วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566

ผู้ว่าราชการนครพนม นำทีมพาณิชย์และเกษตรลุยสวนติดตามควบคุมมาตรฐานลิ้นจี่หลังออเดอร์จองมาอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นแหล่งผลิตลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 สินค้า GI ขึ้นชื่อของจังหวัด ด้วยมีความเฉพาะโดดเด่นเป็นพิเศษ มีผลใหญ่ เปลือกสีแดงอมชมพู รูปทรงเหมือนไข่ เนื้อผลแห้งสีขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสฝาด ทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองติดอกติดใจหาไปรับประทาน และก่อนที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ก็ได้มีการนำคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) ลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์เพื่อหาตลาดมารองรับผลผลิตที่คาดการว่าจะออกมาสู่ท้องตลาดประมาณ 2,700 ตัน มีการประสานบริษัทเอกชนมารับซื้อถึงหน้าสวน แต่ด้วยมีความกังวลว่าจะไม่สามารถจำหน่ายได้ทันฤดูการเก็บเกี่ยวจึงได้มีการจัดสถานที่ให้จำหน่ายเพิ่มที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราชเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้ได้เลือกซื้อหา หรือเจ้าของสวนบางคนก็เลือกที่จะนำมาวางจำหน่ายตามถนนหมายเลข 212 บริเวณใกล้บ้านตนเองช่วงตำบลขามเฒ่า อีกทั้งมีการจัดงานประชาสัมพันธ์ทำให้ปัจจุบันมีออเดอร์สั่งจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดนครพนม และเกษตรจังหวัดนครพนม จึงได้มีการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ และสอบถามในเรื่องของการตลาดและการขนส่งสินค้าเพื่อให้ลิ้นจี่ที่จะส่งไปให้ลูกค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ทำให้พบว่า ณ ขณะนี้ลิ้นจี่ นพ.1 ของนครพนมเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นจำนวนมาก มีทั้งออเดอร์ที่มาจากส่วนราชการ ออเดอร์ที่ลูกค้ามาซื้อที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช รวมถึงออเดอร์หน้าสวน โดยราคาช่วงแรกที่มีผลผลิตออกมามาก ทำให้ชาวบ้านที่ปลูกไว้รับประทานตามบ้าน มีผลผลิตเหลือ นำออกมาจำหน่ายพร้อมกับ ผู้ปลูกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้า GI ดังนั้นราคาหน้าสวนของเกษตรกรที่ได้มาตรฐานจึงอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 - 40 บาท แต่ในตอนนี้ที่มีผลผลิตของชาวบ้านหมดแล้วประกอบกับการคาดการณ์ว่าลิ้นจี่ นพ.1 จะหมดในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ ทำให้ราคาที่เกษตรกรหน้าสวนได้รับขยับขึ้นจากช่วงแรก ๆ ประมาณกิโลกรัมละ 10 บาท โดยยังคงมีออเดอร์รออยู่อีกจำนวนมาก สำหรับการจำหน่ายที่ลานพญาศรีสัตตนาคราชราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 - 50 บาท อย่างไรก็ดีก็ขอฝากถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวที่หาซื้อลิ้นจี่ นพ.1 ไปรับประทาน อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะบางคนจะเห็นว่ามีบางแผงที่ราคาถูกกว่า แต่รสชาติความอร่อยจะต่างกัน โดยผลผลิตลิ้นจี่ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราชจำหน่ายจะมีการควบคุมมาตรฐานสินค้าทำให้มีรสชาติที่ทุกคนมั่นใจได้ ส่วนการส่งผ่านระบบขนส่งยังคงอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 80 บาท ทั้งนี้ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องของการเก็บเกี่ยวที่ให้ส่งแบบวันต่อวันเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสดใหม่จากสวน เนื่องจากเห็นว่าการขนส่งแบบนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางและสภาพอากาศ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อลิ้นจี่ที่ส่งไปให้ลูกค้าได้

จิตอาสานครพนม รวมพลังขุดลอกหนองสระพัง อำเภอปลาปาก พร้อมสร้างฝายชะลอน้ำต้านภัยแล้งในพื้นที่ ตามแนวพระราชดำริ ร.10

วันที่ 28 เมษายน 2566 ที่บ้านวังยาง หมู่ที่ 10 ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่มณฑลทหารบกที่ 210 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม หน่วยทหารพัฒนา นพค.22 ที่ทำการปกครองอำเภอปลาปาก องค์การบริหารส่วนตำบลปลาปาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรมขุดลอกแหล่งน้ำหนองสระพัง ที่เดิมชาวบ้านวังยาง หมู่ที่ 10 ตำบลปลาปาก ใช้ในการทำการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน เนื่องจากมีวัชพืชปกคลุมหนาแน่น ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ ตามโครงการรจิตอาสาต้านภัยแล้ง ปี 2566 ที่ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครพนม ร่วมกับจิตอาสา 904 ดำเนินการ


นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันปรับแต่งภูมิทัศน์ ปลูกหญ้าแฝกและทำฝายชะลอน้ำตามคันคลองที่ไหลจากหนองสระพังที่ทำการขุดลอกใหม่กับห้วยไผ่ เตรียมไว้สำหรับการบริหารจัดการน้ำที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างสูงสุดในการดำรงชีวิตเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนทุกคน ตามแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยราษฎรใต้ร่มบรมโพธิสมภาร ทรงอยากให้ประชาชนชาวไทย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงฤดูแล้งที่ต้องประสบปัญหาเป็นประจำทุกปี

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2566

มทบ 210 บูรณาการร่วมหน่วยงานกระทรวงแรงงานสร้างอาชีพให้กำลังพลก่อนปลดประจำการ

วันที่ 27 เมษายน 2566 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า อาชีพเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต เพราะอาชีพจะเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับทุกคน เพื่อนำมาใช้ในการเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัว ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 210 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอาชีพจึงได้พยายามพัฒนาทักษะความสามารถของกำลังพล โดยเฉพาะน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ของมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ร.3 พัน.3) ที่มีโอกาสเข้ามารับใช้ชาติ ซึ่งเมื่อถึงกำหนดก็จะต้องปลดประจำการออกไป ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้มีอาชีพติดตัวไปตามความถนัดของแต่ละนาย

เพราะฉะนั้นจึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่จังหวัดนครพนม เริ่มตั้งแต่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม ที่ได้ขอความอนุเคราะห์วิทยากรพร้อมอุปกรณ์สาธิต เข้ามาฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่กำลังพล เกี่ยวกับวิชาช่างก่อสร้างและช่างไฟฟ้า ให้ได้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับวิชาช่างรวมถึงได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน นอกจากนี้ก็ยังมีสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนม สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนม สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครพนม สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครพนม ที่ได้เข้ามาเพิ่มศักยภาพพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพ และมีความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิประโยชน์ของแรงงาน รวมถึงการเลือกอาชีพที่สามารถสร้างรายได้หลังปลดประจำการออกไปใช้ชีวิตเป็นพลเรือน โดยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา มณฑลทหารบกที่ 210 ได้มีการจัดพิธีมอบวุฒิบัตรให้กับกำลังพลที่สำเร็จการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพ จากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม และมีการจัดกิจกรรมตลาดนัดแรงงานทหารกองประจำการพบปะผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเลือกอาชีพก่อนปลดประจำการ


อบต.ขามเฒ่า นครพนม จัดงานวันลิ้นจี่ของดีตำบล สร้างการรับรู้สินค้า GI เปิดช่องทางการตลาดช่วยชาวสวน

วันที่ 27 เมษายน 2566 ที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานวันลิ้นจี่ของดีตำบลขามเฒ่าและวันผู้สูงอายุ ประจำปี 2566 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา ได้รู้จักกับลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 ของจังหวัดนครพนม ที่เป็นสินค้า GI ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นการรับรองถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ โดยมีความเฉพาะโดดเด่นเป็นพิเศษ คือ มีผลขนาดใหญ่ เปลือกสีแดงอมชมพู รูปทรงเหมือนไข่ เนื้อผลแห้งสีขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสฝาด ที่สำคัญอีกอย่างคือ ผู้ผลิตผ่านการตรวจสอบระบบควบคุมภายใน ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของสินค้า สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบได้ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดผลไม้ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมช่องทางการตลาด สร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรในชุมชน ที่ในปีนี้มีผลผลิตลิ้นจี่ นพ. 1 ออกสู่ท้องตลาดประมาณ 2,700 ตัน

