วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2566

พุทธศาสนิกชนชาวนครพนม รวมใจนำต้นกัลปพฤกษ์ล่องน้ำโขงทอดถวายวัด พร้อมสักการะรอยพุทธบาทเวินปลาอันศักดิ์สิทธิ์

วันที่ 14 เมษายน 2566 ที่จังหวัดนครพนม พระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานนำคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม ซึ่งประกอบไปด้วย พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น จังหวัดมหาสารคาม พระอาจารย์สมัย รักขิตธัมโมเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อำเภอปลาปาก นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ สร้างต้นกัลปพฤกษ์จำลองเพื่อนำไปทอดถวายวัดเป็นการร่วมกันสร้างบุญกุศลให้กับตัวเอง บุคคลในครอบครัว และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยเป็นการล่องเรือสำราญทวนแม่น้ำโขงจากบริเวณทางขึ้น-ลง ท่าเทียบเรือท่องเที่ยว หน้าตลาดอินโดจีน ถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม ไปสักการะรอยพระพุทธบาทเวินปลาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดพระบาทเวินปลา อำเภอท่าอุเทน จากนั้นจึงได้ร่วมกันตั้งขบวนแห่ไปรอบต้นศรีมหาโพธิ์ที่อยู่ภายในวัด จำนวน 3 รอบ ก่อนที่จะนำไปทอดถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ของวัดพระบาทเวินปลาได้ใช้ในการพัฒนาวัดให้มีความเจริญและคงอยู่คู่กับชุมชน เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นการสืบสาน รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงานให้คงอยู่สืบไป

โดยต้นกัลปพฤกษ์เป็นไม้มงคลที่มีอยู่ในแดนสวรรค์ เชื่อว่าใครได้ตั้งจิตอธิษฐานใต้ต้นไม้นี้จะทำให้สมปรารถนา โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสพระธรรมเทศนาไว้ว่า ผู้ใดมีใจศรัทธามาก่อสร้างกัปปรุกขัง ยังต้นกัลปพฤกษ์ถวายบูชาคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการแล้ว จะเป็นผู้มีอานิสงค์มาถึง 16 กัลป์ และบุคคลผู้กระทำนั้นครั้งสิ้นชีพไปแล้วจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ ครั้งจุติจากสวรรค์แล้ว ก็จะมาเกิดในโลกมนุษย์นี้ก็จะครองสมบัติพระจักรพรรดิราชในบ้านน้อยเมืองใหญ่ถึง 28 ชาติ ส่วนรอยพระพุทธบาทเวินปลาถูกบันทึกไว้ในหนังสือใบลานตำนานพระอุรังคธาตุสมัยสร้างพระธาตุพนมรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 8 หรือกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินทางมาเผยแพร่พระธรรมในชมพูทวีปลุ่มน้ำโขง ล่องมาตามลำแม่น้ำโขง ได้มีเหล่าพญานาคใต้เมืองบาดาล และพญาปลาปากคำที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแปลงกลายนิมนต์พระองค์ลงไปแสดงธรรมใต้บาดาล และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นมาโลกมนุษย์ ได้ร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนพระองค์ไหว้กราบบูชา พระพุทธเจ้าจึงได้ประทับรอยพระบาทไว้บนโขดหิน คือ รอยพระพุทธบาทเวินปลามาจนถึงทุกวันนี้ โดยในช่วงหน้าฝนน้ำในแม่น้ำโขงขึ้นก็จะจมอยู่ใต้น้ำเป็นที่กราบไหว้ของสิ่งลี้ลับใต้บาดาล พอถึงช่วงหน้าแล้งน้ำลดก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาวได้กราบไหว้ โดยรอยพระพุทธบาทเวินปลาจะอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร และห่างจากวัดพระบาทเวินปลาประมาณ 200 เมตร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น