วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ศรีโคตรบูรณ์เกมส์ จับสลากแบ่งสายกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 38 เฟ้นหาตัวแทนภาค 3

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายเกื้อ ชูศรี ผอ.สนง.กกท.ภาค 3 พร้อมด้วย นายภาสกร พุทธาภานุกร ผอ.กกท.จังหวัดนครพนม พ.ต.ท.เทพนิมิต ทุนประเทือง รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.นครพนม นายขันชัย ขันทะชา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และนายอารมณ์ เวียงด้าน อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม ได้ร่วมประชุมกับคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 38 รอบคัดเลือกตัวแทน ภาค 3 ศรีโคตรบูรณ์เกมส์ และตัวแทนนักกีฬาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินการแข่งขันที่ได้วางไว้เกี่ยวกับประเภท/ชนิดกีฬา สนามการแข่งขัน จำนวนนักกีฬาที่ส่งเข้าแข่งขัน การเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และการปฐมพยาบาล ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านสถานที่พักเจ้าหน้าที่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสินส่วนภูมิภาคที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน จากนั้นเป็นการจับสลากแบ่งสายการแข่งขันกีฬาในแต่ละประเภท

โดยการแข่งขันครั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13- 22 ธันวาคม 2565 เพื่อคัดเลือกนักกีฬาเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 38 นครสวรรค์เกมส์ ที่จะมีการแข่งขันระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 3 เมษายน 2566 ซึ่งมีการแข่งขันทั้งสิ้น 38 ประเภท/ชนิดกีฬา จังหวัดนครพนมได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 34 ประเภท/ชนิดกีฬา ในพื้นที่ 7 อำเภอ ประกอบไปด้วย อำเภอเมืองนครพนม อำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอนาแก อำเภอท่าอุเทน อำเภอศรีสงคราม และอำเภอบ้านแพง ส่วนที่เหลือจะจัดที่จังหวัดนครราชสีมา 3 ชนิดกีฬา คือ ยิงปืน กอล์ฟ และกีฬาจักรยานบางส่วน และอีก 1 ชนิดกีฬา คือ เรือพาย จะจัดที่จังหวัดระยอง โดยจะมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 9,433 คน

สำหรับตราสัญลักษณ์การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ศรีโคตรบูรณ์เกมส์ จะเป็นสีทองมีรูปองค์พระธาตุพนมและสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน ที่สื่อความหมายถึงจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บนเกลียวคลื่นน้ำหลากสี สื่อถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนมและแม่น้ำโขง โดยมีเครื่องหมายของการกีฬาแห่งประเทศไทยอยู่ด้านบนขวามือ ส่วนมาสคอตเป็นรูปมาอาชาไนยยืนถือคบเพลิง สวมชุดผ้าไทยศรีโคตรบูรณ์ สื่อความหมายถึง ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนและอบรมตนมาอย่างดี มีเชาว์ปัญญาที่ว่องไวเรียนรู้ได้รวดเร็ว มีจิตใจแจ่มใส เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความเป็นผู้นำ เข้าใจชีวิตและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี


วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ปลัดมหาดไทย ชี้กระทรวงจะน้อมนำพระราชดำรัส 4 ประการ สร้างบทบาทสตรีไทยสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานรวมพลังสตรีไทนาหว้า เทิดไท้ 90 พรรษา พระมารดาแห่งผ้าไทย และฉลองครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ ที่จังหวัดนครพนม โดยอำเภอนาหว้าร่วมกับกลุ่มสตรีไทนาหว้าจัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และเพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการฟื้นฟูภูมิปัญญาผ้าพื้นถิ่น ลวดลายผ้า และความเป็นมาของโครงการศิลปาชีพ เพื่อแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีในการเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ทั้งเพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาและสืบสาน รักษา ต่อยอด ผ้าทอไทย ผ่านการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การจัดแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า OTOP การเดินแบบแฟชั่นโชว์ผ้าไทยใส่ให้สนุก การประกวดแข่งขันออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า การประกวดเขียนเรียงความและแต่งกลอนสด

โดยในโอกาสนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ สตรีไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้กล่าวขอบคุณคณะจัดงานทุกคนที่ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีจัดงานนี้ขึ้นมา เพราะนั้นหมายถึงทุกคนไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณของทั้ง 2 พระองค์ที่มีต่อชาวนาหว้าและชาวนครพนม ถือเป็นปฏิบัติบูชาที่เกิดจากความตั้งใจที่จะสืบสานพระราชปณิธานที่ต้องการรักษาภูมิปัญญาผ้าไทย และใช้ภูมิปัญญานี้ในการเพิ่มพูนรายได้จากอาชีพหลักที่ทำไร่ทำนา ด้วยการใช้เวลาว่างในการทอผ้าและตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อจำหน่ายให้ผู้ที่สนใจ โดยปัจจุบันผ้าไทยของชาวนาหว้าเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและชาวต่างชาติอย่างกว้างขวาง ซึ่งสตรีไทยกับแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของกระทรวงมหาดไทย คือจะมีการส่งเสริม สนับสนุน สตรีไทยในทุกมิติ ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับหน้าที่ของสตรีไทย 4 ประการมาขับเคลื่อน คือ ทำให้สตรีไทยทำหน้าที่ของแม่ให้สมบูรณ์ ทำให้สตรีไทยทำหน้าที่แม่บ้านได้ดี ทำให้สตรีไทยรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นผู้มีความนุ่มนวล อ่อนโยน สุภาพ เมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใส สามารถรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยอันละเอียดประณีตไว้ให้เป็นที่ชื่นชมของนานาชาติ และทำให้สตรีไทยได้ฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ขยัน อดทนยิ่งขึ้น รวมทั้งมีความซื่อสัตย์ มีวินัย มีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ เพราะเมื่อสตรีไทยทุกคนสามารถทำได้ทั้ง 4 ประการ ก็จะส่งผลครอบครัวไทย สังคมไทย ประเทศไทยมีความสุขความเจริญ นำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ และสุดท้ายคือได้รับการยกย่องชื่นชมจากสังคมโลก


วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นครพนม แถลงความพร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาวุโส The Legend of Mekong River 2022

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายภาสกร พุทธานุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนม นายปริญญา ธรเสนา เลขาธิการสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครพนม นายประสิทธิ์ อุเทศพรรัตนกุล นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสจังหวัดนครพนม และนายณัฐศิษฏ์ โกวิทปาลกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาวุโส ครั้งปฐมฤกษ์ของจังหวัดนครพนม ภายใต้ชื่อ ตำนานฟุตบอลแถบลุ่มแม่น้ำโขง The Legend of Mekong River 2022 ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสจังหวัดนครพนม ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ภายใต้กรอบแนวคิดแผนยุทธศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2565-2570 ) ที่ต้องการพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศและกีฬาเพื่อการอาชีพ ที่สร้างทั้งความสุข ความรัก ความสามัคคี สร้างสัมพันธไมตรีและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสังคมด้วยระบบบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน ที่พร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมกีฬา สปอร์ตทัวลิซึ่ม (SPORT TOURISM) และเกิดกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับกีฬา การออกกำลังกายในหมู่ประชาชน ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีสุขภาพพลานามัยที่ดี มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ลดปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติดและอบายมุข ปัญหาอาชญากรรม และขยายฐานนักกีฬาสู่ความเป็นเลิศในทุกระดับ

โดยความพร้อมในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาวุโส รุ่นอายุ 54 ปีขึ้นไปในครั้งนี้ มีความพร้อมแล้วในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ที่พักที่มีการประสานจองโรงแรมไว้ล่วงหน้าสำหรับนักกีฬา ซึ่งจะจัดไว้ไม่ให้ห่างจากสนามการแข่งขันมากนัก เรื่องของการปฐมพยาบาลก็มีการประสานทีมสาธารณสุขพร้อมรถกู้ชีพกู้ภัยเพื่อคอยดูแลตลอดการแข่งขันหากได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย ส่วนสนามการแข่งขันจะใช้ 2 สนาม คือ สนามการกีฬาแห่งประเทศไทย(หนองญาติ) อำเภอเมืองนครพนม และสนามกีฬามหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม สำหรับการตัดสินจะมีกรรมการจากส่วนกลางมาเป็นผู้ตัดสินให้กับทุกทีมเพื่อให้มีความยุติธรรมและได้มาตรฐานสากล โดยได้มีการแบ่งสายการแข่งขันออกเป็น สาย A และ B รวมการแข่งขันทั้งสิ้น 16 แมตซ์ จากทีมที่สมัครเข้าร่วมแข่งขัน 8 ทีม คือ ทีมจากจังหวัดนครพนม 2 ทีม ทีมจากจังหวัดสกลนคร มุกดาหาร หนองคาย อุดรธานี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดละ 1 ทีม และทีมจาก สปป.ลาว (แขวงจำปาสัก) อีก 1 ทีม ซึ่งการแข่งขันคู่แรกจะเริ่มในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 3 - 5 ธันวาคม 2565 และแข่งต่อไปเรื่อย ๆ ตามตารางการแข่งขัน ที่สำคัญคือผู้ที่สนใจนอกจากจะสามารถมาชมและเชียร์ที่ขอบสนามได้แล้ว ยังสามารถรับชมผ่านระบบออนไลน์ได้ทาง Facebook Fanpage สมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสจังหวัดนครพนม และ Facebook Fanpage ทันข่าว:สมรักษ์ เพชรพนม