โดยกิจกรรมภายในงานได้เริ่มขึ้นในเวลา 9.00 น. เมื่อประธานในพิธีเดินทางมาถึงกลุ่มอนุรักษณ์กลองยาวก็ได้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่โชว์ให้ได้ชม ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีเปิดและการส่งมอบของขวัญให้กับผู้สูงอายุในชุมชน เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและเป็นเครื่องเตือนใจให้บุตรหลานได้หันมามองและเอาใจใส่บุคคลสำคัญในครอบครัว ได้สำนึกในบุญคุณของท่านเหล่านี้ ที่ได้ให้การอบรม สั่งสอน และเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ จากนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปเยี่ยมชมและเลือกซื้อลิ้นจี่ นพ.1 ที่ชาวสวนมาออกร้านประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่าย ซึ่งมีให้เลือกทั้งที่เป็นแบบผลลิ้นจี่ และแบบแปรรูปเป็นลิ้นจี่ลอยแก้ว น้ำหวานลิ้นจี่ และน้ำผึ้งลิ้นจี่ รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารที่ทำจากลิ้นจี่ กับเมนูยำทะเลลิ้นจี่ ที่เมื่อใครได้ลิ้มลองเป็นต้องยกนิ้วให้กับความอร่อยที่แสนแปลกใหม่ด้วยความคาดไม่ถึง

และที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษก็คงหนีไม่พ้นการประกวดผลผลิตลิ้นจี่ เพราะต้องการที่จะไปเลือกซื้อหาต้นพันธุ์ที่ดีที่สุดไปปลูกไว้รับประทานที่บ้าน โดยกติกาการประกวดในครั้งนี้คือ เจ้าของสวนต้องนำผลลิ้นจี่ในสวนที่คิดว่ามีผลดก ลูกโต และรสหวานที่สุดมาเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งมีการส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 23 สวน สำหรับการให้คะแนนนั้นคณะกรรมการต้องใช้ทั้งเทคนิคและเครื่องมือเฉพาะเพื่อพิจารณาประเมินคุณภาพและปริมาณที่ทำให้ทุกคนต้องลุ้นกันแบบสวนต่อสวน เนื่องจากแต่ละสวนมีความใกล้เคียงกันมาก และเมื่อสิ้นสุดคำตัดสินผลปรากฏว่า สวนของนางเกษสุดา คำเจริญ หมู่ที่ 4 บ้านนาโดนได้รับรางวัลไป โดยในหนึ่งพวงมีน้ำหนักผลรวมอยู่ที่ 485 กรัม ส่วนความหวานมีมากถึง 18.6 บริกซ์ ขณะที่ขนาดผลเฉลี่ยต่อลูก อยู่ที่ความกว้าง 40.88 มิลลิเมตร ส่วนความยาวอยู่ที่ 47.7 มิลลิเมตร

และในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยังได้กล่าวเชิญชวนผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อผลผลิตได้ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช หรือจะไปทดลองที่สวนในตำบลขามเฒ่าก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าไม่สะดวกก็สามารถติดต่อไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่า โทร 0-4205-4037-8 เพื่อให้ช่วยประสานการซื้อเพื่อส่งผ่านทางไปรษณีย์ไทย สาขานครพนม ได้ทั้งผลผลิต กิ่งพันธุ์และต้นพันธุ์


วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566

ศึกษาธิการนครพนม จัดกิจกรรม 6 สัปดาห์ประชาธิปไตยรณรงค์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

วันที่ 26 เมษายน 2566 ที่ห้องประชุมรวมใจ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดกิจกรรม 6 สัปดาห์ประชาธิปไตยรณรงค์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครพนม ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม จัดขึ้นตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขับเคลื่อนงานเพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และส่งเสริมให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง และออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยมีคณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษา ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางห้องประชุมรวมใจ 1 และ ผ่านระบบออนไลน์ทาง Facebook live ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม

นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในนามของจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการจัดทำคู่มือประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และแผ่นพับการเลือกตั้ง ตลอดจนสื่อต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและประชาชนทั่วไป มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.00 น. จังหวัดนครพนม โดยนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มีความห่วงใยในเรื่องนี้ด้วยเกรงว่าการสื่อสารจะไปไม่ทั่วถึง จึงได้ทำทุกช่องทางในการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ทุกคนได้รับความรู้ความเข้าใจที่จะนำไปสู่การเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ และเข้าคูหากากบาทได้อย่างถูกต้อง โดยกิจกรรมในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ผู้ที่มีสิทธิได้ออกมาใช้สิทธิ ส่วนผู้ที่ไม่มีสิทธิก็ได้นำข้อมูลที่ได้รับไปบอกต่อยังคนในครอบครัวที่มีสิทธิให้ออกมาใช้สิทธิ และในโอกาสนี้ก็ขอเชิญชวนผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันเลือกตั้ง คือบุคคลที่เกิดก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2548 และมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ทุกคนได้ออกมาใช้สิทธิในครั้งนี้ รวมถึงหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการข้อมูลสายด่วน 1444 รู้จริงเรื่องเลือกตั้ง ได้ หรือจะสืบค้นผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเข้าถึงข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้ง ข้อมูลพรรคการเมือง ข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเลือกตั้ง


เทศบาลเมืองนครพนม อบรมช่างไฟฟ้าประจำชุมชน สร้างคนตรวจและดูแล แก้ปัญหาอัคคีภัย

วันที่ 26 เมษายน 2566 ที่ห้องประชุมทิพย์โฆษิตคุณ เทศบาลเมืองนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมช่างไฟฟ้าชุมชนในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ที่เทศบาลเมืองนครพนมซึ่งนำโดยนายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองนครพนม และตัวแทนประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแผนงานโครงการตามนโยบายของผู้ว่าราชการนครพนม ในการแก้ไขปัญหาอัคคีภัยที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ จากสาเหตุของระบบไฟฟ้าลัดวงจร

โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีการเกิดอัคคีภัยกระจายอยู่ทุกอำเภอและเกิดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากระบบไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องด้วยสายไฟฟ้าที่ใช้งานเสื่อมสภาพเพราะส่วนใหญ่มีมาพร้อมกับการสร้างบ้าน อีกทั้งในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ปลั๊กไฟฟ้า สวิทช์ไฟฟ้า คัทเอาท์ ที่เสื่อมสภาพและชำรุด รวมถึงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ถูกหลักและตามมาตรฐานของการไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจ ให้คำแนะนำ เพื่อลดความสูญเสียให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งภายหลังการดำเนินการถือว่าประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีเพราะเหตุอัคคีภัยลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในการที่จะปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงเป็นการสร้างอาชีพให้กับจิตอาสาที่จะเป็นผู้ช่วยดูแล ตรวจสอบระบบไฟฟ้าแต่ละบ้านในชุมชนของตนเอง

จึงได้มีการอบรมถ่ายทอดให้ความรู้ด้านไฟฟ้าให้กับบุคคลากร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนประชาชนจิตอาสาจากชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยวิทยากรจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครพนม ที่จะมาสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า มาตรฐานการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านที่เป็นจุดเสี่ยงนำมาซึ่งสาเหตุการเกิดอัคคีภัย และการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเบื้องต้น ทั้งนี้ภายหลังการอบรมเสร็จสิ้นแล้ว ทางจังหวัดนครพนมจะมีการส่งผู้ที่ผ่านการอบรมทั้งหมดไปทดสอบฝีมือกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 41 นครพนม ซึ่งถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ทางสถาบันฯจะออกใบรับรองให้เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพต่อไปได้ในอนาคตด้วย นั่นหมายถึงทุกคนจะได้ประโยชน์ทั้งหมดจากกิจกรรมในครั้งนี้ ทั้งประชาชนที่อยู่ในชุมชนที่จะมีผู้คอยให้คำแนะนำ ตรวจสอบ และซ่อมบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ ผู้ที่เข้าอบรมมีความรู้ความสามารถด้านระบบไฟฟ้าเพิ่มมากยิ่งขึ้นและนำไปต่อยอดเป็นอาชีพได้

สตง.นครพนม เปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ ที่หมู่ 5 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง

วันที่ 26 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม พลเอกชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นประธานนำนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน คณะผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้าง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 5 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร และจังหวัดนครพนม ตลอดจน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนมแห่งใหม่ เพื่อใช้ในการปฏิบัติราชการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินของหน่วยรับตรวจในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยมีพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนม จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่กำหนดให้มีสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดในทุกจังหวัด โดยที่ผ่านมาได้รับความอนุเคราะห์จากจังหวัดนครพนม ให้ใช้พื้นที่อาคารศาลากลางจังหวัดนครพนมเป็นสถานที่ปฏิบัติราชการ ต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับอนุมัติงบประมาณ เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการพร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นพ. 1347 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เนื้อที่รวม 10 ไร่ วงเงิน 73,600,000 บาท (เจ็ดสิบสามล้านหกแสนบาทถ้วน) ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2562 และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ดังนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคลตามประเพณีโบราณที่ถือปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมา สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนมจึงได้จัดพิธีเปิดอาคารที่ทำการขึ้นในวันนี้ ก่อนที่จะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินของหน่วยรับตรวจในความรับผิดชอบ จำนวนทั้งสิ้น 188 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยงานราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 81 หน่วย องค์กรอิสระ 2 หน่วย มหาวิทยาลัยของรัฐ 1 หน่วย และหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นอีกจำนวน 104 หน่วย มีนายปริญญา ฉันทวรางค์ เป็นผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนม มีข้าราชการและลูกจ้าง รวมทั้งสิ้น 14 คน ประกอบด้วย ข้าราชการ 11 คน และ ลูกจ้าง 3 คน


วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566

จ.นครพนม ประกอบพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

วันที่ 25 เมษายน 2566 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ จุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย และกล่าวถวายราชสดุดี เบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทน์ เมื่อปี พ.ศ.2098 ในขณะที่พระองค์ทรงพระเยาว์ พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก และทรงขอสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรม เพื่อเป็นตัวประกันที่หงสาวดีจนพระชนมายุได้ 15 พรรษา พระองค์จึงได้เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาและในปี พ.ศ.2098 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลก โดยพระองค์ได้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยจากการเสียกรุงให้กับพม่า และทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง เมื่อ พ.ศ.2126 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาแม้หงสาวดีจะเพียรพยายามส่งกองทัพเข้ามารบหลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง และเมื่อพระบิดาหรือสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคต พระองค์ก็ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2133 ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย ไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขเสมอมา สิริรวมการครองราชสมบัติ 15 ปี และทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา และเพื่อเป็นการเผยแพร่เชิดชูพระเกียรติคุณ พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตลอดจนเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติไทย ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้ทุกวันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และจัดให้มีพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ


วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566

จิตอาสา นพค.22 ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมบ้านให้ผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่

พ.อ. ศรัณ์ชัย ทิพย์ปัญญา ผบ.นพค.22 เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์วาตภัยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 เวลา 12.00 -18.00 น. ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดนครพนม มีประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอ คืออำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอปลาปาก และอำเภอเมืองนครพนม ได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหาย รวม 719 หลังคาเรือน โดยที่ผ่านมานายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ที่ทำการปกครองอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน/หมู่บ้าน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต่างเร่งบูรณาการสำรวจความเสียหายทั้งหมด และให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

โดยในวันนี้ 24 เมษายน 2566 หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 (นพค.22) สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งมีภารกิจหลักคือดูแลความมั่นคง รวมถึงการพัฒนาดูแลสาธารณูปโภคขึ้นพื้นฐาน ดูแลงานด้านการพัฒนาสร้างความมั่นคงในอาชีพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน จึงได้นำกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน นพค.22 สนภ.2 นทพ. และชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่บ้านนางามเหนือ หมู่ที่ 3 และบ้านนางามใต้ หมู่ที่ 4 ตำบลนางาม อำเภอเรณูนคร ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ รวมถึงมอบน้ำดื่มและหน้ากากอนามัย N95 ช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนร่วมกับจิตอาสาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้กับประชาชนผู้ประสบเหตุ เพื่อให้ได้กลับเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านปกติโดยเร็วที่สุด


จ.นครพนม จัดประชุมเหล่ากาชาดจังหวัดภาค 7 ครั้งที่ 1/2566

วันที่ 24 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม ดร.เตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมเหล่ากาชาดจังหวัดภาค 7 ครั้งที่ 1/2566 และมอบนโยบาย ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานของเหล่ากาชาดจังหวัดภาค 7 ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดนครพนม โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวต้อนรับ มีนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม กล่าวรายงานในฐานะที่จังหวัดนครพนมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัด กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด นายกกิ่งกาชาดอำเภอ กรรมการกิ่งกาชาดอำเภอ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ภาค 7 รวมทั้งสิ้น 280 คน ร่วมรับฟังและประชุมเพื่อรับทราบนโยบายการปฏิบัติงาน รวมถึงองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการทำงาน ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาของแต่ละพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนา การปฏิบัติงานของเหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำเภอในการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปตามพันธกิจ และภารกิจของสภากาชาดไทย ที่เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรม

โดยในโอกาสนี้เลขาธิการสภากาชาดไทยยังได้บรรยายพิเศษร่วมกับนายเอกชลิต ผลศรีทอง หัวหน้ากลุ่มงานบริหารและประสานกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย เกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับพันธกิจ 4 ด้านของสภากาชาดไทย คือการบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์ การบริการโลหิต ดวงตาหรืออวัยวะ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามาด้วยการประสานงานเพื่อช่วยเหลือความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ ผ่านแอปพลิเคชั่น พ้นภัย ที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรับแจ้งภัยพิบัติและขอความช่วยเหลือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งติดตามการช่วยเหลือแบบ Real time จากหน่วยงานในพื้นที่ เป็นการลดความคลาดเคลื่อนที่ขาดความชัดเจนของข้อมูล ลดความซ้ำซ้อนและล่าช้าในช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการหารายได้จากการจำหน่ายสลากกาชาด หรือการขอรับการสนับสนุนรางวัลต่าง ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน การนำวัคซีนเอชพีวี ชนิด 4 สายพันธุ์ (วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก) ไปบริการให้ประชาชน การสำรวจการติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ในพื้นที่ 76 จังหวัด การติดตามตรวจเยี่ยมโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียน ภาษาไทย การขอใช้เครื่องหมายกาชาดไทย และการส่งรายงานการปฏิบัติงานของเหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำเภอ


วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566

pm 2.5 ลดได้ถ้าทุกคนช่วยกัน

นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับ pm 2.5 หรือฝุ่นจิ๋วในพื้นที่นครพนมช่วงนี้ มีลักษณะค่า pm 2.5 อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ของสีส้มหรือไม่ก็สีแดง และถึงแม้ว่าช่วงนี้สภาพอากาศจะดีขึ้นมาหน่อย แต่คิดว่าในช่วงเมษายนยังเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงอยู่ จึงมีคำแนะนำให้พี่น้องประชาชนได้ลดหรือจำกัดการทำกิจกรรมนอกบ้านไปก่อน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ท่านก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย แล้วก็เฝ้าระวังอาการที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีต้องรีบพบแพทย์ในทันที เช่น อาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรืออาการเหนื่อยง่าย โดยปัจจุบันสาธารณสุขจังหวัดนครพนม มีคลินิกมลพิษที่จะช่วยวินิจฉัย ช่วยประเมินอาการให้ท่านได้ ซึ่งจะตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลนครพนม และตามโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งในพื้นที่ สำหรับการออกนอกบ้านในช่วงนี้ก็ขอให้ทุกท่านพยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุด ผู้ที่มีโรคประจำตัวก็ต้องพกสมุดที่ระบุโรคประจำตัว ยาที่รับประทานหรือใช้อยู่เป็นประจำเพื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที และถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน

และก็มีสิ่งที่อยากจะขอวิงวอนพี่น้องประชาชน คือเรื่องของการลด pm 2.5 ให้ได้ ลดฝุ่นจิ๋วให้ได้ ซึ่งต้องเป็นความร่วมมือของทุกคนจึงจะสำเร็จ เริ่มตั้งแต่การกำจัดขยะที่เกิดจากขยะในครัวเรือน ในบ้าน การหุงหาอาหาร การทำกับข้าวไว้รับประทานประจำ ก็มีบางส่วนที่จะก่อให้เกิดฝุ่นจิ๋วได้ เช่น การทำอาหารประเภท ปิ้ง ย่าง เนื้อย่าง อะไรต่างๆ หรือว่าพืชผลทางการเกษตรก็อยากจะให้หลีกเลี่ยงการเผา ให้หันมาใช้การกำจัดขยะด้วยวิธีอื่นแทน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าสามารถลดได้ ช่วยกันได้ ในอนาคตปัญหาของฝุ่นจิ๋วก็จะลดน้อยลง ที่สำคัญอีกอย่างคือ ฝุ่นจิ๋ว หรือ pm 2.5 เป็นมลพิษที่มีส่วนไปกระตุ้นให้เกิดภาวะโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก ให้มีความรุนแรงมากขึ้นด้วย เพราะงั้นถ้าเราจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ ปัญหาต่างๆ ก็จะค่อยๆ น้อยลง จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนทุกคนได้มาช่วยกันลดการก่อฝุ่นจิ๋ว หรือ pm 2.5 เพื่อสภาพอากาศที่ดีในอนาคต


วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2566

รู้ทันฮีทสโตรก( Heatstroke ) หนึ่งโรคฤดูร้อนอันตราย

นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เท่าที่ดูข้อมูลภาพรวมในประเทศ โรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก 90% จะเกิดในช่วงเดือนเมษายน เพราะฉะนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่มีความสำคัญ เป็นโรคที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ถ้าช่วยเหลือเบื้องต้นไม่ทันผู้ป่วยอาจมีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีอุณหภูมิในร่างกายที่สูงมาก เพราะในร่างกายคนเรามีการผลิตความร้อนจากการเผาผลาญอาหาร ถ้าเราไปเจอกับอากาศที่ร้อนมากๆ หรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้การระบายความร้อนได้ไม่ดี 3 ปัจจัยนี้จะทำให้มีความร้อนในร่างกายเกินและเมื่อเกินจะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติไป

โดยระบบผิดปกติอันดับแรกที่สังเกตได้ชัดที่สุดก็คือ อาการทางสมอง เช่น อาจจะมีการวิงเวียนศีรษะ มึนงง บางคนอาจจะเดินเซ หรือหนักมากๆ ก็อาจมีอาการชักหรือหมดสติได้ ตามมาด้วยเรื่องของอุณหภูมิในร่างกายที่สูง คือตัวร้อน มีอาการเหมือนเป็นไข้สูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียสแต่มักจะไม่ค่อยมีเหงื่อให้เห็น โรคลมร้อนนี้จะต่างจากอาการเป็นลมทั่วไปอยู่คือ ตัวร้อน ไข้สูง แต่ตัวจะแห้ง ไม่มีเหงื่อออกให้เห็น เนื่องจากร่างกายขาดน้ำมาก อาการต่อมาคือชีพจรจะเร็วแล้วก็ความดันต่ำ ช็อกและหมดสติได้ ส่วนกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ คือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ที่มีโรคทางกายบางอย่างที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถที่จะเผาผลาญความร้อนหรือลดความร้อนในร่างกายได้ดี เช่น ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงที่ทานยาเป็นประจำ โรคไทรอยด์เป็นพิษ เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้พี่น้องประชาชนต้องระวังว่า ท่านมีโอกาสเกิดโรคลมร้อนได้มากกว่าคนอื่น และมีโอกาสที่จะมีความรุนแรงมากกว่าคนอื่น นอกจากนี้ถ้าเราพบว่ามีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์มากๆ เสพสารเสพติดบางอย่างก็จะมีโอกาสเป็นโรคลมแดดมากกว่าคนอื่น
สำหรับวิธีป้องกันก็คงจะต้องดูที่ต้นเหตุเป็นหลัก เพราะบางท่านบอกว่าต้องทำงานกลางแจ้ง กลางแดดเป็นเวลานานๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มีข้อแนะนำเรื่องการแต่งกายที่อาจต้องสวมเสื้อผ้าที่ไม่หนามาก เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะบางท่านที่ออกกลางแดดกลางแจ้งแล้วกลัวผิวจะคล้ำเนื่องจากโดนแดด แล้วมีการใส่เสื้อแขนยาว สิ่งนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวที่อาจจะทำให้การระบายความร้อนในร่างกายไม่ดีได้ จึงขอให้พยายามหลีกเลี่ยงหรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ คนที่ออกแดดกลางแจ้งนานๆ ก็ให้มีช่วงพักในการออกไปทำงาน โดยให้เข้ามาพักในที่ร่มสักหนึ่งชั่วโมงแล้วค่อยออกไปทำงานต่อ ที่สำคัญคือควรดื่มน้ำก่อนไปทำงานอย่างน้อย 2 - 3 แก้ว หรือดื่มเป็นระยะ หรือถ้าเป็นนักกีฬาที่ปั่นจักรยานในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนๆ ก็ให้มีช่วงพัก 20 กิโลเมตรต่อครั้ง นักวิ่งมาราธอนก็เช่นเดียวกัน และหากท่านใดมีโรคประจำตัว จริงๆ ก็อยากจะให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในช่วงเดือนเมษายน แต่ถ้าไม่ได้ก็ควรจะพกสมุดประจำตัวที่มีหลักฐานว่าทานยาอะไรเป็นประจำ โดยเฉพาะยากลุ่มขับปัสสาวะ เพราะเป็นยาที่เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคลดแดดได้ นักกีฬาเป็นอีกกลุ่มที่แพทย์เป็นห่วงกันเพราะเชื่อว่านักกีฬาเป็นผู้ที่มีความแข็งแรง แต่จริงๆแล้ว โรคลดแดดเป็นโรคที่ไม่เกี่ยวกับว่า ท่านแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง ถ้าเกิดภาวะฉุกเฉินแล้วร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทัน ก็มีโอกาสเป็นโรคลมแดดและเสียชีวิตได้ทันทีเหมือนกัน ฉะนั้นหากต้องวิ่งมาราธอนหรือออกกำลังกายอะไรก็แล้วแต่ อาจจะต้องเปลี่ยนช่วงเวลาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ร้อนมาก นอกจากนี้คนอ้วนก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่แดดร้อน ๆ เพราะคนอ้วนก็เป็นอีกกลุ่มที่จะเกิดโรคลมแดดได้เช่นเดียวกัน

วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2566

ประชาชนและนักท่องเที่ยวแห่เล่นทะเลน้ำจืด หาดทรายทองศรีโตรบูรณ์ นครพนม ต่อเนื่อง

วันที่ 15 เมษายน 2566 ที่บริเวณหาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ที่จังหวัดนครพนมได้มีการเนรมิตสถานที่ให้เป็นทะเลน้ำจืด ภายใต้แนวคิด นครพนมบีช ที่นำเอาทุกอย่างมาไว้คอยบริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ได้ผ่อนคลาย สนุกสนาน และเพลิดเพลินไปกับการช้อป ชิม แชะ และแชร์ สร้างการรับรู้ถึงจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่จะมีเฉพาะในช่วงที่แม่น้ำโขงลดระดับลงต่ำ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งบรรยากาศตลอดทั้งวันยังเป็นไปด้วยความคึกคักและต่อเนื่องจากเมื่อวาน โดยในวันนี้ในช่วงเช้าประชาชนและนักท่องเที่ยวจะมีไม่มากเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเล่นน้ำสงกรานต์ในลักษณะนำถังขึ้นบนรถกระบะแล้ววิ่งไปตามถนนในชุมชนที่มีการเล่นเป็นจุด ๆ แต่พอเริ่มสายที่อากาศเริ่มร้อนทุกคนก็ทยอยออกมาเล่นน้ำที่หาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์กัน

