วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

สุขภาพดีชีวีมีสุข@นครพนม

นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การที่คนเราจะมีชีวิตที่มีความสุข พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือการมีสุขภาพดี และนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข การป้องกันโรคดีกว่าการรักษาโรค ประกอบกับนโยบายของนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม อยากให้พี่น้องชาวนครพนมได้รับการตรวจสุขภาพอย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อปี ทุกคนทุกกลุ่มวัย ดังนั้นสาธารณสุขจังหวัดนครพนมจึงได้จัดทำโครงการ สุขภาพดี ชีวีมีสุข @ นครพนมขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นการเชิญชวนชาวนครพนมทั้งหมดเข้ารับการตรวจสุขภาพ

โดยจะเริ่มโครงการในอำเภอเมืองนครพนม เป็นแห่งแรก คือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 และจะมีการเปิดโครงการทุกอำเภอภายในวันที่ 30 เมษายน 2566 พี่น้องประชาชนสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 โดยประกอบไปด้วย กลุ่มอายุ 0-5 ปี กลุ่มเด็กวัยเรียนอายุ 6-24 ปี กลุ่มวัยทำงานอายุ 25- 59 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มวัยจะมีรายละเอียดการตรวจสุขภาพแตกต่างกันไป ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะมีรายละเอียดของการตรวจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ต้องนำไปด้วยเมื่อจะตรวจสุขภาพคือบัตรประชาชน เพราะต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตน จะต้องผ่านการซักประวัติ เพื่อแยกกลุ่มอายุต่าง ๆ และส่งไปยังห้องตรวจต่าง ๆ หากผู้ตรวจเองคิดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องเจาะเบาหวาน เช่น อายุ 25 ปีขึ้นไป หรือถ้าอายุน้อยกว่า 25 ปี หากมีประวัติคนในครอบครัวมีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคเบาหวาน ก็ขอให้งดน้ำ งดอาหาร อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมิณหากมีความจำเป็นต้องตรวจเลือดเราก็จะได้ตรวจเลยทีเดียว ส่วนกลุ่มวัยอื่น ๆ ก็จะมีราลยะเอียดการตรวจแตกต่างกันไป เช่น เด็กวัยปฐมวัยจะต้องมีสมุดประจำตัวของเด็กมีสมุดที่เคยฝากครรภ์มาก่อนไปด้วย รายละเอียดสามารถดูได้ที่แตะละอำเภอได้ชี้แจง

เพราะแต่ละอำเภอจะมีสถานที่ มีเป้าหมายของการออกตรวจสุขภาพเชิงรุก และมีจุดตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลแตกต่างกันออกไป จึงขอฝากประชาชนขอให้ตรวจสอบในแต่ละอำเภอให้ดี ซึ่งจะมีการขึ้นป้ายในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาล และ รพ.สต. ว่าแต่ละอำเภอจะเปิดตรวจวันไหน แต่ทุกอำเภอในจังหวัดนครพนมนั้นจะต้องเปิดโครงการภายใน 30 เมษายน 2566 โดยเมื่อเสร็จสิ้นโครงการนี้คาดว่าจะสามารถทราบสถานะทางสุขภาพของพี่น้องชาวนครพนมได้ทั้งหมด และสามารถนำมาวางแผนการดูแลสุขภาพในอนาคตได้เป็นอย่างดี ถ้าพบว่ามีอาการป่วยจากการตรวจสุขภาพก็จะนำเข้าสู่กระบวนการรักษาพยาบาลทันที และหากพบว่ามีความเสี่ยงทางโรงพยาบาลจะรับไปเพื่อให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยนสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ส่วนกลุ่มปกติก็จะได้รับการส่งเสริมให้คำแนะนำต่าง ๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น