นครพนม ทอดผ้าป่าสมทบกองทุนแม่ของแผ่นดิน ปี 2565

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ที่วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดนครพนม ประกอบกิจกรรมทอดผ้าป่าสมทบกองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อระดมทุนต่อยอดเงินกองทุนของหมู่บ้าน/ชุมชน กองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดนครพนม จำนวน 359 กองทุน ให้สามารถขับเคลื่อนงานกองทุนแม่ของแผ่นดินในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงห่วงใยในปัญหายาเสพติด โดยมีพระครูกิตติสุตานุยุต เจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ ผู้มีจิตอันเป็นกุศลร่วมสมทบทุนทอดผ้าป่ากองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นเงินทั้งสิ้น 381,212.50 บาท

โดยกองทุนแม่ของแผ่นดิน มีจุดเริ่มต้นจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ผ่านเลขาธิการ ป.ป.ส. โดยมีพระราชประสงค์ให้นำไปใช้สนับสนุนกิจกรรมของราษฎรที่ร่วมกันป้องกันยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง และสำนักงาน ป.ป.ส. ได้นำพระราชทรัพย์ดังกล่าวมาสมทบกับงบประมาณของสำนักงานจัดตั้งเป็นกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประกอบพิธีพระราชทานเงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน ครั้งแรกในปี 2547 เป็นเงินประเดิมเริ่มต้นกองทุนละ 8,000 บาท และได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปี 2565 ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นประธานในการพระราชทานเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2564-2565 ภายใต้แนวคิด 90 พรรษาแม่ของแผ่นดิน (ร้อยความรักรวมดวงใจประชาไทยร่มเย็น) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2565 ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลน อิมแพ็ค เมืองทองธานี และในโอกาสดังกล่าวนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นผู้แทนหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินเข้ารับพระราชทาน เพื่อน้อมนำมาเป็นทุนตั้งต้นแห่งความดีงาม สานต่อพระราชปณิธาน ตามปรัชญากองทุนแม่ของแผ่นดินต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นครพนม เปิด 3 เส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนเป็นศูนย์ สร้างต้นแบบเที่ยวรักษ์โลก ตอบโจทย์ BCG

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผอ.ททท.สำนักงานนครพนม นายคงกริช พงษ์พันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม นายชาญยุทธ อุปพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอบรับการขับเคลื่อนนโยบาย BCG ที่รัฐบาลมีการผลักดัน เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” หรือ Bangkok Goals on BCG Economy ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022 Thailand ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

โดย 3 เส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบที่จังหวัดนครพนมได้ออกแบบไว้ ภายใต้สโลแกน เที่ยวนครพนม สุขเต็มที่ ดีต่อโลก จะเป็นการท่องเที่ยวตามเส้นทางหลักโดยรอบองค์พระธาตุพนมในพื้นที่ 4 ตำบลต้นแบบ คือ ตำบลนาถ่อน ตำบลพิมาน ตำบลท่าลาด และตำบลหนองสังข์ ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model & Happy Models ที่เป็นการท่องเที่ยวแบบคำนึงถึงวิถีคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ด้วยการชดเชยให้เสมือนปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บนพื้นฐานการคำนวณการเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศที่มีนักท่องเที่ยว 8 คน จากการลดการใช้ทรัพยากร ลดใช้พลังงาน ลดขยะ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ประกอบไปด้วย โปรแกรมที่ 1 เช้าไป-เย็นกลับ เที่ยวนาถ่อน ชนเผ่าไทกวน สุขเต็มที่ ดีต่อโลก มีระยะทางรวม 144 กิโลเมตร มีค่าการปล่อย Carbon Footprint /คน/วัน จำนวน 13 kgCo2eq และชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต/ทริป จำนวน 160 kgCo2eq ซึ่งเส้นทางนี้ทุกคนจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชนเผ่าไทยกวนดูการตีเหล็ก ทำขนมจีนที่ไม่ใช้แป้ง ชมอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ไหว้พระธาตุพนมและพระธาตุมรุกขนคร

โปรแกรมที่ 2 เช้าไป-เย็นกลับ เที่ยวพิมาน สุขเต็มที่ ดีต่อโลก ระยะทางรวม 157 กิโลเมตร มีค่าการปล่อย Carbon Footprint /คน/วัน จำนวน 13 kgCo2eq และได้ทำการชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต/ทริป จำนวน 160 kgCo2eq ซึ่งจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวพิมานกับการทอผ้าไหมลายคัมภีร์ การผลิตน้ำมันยางนา การล่องแพลุ่มน้ำก่ำ ไหว้พระธาตุพนมและพระธาตุเรณู และโปรแกรมที่ 3 (เที่ยว 2 วัน 1 คืน) เที่ยวท่าลาด-หนองสังข์ สุขเต็มที่ ดีต่อโลก รวมระยะทาง 194 กิโลเมตร มีค่าการปล่อย Carbon Footprint /คน/วัน จำนวน 12.5 kgCo2eq (25 kgCo2eq ต่อคน/ 2 วัน) และทำการชดเชยคาร์บอนเครดิต/ทริป จำนวน 300 kgCo2eq ซึ่งวันแรกจะได้ไหว้พระธาตุเรณู ก่อนที่จะไปรื่นรมย์ชมวิถีลุ่มน้ำก่ำและข้าวหอมนาคาในชุมชนบ้านทาลาด ส่วนวันที่ 2 จะสัมผัสกับวิถีชีวิตชนเผ่าไทกะเลิงบ้านหนองสังข์ เรียนรู้การทอผ้ายก ไหว้พระธาตุศรีคุณ ชมวัดภูพานอุดมธรรม และปิดท้ายด้วยการไหว้องค์พญาศรีสัตนาคราชและล่องเรือสำราญริมฝั่งแม่น้ำโขง


คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง-วุฒิสภา ลงพื้นที่นครพนม ติดตามศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล และการเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ซึ่งนำโดยนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ได้ลงพื้นที่ประชุมหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาอุปสรรค เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล (ศส.ปชต.) และการเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการประกาศโฆษณานโยบายวิธีการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไป เนื่องมาจากการครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รัการาชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม และคณะผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จังหวัดนครพนม คณะกรรมการ ศส.ปชต. ในพื้นที่ และตัวแทนพรรคการเมือง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป

โดยศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล (ศส.ปชต.) เกิดขึ้นตามบันทึกความร่วมมือ ระหว่าง สำนักงาน กกต. ร่วมกับ สำนักงาน กศน. กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการพัฒนาชุมชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมกิจการผู้สูงอายุ และกระทรวงสาธารณสุข (อสม.) ที่จะร่วมมือรณรงค์ เผยแพร่ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ไปจนถึงความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และการเสริมสร้างหมู่บ้านพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย โดยที่ผ่านมาศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล (ศส.ปชต.) ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงาน ยังไม่มีการจัดทำแผนการขับเคลื่อนหรือบูรณาการการทำงานกับส่วนราชการในระดับกรมและกระทรวงที่ได้ทำข้อตกลงร่วมมือกันไว้ เนื่องจากส่วนราชการในภูมิภาคของแต่ละกรมหรือกระทรวงไม่อาจตัดสินใจในการบูรณาการโครงการและกิจกรรมการปฏิบัติร่วมกับศูนย์ได้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ทำให้ปัจจุบันเป็นเพียงการบูรณาการในส่วนของวิทยากรเพื่อให้ความรู้ปลูกจิตสำนึกการเป็นพลเมืองที่ดี การใช้สิทธิเลือกตั้งการออกเสียงประชามติโดยอิสระปราศจากการครอบงำไม่ว่าทางใด และการมีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้งหรือสังเกตการณ์เลือกตั้งหรือช่วยเหลือการปฏิบัติในการเลือกตั้งเท่านั้น