โดยหนึ่งในผู้ที่มาพักที่โรงแรมที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตนเองและครอบครัวพักอยู่ห้องที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง ทำให้เห็นว่ามีหาดทรายที่ยื่นลงไปในแม่น้ำโขงสวยงามมากและมีคนลงไปเดินเล่นและไปเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงเห็นว่ามีการเล่นกีฬาจึงเกิดความสงสัยว่าตรงนั้นมีกิจกรรมอะไร พอสอบถามพนักงานของโรงแรมจึงได้รู้ว่าเป็นสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์ ที่ทางจังหวัดนครพนมได้มีการวางแผนให้ทุกคนได้มาสนุกร่วมกัน ซึ่งพอมาแล้วก็ต้องบอกว่าถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่ชอบมากเลยทีเดียว เพราะปกติตนเองและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลที่พอลงเล่นน้ำแล้วจะเหนียวตัวขึ้นมาก็ต้องรีบไปหาน้ำจืดอาบ แต่พอเล่นน้ำที่นครพนมแล้วเล่นได้ทั้งวัน ลูกหลานที่มาด้วยก็ขอเล่นจนถึงเย็น ที่สำคัญคือมีเจ้าหน้าที่กระจายยืนอยู่ตามจุดต่าง ๆ คอยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้ตลอดเวลา รวมถึงมีบริการให้เช่าเครื่องเล่น มีร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ที่เราสามารถซื้อแล้วมานั่งรับประทานตามจุดต่าง ๆ ได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องเช่าที่นั่ง พร้อมกับการชมวิวและมองดูลูกหลานเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ ยิ่งพอใกล้ตกเย็นที่พระอาทิตย์กำลังโพล้เพล้ ยิ่งมีความสวยงามมองไปแต่ละทิศจะเห็นความสวยงามที่แตกต่างกันไปเป็นภาพประทับใจที่ยากมาอีก โดยมีการพูดคุยกันกับคนในครอบครัวแล้วว่าในปีหน้า จะมีแผนมาพักที่นครพนมอีกครั้งโดยจะให้มีเวลามากกว่านี้เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ไปอีกหลายแห่ง


พลังศรัทธาแน่นวัด พร้อมใจประกอบพิธียกยอดพระธาตุมรุกขนคร

วันที่ 15 เมษายน 2566 ที่วัดมรุกขนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเนืองแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมประกอบพิธียกยอดพระธาตุมิ่งเมืองมรุกขนคร หรือที่หลายคนรู้จักในนามพระธาตุมรุกขนคร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดในวันพุธกลางคืน โดยก่อนที่จะมีการประกอบพิธีทุกคนได้ร่วมกันแห่อัญเชิญยอดพระธาตุที่ทำจากทองคำ พร้อมกระดิ่งทองคำชัยมงคล และมณฑปไปรอบบริเวณวัด เป็นจำนวน 3 รอบ จากนั้นนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียน นำทุกคนร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เมื่อเสร็จพิธี พระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีเจิมยอดฉัตรพระธาตุและมณฑป จากนั้นจึงเป็นการอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดพระธาตุมรุกขนคร

พระธาตุมรุกขนคร ตั้งอยู่ภายในวัดมรุกขนคร ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุราวสามร้อยปี สร้างขึ้นโดยพระบรมราชาซึ่งเป็นท่านเจ้าเมืองมรุกขนคร ในส่วนขององค์พระธาตุมรุกขนครนั้นเป็นพระธาตุบริวารของพระธาตุพนมองค์ที่อายุน้อยที่สุด สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2536 เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ค่าก่อสร้างรวม 35,000,000 บาท โดยได้รับการอุปถัมภ์จากหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ ราชเลขาธิการ และคุณหญิงบุญศรี สนธยางกูล พร้อมด้วยศรัทธาจากญาติโยมทั่วทุกสารทิศ ซึ่งองค์พระธาตุมีลักษณะคล้ายพระธาตุพนมแต่มีขนาดเล็กกว่า โดยองค์พระธาตุจะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ฐานกว้างด้านละ 20 เมตร สูง 50.9 เมตร ทาด้วยสีขาวและตกแต่งลวดลายสีทองทำให้มีความสวยงามมองเห็นลวดลายอันวิจิตรได้อย่างชัดเจน ด้านบนยอดประดับด้วยฉัตรทองภายในบรรจุพระสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากการค้นพบซากปรักหักพังของพระธาตุในอดีต พร้อมทั้งแก้วแหวนเงินทอง

ส่วนบริเวณโดยรอบองค์พระธาตุจะมีกำแพงแก้วและซุ้มประตู หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศประจำของผู้เกิดวันพุธกลางคืน โดยทิศดังกล่าวมี พระควัมปติ หรือพระสีวลี เป็นพระอรหันต์ประจำทิศ ผู้เป็นเอตทัคคะเลิศกว่าพระภิกษุทั้งหลายในเรื่องโชคลาภ ผู้ที่เกิดวันพุทธกลางคืน จึงเก่งทางด้านการค้า การเสี่ยงโชค และเป็นที่รักของคนรอบข้างจากอิทธิพลของเทวดาประจำวัน ส่งผลให้ผู้ที่ได้มากราบนมัสการพระธาตุมรุกขนครแห่งนี้ ได้รับอานิสงส์เป็นคนที่ช่างคิด มีความรอบรู้ ค้าขายเก่ง มีจิตใจโอบอ้อมอารีมีน้ำใจกว้างดุจมหาสมุทร

นอกจากนี้ภายในวัดยังมีศาสนสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พระอุโบสถ ศาลเจ้าปู่ขอม พญานาค 3 ตน และพระโพธิสัตว์กวนอิม และยังมีองค์พระพุทธรูปมากมายให้พุทธศาสนิกชนได้มาสักการะกราบไหว้

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2566

เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ออกสลากกาชาดการกุศลจังหวัดนครพนม ประจำปี 2566

วันที่ 14 เมษายน 2566 ที่บริเวณถนนสวรรค์ชายโขง เทศบาลเมืองนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมการออกผลสลากกาชาดการกุศลจังหวัดนครพนม ประจำปี 2566 ซึ่งจะมีการหมุนวงล้อออกสลากเพื่อหารายได้มาสนับสนุนภารกิจในการบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ ตามภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ที่เป็นองค์กรการกุศล เพื่อมนุษยธรรมและมีฐานะเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ในการช่วยบรรเทาทุกข์และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยในเวลา 18.00 น.ได้เริ่มกิจกรรมการแสดงแสกเต้นสากของชนเผ่าไทแสก จากนั้นจึงเป็นการเปิดเวทีจำหน่ายสลากที่เหลือ กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 40 นาทีสลากก็หมด จึงเข้าสู่ขั้นตอนการออกสลาก โดยนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวแทนภาคประชาชนร่วมกันหมุนวงล้อเพื่อออกรางวัลให้ผู้ใจบุญที่มีจิตอันเป็นกุศลได้ลุ้นรับของรางวัลพร้อมกับการทำบุญ ซึ่งผลการหมุนวงล้อในครั้งนี้ปรากฎว่า รางวัลที่ 1 ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะ ดับเบิ้ลแคป 1 รางวัล ได้แก่หมายเลข 29481 ส่วนรางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 รางวัล ได้แก่หมายเลข 21079 , 41570 ,35481 และ 31400 รางวัลที่ 3 สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 4 รางวัล ได้แก่หมายเลข 39509 , 08126 ,06621 และ 29819  นอกจากนี้ยังมีรางวัลแหวนทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง อีกจำนวน 30 รางวัล รางวัลทองคำแผ่น มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 40 รางวัล รางวัลพัดลมตั้งพื้น ขนาด 16 นิ้ว จำนวน 40 รางวัล และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ที่เป็นบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาท จำนวน 200 รางวัล


ทั้งนี้ผู้ที่ซื้อสลากกาชาดการกุศลสามารถตรวจสอบรางวัลได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม โทร 042-511580 หรือที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม หรือที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดนครพนม ที่ WWW.nakhonphanom.go.th และเฟสบุ๊ค สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ส่วนผู้ที่โชคดีสามารถติดต่อรับรางวัลได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ถนนสุนทรวิจิตร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภายใน 30 วัน หลังวันออกสลากกาชาด (29 พฤษภาคม 2566) เว้นวันหยุดราชการ หากพ้นกำหนดจะถือว่าท่านสละสิทธิ์


