วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

APEC 2022 พูดเรื่องเศรษฐกิจ BCG นครพนมก็มีข้าวหอมนาคา

ในระหว่างวันที่ 14– 19 พฤศจิกายน 2565 นี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค APEC 2022 ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 นี้ เป็นการหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้มีความครอบคลุมและยั่งยืนท่ามกลางบริบทโลกที่มีความท้าทายในยุคหลังโควิดระบาด โดยไทยจะมีการผลักดันให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” หรือ โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่มุ่งหวังให้เอเปคมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจน สร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามบริบทของแต่ละเขตเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน รวมถึงเตรียมการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ในสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง

โดยในจังหวัดนครพนมก็มีข้าวหอมนาคา ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ตอบรับกับเศรษฐกิจ BCG ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมและสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนมวิจัยพันธุ์ข้าว รวมทั้งฝึกทักษะการผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่ให้มีความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตามมาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP seed มกษ.4406-2560 การผลิตข้าวตามมาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP และเกษตรอินทรีย์ การวินิจฉัยโรคข้าว การใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเกษตร และการผลิตข้าวลดโลกร้อน ด้วยการผลิตข้าวร่วมกับแหนแดง ไปจนถึงเทคนิคการเก็บข้อมูลด้านงานวิจัยและวัฒนธรรม เป็นการยกระดับเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวในพื้นที่ให้สามารถลดต้นทุนการผลิต และสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานไว้ใช้เอง ทั้งยังสามารถพัฒนาต่อยอดการแปรรูปข้าวให้มีมูลค่าที่สูงขึ้นได้ เช่น นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้าวหอมนาคาเป็นข้าวประเภทไม่ไวแสง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 - 140 วัน ส่วนผลผลิตที่ได้เฉลี่ยในฤดูนาปีประมาณ 800-900 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับคุณสมบัติเด่นของข้าวชนิดนี้ คือ เหนียวนุ่มเหมือนข้าวเหนียว กข 6 มีกลิ่นหอม สามารถทนน้ำท่วมฉับพลันได้ 10 วัน สามารถทนแล้งได้ หรือจะเรียกว่าข้าวสะเทินบกสะเทินน้ำก็ได้ ที่สำคัญคือต้นไม่สูงมาก ทำให้เวลาเก็บเกี่ยวไม่ล้ม โดยต้นจะสูงเต็มที่ประมาณ 125 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการต้านทานโรคใบไหม้ ซึ่งเป็นโรคพื้นถิ่นทางภาคอีสาน และโรคขอบใบแห้ง ทำให้เกษตรกรไม่ต้องใช้สารเคมี จึงส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกคน ตอบโจทย์ความต้องการทั้งของผู้ผลิต ผู้บริโภค และความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น