ส่วนการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งนั้น สำนักงาน กกต.จังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยได้มีร่างการแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 4 เขต 3 รูปแบบ ซึ่งรูปแบบที่ 1 จะเป็นการแบ่งพื้นที่แบบยกอำเภอเหมือนปี 2562 ส่วนแบบที่ 2 และ 3 จะเป็นการแบ่งพื้นที่มีตามจำนวนประชากร ซึ่งถ้าไม่พอจะใช้วิธียกตำบลไปอยู่ในเขตเลือกตั้งข้างเคียง ทั้งนี้ สำนักงาน กกต.จังหวัดนครพนม จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อนำข้อมูลที่ได้รวบรวมเสนอไปยัง กกต.ส่วนการในการพิจารณาอนุมัติเขตการเลือกตั้งว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้ตามรูปแบบไหน ส่วนการเตรียมความพร้อมด้านการสำรวจหน่วยเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้ง ได้มีการประสานสำนักทะเบียนอำเภอสำนักทะเบียนท้องถิ่นในการสำรวจ เรียบร้อยแล้ว โดยมีหน่วยเลือกตั้งปกติ 1,100 หน่วย หน่วยเลือกตั้งกลางในเขต 14 หน่วย หน่วยเลือกตั้งกลางนอกเขต 4 หน่วย และหน่วยเลือกตั้งกลางผู้สูงอายุ 1 หน่วย ขณะที่การเตรียมหีบบัตร คูหาลงคะแนนเลือกตั้ง ได้มีการประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้หมดแล้ว รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ประจำจังหวัดนครพนม ในทุกวันอังคารมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 แล้ว


วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นรข. จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลให้กับวีรชนผู้ล่วงลับ เนื่องในวันกองทัพเรือและวันสถาปนาหน่วย

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นำกำลังพลร่วมกันบริจาคโลหิตให้กับโรงพยาบาลนครพนมและสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ที่ได้ออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการ ณ จุดที่ตั้ง เพื่อสำรองโลหิตไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน จำนวน 29,700 ซีซี ภายหลังการประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะแด่พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันกองทัพเรือและวันสถาปนาหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนผู้ล่วงลับของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ที่ได้สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

กองทัพเรือ มีจุดกำเนิดควบคู่มากับการสร้างอาณาจักรไทยตั้งแต่กรุงสุโขทัย โดยกองทัพไทยในสมัยนั้นไม่ได้แบ่งกองทัพออกเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ กระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงแบ่งการรบออกจากกัน และโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งกรมทหารเรือขึ้น แต่ด้วยในสมัยนั้นยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะ จึงจำเป็นต้องจ้างชาวต่างชาติเข้ามารับราชการในตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งพระองค์ทรงห่วงว่าทหารจากต่างประเทศ อาจจะมีกำลังไม่มากพอที่จะรักษาอธิปไตยของชาติได้ และอาจจะรักษาอธิปไตยได้ไม่ดีเท่าคนไทยด้วยกันเอง จึงประสงค์ให้จัดการศึกษาแก่ทหารเรือไทย เพื่อให้มีความรู้ความสามารถมากพอที่จะทำหน้าที่ต่าง ๆ แทนชาวต่างชาติได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรส เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังประเทศอังกฤษ เมื่อทรงสำเร็จการศึกษา จึงทรงกลับมารับราชการในกรมทหารเรือ และจัดฝึกสอนวิชาการทหารเรือ ซึ่งในเวลาต่อมาได้ตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้น และทรงเสร็จมาเปิดโรงเรียนและพระราชทานลายพระราชหัตถเลขา ไว้ในสมุดเยี่ยมของโรงเรียน มีความว่า..."วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ. 125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือ มีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบต่อไปในภายหน้า" ทางราชการทหารเรือจึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันกองทัพเรือ มาตราบจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือ นรข. เดิมชื่อ หน่วยปฏิบัติการตามลำแม่น้ำโขง หรือ นปข. ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2513 แรกเริ่มมีฐานะเป็นหน่วยงานต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ สนับสนุนงานการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ อยู่ในความควบคุมบังคับบัญชาของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ต่อมาสถานการณ์การก่อการร้ายภายในประเทศได้ลดน้อยลง และภัยคุกคามที่จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ได้เปลี่ยนไปเป็นภัยคุกคามที่มาจากภายนอกประเทศ จึงได้ปรับให้เป็นหน่วยงานอยู่ในแผนป้องกันประเทศ มีฐานะเป็นหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือ และมีการปรับบทบาทตามภารกิจมาเรื่อย กระทั่งปัจจุบันมีภารกิจและบทบาทในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และตลอดแนวชายฝั่งแม่น้ำโขงในพื้นที่รับผิดชอบเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และการกระทำอื่น ๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คุ้มครองและช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยหลักมนุษยธรรม รวมทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อประเทศเพื่อนบ้าน


มทบ.210 เก็บเกี่ยวผลิตผลโครงการทหารพันธุ์ดีแจกจ่ายกำลังพล พร้อมขยายผลสู่ชุมชน

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมณฑลทหารบกที่ 210 มีกำลังพลที่ปลดประจำการหลายนาย ซึ่งแต่ละนายก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป และหนึ่งในนั้นคือการสร้างความมั่นคงของแหล่งอาหารให้กับตนเองและครอบครัว ที่ผ่านการฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติจาก โครงการทหารพันธุ์ดีที่ทางหน่วยได้มีการน้อมนำ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่ด้านหลังของหน่วย อีกทั้งได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการผลิตและเก็บเมล็ดพันธุ์ผลิตผลทางการเกษตรให้มีคุณภาพ สามารถเก็บรักษาไว้ใช้ในปีการผลิตต่อไป รวมถึงไว้แจกจ่ายให้หน่วยงาน เพื่อนบ้าน ชุมชนในยามที่เกิดภัยพิบัติ หรือขาดแคลนได้

ซึ่งทุก ๆ ปีกำลังพลจะได้เข้ามาเรียนรู้และทดลองทำด้วยตัวเอง ทำให้ได้เห็นรายละเอียดในทุกขั้นตอนว่าต้องทำยังไง ปรับปรุงตรงไหน เมื่อเกิดปัญหาต้องแก้ไขอย่างไร เพราะในโครงการทหารพันธุ์ดีมีการฝึกอบรมที่หลากหลายอย่างผ่านศูนย์ต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงบำรุงดินเพื่อใช้ในการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ การเพาะพันธุ์ไก่ไข่พันธุ์โรดไทย การเพาะพันธุ์ปลานิลจิตรลดา การปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ไปจนถึงการปลูกข้าว โดยทุกวันนี้จะมีผลผลิตจากโครงการทหารพันธุ์ดีออกมาให้กำลังพลได้รับประทานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้กำลังพลนำไปขยายผลต่อในชุมชน อย่างเช่นวันนี้ก็มีการเก็บเกี่ยวข้าวพันธุ์ กข.6 ที่ปลูกในพื้นที่เกือบ 1 งาน คาดว่าจะได้อยู่ประมาณ 160 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลผลิตที่ไร้สารเคมี ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน เพราะในแปลงมีการใช้ปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานและการหมั่นสังเกตการเจริญเติบโต ดูการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพื่อแก้ไขปัญหาวัชพืชที่จะมาทำลายข้าวที่ปลูก และเมื่อกำลังพลมีความรู้ มีโอกาสได้ลาพักผ่อน หรือปลดประจำการไปแล้ว ก็สามารถนำสิ่งนี้ไปทำในพื้นที่ของตนเองที่บ้าน ทำให้ชุมชนได้เห็นต้นแบบในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและเกิดการเรียนรู้ขยายผลต่อ กลายเป็นอีกหนึ่งบทบาทของทหาร ที่เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักทางด้านความมั่นคง ที่มีการปรับตัว ปรับบทบาท ประยุกต์ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน ที่สำคัญคือปัจจุบันโครงการทหารพันธุ์ดีได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเรียนรู้ได้แล้ว ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถติดต่อมาได้ ค่ายพระยอดเมืองขวางยินดีและพร้อมถ่ายทอดความรู้กับทุกคน