พุทธศาสนิกชนชาวนครพนม รวมใจนำต้นกัลปพฤกษ์ล่องน้ำโขงทอดถวายวัด พร้อมสักการะรอยพุทธบาทเวินปลาอันศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 14 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม พระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานนำคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม ซึ่งประกอบไปด้วย พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น จังหวัดมหาสารคาม พระอาจารย์สมัย รักขิตธัมโมเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อำเภอปลาปาก นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ สร้างต้นกัลปพฤกษ์จำลองเพื่อนำไปทอดถวายวัดเป็นการร่วมกันสร้างบุญกุศลให้กับตัวเอง บุคคลในครอบครัว และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยเป็นการล่องเรือสำราญทวนแม่น้ำโขงจากบริเวณทางขึ้น-ลง ท่าเทียบเรือท่องเที่ยว หน้าตลาดอินโดจีน ถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม ไปสักการะรอยพระพุทธบาทเวินปลาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดพระบาทเวินปลา อำเภอท่าอุเทน จากนั้นจึงได้ร่วมกันตั้งขบวนแห่ไปรอบต้นศรีมหาโพธิ์ที่อยู่ภายในวัด จำนวน 3 รอบ ก่อนที่จะนำไปทอดถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ของวัดพระบาทเวินปลาได้ใช้ในการพัฒนาวัดให้มีความเจริญและคงอยู่คู่กับชุมชน เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นการสืบสาน รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงานให้คงอยู่สืบไป

โดยต้นกัลปพฤกษ์เป็นไม้มงคลที่มีอยู่ในแดนสวรรค์ เชื่อว่าใครได้ตั้งจิตอธิษฐานใต้ต้นไม้นี้จะทำให้สมปรารถนา โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสพระธรรมเทศนาไว้ว่า ผู้ใดมีใจศรัทธามาก่อสร้างกัปปรุกขัง ยังต้นกัลปพฤกษ์ถวายบูชาคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการแล้ว จะเป็นผู้มีอานิสงค์มาถึง 16 กัลป์ และบุคคลผู้กระทำนั้นครั้งสิ้นชีพไปแล้วจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ ครั้งจุติจากสวรรค์แล้ว ก็จะมาเกิดในโลกมนุษย์นี้ก็จะครองสมบัติพระจักรพรรดิราชในบ้านน้อยเมืองใหญ่ถึง 28 ชาติ ส่วนรอยพระพุทธบาทเวินปลาถูกบันทึกไว้ในหนังสือใบลานตำนานพระอุรังคธาตุสมัยสร้างพระธาตุพนมรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 8 หรือกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินทางมาเผยแพร่พระธรรมในชมพูทวีปลุ่มน้ำโขง ล่องมาตามลำแม่น้ำโขง ได้มีเหล่าพญานาคใต้เมืองบาดาล และพญาปลาปากคำที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแปลงกลายนิมนต์พระองค์ลงไปแสดงธรรมใต้บาดาล และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นมาโลกมนุษย์ ได้ร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนพระองค์ไหว้กราบบูชา พระพุทธเจ้าจึงได้ประทับรอยพระบาทไว้บนโขดหิน คือ รอยพระพุทธบาทเวินปลามาจนถึงทุกวันนี้ โดยในช่วงหน้าฝนน้ำในแม่น้ำโขงขึ้นก็จะจมอยู่ใต้น้ำเป็นที่กราบไหว้ของสิ่งลี้ลับใต้บาดาล พอถึงช่วงหน้าแล้งน้ำลดก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาวได้กราบไหว้ โดยรอยพระพุทธบาทเวินปลาจะอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร และห่างจากวัดพระบาทเวินปลาประมาณ 200 เมตร


นครพนมปรับแผนดูแลและอำนวยความสะดวก เน้นปฏิบัติการเชิงรุกเข้าหากลุ่มเสี่ยงลดอุบัติในชุมชน

วันที่ 14 เมษายน 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมและติดตามการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 ที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาในพื้นที่ โดยจากข้อมูลสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม รายงานว่าตลอดวันที่ 13 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา จังหวัดนครพนมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนที่ด้านการบังคับใช้กฎหมายมีการเรียกตรวจ 5,588 คัน พบผู้กระทำความผิด 306 ราย เป็นผู้ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยมากสุด คือ 121 ราย รองลงมาเป็นไม่มีใบขับขี่ เมาสุรา มอเตอร์ไซต์ไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ไม่มีใบขับขี่ ขับรถย้อนศร ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ แซงในที่คับขันฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ตามลำดับ

และในโอกาสนี้ปลัดจังหวัดนครพนม ได้มีการเน้นย้ำในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้เจ้าหน้าที่เร่งวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง จากนั้นให้ปรับวิธีปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ เช่น ถ้าถนนที่เกิดอุบัติเหตุทัศนวิสัยไม่ดีก็ให้เพิ่มแสงสว่าง ให้มีป้ายแจ้งเตือน เป็นต้น ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ตามด่านชุมชนที่ปัจจุบันคนอยู่ในพื้นที่เป็นหลักแล้วให้ปรับกำลังเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกอยู่ที่ด่านเหมือนเดิม อีกส่วนให้เป็นชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าหากลุ่มเสี่ยงที่จะออกมาใช้รถใช้ถนน เป็นการป้องปรามล่วงหน้าทำงานในเชิงรุกก่อนที่จะสายจนเกินไป ส่วนการเล่นน้ำสงกรานต์ถ้าใช้รถกระบะเล่นในถนนสายหลัก ก็ไม่ให้มีการนั่งตามขอบกระบะเพราะมีโอกาสเกิดอันตรายขณะที่รถเคลื่อนที่ได้ นอกจากนี้ยังให้สืบสวนขยายผลไปยังร้านค้า สถานประกอบการที่กระทำผิดกฎหมายจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงให้มีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในชุมชน เพื่อสร้างการรับรู้ในมาตรการที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ พร้อมให้แจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เนื่องจากในช่วงวันที่ 15-16 เมษายน 2566 อาจจะเกิดพายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรง อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้


วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566

ชาวผู้ไทเรณูนคร จัดใหญ่รังสรรค์วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นขบวนแห่สงกรานต์ สร้างผลงานชิ้นเอกแห่รอบเมือง สืบสานประเพณีไทย

วันที่ 13 เมษายน 2566 ที่สนามกีฬาที่ว่าการอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดและปล่อยขบวนแห่งานประเพณีสงกรานต์ผู้ไทเรณูนคร ประจำปี 2566 ที่นายอำเภอเรณูนคร ร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชนชาวอำเภอเรณูนครจัดขึ้นเพื่อสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม ทั้งเป็นการเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

โดยกิจกรรมภายในงานจะมีทั้งการร่วมกันทำบุญตักบาตร การสรงน้ำพระ รดน้ำขอพจากผู้สูงอายุ การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำเผ่าผู้ไท การประกวดร้องเพลง การประกวดสาวงาม และการประกวดขบวนแห่สงกรานต์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสีสันต์ของงานด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตา กับการสร้างสรรค์ขบวนแห่ของแต่ละชุมชนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้กลายเป็นขบวนแห่นางสงกรานต์ที่งดงาม โดยแต่ละคนจะมีการนำเอาทักษะความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่มาช่วยกันประกอบชิ้นส่วนเพื่อที่จะใช้ตกแต่งขบวนรถแห่ตามจินตนาการที่ได้ร่วมกันออกแบบ เช่น การนำเอาต้นกกและดอกหญ้าในชุมชนที่หลายคนใช้สร้างเป็นอาชีพเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวจากการทอสื่อ ทำกระเป๋า และไม้กวาด มาร่วมกันออกแบบและถักทอในรูปแบบใหม่จนกลายเป็นเรือพญานาคขนาดใหญ่สวยงามหาที่ใดเหมือน หรือบางขบวนก็มีการนำดอกไม้นา ๆ ชนิดที่แต่ละคนปลูกไว้จำหน่าย และเพื่อความสวยงามของแต่ละบ้าน มารวมกันจัดตกแต่งใส่ตูบวางบนรถแห่ โดยมีการประดับสลับสีใส่หวดนึ่งข้าวเหนียวของคนอีสานแล้วร้อยต่อกันให้เป็นเหมือนตัวพญานาคเลื้อยไปตามตูบที่วางอยู่บนรถแห่กลายเป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ที่ได้พบเห็น หยิบมือถือและกล้องขึ้นมาถ่ายภาพแห่งความประทับใจไว้ในความทรงจำ โดยขบวนแห่ทั้งหมดจะมีการแห่ไปรอบอำเภอเรณูนครพนมเพื่อให้ทุกคนได้ชมก่อนที่จะย้อนกลับมายังบริเวณงานอีกครั้งเพื่อประกวดชิงรางวัล


