ หรือดอนปู่ตา ซึ่งเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วได้มาอยู่อาศัย ทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนจิตใจ และเป็นปอดของทุกคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากความร่มรื่นของต้นไม้นานาชนิดที่คอยให้ออกซิเจนกับทุกคน โดยในทุก ๆ ปี สถานที่แห่งนี้จะมีลูกหลานชาวอำเภอปลาปากมาร่วมกันประกอบพิธีเลี้ยงผีปู่ตาเพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ เป็นการระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้สั่งสอน อบรมเลี้ยงดูมา แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที อีกทั้งเป็นการบูชาบวงสรวงเทวดาอารักษ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นผู้ดูแลปกปักษ์รักษา เป็นผู้ดลบันดาลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกคนมีอยู่มีกินไม่ขาดแคลน และไม่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ


นักเรียน นพว. นครพนม รับการประเมินเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ประจำปีการศึกษา 2564

วันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายวัฒนา  ภูด่านวัว รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 เป็นประธานนำคณะกรรมการประเมินนักเรียนเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ประจำปีการศึกษา 2564 ระดับกลุ่มจังหวัดที่ 10 ลงพื้นที่ประเมินให้คะแนน นางสาวอาริญา ใจกล้า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนครพนมวิทยาคม(นพว.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม โดยมีพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางทิพวรรณ เสนจันทร์ฒิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนนครพนมวิทยาคม คณะผู้บริหารและนักเรียนที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและเป็นสักขีพยาน

โดยการคัดเลือกนักเรียนเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 ตามพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา โดยทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรางวัลให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดีและมีความมานะพยายามศึกษาเล่าเรียนจนได้ผลดี รวมทั้งโรงเรียนที่จัดการศึกษาดีจนนักเรียนได้รับผลการเรียนดีเป็นส่วนรวม โดยการคัดเลือกนักเรียนเพื่อรับรางวัลพระราชทานจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งในการคัดเลือกจะมีการกำหนดเกณฑ์การประเมินและคู่มือการประเมินตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำขึ้น และเป็นไปตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและประกาศกระทรวงศึกษาธิการ

สำหรับนางสาวอาริญา ใจกล้า เป็นนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนครพนมวิทยาคม มีผลการเรียนเฉลี่ย 3.95 เป็นบุตรของนายอนุชา กอนหล่ม และนางสาวอรอุมา ใจกล้า เป็นผู้ที่มีความประพฤติดี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีจิตอาสา มีความเป็นผู้นำที่พร้อมปรับปรุงและพัฒนาอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีผลงานและผลการเรียนที่โดดเด่นได้รับรางวัลต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งในระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ  อาทิเช่น สอบไล่ได้ธรรมะศึกษาชั้นโท รางวัลผู้เป็นแบบอย่างที่ตั้งใจเรียนระดับโรงเรียน รางวัลสภานักเรียนต้นแบบจากโครงการพิชิตโควิดด้วยจิตอาสาตามกระบวนการประชาธิปไตย รางวัลเหรียญทองประเภท Oral presentation สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ระดับภาค รางวัลชนะเลิศเหรียญทองการแข่งขันฟิสิกส์สัประยุทธ์ครั้งที่ 9 ประจำปี 2564 ระดับภาค รางวัลเหรียญทองแดงระดับประเทศการทดสอบโอลิมปิกเชิงวิชาการ How academic Olympics you arel ในงาน 3 ทศวรรษ น้ำพระทัยสมเด็จเจ้าฟ้า สู่โอลิมปิกวิชาการ  รางวัลเหรียญทองกิจกรรมประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69 ปีการศึกษา 2562 ระดับประเทศ และรางวัลเหรียญทองแดงการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสำหรับนักเรียนและสำหรับนักเรียนทุน พสวท.ระดับมัธยมศึกษาครั้งที่ 36 เป็นต้น

ประมงนครพนม เปิดบูธเพิ่มช่องจำหน่ายสินค้าแปลงใหญ่ช่วยเกษตรกร


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดจุดจำหน่ายสินค้าแปลงใหญ่ด้านการประมง ที่สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครพนม และเกษตรกรโครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่จัดขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมประมง ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตให้เกิดการรวมกลุ่มมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งจะช่วยใหเ้กษตรกรทุกคนมีผลผลิตที่มากขึ้นจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวางแผนการขับเคลื่อนร่วมกัน ทั้งยังช่วยพัฒนากลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  ที่บริเวณหน้าสำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ถนนนครพนม-ท่าอุเทน ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม  

โดยการเปิดบูธจำหน่ายในลักษณะนี้จะมีทุกๆ วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ด้านประมงในจังหวัดนครพนม จำนวน 4 กลุ่ม จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจำหน่ายสินค้าที่ตนเองผลิตเรื่อยๆ ประกอบไปด้วย กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ลูกอ๊อดบ้านหนองแต้ ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร ที่จะนำผลิตภัณฑ์ลูกอ๊อดและกบเนื้อมาจำหน่าย ทั้งแบบสดและแช่แข็ง ในราคาลูกอ๊อดกิโลกรัมละ 180 บาท ส่วนกบเนื้อแช่แข็งกิโลกรัมละ 150 บาท  กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ปลาตะเพียนขาว ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก นำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาตะเพียนขาวเป็นปลาส้ม ปลาแห้ง ปลาเอือบนึ่ง มาจำหน่ายในราคาถุงละ 100 บาท กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ปลาดุกบิ๊กอุยที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย ระดับ GAP  จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 57 บาท
 นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปเป็นปลาดุกแห้ง ปลาดุกแดดเดียวในราคา 50 บาท น้ำพริกปลาดุกกระปุกละ 20 บาท และกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ปลานิลในกระชังแม่น้ำโขง ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นปลาที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนที่สำคัญต่อการพัฒนาการสมองและการเจริญเติบโตในเด็ก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซลล์ที่สึกหรอ มาจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 75 บาท 

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นรข. เข้มตามแนวชายแดนนครพนม ยึดยาบ้า 638,000 เม็ด ไอช์ 45 กรัม และกัญชา 690 แท่ง

วันนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันตำรวจเอก สมศักดิ์ ตระการไพโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอกหญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผู้กำกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมและเจ้าหน้าที่หน่วงยความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานที่ได้มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ประจำปี 2565 จนนำไปสู่การตรวจยึดยาบ้า จำนวน 638,000 เม็ด ยาไอช์ 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอท่าอุเทน และกัญชาอัดแท่ง จำนวน 690 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอธาตุพนม

โดยเหตุการณ์ตรวจยึดยาบ้า เป็นการดำเนินงานที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บริเวณบ้านหาดทรายเพ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จึงได้มีการตรวจสอบข่าวพร้อมจัดชุดลาดตระเวนทางบกเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ กระทั่งเวลา 18.30 น. พบเห็นชาย 1 คนอยู่บริเวณถนนริมเขื่อนท่าทางมีพิรุธ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในระยะไกลก็ได้วิ่งหลบหนีลงไปที่เรือกีบแล้วติดเครื่องยนต์แล่นข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบกระสอบวางอยู่ริมเขื่อนจำนวน 2 กระสอบ ภายในเป็นยาบ้าจำนวน 638,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่เหตุการณ์ตรวจยึดกัญชาที่อำเภอธาตุพนมเป็นการดำเนินงานของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงที่ได้บูรณาการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานความมั่นคง และได้จัดกำลังพลติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ กระทั่งเวลา 20.55 น. ได้มีการตรวจพบเรือกีบต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ ดับเครื่องลอยไหลมาตามกระแสน้ำทางทิศเหนือและเข้าเทียบฝั่งไทย ที่บริเวณหาดแห่ บ้านน้ำก่ำ ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม ซึ่งห่างจากจุดซุ่มประมาณ 800 เมตร เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้ากระชับพื้นที่ แต่เมื่อใกล้ถึงกับพบว่ากลุ่มบุคคลที่มากับเรือกีบ 3-4 คน ได้วิ่งออกจากป่าแล้วรีบขึ้นเรือกีบขับหายไปในความมืดด้วยความชำนาญทันที เมื่อไม่อาจติดตามได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังซุ่มตามจุดต่าง ๆ บริเวณโดยรอบพื้นที่ที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัยเอาไว้ กระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงไม่พบผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ จึงได้เข้าตรวจสอบ พบกระสอบห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 15 กระสอบ เมื่อแกะออกพบเป็นกัญชาอัดแท่งห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีทอง จำนวน 690 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อติดตามสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


นครพนม รณรงค์ปลูกจิตสำนึกลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม

วันนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานมอบหมวกนิรภัยให้กับเด็กนักเรียนและชมรมจราจรโรงเรียน พร้อมเปิดกิจกรรมการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม ที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นเตือน ปลูกจิตสำนึก และสร้างการตระหนักรู้ถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถไม่มีวินัยและไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมาย โดยเฉพาะกรณีรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนนบริเวณทางข้าม ตามมติคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ที่มีการประชุมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565

นอกจากนี้ในระดับพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการเร่งปรับปรุงแก้ไขด้านกายภาพของถนนในความรับผิดชอบ รวมทั้งตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขเครื่องหมายจราจร สัญญาณไฟและป้ายเตือน ให้มีความชัดเจนทั้งบริเวณทางข้าม ทางร่วม ทางแยกและจุดคับขันต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย ใช้เส้นทางด้วยความระมัดระวัง เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบ ขณะที่สถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน โดยเน้นให้ความรู้และเสริมทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับการข้ามทางที่ปลอดภัยในทุกช่วงวัย ทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาเอกชน ระดับอาชีวศึกษา และหลักสูตรการศึกษานอกระบบ โดยให้ความสำคัญในการรับสร้างการรับรู้ การข้ามถนนที่ปลอดภัยในนักเรียน นักศึกษาควบคู่ไปกับการปลูกฝัง สร้างการตระหนักรู้ผ่านกิจกรรมรณรงค์ ทั้งในรูปแบบการจัดทำสื่อสร้างสรรค์ และรูปแบบออนไลน์ ขณะที่มาตรการทางกฎหมายก็มีแนวทางในการเพิ่มโทษกรณีผู้ขับขี่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรให้สูงขึ้น และมีการเพิ่มฐานความผิดที่ต้องบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี่ เพื่อตัดคะแนนความประพฤติเมื่อผู้ขับขี่กระทำผิด ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้รับโทษสูงสุด เพื่อให้ผู้ขับขี่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย มีการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ทั้งมีการเร่งรัดการจัดให้มีข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับประวัติและการกระทำผิดของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลทะเบียนรถ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง


วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีบวงสรวงเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ประจำปี 2565

วันนี้ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่วัดมงคลบุรีศักดาราม บ้านอาจสามารถ ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีพระศรีวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดนครพนม (ฝ่ายธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีบวงสรวงเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ประจำปี 2565 ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ ในภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปฏิบัติพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พระราชทานเพลิงศพ พระราชทานดินฝังศพ พระราชทานเครื่องเกียรติยศประกอบศพ และงานประสานขอพระราชทานเพลิง

โดยเครื่องเกียรติยศประกอบศพที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย โกศแปดเหลี่ยม โกศโถ หีบทองทึบ หีบทองลายสลัก หีบลายก้านแย่ง หีบเชิงชาย อุปกรณ์สำหรับสวดพระพิธีธรรมและริ้วขบวนแห่ศพเวียนเมรุ โดยทรงพระราชทานให้แก่บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นเครื่องหมายในการประกอบคุณงามความดี และเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติอันสูงสุดให้แก่ข้าราชการ บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์และประชาชนที่มีสิทธิตามหลักเกณฑ์ของสำนักพระราชวังเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โดยทรงมอบหมายภารกิจการปฏิบัติงานพิธีการศพและการตั้งแต่งเครื่องเกียรติยศประกอบศพให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ดำเนินการตามพระบรมราโชบาย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครพนม ทายาทหรือผู้ขอพระราชทาน สามารถติดต่อประสานงานและขอคำแนะนำเกี่ยวกับพิธีการศพตามหลักเกณฑ์ของสำนักราชวัง ได้ที่กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม โทร. 0 4253 0866 โทรสาร. 0 4253 0867 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์


วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทาน มอบให้ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัย ที่อำเภอโพนสวรรค์

วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้กับ นางบุญลือ อนุญาหงส์ อายุ 79 ปี ที่อาศัยอยู่กับนายคล้าย ประกิ่ง อายุ 81 ปี สามี เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ภายหลังบ้านไม้ใต้ถุนสูง เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านค้อ อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้เสียหายทั้งหลังมูลค่ารวมประมาณ 80,000 บาท เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ประสบภัย

นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ ทรงต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและผ่อนคลายความทุกข์ร้อน อีกทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนในครอบครัวที่ประสบอัคคีภัยในครั้งนี้ ให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความเข้มแข็ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย โดยตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมา ทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยกันดับไฟ การรื้อถอนและปรับพื้นที่บ้านที่เสียหาย การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านค้อจะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินทดรองราชการช่วยเหลือ วงเงินไม่เกิน 49,500 บาท เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมมอบช่วยเหลือ 8,000 บาทพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค สมาคมผู้สูงอายุ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเพื่อนบ้านมอบสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน


เกษตรกรนครพนม แปรรูปเห็ดเป็นเส้นก๋วยจั๊บ โจ๊กและผงเห็ดสร้างมูลค่าเพิ่ม

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จังหวัดนครพนม นางสาว พรพิมล ราชบุตร เกษตรกรบ้านธาตุน้อย อำเภอธาตุพนม เปิดเผยว่า เดิมเรามีการผลิตก้อนเห็ดเปิดดอกและจำหน่ายเห็ดสด และมีการแปรรูปเป็นผงเห็ด รวมถึงแปรรูปสินค้าเกษตรตัวอื่นคือผงมันม่วง และผงฟักทองเพื่อถนอมอาหารเก็บไว้ โดยขั้นตอนของการทำให้แห้งแล้วบดเป็นผง เพื่อนำมาใช้สำหรับชงเป็นน้ำชาดื่ม แต่ในช่วงวิกฤตโควิดก็ทำให้เกิดแนวคิดว่า นอกจากเราจะจำหน่ายเห็ดสดแล้ว เราควรจะทำสินค้าอีกตัวออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ก๋วยจั๊บเส้นเห็ดและโจ๊กสำเร็จรูป ขณะที่ผงมันม่วงก็นำไปทำเป็นผงเบเกอรี่ต่าง ๆ ได้เหมือนกัน

ซึ่งในเรื่องของอาหารนั้น ตัวเองมองถึงความปลอดภัยของลูกค้าและความเชื่อมั่นของลูกค้า จึงได้ทำออกมาในสไตล์โฮมเมดที่ทำกินเองได้ที่บ้านด้วยสูตรลับเฉพาะทั้งหมด โดยในอนาคตก็อยากพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้าสู่มาตรฐานและยกระดับให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ให้ได้ระดับมาตรฐาน GMP ก่อน ในระยะแรกตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ก๋วยจั๊บญวน ที่ผลิตจากเห็ด ซึ่งจะอร่อยได้ 2 แบบ ถ้าชอบน้ำข้นก็สามารถต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในซองที่มีอยู่ 5 อย่างได้เลย คือเส้นที่ทำจากเห็ดจากฟักทองและจากมันม่วง แล้วก็ผงปรุงรสที่ประกอบด้วยหมูยอ หอมเจียว ผักชีฝรั่ง และพริกคั่ว ซึ่งถ้าชอบน้ำใสก็คือนำเส้นไปล้างน้ำแล้วก็ค่อยนำมาต้ม ก็จะเป็นก๋วยจั๊บน้ำใสได้ทันที ซึ่งใช้เวลาประมาณ 8 - 10 นาทีก็อิ่มอร่อยได้ง่ายๆ โดยชุดหนึ่งจะจำหน่ายอยู่ที่ 35 บาท แต่ถ้าซื้อ 3 ชุด จะลดราคาเหลือ 100 บาทพร้อมฟรีค่าส่ง ตัวต่อมาคือผงแกงเห็ด ซึ่งตัวนี้จะมีใบย่านาง มีข้าวเบือมีปลาร้า มีพริก มีตะไคร้ แล้วก็ผงเห็ด ซึ่งถ้าท่านไหนอยากที่จะรับประทานแกงเห็ด รับประทานซุปหน่อไม้ แกงหน่อไม้ หรือแกงอีสานพื้นบ้านก็จะจบในซองนี้ โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งในเรื่องของการหาวัตถุดิบหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง สำหรับแพ็คนี้จะแพ็คด้วยสุญญากาศ สามารถที่จะต้มได้ 1 ชาม ส่วนวัตถุดิบอื่น ๆ สามารถนำมาเติมได้ตามชอบเลย นอกจากนั้นก็มีการนำมามิกซ์รวมกับข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ เพื่อทำให้เป็นกึ่งสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของเห็ดที่พร้อมให้ทุกคนได้รับประทานแบบไม่ใส่วัตถุกันเสีย ในแพ็คหนึ่งจะมีอยู่ 4 ซอง สามารถรับประทานได้ 4 คนในราคา 50 บาท เพียงต้มกับน้ำเดือดประมาณ 5 นาที ก็สามารถอิ่มอร่อยได้ หรือถ้าใครชอบหมู ชอบไก่ ชอบปลา ก็สามารถนำมาเพิ่มเติมในโจ๊กนี้ได้

ซึ่งท่านไหนที่สนใจ มาจากตัวจังหวัดนครพนมมุ่งหน้าไปอำเภอธาตุพนมเพื่อไปกราบไว้นมัสการองค์พระธาตุพนม จะผ่านหน้าร้านพอดี โดยร้านจะห่างจากสามแยกที่จะไปอำเภอเรณูนครประมาณ 500 เมตร อยู่ที่ชุมชนพระกลางทุ่ง บ้านธาตุน้อย อำเภอธาตุพนม หรือคนที่อยู่ไกลจะสั่งผ่านระบบออนไลน์ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook page บ้านสวนอินทรายุธ หรือจะติดต่อผ่าน LINE ID : tumjuy หรือจะติดต่อที่เบอร์ 089 966 6607 ก็ได้เช่นเดียวกัน


จ.นครพนม หารือเตรียมความพร้อมตัวแทน 15 แห่งเข้าประกวด TO BE NUMBER ONE ระดับภาค

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครพนม เพื่อร่วมหารือแนวทางในการขับเคลื่อนแผนงานโครงการ และหารายได้เข้ากองทุน TO BE NUMBER ONE ของแต่ละอำเภอเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมต่าง ๆ และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกวดจังหวัด อำเภอและชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 8 มีนาคม 2565 ณ โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

โดยที่ผ่านมาจังหวัดนครพนมได้มีการน้อมนำแนวทางการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาเป็นเครื่องมือในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งได้ยึดหลัก 2 ป. 2 บ. คือ ป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และบูรณาการ พร้อมขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับอำเภอ ระดับตำบล และเน้นย้ำให้มีการพัฒนาเยาวชนในจังหวัดนครพนมไปข้างหน้าเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า ชาวนครพนมมีสุข ด้วยวิถี TO BE NUMBER ONE ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการกัน ช่วยสร้างสรรค์เยาวชนให้เก่งและดี ภายใต้ยุทธศาสตร์การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจแก่เยาวชนและยุทธศาสตร์การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างมากมาย โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาคว้ารางวัลระดับประเทศมาได้ 6 รางวัล คือ รางวัลชนะเลิศประเภทกลุ่มดีเด่น ชมรม TO BE NUMBER ONE 1 รางวัล รางวัลรางวัลกลุ่มต้นแบบ TO BE NUMBER ONE 4 รางวัล และรางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ประเภทบุคลากรในสังกัดกระทรวงยุติธรรม 1 รางวัล และในเบื้องต้นปีนี้จังหวัดนครพนมก็ได้มีการวางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับการประกวดจังหวัด อำเภอและชมรม TO BE NUMBER ONE อีกครั้งโดยเตรียมส่งตัวแทน 15 แห่งเข้าร่วมแข่งขัน ขณะที่ด้านการหารายได้มาสนับสนุนกิจกรรมนั้นได้เตรียมจัดทำเสื้อ TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครพนมออกมาจำหน่าย และเตรียมจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด จังหวัดนครพนม ปี 2565 เพื่อให้ผู้ที่มีจิตใจรักในการออกกำลังกายด้วยกีฬากอล์ฟได้มาสนุก ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะมาเป็นงบประมาณสนับสนุนการทำกิจกรรม TO BE NUMBER ONE ของแต่ละอำเภอ ทั้งยังเตรียมเดินทางไปร่วมสัมมนาเครือข่าย TO BE NUMBER ONE เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินงานและการขับเคลื่อนแผนงานกับภาคีเครือข่ายที่จังหวัดปทุมธานีอีกด้วย


จ.นครพนม จับมือ 10 หน่วยงานขับเคลื่อนลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประชาชน

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเครือข่ายดำเนินงานลดการบริโภคเกลือและโซเดียมจังหวัดนครพนม ของ 10 หน่วยงาน ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนม เทศบาลเมืองนครพนม สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดนครพนม สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม ที่จะบูรณาการร่วมกับเขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี เพื่อร่วมกันสร้างความเข้าใจ กระตุ้นเตือนและปลูกจิตสำนึกในการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย และร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งจากการสำรวจในปี 2563 พบว่ามีพฤติกรรมในการบริโภคอาหารเค็มสูงเกินความต้องการถึงร้อยละ 56 ของประชากรทั้งหมด และสูงที่สุดในเขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี ส่งผลให้ปัจจุบันจังหวัดนครพนมมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสูงถึง 9,057 ราย เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการฟอกเลือด การล้างไตทางช่องท้อง จำนวน 896 ราย และรอการผ่าตัดปลูกถ่ายไตอีก จำนวน 9 ราย ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็น 1 ใน 5 ของจังหวัดนำร่องการลดเกลือและโซเดียมของทั่วประเทศที่กรมควบคุมโรค โดยกองโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขกำลังขับเคลื่อนอยู่ ซึ่งจะเริ่มจากการลงพื้นที่ทั้งจังหวัดเพื่อสุ่มเก็บข้อมูลจากการตรวจโซเดียมในปัสสาวะจากประชาชนที่สมัครใจแบบ 24 ชั่วโมง จำนวน 420 ตัวอย่าง และเก็บข้อมูลโซเดียมในอาหารจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ให้บริการนักเรียน นักศึกษาและประชาชน อีกจำนวน 5,000 ตัวอย่าง จากนั้นนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อหาสถานที่ที่มีความเสี่ยงมากสุด น้อยสุดเพื่อจัดลำดับ ก่อนที่จะมีการลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ กระตุ้นเตือนและปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนได้เข้าใจจนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้ทุกคนมีสุขภาพร่างก่ายที่แข็งแรง ไม่เสี่ยงกับการป่วยเป็นโรคที่เกิดจาการกินเค็ม ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ที่ปัจจุบันคนไทยมากกว่า 20,000 คนต้องเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้ต่อปี และอีก 22 ล้านคนต้องป่วยจากพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าพฤติกรรมที่ปฏิบัติอยู่นั้นไม่ถูกต้อง ว่าความเป็นจริงแล้วร่างกายคนเราต้องการโซเดียมในแต่ละวันเพียง 2,000 มิลลิกรัม หรือเกลือแกงไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน และอาหารยอดนิยมที่บริโภคในชีวิตประจำวันมีความเค็มสูง แต่ทุกคนก็ยังมีการปรุงอาหารเพิ่มเติมรสชาติเข้าไปอีก จึงทำให้มีปริมาณโซเดียมหรือเกลือเกินความจำเป็น เช่น ราดหน้าที่มีโซเดียมสูงถึง 1,815 มิลลิกรัม ส้มตำปูปลาร้ามีโซเดียมสูง 1,800 มิลลิกรัม ก๋วยเตี๋ยวมีโซเดียมสูง 1,500 มิลลิกรัม ขณะที่ขนมจีนน้ำยามีโซเดียมสูง 1,700 มิลลิกรัม ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาหารต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความเค็มอยู่แล้ว


วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

จ.นครพนม ร้อย. ทพ.2109 เข้มตามแนวชายแดน ยึดยาบ้าได้ 1,638,000 เม็ด

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม (ศอ.ปส.จ.นพ.) ซึ่งประกอบไปด้วย หน่วยทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานที่ได้มีการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ประจำปี 2565 จนนำไปสู่การตรวจยึดยาบ้าจำนวน 1,638,000 เม็ด ที่อำเภอท่าอุเทน เมื่อคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 (ร้อย. ทพ.2109) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองบังคับการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งประเทศไทย จึงได้มีการบูรณาการความร่วมมือหน่วยความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วย กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 , หมวดลาดตระเวน QRF ที่ 2 , กองร้อย QRF กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม โดย สถานีเรือบ้านแพง ฝ่ายปกครองอำเภอท่าอุเทน และ สภ. ท่าอุเทน ร่วมกันลาดตระเวนเฝ้าระวังตามจุดตรวจ จุดเสี่ยง และจุดล่อแหลมต่าง ๆ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบค้ายาเสพติดในครั้งนี้ กระทั่งเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนถึงริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านเหล่าสวนกล้วย หมู่ที่ 4 ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน ก็ได้สังเกตเห็นว่ามีบุคคลชายต้องสงสัยลักษณะท่าทางมีพิรุธ จำนวน 5 คน วิ่งลงไปในแม่น้ำโขงด้วยความเร่งรีบ เมื่อถึงเรือกีบที่จอดลอยลำอยู่ก็ได้ติดเครื่องยนต์แล้วแล่นออกจากบริเวณดังกล่าวตัดข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทันที จึงได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทั้งหมดที่กลุ่มชายต้องสงสัยพากันวิ่งออกมา ทำให้พบกระสอบบรรจุยาบ้าวางอยู่บนพื้นที่ จำนวน 3 จุด โดยจุดแรกเป็นยาบ้าจำนวน 1 กระสอบและอีก 1 ถุงเล็ก จุดที่ 2 พบยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ และจุดที่ 3 พบยาบ้า จำนวน 2 กระสอบ เมื่อนับรวมกันได้ 1,638,000 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดและนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


บิ๊กป้อม ลงพื้นที่นครพนม ติดตามความพร้อมแก้ปัญหาภัยแล้ง เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชน

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ แนวทางการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2564/2565 และติดตามการขับเคลื่อนแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ติตตามความสำเร็จจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ตามที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบรรเทาอุทกภัยช่วงฤดูฝน และเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว และโครงการที่ได้รับการอนุมัติงบกลางเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

โดยในโอกาสนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินงานในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือจังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด โดยเฉพาะโครงการที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วในฤดูแล้งนี้ เพราะรัฐบาลต้องการที่จะแก้ปัญหาทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีมากขึ้น มีน้ำอุปโภคบริโภค มีน้ำกินน้ำใช้น้ำ น้ำเพื่อการเกษตรและทำพืชไร่ เพราะถ้ามีน้ำประชาชนก็จะมีรายได้มากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นความมุ่งหมายของทางรัฐบาลที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต หรือโครงการน้ำก่ำเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จ ทำให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรแก้ปัญหาภัยแล้งได้เป็นอย่างดี ทั้งในช่วงฤดูน้ำหลากก็ยังช่วยในการระบายน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่น้ำท่วมในพื้นที่เพาะปลูกด้วย โดยประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิตเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนที่น้ำจะลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งจังหวัดนครพนม มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมชลประทาน 591 โครงการ สามารถกักเก็บน้ำได้ 264.69 ล้าน ลบ.ม. ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 286,855 ไร่ และเตรียมขยายผลโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต ในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเก็บกักน้ำ สนับสนุนการอุปโภค-บริโภค และการเกษตร รวมพื้นที่ประมาณ 22,000 ไร่ ในปี 2566 – 2567 ส่วนในจังหวัดสกลนครก็มีโครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง - น้ำก่ำ โครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อพร้อมระบบส่งน้ำ ที่ระยะเวลาดำเนินการโครงการละ 5 ปี ในปี 2562-2566 ทั้งยังมีแผนพัฒนาหนองหาร 5 ด้าน ปี 2563-2572 ที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 ส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 760 ไร่ และจังหวัดร้อยเอ็ดมีโครงการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 500 ไร่ ซึ่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลทั้ง 2 โครงการช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรให้มีความมั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดปัญหาด้านสังคมการย้ายถิ่นฐาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องอาศัยเกษตรน้ำฝน การมีแหล่งน้ำไว้ใช้จะลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำได้เป็นอย่างดี


วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงยังชีพพระราชทาน มอบให้ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัย ที่อำเภอศรีสงคราม

วันนี้ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบให้ครอบครัว นางแพน มหาชัย เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ภายหลังบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 8 หมู่ที่ 1 ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยกับลูกและหลานถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวผู้ประสบภัย


นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ ทรงต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและผ่อนคลายความทุกข์ร้อน อีกทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนในครอบครัวที่ประสบอัคคีภัยในครั้งนี้ ให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความเข้มแข็ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดนครพนม เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย โดยตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมา ทุกฝ่ายต่างพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการช่วยกันดับไฟจนสงบ การรื้อถอนและปรับพื้นที่บ้านที่เสียหาย การจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ การเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคาร ธ.ก.ส.ในนามของนางแพน มหาชัย เพื่อรับการบริจาคช่วยเหลือจากหน่วยงานและผู้ใจบุญที่มีการทยอยโอนเข้าบัญชีจนได้เงินบริจาคมากถึง 102,281.93 บาท นอกจากนี้ทางเทศบาลตำบลสามผง โดยคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังได้มีมติให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกจำนวน 61,800 บาท ทำให้ปัจจุบันมีเงินช่วยเหลือแล้วทั้งสิ้น 164,081.93 บาท นอกจากนี้ยังมีสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่เพื่อนบ้านนำมามอบให้อีกจำนวนหนึ่ง


วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

สกู๊ป สิทธิ์ที่ควรรู้ของผู้ประกันตนแรงงานต่างด้าว

นางสุภาภรณ์ กิ่งคำ ประกันสังคมจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ประกันสังคมกับแรงงานต่างด้าวนั้น สิทธิ์ที่จะได้จะได้เท่ากับคนไทยที่เป็นลูกจ้างในระบบประกันสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนายจ้างที่มีลูกจ้างเป็นแรงงานต่างด้าวต้องมาขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมก่อนลูกจ้างจึงจะมีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง 7 กรณี จากกองทุนประกันสังคม ซึ่ง 7 กรณีที่ว่าประกอบไปด้วย กรณีเจ็บป่วยทั่วไป อุบัติเหตุทั่วไป จะได้ในเรื่องของการเจ็บป่วยรักษาจนหาย เมื่อเข้ามาในสิทธิ์ประกันสังคม ท่านจะได้รับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ท่านเลือกเอง ในจังหวัดนครพนมก็จะมีโรงพยาบาลนครพนมแล้วก็สามารถเข้าที่โรงพยาบาลเครือข่ายคือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่งได้โดยที่ไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย เพราะโรงพยาบาลจะมาเบิกสิทธิ์กับประกันสังคมเอง


กรณีต่อมาคือกรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนที่เป็นต่างด้าวสามารถได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกับผู้ประกันตนที่เป็นคนไทย การคลอดบุตรจะได้ 2 อย่าง คือ ถ้าเป็นผู้หญิงเป็นลูกจ้างต่างด้าว ถ้าสิทธิ์เกิดจะได้รับค่าสงเคราะห์บุตร ค่าคลอดบุตร เป็นค่าเหมาจ่ายให้ท้องละ 15,000 บาท และก็เงินค่าหยุดงานเพื่อคลอดบุตรอีก 90 วันในอัตรา 50% ของค่าจ้าง แต่ถ้าเป็นผู้ประกันตนชาย ภรรยาคลอดบุตรจะได้ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 15,000 บาท ส่วนการสงเคราะห์หลังการคลอดจะไม่ได้ กรณีทุพพลภาพผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งชายและหญิงที่เจ็บป่วยแล้วเกิดทุพพลภาพคือพิการ ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัวหรืออุบัติเหตุ จะได้ค่าทุพพลภาพรายเดือนจนกว่าจะรักษาจนหาย หรือทุพพลภาพตลอดชีวิต กรณีเสียชีวิตทั้งชายและหญิง ประกันสังคมจะจ่ายให้ทายาทหรือผู้จัดการศพในอัตราเหมาจ่าย 50,000 บาทต่อศพ นอกจากนั้นยังมีเงินสงเคราะห์การตายให้กับทายาทอีกส่วนนึงประมาณ 50% ของค่าจ้าง ตามมาด้วยกรณีเงินสงเคราะห์บุตร ซึ่งอันนี้จะจ่ายให้ผู้ประกันตนชายและหญิงโดยจะยื่นได้แค่คนเดียว ตั้งแต่ลูกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ ในอัตรารายเดือนเดือนละ 800 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของลูกจ้างจนกว่าลูกจะอายุครบ 6 ขวบ แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าผู้ประกันตนชายหรือหญิงที่เป็นแรงงานต่างด้าวยื่นสงเคราะห์บุตรเสร็จแล้วลาออกจากงานหรือเปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่ จะต้องแจ้งประกันสังคมให้ทราบ เพราะสิทธิ์จะขาดตั้งแต่วันที่ลาออกจากแห่งแรก เพราะฉะนั้นจะต้องมีการแจ้งสถานที่ที่อยู่ใหม่

ต่อมาคือกรณีชราภาพประกันสังคมจะจ่ายให้เมื่อผู้ประกันตนอายุครบ 55 ปี ซึ่งผู้ประกันตนชายหรือหญิงที่เป็นต่างด้าว มาทำงานที่ประเทศไทยแล้วอายุยังไม่ครบ 55 ปี แล้วออกจากงานกลับไปที่ประเทศของตัวเองก่อน เงินส่วนนี้จะคงยังเก็บไว้ให้อยู่ โดยจะต้องรอจนกว่าอายุครบ 55 ปี ระบบจึงจะโอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งเงื่อนไขก็คือแรงงานต่างด้าวจะต้องแจ้งที่อยู่เมื่อออกจากบริษัทแล้วกลับไปยังประเทศของตนเอง ส่วนกรณีสุดท้ายคือกรณีว่างงานผู้ประกันตนที่ออกจากงานจะได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานตลอดระยะเวลาที่ยังไม่มีงานทำ จำนวน 6 เดือน โดยขั้นตอนก็คือแรงงานต่างด้าวจะต้องไปแจ้งขึ้นทะเบียนว่างงานกับสำนักงานจัดหางาน จากนั้นมายื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกับสำนักงานประกันสังคม ก็จะได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกับผู้ประกันตนที่เป็นคนไทย

กำลังพล อส.นครพนม พร้อมใจทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ที่ 1 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวรรณพล ต่อพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในฐานะรองผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนให้แก่เพื่อนสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่ได้สละชีวิตเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน และความผาสุกของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสนับสนุนทางราชการช่วยเหลือประชาชน กุศล เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ประจำปี 2565 จากนั้นเป็นประธานในการประกอบพิธีกล่าวปฏิญาณตนของสมาชิกใหม่ของกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดีแก่ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ประกอบคุณงามความดี และผู้ที่มีอุปการะคุณต่อกิจการอาสารักษาดินแดน เพื่อเป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรเจ้าหน้าที่และบุตรของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม

โดยกองอาสารักษาดินแดน สังกัดกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พุทธศักราช 2497 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานธงประจำกองอาสารักษาดินแดน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2497 ซึ่งในพิธีสวนสนามในคราวเดียวกันนั้น พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท แก่เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน มีใจความตอนหนึ่งว่า ข้าพเจ้าขอเตือนเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ โดยพยายามฝึกสอนอบรมประชาชนให้เข้าใจกิจการ ในหน้าที่ของตน ทั้งในส่วนตัวของบุคคล ของครอบครัว ของหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ ตลอดจนชาติบ้านเมืองในที่สุด เพื่อได้มีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกัน ที่จะช่วยป้องกันภัยอันตรายและรักษาความสงบในท้องถิ่นของตน ด้วยความองอาจกล้าหาญและสัตย์สุจริต เพื่อชาติบ้านเมือง และความเป็นเอกราชของเราจะได้วัฒนาถาวร ซึ่งผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ได้น้อมนำพระบรมราโชวาทดังกล่าวมาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ของตน ทั้งให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยอย่างเข้มแข็งจริงจังเพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ ในการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาอธิปไตยของชาติรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งการปฏิบัติงานตามโครงการพระราชดำริเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติ


วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

พุทธศาสนิกชนเนื่องแน่น ร่วมกิจกรรมฟังธรรมเทศนาสอนใจ ในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 19.00 น. ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำพุทธศาสนิกชนประกอบพิธีทำวัตรเย็น เจริญสมาธิ รับฟังพระธรรมเทศนาเจริญสติปัญญา และร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม เนื่องในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2565 ซึ่งจังหวัดนครพนมได้ร่วมกับคณะสงฆ์และประชาชนในพื้นที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการสืบสานงานบุญประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เพื่อเป็นพุทธบูชาถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และองค์พระธาตุพนม

โดยวันนี้เป็นวันแรกของการจัดงานทำให้ตลอดทั้งวันมีประชาชนหมุนเวียนกันมาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายคนเลือกที่จะมาร่วมงานในช่วงเย็นเพื่อที่จะได้สดับฟังพระธรรมเทศนาจากพระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ที่รับกิจนิมนต์มาแสดงพระธรรมสอนใจให้ข้อคิด เกี่ยวกับการบูชาในสิ่งที่ควรบูชาเพราะจะเป็นมงคลอย่างยิ่งต่อชีวิต โดยแบ่งการบูชาออกเป็น บุคคลที่ควรบูชา คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ พระมหากษัตริย์ ตลอดจนบุคคลที่มีบุญคุณต่อเราและประเทศชาติ ตามมาด้วยวัตถุบูชาซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตึความเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เช่น น้ำ ข้าว และเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ และสุดท้ายคือสาธารณะสถานบูชา คือสิ่งที่เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างในเรื่องของการทำบุญสำหรับพุทธศาสนิกชนว่า การทำบุญนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนของวัตถุว่ามากหรือน้อย แต่ขึ้นอยู่ที่เจตนาที่ต้องมีทั้งความตั้งใจ เต็มใจและปลื้มใจ เพราะการทำบุญในลักษณะนี้แม้ทำบุญน้อยแต่ก็ได้กุศลมาก ซึ่งก็ได้ยกตัวอย่างพระธรรมสูตร เมื่อครั้งสมัยพระเจ้าอโศก ที่นางโกทะกีได้เก็บดอกบัวในสระเพื่อนำไปกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในพระเจดีย์ โดยระหว่างทางโดนแม่โคขวิดเสียชีวิต แต่ด้วยจิตที่มุ่งมั่นแน่วแน่ทำให้ได้ไปจุติใหม่ที่สรวงสวรรค์ เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นว่าการบุญอยู่ที่เจตนา อย่าทำบุญที่จำนวนและหวังผล เพราะถ้าคิดเช่นนั้นจะก่อให้เกิดความทุกข์และเป็นการสร้างภาระให้กับตนเองและผู้อื่น ซึ่งการมานมัสการองค์พระธาตุพนมที่บรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้นั้นพุทธศาสนิกชนสามารถมาได้ทุกเวลาที่มีโอกาสไม่ใช่เฉพาะในช่วงวันงานเท่านั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด จึงอยากให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


พลังศรัทธาพุทธศาสนิกชนยังคงเนืองแน่น แห่ร่วมงานนมัสการองค์พระธาตุพนมคึกคัก


วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเติมไปด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมแห่พระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง เพื่อมาประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารก่อนที่จะมีพิธีเปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2565  กันอย่างเนืองแน่น โดยก่อนที่จะเข้าร่วมงานเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งจุดคัดกรองตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 10 จุด เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้าร่วมงาน ซึ่งต้องมีอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส ต้องผ่านการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม หรือมีผลการตรวจ ATK เป็นลบไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมงรับรอง จึงจะให้เข้าร่วมงานได้ และเมื่อเข้ามาภายในงานแล้วต้องกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด    ซึ่งทุกคนล้วนมาด้วยแรงแห่งศรัทธาเพราะมีการเตรียม ดอกไม้ ธูป เทียน ต้นผึ้ง ต้นเทียน ขันหมากเบ็ง หอพานบายศรี ตลอดจนเครื่องสักการะต่าง ๆ มาจากบ้านเพื่อมาร่วมพิธี แม้ในปีนี้จะไม่จัดใหญ่เช่นทุกปีที่ผ่านมาเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด แต่จำนวนผู้ที่มาร่วมงานก็ยังคงเนื่องแน่น 
สำหรับงานนมัสการองค์พระธาตุพนมนั้น ถือเป็นประเพณีที่สำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนทั้งสองฝั่งโขง ที่ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ เพราะเชื่อว่าถ้าใครมีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุพนม ที่เป็น 1 ในพระสถูปมหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุพนม จะทำให้มีจิตใจสงบเยือกเย็น และถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายไปวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ทำให้เมื่อครบรอบวันนมัสการองค์พระธาตุพนมในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้งานจะมีไปจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565  รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งในปีนี้งดกิจกรรมมหรสพทุกประเภท แต่ยังคงมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ฟังธรรมเทศนา เวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม ตักบาตรคู่อายุ เสียค่าหัว ถวายข้าวพีชภาค และห่มผ้าพระธาตุพนม เพื่อให้ผู้ที่มได้ร่วมทำบุญ กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นครพนม ปฏิบัติการฟ้าสางที่ฝั่งโขงต่อเนื่องจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางกัญชา ยาบ้า ฝิ่นและอาวุธปืน

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้ทรงคุณวุฒิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ที่ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แบบต่อเนื่อง

โดยภายหลังการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ตรวจยึดยาบ้าได้ 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม ไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน และเรือกีบ 1 ลำ ปรากฎว่าในช่วงเย็นเวลา 19.30 น. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงได้รับการประสานงานข่าว ว่าจะมีกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว โดยให้เน้นตรวจสอบรถกระบะสีขาวติดลูกกรงและมีผ้าใบสีดำคุมอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้มีการบูรณาการวางจุดสกัดและเฝ้าระวังกระทั่งเวลา 21.00 น. ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฐ 6484 กทม.บริเวณสามแยกบ้านต้อง จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่บุคคลที่อยู่ในรถได้พยายามขัดขืนขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งเครื่องติดตาม เมื่อเห็นว่าจวนตัวบุคคลต้องสงสัยได้จอดรถทิ้งไว้ริมทางแล้ววิ่งหลบหนีหลายไปในความมืดบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2104 บ้านดอนพัฒนา ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เจ้าหน้าที่พยายามค้นหาแต่ไม่พบบุคคลต้องสงสัยจึงย้อนกลับมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวปรากฏว่าบนรถมีของกลางเป็นกัญชา 25 กระสอบ รวมนำหนัก 1,056 กิโลกรัม

ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมร่วมกับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 ฝ่ายความมั่นคงอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อส. ก็ได้มีการลงพื้นที่ออกลาดตระเวน ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย และจัดระเบียบสังคมตามสถานที่ต่าง ๆ จนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดใน 3 พื้นที่ ประกอบไปด้วย พื้นที่อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นการออกลาดตระเวนแล้วตรวจพบ รถจักรยานยนต์ที่คนขับมีท่าทางน่าสงสัยเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประกอบกับท้ายรถจักรยานยนต์มีกระสอบบรรทุกวัตถุบางอย่างไว้ ที่บริเวณสามแยกบ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา จึงพยายามเรียกให้จอดเพื่อสอบถาม แต่คนขับได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อจวนตัวก็ได้โยนวัตถุใส่หน้ารถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่กำลังขับติดตามทำให้รถเสียหลักและผู้ต้องสงสัยได้อาศัยจังหวะดังกล่าวหลบหนีไปได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุปรากฎว่าเป็นยาบ้าจำนวน 72,000 เม็ด และฝิ่น 1,026 กรัม ส่วนที่อำเภอศรีสงครามเป็นการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมเป้าหมายผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมยาบ้า 232 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด 0.38 จำนวน 1 นัด ที่บ้านเซียงเซา หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านเอื้อง และการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเป้าหมายผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่บ้านนาคำและบ้านขว้างคลี ตำบลบ้านค้อ อำเภอโพนสวรรค์ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย และยาบ้า 92 เม็ด


วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

โคก หนอง นา ที่มาพร้อมการแลกเปลี่ยน

นายสิทธิศักดิ์ กัณณีย์ เกษตรกรบ้านบ่อสะอาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตัวเองศึกษาเรื่องเกษตรมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 9 ยังไม่สวรรคต พระองค์ท่านพาทำ มีพื้นที่ไว้ปลูกบ้าน 1 ส่วน ที่เหลือก็ทำประมง เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงไว้กินไว้ใช้ในครอบครัวแบบปลอดสารพิษ พอดีมีโครงการโคกหนองนาของพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมออกมา ก็เลยได้สมัครเข้าร่วมโครงการจึงได้แปลงโคกหนองนาที่สวยงามสมดังที่ตั้งใจไว้ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่โคก 1 ไร่ อีก 2 ไร่จะเป็นบ่อเก็บกักน้ำ 2 บ่อ แล้วก็คลองไส้ไก่ล้อมเต็มพื้นที่ ส่วนที่เหลือจะเป็นแปลงนาอีกประมาณ 2 ไร่

ในตอนนี้กำลังเริ่มลงมือปลูกต้นยางนา แล้วก็ปลูกต้นโกโก้ ต้นกาแฟ รวมถึงพืชผักทั่วไปที่กินได้ ไม่ว่าจะเป็น พริก มะเขือ มะละกอ และพืชอื่น ๆ ที่กินได้ เพราะคิดว่าจะกินทุกอย่างที่ปลูก อีกอย่างก็คือกำลังเริ่มเอาปุ๋ยคอกลงพื้นที่เพื่อเตรียมดินปลูกต้นไม้อื่น ๆ จากนั้นก็ห่มด้วยฟางที่ไปเอาจากท้องนาชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยจ้างรถไปอัดเป็นก้อนไว้เพื่อที่จะเอามาใช้ในการห่มดินตามสูตรพระราชา ซึ่งเมื่อดินพร้อมลงก็จะสามารถลงมือปลูกทุกอย่างได้เลยเพราะตอนนี้มีน้ำเพียงพอแล้ว ซึ่งตามบ่อน้ำเดิมปลูกไปหมดแล้วส่วนบ่อใหม่ที่เพิ่งขุดเสร็จก็กำลังเริ่มลงมือเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนการเลี้ยงปลานั้น ในบ่อใหม่จะเลี้ยงเป็นปลากดเพราะสามารถทนสภาพน้ำใหม่ได้ดีกว่าปลาชนิดอื่น ๆ พอน้ำมีแพลงก์ตอนจึงจะมีการเลี้ยงปลากินพืชชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ปลาบึก ปลาสวาย ปลาตะเพียน ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะเลี้ยงแบบแยกเป็นกระชัง เพราะจะทำให้จับง่าย ๆ ลดต้นทุนในการที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เมื่อเหลือรับประทานก็จะนำปลาที่เลี้ยงมาแปรรูปจำหน่าย อย่างเช่น ปลาตะเพียนก็ทำเป็นปลาส้ม ปลาดุกก็ทำเป็นปลาแห้งแดดเดียว ที่สำคัญคือจะไม่ส่งให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง แต่จะนำไปขายเองเพราะจากการสอบถามพบว่าในพื้นที่มีลูกค้าต้องการมากอยู่ ซึ่งการแปรรูปนอกจากจะอยู่ได้นานแล้วยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าให้สูงขึ้นด้วย

ส่วนในอนาคตโคกหนองนาของเราจะเป็นแบบเครือข่าย เพราะตอนนี้ในปี 2565 โคกหนองนาในอำเภอเรณูนคร มีอยู่ประมาณ 19 แปลง ทั้งแปลงขนาดเล็ก แปลงขนาดกลาง และแปลงขนาด 3 ไร่ ซึ่งเราจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน ใครมีของดีอะไรก็มาแลกเปลี่ยนกัน เช่น ตัวเองมีกล้วยคนอื่นมีมะพร้าวก็จะนำไปแลกเปลี่ยนกัน กล้วย 10 ต้นแลกต้นมะพร้าว 1 ต้น เพื่อจะได้เอามาปลูกในแปลงของตัวเองสลับกันไปเพื่อให้มีทุกสิ่งทุกอย่างที่หลากหลาย เราไม่จำเป็นต้องซื้อเพราะถ้าเราแลกเปลี่ยนมาแล้วเราสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ สำหรับตนได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำโคกหนองนาให้เป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อให้ชาวบ้านได้มาศึกษา มาดูงาน เบื้องต้นคาดว่าพอหมดฤดูฝนปีนี้ คนอื่นๆที่สนใจจะสามารถมาดูแปลงเกษตรโคกหนองนาได้แล้ว ดังนั้นในตอนนี้ก็พยายามเตรียมดินให้ชุ่มชื้นและเริ่มทยอยปลูกต้นไม้และพืชชนิดต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม พอเริ่มเข้าฤดูฝนก็จะลงทุกอย่างเพราะเมื่อถึงตอนนั้นจะมีทั้งน้ำในบ่อและน้ำฝนมาช่วยเติมเต็มทำให้ต้นไม้เจริญงอกงาม