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

One Starts, The Other Follow Project กิจกรรมดี ๆ ที่จะเกิดในลำน้ำโขงนครพนม 4 ธันวานี้

กิจกรรม One Starts, The Other Follow Project เป็นกิจกรรมการว่ายน้ำในแม่น้ำโขง ที่คุณวิศรุตา ฟอร์ซ็อง (ครูกี้) ประธานชมรมว่ายน้ำเพื่อสุขภาพ นักกีฬาว่ายน้ำมาราธอนละอดีตผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และชมรม ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า โรคเครียด โรคไบโพล่าร์ และโรคอื่น ๆ ให้มีแรงลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง ด้วยหลัก 3 อ.(อารมณ์ อาหาร ออกกำลังกาย) รวมไปถึงเทคนิคการหายใจด้วยหนึ่งลมหายใจเดียวและการว่ายน้ำเพื่อบำบัดโรค เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาที่คุณของพระองค์ท่าน เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2565 ทั้งเป็นการกระตุ้นให้คนไทยรักชาติ รักแผ่นดินเกิดจริงจากใจ และกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมด้วยการสร้างการรับรู้ธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขงที่เมื่อมองไปในแม่น้ำจะเห็นภูเขาหินปูนฝั่ง สปป.ลาว เป็นพื้นหลังมีเมฆหมอกปกคลุมเหมือนภาพวาดในจินตนาการ ทอดยาวสวยงามตลอดลำน้ำที่เมื่อใครได้เห็นเป็นต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

โดยโครงการเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2564 ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นการว่ายมาราธอนข้ามอ่าวพัทยา-อ่าวบางเสร่ ด้วยระยะทาง 23 กิโลเมตร ใช้กติกา Openwater Wowsa , World Chanel Assosiation ซึ่งเป็นกติกาการว่ายน้ำข้ามประเทศที่ทั่วโลกยอมรับ คือการไหว้มือเปล่า ว่ายด้วยตัวเอง ว่ายแบบไม่มีอุปกรณ์ประคองชีพทุกกรณี ห้ามขึ้นเรือ ห้ามจับเรือ ห้ามจับเชือก ห้ามใส่เว็ทสูท ไม่ใช้ยาโดป มีแค่ชุดว่ายน้ำที่ Fina ยอมรับ กับแว่นและหมวกเท่านั้น หากไม่ไหวคนว่ายต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ประมาณตัวเอง และต้องไม่อยู่บนความประมาท ความปลอดภัยของทีมสำคัญที่สุด และในครั้งนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งที่จังหวัดนครพนม ในวันที่ 4 ธันวาคม 2565 นี้ โดยจะเริ่มว่ายจากบริเวณท่าน้ำหน้าวัดพระธาตุท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน มายังบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมืองนครพนม รวมระยะทาง 30 กิโลเมตร

ทั้งนี้ทางจังหวัดนครพนมได้มีการจัดการประชุมหารือร่วมกับทางทีมงานไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น การจัดเตรียมสถานที่ การดูแลความปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ผู้เดินเรือในท้องถิ่นให้ทราบถึงกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น และการประสานความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนกิจกรรม

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ผอ.สนภ.2 ชูศูนย์เรียนรู้พอเพียงแก้ความยากจน พร้อมมอบถนนช่วยชาวบ้านสัญจรสะดวก

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 (นพค.22) อ.นาแก จ.นครพนม สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.ต.ม.ล.ประวีร์ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 2 (ผอ.สนภ.2) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการพัฒนาส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม พร้อมมอบนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นที่ยังขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค การส่งเสริมอาชีพการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติดให้ชุมชนได้มีอาชีพมีรายได้ที่ยั่งยืน โดยมี พ.อ.ศรัณธ์ชัย ทิพย์ปัญญา ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 พร้อมข้าราชการ ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปความก้าวหน้าของโครงการ

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านในโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านทางหลวง หมู่ 8 ต.บ้านแก้ง อ.นาแก จำนวนกว่า 30 ครอบครัว ที่หน่วยทหารพัฒนาได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ ปี 2546 บนเนื้อที่กว่า 107 ไร่ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ว่างงาน ขาดแคลนที่ดินทำกิน ให้ได้มีที่อยู่อาศัยและมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาว และเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัวแก่ราษฎรในโครงการ ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามการก่อสร้างถนนตามโครงการปรับปรุงเส้นทางลูกรังเป็นเส้นทางผิวจราจรลาดยาง ขนาดความกว้าง 5 เมตร ระยะทางยาว 1,080 เมตร ที่ทางหน่วย นพค.22 ได้ก่อสร้างเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในการสัญจรให้กับชาว ต.ก้านเหลือง อ.นาแก หลังชาวบ้านประสบปัญหาความเดือดร้อนถนนพังเสียหายมานานหลายปี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณไม่เพียงพอและได้ขอรับการสนับสนุนจาก นพค.22 พร้อมทำพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานตามปกติ

โดยในโอกาสนี้ พล.ต.ม.ล.ประวีร์ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 2 (ผอ.สนภ.2) ได้เน้นย้ำให้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 (นพค.22) เป็นที่พึ่งของประชาชน ในการดูแลด้านความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการดูแลช่วยเหลือในด้านปัญหาภัยพิบัติ และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยเน้นแนวทางศูนย์เรียนรู้พอเพียงแก้ความยากจน ในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อไม่ให้ทุกคนหลงผิดไปทำอาชีพที่ผิดกฎหมาย


นครพนม จัดดนตรีริมฝั่งโขง กระตุ้นการฟังและเล่นร่วมรำลึกในหลวง ร.๙ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีในหมู่ประชาชน

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ที่บริเวณด้านหน้าลานภาพวาดฝาผนัง สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล เขตเทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองนครพนมรักษาราชการแทนปลัดจังหวัดนครพนมเป็นประธานเปิดกิจกรรม ดนตรีริมฝั่งโขง@นครพนม ที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชนต่าง ๆ จัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของดนตรีมากยิ่งขึ้น ด้วยการฟังเพลงหรือเล่นดนตรี ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยบำบัดความเจ็บป่วย ฟื้นฟูสภาพร่างกาย พัฒนาอารมณ์และสติปัญญา ทั้งยังทำให้กล้าแสดงออก

โดยกิจกรรม ดนตรีริมฝั่งโขง@นครพนม จะจัดขึ้นในทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งกิจกรรมการแสดงนั้นจะเป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหน่วยงานรับผิดชอบมาจัดแสดง ในสัปดาห์นี้เป็นของสำงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม ร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม สำนักงานพลังงานจังหวัดนครพนม และชมรมสื่อมวลชนจังหวัดนครพนม ที่ได้น้อมนำเอาบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเล่นเพื่อขับกล่อมประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดนครพนม ทั้งเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และด้วยลานภาพวาดฝาผนัง สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล จะอยู่ใกล้กับลานพญาศรีสัตตนาคราชที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้ขอพร จึงทำให้ทุกคนได้รับความสุขไปพร้อมกับการรับฟังเสียงเพลงที่บรรเลงด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะ สอดแทรกด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น เพลงแสงเทียน ที่จะกล่าวถึงสัจธรรมของชีวิตที่ดีที่สุดเพราะแม้จะจุดเทียนบวงสรวงเทพเจ้า สวดมนต์เช้าค่ำ เราก็หนีความตายไม่พ้น เปรียบชีวิตดั่งแสงเทียนที่ย่อมมีวันดับไป ในวันที่ยังหายใจอยู่ ก็ควรทำความดี หมั่นทำบุญทำทาน เพื่อเตรียมผจญชีวิตใหม่ เพลงสายฝนที่พรรณาถึงสายฝนที่มอบความชุ่มฉ่ำและความอุดมสมบูรณ์ แม้สายฝนจะกระหน่ำแรงจนแทบถอนรากถอนโคน แต่พืชพรรณไม้ยังคงสวยงาม เปรียบได้กับอุปสรรคที่เข้ามา หากเราก้าวผ่านไปได้ เราก็จะยืนหยัดอย่างสง่างามได้เหมือนต้นไม้เหล่านี้ เพลงใกล้รุ่ง ที่บรรยายถึงความสวยงามของบรรยากาศใกล้รุ่ง การเพลิดเพลินใจเมื่อฟังเสียงไก่ขัน หรือแม้แต่การเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้น ที่ส่องสว่างและให้ความอบอุ่นกับเราทุกคน อีกทั้งยังสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ และสร้างแรงใจให้คนไทยไม่ละทิ้งความหวัง เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นทุกวัน ซึ่งทุกเพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ล้วนแล้วแต่สอดแทรกคำสอนในการดำเนินชีวิตไว้กับท่วงทำนองที่ไพเราะ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับฟังมีความสุขมีคติสอนใจ


APEC 2022 กับการท่องเที่ยวนครพนม

การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14– 19 พฤศจิกายน 2565 ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” นั้น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าในระดับภูมิภาค และเสริมสร้างบทบาทไทยในเวทีโลก รวมทั้งยังได้ร่วมกันกำหนดนโยบายและทิศทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในหลายมิติ และหนึ่งในนั้นก็คือความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นเหมือนหัวใจหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยภายหลังการฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด พบว่าในประเทศก็มีการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นและต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจบริการ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการค้าดิจิทัล เกิดการกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและก่อให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมอย่างยั่งยืน

โดยผลจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2565 การท่องเที่ยวในประเทศน่าจะคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว บวกกับการจัดการประชุมผู้นำเอเปคเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ทำให้ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ มีวันหยุดราชการกรณีพิเศษ จึงเป็นปัจจัยหนุนให้มีการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยแหล่งท่องเที่ยวประเภท ธรรมชาติ ภูเขา ยอดดอย เป็นอันดับ 1 ที่กลุ่มตัวอย่างมีการวางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี และจังหวัดนครพนมก็ติด 1 ในเมืองรองที่กลุ่มตัวอย่างวางแผนจะเดินทางมา เพราะมีความหลากหลายใน 3 ธรรม คือ ธรรมะ ธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่ใครได้มาเยือนต้องติดตามตรึงใจอยากกลับมาเที่ยวซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเชื่อเกี่ยวกับ นาค ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์ในตำนาน ก็อยากจะมากราบไหว้ขอพรองค์พญาศรีสัตตนาคราช เพราะมีเสียงเล่าแบบปากต่อปากว่าขอพรแล้วสมหวังดังที่ปรารถนา รวมถึงเที่ยวถ้ำนาคีที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูลังกา ฝั่งอำเภอบ้านแพง ซึ่งเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า sun crack ทำให้หินมีรูปร่างและพื้นผิวเป็นเกร็ดคล้ายกับพญานาค เพื่อสัมผัส เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ตำนาน เรื่องเล่า และชื่นชมความงดงามทางธรรมชาติบริเวณโดยรอบที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ และในระหว่างเดินทางก็ยังสามารถแวะเที่ยวชมสถานที่สำคัญอื่น ๆ ในแต่ละพื้นที่ได้อีกมากมายหลายจุด นั่นหมายถึงจะเกิดการจับจ่ายซื้อหา ที่ส่งผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ที่ก่อให้เกิดการค้าการลงทุน เกิดรายได้ของคนในชุมชนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

APEC 2022 พูดเรื่องเศรษฐกิจ BCG นครพนมก็มีข้าวหอมนาคา

ในระหว่างวันที่ 14– 19 พฤศจิกายน 2565 นี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค APEC 2022 ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 นี้ เป็นการหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้มีความครอบคลุมและยั่งยืนท่ามกลางบริบทโลกที่มีความท้าทายในยุคหลังโควิดระบาด โดยไทยจะมีการผลักดันให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” หรือ โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่มุ่งหวังให้เอเปคมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจน สร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามบริบทของแต่ละเขตเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน รวมถึงเตรียมการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ในสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง

โดยในจังหวัดนครพนมก็มีข้าวหอมนาคา ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ตอบรับกับเศรษฐกิจ BCG ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมและสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนมวิจัยพันธุ์ข้าว รวมทั้งฝึกทักษะการผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่ให้มีความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตามมาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP seed มกษ.4406-2560 การผลิตข้าวตามมาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP และเกษตรอินทรีย์ การวินิจฉัยโรคข้าว การใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเกษตร และการผลิตข้าวลดโลกร้อน ด้วยการผลิตข้าวร่วมกับแหนแดง ไปจนถึงเทคนิคการเก็บข้อมูลด้านงานวิจัยและวัฒนธรรม เป็นการยกระดับเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวในพื้นที่ให้สามารถลดต้นทุนการผลิต และสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานไว้ใช้เอง ทั้งยังสามารถพัฒนาต่อยอดการแปรรูปข้าวให้มีมูลค่าที่สูงขึ้นได้ เช่น นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้าวหอมนาคาเป็นข้าวประเภทไม่ไวแสง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 - 140 วัน ส่วนผลผลิตที่ได้เฉลี่ยในฤดูนาปีประมาณ 800-900 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับคุณสมบัติเด่นของข้าวชนิดนี้ คือ เหนียวนุ่มเหมือนข้าวเหนียว กข 6 มีกลิ่นหอม สามารถทนน้ำท่วมฉับพลันได้ 10 วัน สามารถทนแล้งได้ หรือจะเรียกว่าข้าวสะเทินบกสะเทินน้ำก็ได้ ที่สำคัญคือต้นไม่สูงมาก ทำให้เวลาเก็บเกี่ยวไม่ล้ม โดยต้นจะสูงเต็มที่ประมาณ 125 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการต้านทานโรคใบไหม้ ซึ่งเป็นโรคพื้นถิ่นทางภาคอีสาน และโรคขอบใบแห้ง ทำให้เกษตรกรไม่ต้องใช้สารเคมี จึงส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกคน ตอบโจทย์ความต้องการทั้งของผู้ผลิต ผู้บริโภค และความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

มทบ.210 ลุยสถานศึกษาประชาสัมพันธ์รับสมัครสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหาร

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า ทหารเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝันที่อยากจะทำเพราะมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับ ทั้งยังได้ปกป้องประชาธิปไตย ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและอื่น ๆ อีกมากมาย และในโอกาสที่กองทัพบกเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหาร ประจำปี 2566 จึงอยากให้น้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาได้เข้าถึงความใฝ่ฝันและมีโอกาสก้าวสู่เส้นทางแห่งความภาคภูมิใจ จึงได้มอบหมายให้ พันเอก อิทธิพล นนลือชา หัวหน้ากองยุทธการ มณฑลทหารบกที่ 210 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน ประสานความร่วมมือกับกำลังพล กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ตลอดจน นาย อภิเชษฐ์ สุนทรส ผู้อำนวยการโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย และคณะครูอาจารย์สถานศึกษา เพื่อลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับนักเรียนที่มีความสนใจที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย

โดยเป็นการลงพื้นที่บรรยายโดยรุ่นพี่ที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหมดมาแล้ว มาเล่าประสบการณ์ให้น้อง ๆ ทุกคนฟัง รวมถึงถึงการชี้แนะแนวทาง ต่างๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการสมัคร และคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัคร เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่วันเวลาที่เปิดรับสมัคร คือตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. -29 ธ.ค. 2565 ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครนั้นก็จะมีทั้งคุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัครสอบ คุณสมบัติเฉพาะสำหรับกลุ่มที่ 1 กลุ่มโควตาจังหวัด คุณสมบัติเฉพาะสำหรับกลุ่มที่ 2 กลุ่มพื้นที่พิเศษ และคุณสมบัติเฉพาะสำหรับกลุ่มบุตรกำลังพลกองทัพบก ไปจนถึงเมื่อสอบผ่านแล้วจะต้องไปเล่าเรียนในหลักสูตรเทียบเท่ามัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเตรียมทหาร อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นจะเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในโรงเรียนทหารของแต่ละเหล่าทัพ ในส่วนของกองทัพบกจะเข้าศึกษาต่อโรงเรียนนายร้อยพระจอมเกล้า เป็นเวลา 5 ปี โดยระหว่างศึกษาจะได้รับสิทธิ์ระหว่างการศึกษา เช่น ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อรับทุนไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทัศนศึกษาต่างประเทศ กิจกรรมชมรมที่ส่งเสริมความเป็นผู้นำ และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรโดยไม่ต้องสอบแข่งขัน รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ประดับยศเป็นร้อยตรี รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยในโอกาสนี้ยังได้ฝากไปถึงผู้ที่มีคุณสมบัติทและสนใจ รวมถึงผู้ปกครองที่ต้องการนำข่าวสารไปแจ้งยังบุตรหลาน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://crma-admission.rta.mi.th