นอกจากนี้ภายในงานชาวผู้ไทเรณูนคร ยังได้มีการจัดสร้างซุ้มและบ้านจากไม้ไผ่ ประดับด้วยธุงหลากสี ไว้ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้มานั่งพักผ่อนไปพร้อมกับเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของเมืองเวเรณูนคร และการจับจ่ายสินค้าเด่นที่แต่ละชุมชนนำมาวางจำหน่ายเพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้จับจองเป็นของฝากของที่ระลึกสำหรับบุคคลอันเป็นที่รักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือจะเลือกซื้อหาอาหารเด็ดที่แม่ครัวนำวัตถุดิบมาปรุงให้รับประทานแบบถึงที่เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ลิ้มลองกับเมนูข้าวปุ้นน้ำนัวกะปิปลาร้า ที่เป็นอาหารพื้นบ้าน รสเลิศ เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวผู้ไทซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมทั้งจากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่ได้ลิ้มลองแล้วติดใจซื้อหากับไปฝากคนอื่น ๆ ให้ได้รับประทานเพราะชาวผู้ไทมีการพัฒนาเป็นแบบอบแห้งที่สามารถนำไปปรุงที่ไหนรับประทานก็ได้


ผู้ว่าฯ นครพนม นำทีมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่าน พร้อมลงพื้นที่แนะประชาชนใส่หมวกนิรภัยก่อนการขับขี่ทุกครั้ง

วันที่ 13 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามจุดตรวจจุดสกัด และด่านชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครพนม อำเภอธาตุพนม และอำเภอเรณูนคร พร้อมสอบถามสถานกาณ์การเดินทางในพื้นที่ สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทำหน้าที่รวมถึงแนวทางการแก้ไข เพื่อให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 เป็นไปอย่างมีประสิทธิ์ภาพสูงสุด ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากการใช้รถใช้ถนน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนาย ที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่าที่จะได้อยู่กับครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รักมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน จนทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตของจังหวัดนครพนมลดลง ซึ่งในห้วง 2 วันที่ผ่านมาสถิติการเกิดอุบัติเหตุของจังหวัดนครพนมยังคงเป็นศูนย์ นั่นหมายถึงมาตรการ 3 ด่าน คือ ด่านครอบครัว ด่านชุมชน และด่านหลัก ที่ทุกคนได้ทำตามแผนร่วมกันมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ก็มีข้อมูลจากการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเรียกตรวจ ทำให้พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่ยังไม่มีการหมวกนิรภัย ทั้งที่การสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยในแต่ละปีส่วนหนึ่งเป็นการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่ศีรษะของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และการสวมหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อคจะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ได้ขณะประสบอุบัติเหตุ

ดังนั้นในวันนี้นอกจากการตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัด และด่านชุมชนแล้ว จึงถือโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมพบปะกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อสอบถามความคิดเห็นในแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ว่ามีส่วนไหนควรปรับปรุงเพิ่มเติม รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการทั้งหมดที่จังหวัดกำลังดำเนินการอยู่ และฝากย้ำเตือนในการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งก่อนการขับขี่เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำเพื่อป้องปราม ควบคุมไม่ให้บุตรหลานที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ขับขี่ได้ออกมาใช้รถใช้ถนนที่นำมาซึ่งความเสี่ยงและผลเสียต่อบุคคลอื่น ๆ เนื่องจากหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาบุตรหลานที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องรับโทษแล้ว พ่อแม่หรือผู้อนุบาลก็ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน


อุบัติเหตุนครพนมยังเป็นศูนย์ ย้ำด่านครอบครัวคือจุดแรกของการไม่เกิดอุบัติเหตุ

วันที่ 13 เมษายน 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมและติดตามการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 ที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาในพื้นที่

โดยจากข้อมูลสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม รายงานว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมานครพนมยังไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทำให้ยอดผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตยังคงเป็น 0 ขณะที่ด้านการบังคับใช้กฎหมายมีการเรียกตรวจไปแล้ว 9,787 คัน พบผู้กระทำความผิด 621 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย รองลงมาไม่มีใบขับขี่ มอเตอร์ไซต์ไม่ปลอดภัย เมาสุรา ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตามลำดับ 

และในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้มีการกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่าที่จะได้อยู่กับครอบครัว บุคคลอันเป็นที่รักมาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ช่วยกันดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งได้เน้นย้ำในการใช้ด่านครอบครัวที่เหมือนหัวใจสำคัญของจุดเริ่มต้นอุบัติเหตุ เพราะจากการลงพื้นที่เยี่ยมจุดตรวจได้พบว่าปัจจุบันมีลูกหลาน พี่น้องชาวนครพนมส่วนใหญ่กลับถึงบ้านแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้คงจะมีการเฉลิมฉลองกัน จึงอยากให้ทุกคนได้ช่วยกันดูแลคนในครอบครัว ถ้ามีการดื่ม หรืออาการง่วง อย่าให้ออกมาใช้รถใช้ถนน เพราะจะเป็นความเสี่ยงกับบุคคลอื่นๆที่สัญจรไปมา ที่สำคัญคือการพูดคุยกันในครอบครัวจะสามารถควบคุมกันได้ง่ายกว่า แต่ถ้าหลุดรอดออกมาก็ขอให้ด่านที่ 2 ซึ่งเป็นด่านชุมชนป้องปรามและตักเตือนไว้ แต่ถ้ามาถึงด่านที่ 3 ที่เป็นจุดตรวจนั่นหมายถึงการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจังและเคร่งครัด 

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566

รองผู้ว่าฯ นครพนม นำทีมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ รับฟังปัญหาพร้อมสร้างแนวปฏิบัติให้เป็นหนึ่งเดียว

วันที่ 12 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และสอบถามถึงสถานกาณ์การเดินทางในพื้นที่ สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงาน รวมถึงแนวทางการแก้ไขเพื่อให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 เป็นไปอย่างมีประสิทธิ์ภาพ ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากการใช้รถใช้ถนน โดยเป็นการลงพื้นที่ติดตามใน 3 อำเภอ คือ อำเภอปลาปาก อำเภอโพนสวรรค์ และอำเภอท่าอุเทน ประกอบไปด้วย จุดตรวจสามแยกบ้านนาเรียง ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จุดตรวจหน้าตลาดสดชุมชนหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จุดตรวจหน้าโรงพยาบาลปลาปาก จุดตรวจหน้า สภ.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จุดตรวจหน้าแยกบ้านโพนบก ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ และจุดตรวจหน้าที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน

โดยในโอกาสนี้ได้กล่าวขอบคุณทุกนายที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่ามาปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งได้มีการเน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ให้ปฏิบัติหน้าที่บนความถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ อย่าปล่อยปะละเลยในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และต้องเข้าใจในบทบาท อำนาจ หน้าที่ของตนเอง ว่าสามารถปฏิบัติได้มากน้อยขนาดไหน เรื่องใดที่จำเป็นเร่งด่วน ต้องปฏิบัติก่อนและหลัง และถ้าเกินอำนาจหน้าที่ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงขึ้นไปทราบ เพื่อที่จะได้ช่วยกันแก้ไขให้

อย่างไรก็ดีได้ฝากผู้บริการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจน อสม. และอาสาสมัครต่าง ๆ ที่มาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ขอให้ช่วยกันเฝ้าดูแล และประชาสัมพันธ์ไปยังเพื่อนบ้านขออย่าให้ คนในหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีการดื่ม มีอาการง่วง ร่างกายไม่พร้อมที่จะขับขี่ออกมาใช้รถใช้ถนน เพราะถ้าออกมาได้จะเป็นความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้ามาถึงจุดตรวจนั้นหมายถึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการผ่อนปรนไม่ว่ากรณีใด ๆ อีกทั้งอยากให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมด้วย หากพบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติดที่ในห้วงนี้ เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังปฏิบัติหน้าที่ในหลาย ๆ ภารกิจ ซึ่งอาจจะกลายเป็นช่องว่างให้ขบวนการค้ายาเสพติด มีการลักลอบนำเข้ามาในพื้นที่ได้


วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566

มณฑลทหารบกที่ 210 จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาค่ายพระยอดเมืองขวาง ครบรอบปีที่ 50

