วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565

บรรยากาศการท่องเที่ยวนครพนมคึกคัก ประชาชนแห่ชมเรือไฟขนาดใหญ่และร่วมพิธีเรือไฟโบราณเนื่องแน่น

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม บรรยากาศการท่องเที่ยวของประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงเป็นไปด้วยความคึกคักต่อเนื่อง แม้งานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2565 จะเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมแล้วก็ตาม โดยในวันนี้จะมีการไหลเรือไฟขนาดใหญ่ ทั้ง 12 ลำ พร้อมกัน เพื่อเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันออกพรรษา ทั้งยังการแข่งขันในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และความสวยงามเพื่อชิงเงินรางวัล ทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมากกว่าทุกวันก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว ด้วยทุกคนต้องการชมความงดงามแห่งสายน้ำโขง ที่ชาวนครพนมได้ร่วมแรงร่วมใจกันนำไม้ไผ่นับหมื่นลำมาสร้างเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ พร้อมประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟนับแสนดวง ให้เกิดความสว่างไสวเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามจินตนาการที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงวิถีชีวิตของคนแต่ละชุมชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนม และสถานที่สำคัญของจังหวัดที่บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมา ความเชื่อ ความศรัทธาและความเป็นหนึ่งเดียวของคนนครพนม โดยในเวลา 14.00 น. นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์มาจุดต่อให้นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ เพื่อนำไปจุดตะเกียงไฟบนเรือไฟของแต่ละอำเภอ ก่อนที่จะไหลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับชมความงดงาม ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์นานนับแรมเดือน

โดยในเวลา 17.50 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางมาเป็นประธาน นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าและประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีบวงสรวงและกล่าวถวายเรือไฟโบราณเพื่อเป็นประทีปพุทธบูชา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นการสืบสานประเพณีดั่งเดิมในการทำเรือไฟ ที่ส่งเสริมให้ลูกหลานผู้อยู่ภายหลังมีความรักความสามัคคี ความพร้อมเพียงกัน ด้วยการนำไม้ไผ่มาจักรสานเป็นรูปเรือไฟ จากนั้นมีการตกแต่งด้วยตะเกียงไฟให้มีความสวยงาม โดยกิจกรรมเรือไฟโบราณนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานประกอบพิธีสะเดาเคราะห์ ต่อชะตาตามปีเกิดของแต่ละคนเพื่อเสริมบุญบารมี ด้วยการทำกระทงเรือไฟจากกาบกล้วยตัดเส้นผม เล็บ และกรดาษคำอธิฐานขอพรนำมาวางรวมกันในเรือไฟโบราณ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำไปลอยกลางแม่น้ำโขง เป็นการลอยความทุกข์ ความเศร้าออกไปจากชีวิต ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น