กระเป๋าเสื่อกกนครพนม สู่เวที APEC 2022

ต้นกกเป็นไม้ล้มลุกที่หลายคนมองว่าเป็นวัชพืช ไม่มีประโยชน์ ไม่น่าสนใจและถึงขั้นทำลายทิ้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างจนหลายคนอาจคาดไม่ถึง ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์จักสานเส้นกก บ้านเหล่าพัฒนา ต.เหล่าพัฒนา อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้มองเห็นโอกาสมาตั้งแต่ปี 2544 จึงได้รวมตัวกันนำมาแปรรูปเป็นเสื่อเพื่อจำหน่ายจนดังไกลไปถึงประเทศญี่ปุ่นเพราะฝีมือการจักสานอันประณีตในการถักทอ และในการประชุม APEC 2022 ระดับรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวของ 21 เขตเศรษฐกิจเอเปกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์จักสานเส้นกก บ้านเหล่าพัฒนาไม่พลาด โดยในครั้งนี้ได้มีการออกแบบให้เป็นกระเป๋าเสื่อกก โดยได้น้อมนำลายผ้าพระราชทาน ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานแก่กลุ่มทอผ้าและกลุ่มงานหัตถกรรมต่างๆ มาออกแบบและผลิตตามอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมถึงมีการประยุกต์ให้มีความทันสมัยเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปจากการที่ได้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ


ซึ่งเมื่อได้รับการติดต่อนำเอาผลิตภัณฑ์กระเป๋าเสื่อกกไปจัดเป็นของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่จาก 21 เขตเศรษฐกิจที่มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนั้น และเมื่อมีภาพกระเป๋าเสื่อกกที่สวยงาม กลับรูปแบบที่ทันสมัยออกไปเป็นข่าวตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทางกลุ่มก็ได้มีออเดอร์จองเข้ามาเรื่อย ๆ แม้ปัจจุบันที่ตอนนี้ไทยกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 กระเป๋าเสื่อกกก็ยังคงมีการสั่งจองเข้ามาจนจนออเดอร์การผลิตยาวไปจนถึงสิ้นปีแล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มาสร้างรายได้ให้คนในชุมชน ทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของคนชาวนครพนมที่อวดฝีมือการจักสานว่าไม่ได้เป็นสองรองใคร เกิดการเดินทางมาเยือนคนในพื้นที่เพราะอยากรู้ถึงขั้นตอนการผลิต ก่อให้เกิดการท่องเที่ยวตามมากลายเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 ในครั้งนี้ไทยในฐานะเจ้าภาพ จึงให้ความสำคัญกับการปรับตัวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในยุคหลังโควิด-19 อย่างครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน โดยกำหนดหัวข้อหลักคือ Open. Connect. Balance. หรือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” เพื่อเปิดกว้างสู่ทุกโอกาสด้านการค้าและการลงทุน การส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านมุมมองใหม่ที่ได้เรียนรู้จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม เชื่อมโยงในทุกมิติเพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมโยงทางดิจิทัล และส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เน้นสร้างสมดุลในทุกด้านมากกว่าสร้างกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การสร้างความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG) มาเป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่จะผลักดันในครั้งนี้


คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาค ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่นครพนม ติดตามการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมโขง

 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาค ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นำโดยพลเอก นภนต์ สร้างสมพงษ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำ โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมือง จากหน้าวัดนักบุญอันนา-หอนาฬิกา) ระยะที่ 1,2 ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการก่อสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะตลิ่งไม่ให้เกิดการทรุดตัวจากสภาพน้ำในแม่น้ำโขงที่มีความผันผวนความแรงของการไหลและความสูงต่ำของระดับน้ำในแต่ละปีที่ไม่เท่ากัน ทั้งเมื่อแล้วเสร็จจะส่งผลต่อภูมิทัศน์โดยรอบที่จะมีความสวยงาม ดึงดูดของประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวให้มาชื่นชมทัศนียภาพริมฝั่งโมง และใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายได้ โดยมีนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปให้ข้อมูล

โดยเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมือง ระยะที่ 1 มีความยาว 1,062 เมตร วงเงินก่อสร้าง 113,770,000 บาท แบ่งงบประมาณเป็น 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2563-2565 ลักษณะขอบเขตของงานเขื่อนเรียงหินแบ่งเป็น 3 ช่วงความยาวเขื่อนเนื่องด้วยสภาพพื้นที่ คือ 475 เมตร 91 เมตร และ 496 เมตร โดยทั้ง 3 จะมีระยะทางราบและระดับสันเขื่อนไม่เท่ากัน แต่มีส่วนที่ต้องเท่ากันคือระดับสันหินทิ้ง 90.5 เมตร ระดับน้ำสูงสุด 99.5 เมตร ระดับน้ำต่ำสุดเฉลี่ย 89 เมตร โดยในการดำเนินงานผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างทำการตรวจสอบแนวสำรวจก่อสร้างตามแบบรูปรายการและแนวสำรวจพื้นที่ก่อสร้างจริงแล้ว พบว่ามีช่วงระยะแนวสำรวจคลาดเคลื่อนไม่สอดคล้องกันอันจะทำให้ไม่สามารถก่อสร้างได้ตามแบบ จึงได้มีการประสานผู้ออกแบบพิจารณาแก้ไขแบบก่อสร้างใหม่ ซึ่งมีข้อสรุปให้ปรับแนวก่อสร้างและเพิ่มความยาวเขื่อนจากเดิม 1,048 เมตร เป็น 1,062 เมตร ส่วนระยะที่ 2 มีความยาว 806 เมตร วงเงินก่อสร้าง 143,457,000 บาท แบ่งเป็นงบประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2564 - 2567 ลักษณะขอบเขตของงานเขื่อนเรียงหินมีความยาวเขื่อน 806 เมตร ระยะทางราบ 16.25 เมตร ระดับสันเขื่อน 97 เมตร ระดับสันหินทิ้ง 90.5 เมตร ระดับน้ำสูงสุด 99.5 เมตร ระดับน้ำต่ำสุดเฉลี่ย 89 เมตร ซึ่งปัญหาและอุปสรรคที่พบยังคงเป็นเหมือนระยะที่ 1 ดังนั้นผู้ออกแบบจึงมีข้อสรุปให้ปรับแนวก่อสร้างและเพิ่มความยาวเขื่อนจากเดิม 806 เมตร เป็น 862 เมตร โดยหลังสิ้นสุดการตรวจติดตามการ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมือง คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาค ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เดินทางไปติดตามโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน แบบบาดาลขนาดกลาง ที่บ้านโพนบก หมู่ที่ 5 ตำบลนาถ่อน อำเภอธาตุพนมและติดตามการก่อสร้างแก้มลิงหนองอีทูดพร้อมอาคารประกอบที่ตำบลนาหนาด อำเภอธาตุพนม


เกษตรนครพนม พัฒนาทักษะ สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม


วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ศูนย์สารสนเทศยางพารานครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นางสาวกัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของไวรัสโควิดที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของทุกคน รวมถึงทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและเป็นวงกว้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ้างงาน การประกอบอาชีพของประชาชน และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของภาครัฐและความสามารถในการจัดหาทรัพยากรในการพยุงเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพื่อเป็นการรักษาการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ จากวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย โดยที่ผ่านมาภาครัฐได้พยายามฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนภาคการเกษตรจะให้ความสำคัญต่อการเกษตรมูลค่าสูง เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมอาหาร ที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน รวมทั้งให้ความสำคัญต่อกิจกรรมและธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพ มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สามารถรองรับแรงงานส่วนเกินที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน

และเพื่อให้ประชาชนจังหวัดนครพนมได้มีทักษะในการประกอบอาหารที่มีความอร่อย ได้มาตรฐาน ในรสชาติที่เป็นที่นิยมของคนทั่วไป เพื่อนำไปต่อยอดเสริมสร้างเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมจึงได้จัดให้มีการอบรมให้กับเกษตรกรที่สนใจจำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 200 คน ใน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตร เทคนิคน้ำพริกสมุนไพรสุขภาพ “ดักแด้” และหลักสูตร เทคนิคการผลิตชุดซุปแจ่วฮ้อนหม้อไฟ ซึ่งเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไป โดยน้ำพริกสมุนไพรสุขภาพ จะเป็นการนำเอาดักแด้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในพื้นที่ ที่หาได้ทั่วไปเพราะชาวนครพนมมีการเลี้ยงหม่อนไหมมาเป็นตัวชูโรง เพราะมีโปรตีนสูงถึง 60 – 62 % นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ วิตตามินบี1 บี2 และวิตามินอี ในปริมาณสูง ที่จะมาบำรุงร่างกายให้กับผู้ที่รับประทาน ขณะที่ไขมันจะมีเพียง 15 – 18 % เท่านั้น ส่วนซุปแจ่วฮ้อนหม้อไฟ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอีสานชอบทาน เพราะอัดแน่นไปโภชนาการและพืชสมุนไพรนานาชนิด ที่มีคุณค่าทางอาหารและบำรุงสุขภาพ ซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรจะเน้นให้ทุกคนนำวัตถุดิบที่ตนเองผลิตได้ในแปลงเกษตรมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก หรือถ้าหาไม่ได้ก็ให้หาจากเพื่อนเกษตรกรในชุมชนเดียวกันมาใช้ หรือถ้าไม่มีก็ใช้วิธีการประยุกต์ดัดแปลงวัตถุดิบให้เป็นเมนูอาหารอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างในรูปลักษณ์ รสชาติ และความอร่อย บนพื้นฐานของความสะอาดที่ได้มาตรฐาน ซึ่งถ้าทุกคนสามารถทำได้ในลักษณะนี้ จะก่อให้เกิดเป็นอาชีพเสริมที่สนับสนุนผลผลิตทางการเกษตรในชุมขนที่ก่อให้เกิดรายได้กับทุกคน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และในอนาคตจะกลายเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พร้อมส่งออกจำหน่ายทั่วไปอย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นรข. ตรวจยึดยาบ้า 458,000 เม็ด ก่อนหลุดรอดเข้าพื้นที่ตอนใน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พลตำรวตรี ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พันตำรวจเอก(ญ) จิระนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.นครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 458,000 เม็ด ภายใต้แผนยุทธการณ์ฟ้าสางที่ฝั่งโขงของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม ที่ได้บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ ภายหลัง ผบ.นรข. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้สั่งการให้ นาวาเอก กษิดิ กลิ่นศรีสุข ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมด้วย นาวาโท วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม และนาวาตรี สมเจตน์ ค้าทวี หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงตรวจสอบข่าวพร้อมจัดชุดลาดตระเวนลงพื้นที่

กระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น. ชุดลาดตระเวนทางบกได้ตรวจพบ มีเรือเพลายาวแล่นจากฝั่งไทยไปยังประเทศพื้นบ้าน จึงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ได้พบว่าเรือเพลาหางยาวมีการไหลเรือขึ้นไปทางทิศเหนือจากนั้นได้ดับเครื่องยนต์แล้วใช้วิธีพายมือ ล่องเรือมาตามแม่น้ำโขงมุ่งหน้าสู่ฝั่งไทย บริเวณวัดเหล่าสวยกล้วย บ้านเหล่าสวนกล้วย ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน ห่างจากชุดลาดตระเวนทางบกประมาน 200 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดระยะเข้าประชิด พบชายฉกรรจ์ 2 คนกำลังช่วยกันแบกกระสอบขึ้นจากเรือมาวางไว้บนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ เมื่อชายฉกรรจ์เห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ทิ้งกระสอบ รีบวิ่งลงเรือจนรองเท้าแตะหลุด ก่อนจะรีบขับหายไปในความมืดด้วยความชำนาญ แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามแต่ก็ไม่ทัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงก็ได้กระจายกำลังเฝ้าจุดที่มีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่อีกประมาณ 2 ชั่วโมงก็ไม่พบว่ามีใครมายังบริเวณดังกล่าวจึงเข้าตรวจสอบโดยละเอียด พบกระสอบ จำนวน 3 กระสอบภายในบรรจุห่อยาบ้า จำนวน 458,000 เม็ด โดยแต่ละห่อจะมีการเขียนระบุพื้นที่จุดหมายปลายทางไว้ชัดเจน เช่น อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร อำเภอเซกา,อำเภอบึงขงหลง จังหวัดบึงกาฬ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาคนผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยในโอกาสนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนยังได้กล่าวขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้ร่วมกันเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การตรวจยึดในครั้งนี้ ซึ่งหากยาบ้าชุดนี้หลุดรอดเข้าไปพื้นที่ตอนในได้ จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก โดยขอยืนยันว่าจะไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ให้ข้อมูลอย่างแน่นอนและเจ้าหน้าที่ทุกนายพร้อมปฏิบัติการทันที ด้วยความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

จ.นครพนม จัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวง น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.9

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่บริเวณหอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจังหวัดนครพนมร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสักการะวางพานพุ่มดอกไม้สด เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2565 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงตรากตรำพระวรกาย ในการทรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของราษฎรผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส ทั่วทุกภาคของประเทศให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น

โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อให้ประชาชนคนไทยและมวลมนุษยชาติ ได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะองค์พระบิดาแห่งฝนหลวง เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระองค์ท่านและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของพสกนิกรจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ และทรงทอดพระเนตรเห็นเมฆบนฟ้าลอยผ่าน ณ เวลานั้น พระองค์จึงทรงตั้งพระราชหฤทัย ที่จะแปรเมฆเหล่านั้นให้เป็นเม็ดฝนเพื่อมาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับราษฎร โดยพระองค์ท่านทรงมุ่งมั่นทุ่มเทพระสติปัญญา พระวรกาย และสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทำการศึกษาวิจัย พัฒนาจนประสบความสำเร็จเป็นเทคโนโลยีการทำฝนเทียมที่มีประสิทธิภาพ ก่อกำเนิดเป็นโครงการพระราชดำริฝนหลวงขึ้นมาตราบจนทุกวันนี้ โดยโครงการพระราชดำริฝนหลวงได้สร้างคุณูปการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำให้แก่ประเทศไทย ที่สำคัญเทคโนโลยีฝนหลวงยังเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยทั้งในประเทศและต่างประเทศ และหลายๆ ประเทศก็ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อนำเทคนิคและวิธีการที่ทรงคิดค้นขึ้นมาไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง


วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สสค.นครพนม มอบรางวัลสถานประกอบกิจการ สถานศึกษา และอาสาสมัครแรงงานดีเด่นด้านความปลอดภัย

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ศูนย์ประชุมสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นางสาวกรลภัส ปทุมไกยะ นิติกรชำนาญการ รักษาราชการแทนสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครพนม เป็นประธานประกอบพิธีมอบรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก่ สถานประกอบกิจการ สถานศึกษา คณะทำงาน อาสาสมัครแรงงานและแรงงานนอกระบบ ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และแรงงานสัมพันธ์ ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาการทำงานในพื้นที่จังหวัดนครพนมคลอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้แรงงานทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัยสูงสุด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และวิสัยทัศน์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คือแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Nakhonphanom Safety Community ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายเพื่อสร้างความปลอดภัย 3 เรื่องสำคัญ คือระบบการป้องกันและระงับอัคคีภัย ระบบการจราจรและการเดินทาง และระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายได้มีการดำเนินการ ขับเคลื่อนภารกิจจนประสบความสำเร็จผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประเมินในปี 2565 จำนวน 194 รางวัล จึงได้จัดพิธีมอบรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณเพื่อเชิดชูเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจ

โดยภาคีเครือข่ายที่ได้รับรางวัลประกอบไปด้วย สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ จำนวน 1 แห่ง ระดับจังหวัด จำนวน 11 แห่ง สถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน จำนวน 4 แห่ง สถานประกอบกิจการนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) ไปใช้ในการบริการจัดการแรงงาน และตราสัญลักษณ์ไปใช้ในการบริหารกิจการจำนวน 2 แห่ง สถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์การประเมินระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ จำนวน 5 แห่ง อาสาสมัครแรงงานดีเด่น 1 คน บุคคลและเครือข่ายแรงงาน นอกระบบดีเด่น จำนวน 1 คน สถานศึกษาที่ได้รับรางวัลสถานศึกษาปลอดภัยระดับดีเด่นติดต่อกัน 5 ปีขึ้นไป จำนวน 18 แห่ง สถานศึกษาปลอดภัยระดับดีเด่น ตั้งแต่ 1 – 4 ปี จำนวน 133 แห่ง สถานศึกษาปลอดภัยระดับชมเชย จำนวน 18 แห่ง