วันที่ 11 เมษายน 2566 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง มณฑลทหารบกที่ 210 ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ข้าราชการบำนาญและครอบครัว ตลอดจนผู้ที่พักอาศัยอยู่ในค่ายพระยอดเมืองขวางร่วมกันทำบุญตักบาตร ทอดผ้าบังสุกล อุทิศกุศล แด่พระยอดเมืองขวางและเหล่าทหารกล้าผู้วายชน ที่ได้เสียสละเพื่อชาติ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 210 ครบรอบปีที่ 50 ก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันสรงน้ำพระ และรดน้ำขอพรจากอดีตผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา คณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือเพื่อความเป็นสิริมงคลและสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทยเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566

โดยมณฑลทหารบกที่ 210 ได้มีการจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2514 ตามคำสั่งกองทัพบกที่ให้ย้ายกองพันทหารราบที่ 3 กรมผสมที่ 6 จากค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มาอยู่ที่บ้านนาโพธิ์ ตำบลกุรุคุ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ในนามหน่วยกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ขณะเดียวกันกองทัพบกก็ได้จัดตั้งจังหวัดทหารบกอุดรธานี ส่วนแยกที่ 2 นครพนม เพื่อให้การสนับสนุนแก่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ซึ่งต่อมาได้แปรสภาพเป็นจังหวัดทหารบกนครพนมเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2533 และแปรสภาพเป็นมณฑลทหารบกที่ 210 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 มาจนถึงปัจจุบัน โดยมณฑลทหารบกที่ 210 มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าค่ายพระยอดเมืองขวาง ซึ่งเดิมคือ ค่ายนาโพธิ์ ที่ตั้งตามชื่อหมู่บ้าน แต่ด้วยเหตุการณ์ประหลาดที่มีฟ้าผ่าลงมาตรงกลางป้ายที่เขียนว่าค่ายนาโพธิ์ เป็นเหตุให้ป้ายแยกออกเป็น 2 ซีก แม้ทำป้ายมาเปลี่ยนใหม่ก็เกิดเหตุเช่นเดิมอีก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ค่ายพระยอดเมืองขวาง

โดยในค่ายมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าทหารในสังกัดค่ายพระยอดเมืองขวาง ตลอดจนประชาชนที่อยู่รอบค่ายให้ความเคารพนับถือและมักจะมากราบไหว้ขอพรอยู่เสมอๆ คือศาลปู่พระยอดเมืองขวาง ที่เกิดขึ้นจากนายทหารยศพลเอก ได้ฝันเห็นชายใส่ชุดไทยเหมือนคนในรัชกาลที่ 5 มีดาบ มีกระบี่ ใส่หมวกบานอันใหญ่ มาเข้าฝันขอให้ตั้งศาลและอัญเชิญดวงวิญญาณมาอยู่ เนื่องจากวิญญาณไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องเร่ร่อนไปมาระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและค่ายพระยอดเมืองขวาง ซึ่งก็คือ พระยอดเมืองขวาง ที่เป็นข้าราชการในรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองชายพระราชอาณาเขต คือ เมืองคำม่วน และได้ปฏิบัติภารกิจด้วยความรักชาติ ทำการป้องกันอธิปไตยดินแดนไทย จนเป็นเหตุให้คนของชาติผู้ถูกรุกรานถึงแก่ความตาย รัฐบาลของชาตินั้นได้กล่าวฟ้องร้อง และเรียกร้องให้เอาตัวพระยอดเมืองขวางขึ้นศาล เพื่อพิจารณาความผิดและลงโทษคดี ซึ่งเนื้อแท้เป็นคดีอาญาฆ่าคนและทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสธรรมดา แต่ตอนหลังได้กลายเป็นคดีความระหว่างประเทศ ที่นอกจากจะพิจารณาคดีในศาลแล้ว ยังมีการเจรจาทางการทูตระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศส จนเป็นเหตุให้พระยอดเมืองขวางถูกพิจารณาลงโทษในที่สุด


จ.นครพนม บูรณาการร่วมเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกทางถนน ดูแลประชาชนช่วงสงกรานต์ 2566

วันที่ 11 เมษายน 2566 ที่บริเวณหน้าสำนักงานหมวดทางหลวงนครพนม บ้านดอนยานาง ตำบลนาทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ตามแผนศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครพนม ซึ่งได้บูรณาการหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนในการช่วยกันดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมาในพื้นที่ ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่จังหวัดนครพนมจะใช้ปฏิบัติการดูแลและอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน ซึ่งในปีนี้มีการเตรียมการตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อเดือนที่แล้ว โดยคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีการสั่งการในเรื่องนี้ จึงได้มีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยเตรียมความพร้อม รวมถึงมีการซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติ โดยแนวความคิดที่มอบไปคือ นครพนมเมืองแห่งความปลอดภัยที่เราได้มีการรณรงค์เตรียมความพร้อมในเรื่องความปลอดภัยทางถนนไว้เป็นการล่วงหน้า ณ ขณะนี้รัฐบาลก็ได้มีการมอบหมายให้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการพร้อมเพียงกันทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาจังหวัดนครพนมได้มีการใช้มาตรการ 3 ด่านลดอุบัติเหตุ คือ ด่านครอบครัวที่เป็นด่านแรก ด่านหลักที่จะช่วยกันดูแลคนในครอบครัวของตนเอง จะรับประทานจะสนุกสนานก็ต้องอยู่ในขอบเขตอยู่ในหมู่บ้าน และถ้ามีการดื่มแอลกอฮอล์แล้วสิ่งแรกที่จะต้องทำคือการห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด ด่านต่อมาคือด่านชุมชนที่จะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายปกครองที่จะช่วยกันดูแลเป็นชั้นที่ 2 ก่อนออกสู่ด่านสุดท้ายที่เป็นถนนหลัก ที่หน่วยงานได้บูรณาการกันมาทุกปี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ดังนั้น จึงได้นำมาตรการนี้มาใช้อีกครั้งเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ได้ขอให้ทุกหน่วยได้ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และขอบคุณทุกท่านที่ได้เสียสละความสุขส่วนตัว ความสบายในช่วง 7 วันอันตรายมาดูแลพี่น้องประชาชนช่วยกัน

โดยในโอกาสนี้ยังได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ขับขี่รถยนต์ รถจักยานยนต์ ขอให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดด้วย เพราะจังหวัดนครพนมจะดำเนินการอย่างเข้มข้นเพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัย และให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ขับขี่รถจักยานยนต์อยากให้สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่มีการขับขี่ เนื่องจากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทั่วประเทศพบว่า ร้อยละ 70 ของผู้เสียชีวิตหรือผู้พิการมาจากการใช้รถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย และถ้าทุกคนสวมใส่ เวลาเกิดอุบัติเหตุจะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึงร้อยละ 72 และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้มากถึง 39 %

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566

นครพนมจัดน้ำมนต์ 3 พระอารามหลวง เตรียมฝากนักท่องเที่ยวสงกรานต์ 66

วันที่ 10 เมษายน 2566 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ มหาสงกรานต์ มหามงคล น้ำมนต์ 3 พระอารามหลวง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ร่วมกับกลุ่มจังหวัดสนุก ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม และจังหวัดมุกดาหารจัดขึ้น เพื่อทำน้ำมนต์ 3 พระอารามหลวงไว้เป็นของฝากของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน 3 จังหวัด

โดยภายหลังการประกอบพิธีแล้วจะนำไปแจกจ่ายให้กับสถานประกอบการด้านโรงแรม ที่ได้รับมาตรฐาน SHA ของทั้ง 3 จังหวัด เพื่อส่งมอบให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเข้าพักตลอดเดือนเมษายน 2566 การมอบสิ่งที่เป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ไทยในช่วงสงกรานต์ 2566 ทั้งเป็นการสร้างแรงจูงใจและเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง ริมฝั่งแม่น้ำโขงเพิ่มมากยิ่งขึ้น สำหรับการประกอบพิธีครั้งแรกประกอบวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ที่วัดศรีมงคลใต้ จังหวัดมุกดาหาร และครั้งที่ 3 ในวันนี้ประกอบพิธีที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม โดยได้รับความเมตตาจากพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเป็นประธานฝ่ายสงฆ์จุดเทียนชัย เจริญจิตภาวนา และพระราชรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองนำคณะสงฆ์ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์