สกู๊ปข่าว เสน่าผ้าไทยนครพนม

 นายสุรพล แก้วอินธิ พัฒนาการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนมได้มีการน้อมนำโครงการพระราชดำริในเรื่องของการสืบสานอนุรักษ์ผ้าไทย โดยเฉพาะโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก เนื่องจากว่างานศิลปาชีพหรืองานกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของประเทศเกิดขึ้นที่นครพนม การอนุรักษ์การสวมใส่ผ้าไทยเหมือนเป็นการรักษาวัฒนธรรมของชาติ เพราะการสวมใส่ผ้าไทยเป็นการสวมใส่อัตลักษณ์ภูมิปัญญาของคนโบราณ เผอิญนครพนมมีผ้าที่เป็นผ้าโบราณที่เป็นผ้าอัตลักษณของจังหวัดก็คือผ้ามุก หรือผ้ายกมุก ในขณะเดียวกันเทรนใหม่ของผ้าที่นำมาสวมใส่ก็เน้นการย้อมสีธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีการส่งเสริมการย้อมผ้าสมุนไพร ไม้มงคล ทำให้จังหวัดนครพนมมีการอนุรักษ์ผ้าไทยโดยการให้กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการผลิตผ้าทอมือ ไม่ว่าจะเป็น ผ้ามุก หรือผ้าประเภทอื่น ๆ ให้มีการย้อมผ้าด้วยสมุนไพรไม้มงคลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใครที่ถนัดผ้ามุกก็ให้ทำผ้ามุก ใครถนัดผ้าย้อมสมุนไพรไม้มงคลก็ทำผ้าย้อมสมุนไพรไม้มงคล และนอกจากการทอผ้าแล้ว ก็มีการเน้นในเรื่องของการสร้างรายได้ โดยเฉพาะการออกแบบ การแปรรูป ซึ่งเทรนใหม่ ผ้าไทยใส่ให้สนุก คือสามารถใส่ได้ทุกวัน ทุกเพศ ทุกวัย ใส่แบบสบายๆ ไม่ใช่ใส่เฉพาะงานพิธีต่าง ๆ อย่างเดียว เพราะฉะนั้นการออกแบบผ้าไทยจึงเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ


ดังนั้นในวันนี้จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม จึงมีโครงการเสน่าผ้าไทยนครพนมออกมาเพื่อสืบสานพระราชปณิธาน ผ้าไทยใส่ให้สนุก เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวนครพนม ซึ่งคิดว่ากิจกรรมดีๆเหล่านี้จะสามารถสร้างเศรษฐกิจฐานราก และสร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องชาวนครพนม ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวนครพนม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากก็จะได้มีของฝาก ของที่ระลึกไปให้บุคคลอันเป็นที่รัก และมีการบอกต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ว่ามานครพนมแล้วมีของดีมากมายอันจะส่งผลให้เกิดรายได้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข โดยกิจกรรมในวันนี้ส่วนใหญ่ จะมาพูดถึงความสำเร็จหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในการพัฒนาผ้าของแต่ละกลุ่ม เป็นการเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นแนวทางให้กับกลุ่มอื่น ๆ ได้นำไปพัฒนาต่อยอดผ้าของกลุ่มตนเอง รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหาที่แต่ละกลุ่มติดขัด ซึ่งจะได้หาทางแก้ไขช่วยกัน นอกจากนี้ยังมีการนำผลงานที่มีการพัฒนาแล้วมาจัดแสดงโชว์ เพื่อสร้างการรับรู้ว่าทุกชิ้นส่วนของผ้าสามารถต่อยอดเป็นอะไรเพิ่มเติมได้อีกบ้าง เพราะทุกวันนี้นอกจากจะตัดเย็บเป็นชุดสำหรับสวมใส่แล้ว ยังสามารถนำชิ้นส่วนที่เหลือมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้อื่น ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า กระเป๋าสตางค์ ผ้าเช็ดหน้า เข็มขัด ไปจนถึงเครื่องประดับ เพราะต้องการให้กลุ่มผู้ผลิตผ้าทอมือนครพนม มีการใช้ทุกชิ้นส่วนของผ้าให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ให้มากที่สูงสุด ทำให้เศษขยะเป็นศูนย์ตรงตามเป้าหมายที่เน้นการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สทนช. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 3 ที่นครพนม

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ที่จังหวัดนครพนม ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 3 ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษา กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ บริษัทโปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแทนส์ จำกัด และ บริษัทเมก้าเทค คอนซัลแทนส์ จำกัด เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การวิเคราะห์ และจัดทำผังลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ จัดทำข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ที่ดินที่อยู่ในระบบทางน้ำตามผังน้ำ ใช้ข้อมูลผังน้ำประกอบการสนับสนุนแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม รวมถึงการจัดสรรการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟูและการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ รวมทั้งจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับผังน้ำให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่รัฐบาลได้กำหนดให้ สทนช. ในฐานะสำนักงานเลขานุการและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทำการเร่งศึกษา เพื่อจัดทำผังน้ำขึ้นภายใน 2 ปี นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้จังหวัดในภาคอีสานตอนบนต้องพึ่งพาอาศัยเรื่องน้ำเป็นหลัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร และน้ำที่ว่าก็มาจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาย่อยต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมามักประสบปัญหา ถ้าไม่แล้งก็น้ำท่วม เนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การตื้นเขินของแหล่งน้ำทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอ และจังหวัดก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ ลงไป เพื่อให้ความช่วยเหลือ ในการพัฒนาแหล่งน้ำเหล่านี้ให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และด้วยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของน้ำ จึงได้มี พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำออกมา จึงเป็นที่มาของการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีขนาดพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 47,161.97 ตารางกิโลเมตร คลอบคลุมพื้นที่จังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ บนมาตรฐานและการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน รวมถึงมีความสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูน้ำหลากหรือช่วงฤดูแล้ง โดยการประชุมในวันนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ สทนช. จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครพนมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สภาพปัญหา ข้อวิตกกังวลต่าง ๆ จากทุกภาคส่วนนำไปปรับปรุงผังน้ำจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา เช่น ความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วม การกำหนดขอบเขตพื้นที่ทางน้ำหลาก การแบ่งโซนพื้นที่ในร่างผังน้ำ การใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพื้นที่ของผังน้ำ มาตรการด้านการลดใช้น้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ ร่วมถึงความคิดเห็นต่อร่างผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม ยันพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในงานลอยกระทงทุกราย

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ลานพนมนาคา อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่เทศบาลเมืองนครพนมจัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2565 เพื่ออนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวไทย ในการบูชาและขอขมาต่อแม่น้ำโขงที่ทุกคนได้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและได้ล่วงเกินลงไป ทั้งเป็นการลอยเคราะห์และอธิษฐานขอพรต่อแม่น้ำคงคา ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ภายหลังจากที่นายชวนินทร์ วงค์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานในพิธีได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวประกอบพิธ๊บวงสรวงพระแม่คงคา และเข้าสู่พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยหลังสิ้นเสียงประธานกล่าวให้พรผู้ที่มาร่วมงาน ก็มีเสียงพุดังขึ้นมาจากด้านหลังเวที เพียงเสี่ยววินาทีต่อมาก็มีสะเก็ดไฟลอยตามออกมาทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านหลังเวทีได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อสิ้นเสียงประธานในพิธีพร้อมนายกเทศมนตรีเมืองนครพนม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าช่วยกันดับไฟที่ลอยไปติดตามจุดต่าง ๆ รวมถึงช่วยกันปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานลอยกระทงวันนี้ ไม่ทราบว่าใครเป็นใครมาจุดไว้เพราะในรูปแบบการจัดงานไม่ให้มี แต่ว่าในการประชุมช่วงหนึ่งที่มีบางท่านได้เสนอขึ้นมาว่ามีคนจิตอาสาอยากให้งานสนุกสนาน ซึ่งก็ไม่ได้สอบถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะให้งานยิ่งใหญ่ มาทราบอีกทีก็ตอนที่มีการจุดพุแล้ว ซึ่งก็ต้องขอแสดงความเสียใจสำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายและบาดเจ็บเบื้องต้นทราบว่ามีประมาณ 12 ราย แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทุกเคท ทุกกรณี ทางเทศบาลเมืองนครพนม ยินดีดูแลรับผิดชอบอย่างเต็มที่พร้อมมีค่าทำขวัญค่าตกใจให้ ซึ่งทางเทศบาลสามารถจ่ายค่าทำขวัญและค่ารักษาพยาบาลได้เลยตามระเบียบของเทศบาล และก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติพี่น้องทุกคน โดยในส่วนของงานนั้นยังคงต้องดำเนินต่อไปเหมือนเดิม โดยนางนพมาศที่เข้าประกวด ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากสุดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการประกวดกระทงสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ โดยหลังจากนี้จะรายงานให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมทราบถึงรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล