วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566

สกู๊ปข่าว นรข.ร่วมใจต้านภันยาเสพติด

 พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง กล่าวว่า ด้วยพื้นที่รับผิดชอบตามลำน้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ตั้งแต่เชียงรายไล่ผ่านจังหวัดต่าง ๆ ไปออกที่อุบลราชธานี อำเภอโขงเจียม พื้นที่ประมาณ 900 กิโลเมตรเศษ เป็นพื้นที่ที่ยาวไกลในการวางกำลังสกัดยาเสพติดต่าง ๆ ก็เป็นปัญหาบ้าง แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่ในการวางจุดปฏิบัติการณ์ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมในปี 2565 ที่ผ่านมายาเสพติดยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ประเภทยาไอซ์มีแนวโน้มของการจับกุมตรวจยึดตามแนวริมฝั่งแม่น้ำโขงค่อนข้างสูงขึ้นมากกว่าปีก่อน ส่วนยาบ้าก็ยังคงมีเช่นเดียวกันไม่ได้ลดน้อยลงไป เพียงแต่ยาไอซ์จะสูงกว่า หลัก ๆ ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ตรวจยึดได้ก็จะมีที่อำเภอเชียงแสน แม่น้ำสบรวก จังหวัดเชียงราย เป็นยาบ้า 6 ล้านเม็ด ส่วนยาไอซ์ที่มากที่สุดคือที่สถานีเรือบ้านแพง จังหวัดนครพนม ตรวจยึดได้ 600 กิโลกรัม แล้วก็มีที่อำเภอท่าอุเทนอีก 100 กว่ากิโลกรัม รวมถึงที่สถานีเรือโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย อีก 300 กว่ากิโลกรัม ซึ่งในรอบปีนี้รวม ๆ แล้วตรวจยึดยาไอซ์ได้ประมาณ 1,000 กว่ากิโลกรัม ส่วนยาบ้าก็ 19 ล้านเม็ด ซึงในการสกัดกั้นต่าง ๆ นั้น จะมีขั้นตอนตั้งแต่การป้องปรามที่เป็นการลาดตระเวนตามจุดต่าง ๆ เพื่อกดดันไม่ให้ขบวนการลักลอบนำเข้ายาเสพติดทำงานได้อย่างสะดวก อีกรูปแบบคือการทำงานเชิงลับในการเฝ้าตรวจจุดที่มีความเสี่ยงในการลักลอบขนย้ายยาเสพติดในเวลากลางคืน ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไล่ไปจนถึงช่วงเช้ามืด โดยมีชุดเฝ้าตรวจทั้งทางเรือและทางบกที่เป็นปฏิบัติการร่วมกับการข่าวของเจ้าหน้าที่หน่วยต่าง ๆ ที่บูรณาการและแฝงตัวในพื้นที่ให้ข้อมูล ข่าวสารเข้ามา เพื่อร่วมกันวางแผนสกัดกั้นจับกุม ทั้งนี้ความร่วมมือของชุมชน หรือ ชรบ. ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้เบาะแสภายในพื้นที่ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำมาเป็นข้อมูลในการป้องกันการกระทำความผิดทุกรูปแบบ

โดยวันต่อต้านยาเสพติดโลกในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ทางองค์การยูเนสโกและสหประชาชาติ ได้กำหนดไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกได้ตระหนักรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติด และให้ตื่นตัวในการต่อต้านไม่ให้ยาเสพติดระบาด หรือเป็นการลด ตัดทอนเส้นทางต่าง ๆ เพื่อให้ลดน้อยลงไป หรือหมดไปในที่สุด ในส่วนของข้าราชการต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้นก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีการสกัดกั้นตามแนวชายแดน หรือพื้นที่ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการทำงานของฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด ขณะเดียวกันประชาชนชาวไทยเราเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจากครอบครัวเราเองที่ต้องช่วยกันดูแลบุตรหลาน ให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติด หลังจากนั้นชุมชนก็ช่วยกันสอดส่อง ว่าใครที่มีพฤติกรรมการขายก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ โดยไม่จำเป็นต้องลงไปในรายละเอียดของการปฏิบัติเพียงแจ้งเบาะแสเบื้องต้นเข้ามาแบบลับ ๆ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนก็ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการทันที โดยขอยืนยันว่าผู้ที่แจ้งข้อมูลจะมีความปลอดภัย ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันชุมชนก็จะมีความเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปความพยายามในการค้ายาเสพติดก็จะมีลดน้อยลง บุตรหลานที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด แล้วมีอาการต่าง ๆ จากการเสพยาก็จะหายไปหรือมีน้อยลง ทำให้ภาระในการดูแลสังคมของทุกคนลดน้อยลงไปเช่นเดียวกัน


จังหวัดนครพนม พร้อมใจแสดงจุดยืนประกาศเจตนารมณ์ เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่อาคารโดมโรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 (พินิจพิทยานุสรณ์) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานอ่านสารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก (26 มิถุนายน) และนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตัวแทนภาคเอกชน ประชาชน และนักเรียนนักศึกษา ร่วมกันแสดงจุดยืนประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด ก่อนที่จะร่วมกันชมนิทรรศการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดแต่ละประเภท รวมถึงพิษภัยและโทษที่ส่งผลต่อระบบประสาท สมอง และร่างกายไปจนถึงบัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่มีจุดเริ่มต้นจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ผ่านเลขาธิการ ป.ป.ส. โดยมีพระราชประสงค์ให้นำไปใช้สนับสนุนกิจกรรมของราษฎรที่ร่วมกันป้องกันยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง การนำแอพพลิเคชั่น ThaiD มาใช้ยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน

รวมถึงผลการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ที่ทุกฝ่ายได้บูรณาการความร่วมมือปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม เพื่อกำจัดยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมและขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เป็นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาในรอบตุลาคม 2565 - ปัจจุบัน จังหวัดนครพนมสามารถจับกุมและตรวจยึดยาบ้าได้จำนวน 7,673,2514 เม็ด ยาไอซ์ 728.63 กิโลกรัม สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีทั้งสิ้น 3,753 คดี รวม 3,803 คน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดอายัดทรัพย์สินได้ 6,436,900 บาท ขณะที่ด้านการบำบัดฟื้นฟูสภาพทางสังคม ได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม 1,550 คนโดยแบ่งการอบรมเป็น 31 รุ่น รวมถึงมีการน้อมนำโครงการ TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาใช้ในการป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้ คำขวัญ “ชาวนครพนมมีสุข ด้วยวิถี TO BE NUMBER ONE ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการกัน ช่วยสร้างสรรค์เยาวชนให้เก่งและดี จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้เป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าแข่งขันต่อในระดับประเทศในปี 2566 จำนวน 12 ชมรม


นครพนม ประกอบพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระกุศลสมเด็จพระสังฆราช ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่วัดมหาธาตุ เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนร่วมกันประกอบพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระกุศล งานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมีพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ บ้านเลขที่ 28 หมู่ 1 ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พระชนก(บิดา) มีนามว่า นายนับ ประสัตถพงศ์ (แซ่ตั๊ง) พระชนนี (มารดา) มีนามว่า ตาล ประสัตถพงศ์ สกุลเดิม วรกี เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4 ตำบลโคกกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงมาศึกษาต่อที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลูจนจบชั้น ป. 4 ในปี พ.ศ. 2480 และ พระองค์ผนวชเป็นสามเณรที่วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรีในปี พ.ศ. 2483 โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม มีพระครูศรีธรรมานุศาสน์ (โสตถิ์ สุมิตฺตเถร) เป็นพระอาจารย์คอยอบรมพระธรรมวินัย ขณะจำพรรษาที่วัดตรีญาติ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี นักธรรมชั้นโท นักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 3 ประโยค เปรียญธรรม 4 ประโยค จากนั้นในปี พ.ศ. 2490 ทรงย้ายมาจำพรรษาอยู่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเข้าพิธีผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม มีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งยังทรงได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรมต่อจนสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค เปรียญธรรม 6 ประโยค และเข้าศึกษาจนจบศาสนศาสตรบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จากนั้นทรงเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ที่มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย กระทั่งจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2512 นอกจากนี้สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ยังได้ถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ในปี พ.ศ. 2552 และสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศในปี พ.ศ. 2553

โดยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามโดยนิมนต์สมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เข้าร่วมพระราชพิธี และทรงพระกรณียกิจหลายด้าน ทั้งด้านการปกครอง การศึกษา และการเผยแพร่พระพุทธศาสนา


วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม ขับเคลื่อนแผนพัฒนา Wellness Center เตรียมดัน 5 เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมประชุมกับคณะกรรมการ และคณะทำงานพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดนครพนม เพื่อหารือและวางแผนการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย Health For Wealth ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าบริการทางสุขภาพและผลิตภัณฑ์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บนพื้นฐานองค์ประกอบเมืองสุขภาพ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ สะอาด ปลอดภัย มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่พัฒนาจากภูมิปัญญาไทย มีการศึกษาวิจัยที่รองรับการบริการและผลิตภัณฑ์ มีการแพทย์แผนไทยที่ได้มาตรฐาน ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่มีความเข้มแข็ง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการในหลาย ๆ กลุ่มวัย รองรับการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม และเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวสอดรับกับการเจริญเติบโตทางการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครพนมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2566 มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1,081.37 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 100.71 %

โดยในที่ประชุมได้มีการหารือและวางแผนเตรียมขับเคลื่อนพัฒนาสร้างศูนย์เวลเนส (Wellness Center) ที่ได้รับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในปี 2566 จำนวน 11 แห่ง ประกอบไปด้วย สถานพยาบาล 5 แห่ง ที่พักนักท่องเที่ยว 1 แห่ง นวดเพื่อสุขภาพ 4 แห่ง และภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1 แห่ง ซึ่งปัจจุบัน สามารถดำเนินการและผ่านการรับรองแล้ว 4 แห่ง คือประเภทสถานพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลโพนสวรรค์ ประเภทนวดเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ร้านธนาวิพุธนวดเพื่อสุขภาพ และร้านโชติกา นวดเพื่อสุขภาพ ขณะที่อีก 7 แห่งอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติรับรอง ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะได้รับการรับรองมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีการเตรียมส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยการดึงเอาจุดเด่นด้านต่าง ๆ ที่จังหวัดนครพนมมีมาขับเคลื่อนและสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ความเชื่อ ความศรัทธา อัตลักษณ์เสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรมชนเผ่าและเชื้อชาติ ภูมิปัญญาด้านสุขภาพของปราชญ์ชาวบ้าน หมอพื้นบ้าน ธุรกิจชุมชน/ผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบเส้นทางให้มีความเหมาะสม และเกิดความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา โดยเบื้องต้นวางแผนไว้ว่าให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกัน เป็นแบบ 1 DAY Trip จำนวน 5 เส้นทาง เพื่อให้เกิดความหลากหลายที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามความต้องการว่าไปเที่ยวเชิงสุขภาพแนวไหนความเชื่อ ความศรัทธา หรือจะเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การผจญภัย หรือจะไปดื่มด่ำกับธรรมชาติ โดยที่พิกัดสถานที่ เส้นทางการท่องเที่ยวไม่วกวน มีเวลาเยี่ยมชม รับบริการและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่สามารถยืดหยุ่นได้ และครอบคลุมตลอดทริปการเดินทาง เป็นการเสิร์ฟความสุขตลอดทั้งวัน


นครพนม ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ

วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 2/2566 เพื่อติดตามเร่งรัดการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนระดับจังหวัด พ.ศ. 2566-2570 และร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของหน่วยงานภูมิภาคในพื้นที่ รวม 35 หน่วยงานในการบรรจุแผนกิจกรรมลงในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนระดับจังหวัด เป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการผลักดันฯ และเพื่อให้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบระดับจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเพื่อให้จังหวัดนครพนมเป็นส่วนหนึ่งในการมุ่งสู่เป้าหมาย ประเทศไทยปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ภายใต้แผนย่อยที่มีเป้าหมายให้ประชาชนมีวัฒนธรรมและพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต และทำให้คดีทุจริตและประพฤติมิชอบลดลง ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยได้ดำเนินการจัดทำร่างแผนเรียนร้อยแล้วอยู่ระหว่างการจัดส่งให้กับ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนม

นอกจากนี้ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ที่ประกอบด้วย 10 ตัวชี้วัด แบ่งการประเมินเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ร้อยละ 30 วัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency Assessment: IIT) ร้อยละ 30 วัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (External Integrity and Transparency Assessment: EIT) และร้อยละ 40 เป็นการประเมินการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะหน่วยงานภาครัฐ (Open Data Integrity and Transparency Assessment : OIT) ทำให้แต่ละหน่วยได้เห็นถึงผลการประเมินเบื้องต้น โดยในภาพรวมทาง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนม คาดว่าในปี 2566 จังหวัดนครพนมจะมีคะแนนค่าเฉลี่ยภาพรวมทั้งหมดดีขึ้นจากปีที่ 2565 ที่ได้คะแนน 84 คะแนน อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการเฝ้าระวังการสอบแข่งขันครูผู้ช่วยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนมเขต 1, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนมเขต 2 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนมจะจัดให้มีการสอบแข่งขัน ที่ทาง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดได้ให้ข้อเสนอแนะตั้งแต่ก่อนการทำเอกสารที่กาหนดขอบเขตและรายละเอียด (Terms of Reference : TOR) ที่ให้ผู้ว่าจ้างสามารถเข้าสังเกตการณ์ช่วงออกข้อสอบเพื่อเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อสอบ

รวมทั้งหลังสอบที่จะมีการตรวจข้อสอบเพื่อให้มีความมั่นใจว่ามีความโปร่งใสในทุกขึ้นตอน ขณะเดียวกันจากการลงพื้นที่สังเกตการณ์เพื่อป้องกันการทุจริต ของ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนมเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการงบอุดหนุนเฉพาะกิจ ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครพนมทั้งในเทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล มีข้อสังเกตคือมีหลายโครงการดำเนินการล่าช้า แต่ก็เป็นไปตามระเบียบ ขั้นตอนของกฎหมาย


วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม จับมือ สวน.และ สสส. เตรียมนำร่องทดสอบระบบ Innovation Sandbox รับมือภาวะโรคเบาหวาน


วันที่ 22 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม นพ.วิพุธ พูลเจริญ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย (สวน.) พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายจิรวัฒน์ เวียงด้าน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ผศ.ดร.เบญจยามาศ พิลายนต์ อาจารย์วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม ในฐานะประธานผู้เอื้อการเรียนรู้เสริมหนุนการจัดการร่วมข่ายงานจังหวัดนครพนม นายสมชาย แสนลัง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลนครพนม นางธิสาชล ธันยาวราธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอาจสามารถ และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพในพื้นที่ ได้มีการประชุมหารือ เตรียมนำร่องใช้นวัตกรรม Innovation Sandbox ซึ่งเป็นระบบการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมจริงโดยมีขอบเขตจำกัด เพื่อศึกษาผลกระทบและออกแบบแนวทางการกำกับดูแลบริการเสริมสุขภาพกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 100 คน ที่เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้มีภาวะเสี่ยงในพื้นที่ตำบลอาสามารถ อำเภอเมือง ภายใต้โครงการ ทดสอบระบบบริการสร้างเสริมสุขภาพเขตเมือง : กรณีควบคุมโรคเบาหวานด้วยชีวิตวิถีใหม่และการแพทย์วิถีใหม่ในสถานการณ์โรคโควิด -19 ระบาดฉุกเฉินที่กำลังผันเป็นโรคประจำถิ่น เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบการบริการด้านสาธารณสุขในพื้นที่ โดยถือเป็นแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จะมีการนำระบบนี้มาใช้ต่อจาก กทม.

โดยการทำงานของระบบ เบื้องต้นผู้ใช้บริการที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปต้องกรอกข้อมูลประวัติส่วนตัว พฤติกรรมความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดปัจจัยของเบาหวาน หรือคนที่เป็นแล้วมีการดูแลตัวเองอย่างไร มีความรู้ในการดูแลตัวเองมากขนาดไหน ซึ่งเมื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่ในระบบเรียบร้อยระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลออกมาว่า ผู้ใช้บริการหรือผู้ประเมินอยู่ในกลุ่มไหน จากนั้นจะเข้าสู่การจัดบริการที่เป็นแผนการดูแลใน 3 ระดับต่อไป คือ ระดับบุคคลครอบครัว ระดับชุมชน และระดับหน่วยงานท้องถิ่น ที่จะเข้ามาสนับสนุนการจัดบริการสุขภาพให้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหากโครงการประสบความสำเร็จจะเกิดผลประโยชน์กับประชาชนชาวจังหวัดนครพนมเป็นอย่างมาก ที่นอกจากจะทำให้มีผู้ป่วยโรคเบาหวานลดลง ประชาชนยังจะมีความรู้ในการดูแลและควบคุมพฤติกรรมความเสี่ยงของตนเองให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน ที่ปัจจุบันจังหวัดนครพนมมีแนวโน้มพบผู้ป่วยสูงขึ้น ทั้งยังจะส่งผลต่อระบบบริการสาธารณสุขในพื้นที่ ที่จะสามารถเชื่อมต่อและให้บริการทางด้านสาธารณสุขได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น


วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผอ.รมน.ภาค2 สย.1 ลงพื้นที่นครพนม สร้างเยาวชน Smart Hero พิทักษ์หมู่บ้าน แก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่

วันที่ 19 มิถุนายน 2566 ที่โรงเรียนศรีโคตรบูรณ์ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี นรธิป โพยนอก ผอ.รมน.ภาค 2 สย.1 /ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี เป็นประธานการฝึกอบรมเยาวชน Smart Hero เพื่อลดอบายมุขในชุมชนและการฝึกอบรมเยาวชนพิทักษ์หมู่บ้าน เพื่อแนะนำ ช่วยเหลือและฟื้นฟู ผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ห่างไกลจากยาเสพติด ป้องกันและแก้ไขปัญหาเยาวชนกลุ่มเสี่ยงของหมู่บ้าน/ชุมชนในพื้นที่ชายแดน ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอบายมุขอื่น ๆ อีกทั้งเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านแกนหลัก (CORE VILLAGE) / ชุมชน ในพื้นที่รับผิดชอบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 ให้มีความเข้มแข็งสำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกคนมีส่วนร่วม เกิดจิตอาสา และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้เยาวชนกลุ่มเสี่ยงห่างไกลจากยาเสพติด อันจะนำไปสู่การเป็นหมู่บ้านชุมชนปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริง โดยมีพันโท ธวัชชัย อุทธา หัวหน้าฝ่ายกิจการมวลชนและสารนิเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยกที่ 1 หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีโคตรบูรณ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนตำบลบ้านกลาง และเยาวชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม

พลตรี นรธิป โพยนอก ผอ.รมน.ภาค 2 สย.1 /ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี กล่าวว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการป้องกัน ปราบปราม และร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ได้ ซึ่งลักษณะการแพร่ระบาดของยาเสพติดนั้นจะมีแหล่งการผลิตในต่างประเทศ จากนั้นเป็นการลักลอบนำเข้าสู่ประเทศไทยในลักษณะต่างๆ ตามที่ทุกท่านได้ทราบจากสื่อต่าง ๆ ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมถึงจังหวัดนครพนมเป็นพื้นที่หนึ่งที่สำคัญ ที่ขบวนการลักลอบนำเข้ายาเสพติดใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงแบบกองทัพมด เพื่อพื้นที่สามารถนำเข้าได้ทุกทางเพื่อที่จะนำไปจำหน่ายตามภูมิภาคต่างๆ รวมถึงในพื้นที่จังหวัดนครพนมด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายในการแพร่ระบาดจะเป็นกลุ่มเยาวชน และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งปัจจุบันการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นในวันนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 จึงได้จัดการฝึกอบรมเยาวชน Smart Hero เพื่อลดอบายมุขในชุมชน และการฝึกเยาวชนพิทักษ์หมู่บ้าน ขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับอุดมการณ์ความรักชาติและประวัติศาสตร์ชาติไทย ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับยาเสพติด สถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน ความหมายของยาเสพติด ประเภทและโทษของยาเสพติด สาเหตุของการติดยาเสพติด แนวทางในการป้องกันและความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด การค้นคว้าองค์ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด การจัดทำกระดานบอร์ดแสดงความคิดเห็น การนำเสนอผลงาน นอกจากนี้ทุกคนยังจะได้รับการฝึกระเบียบวินัย การเพิ่มทักษะความรู้ในการดำรงชีวิตในสังคม การจัดตั้งเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาหมู่บ้าน และการนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้กับคนในหมู่บ้าน/ชุมชนให้ได้รับทราบต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

โตโน่นำทีม ONE MAN AND THE RIVER ส่งมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ รอบแรกให้ รพ.นครพนม

วันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความสุขของคณะแพทย์ พยายาล เจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ที่มารอต้อนรับ โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดารา นักร้องชื่อดังและคณะที่ได้เดินทางมาส่งมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ รอบแรก ที่มีการจัดซื้อให้กับทางโรงพยาบาลนครพนม มูลค่ารวม 19 ล้านบาท จากการทำกิจกรรม ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม ด้วยการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั้งสองฝั่งโขง

โตโน ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณหมอ คุณพยาบาลทุกคนที่ได้เลือกอาชีพนี้เพื่อมาดูแลทุกคน ซึ่งเครื่องมือแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนได้ใช้ เราไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะเจ็บป่วยตอนไหน และแม้นว่าวันนี้จะมีเครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้น แต่ทุกท่านก็ยังคงต้องเหนื่อยเพื่อดูแลพวกเราทุกคนอยู่ ที่สำคัญคือต้องขอบคุณทีมว่ายทีมพายและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เชื่อมั่นและทำกิจกรรมด้วยกันจนประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศไทยรวมถึงฝั่งลาวด้วย สิ่งนี้จะเป็นกำลังใจให้คุณหมอ คุณพยาบาลทุก ๆ คน ทำให้ได้รับรู้ถึงความรักความห่วงใยที่เราทุกคนได้มอบให้ในเวลาที่เหนื่อย เวลาที่ต้องรับกับคนไข้จำนวนมาก ๆ ซึ่งศูนย์หัวใจและหลอดเลือดสมองแห่งนี้เกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นว่าโรงพยาบาลนครพนมต้องการเตียง ICU เด็ก 1 เตียง และการที่คุณหมอทั้ง 2 ฝั่งได้ร่วมกันโหวต ช่วยกันคิดว่าสิ่งนี้มีความจำเป็นจริง ๆ หลังจากที่รู้จำนวนเงินที่ประชาชนทุกคนได้ร่วมกันบริจาคมา เพราะนั่นหมายความว่าเมื่อเลือกศูนย์หัวใจและหลอดเลือดสมอง หน่วยอื่น ๆ จะได้เครื่องมือและอุปกรณ์น้อยลง แต่ทุกท่านก็ยอมเสียสละเพื่อที่จะได้ศูนย์แห่งนี้มาช่วยกันดูแลพ่อแม่พี่น้องเรา ที่นับวันจะมีคนสูงอายุมากขึ้น มีการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี โดยเงินบริจาคที่ได้รับมาจะมีการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ให้ฝั่งโรงพยาบาลนครพนม มูลค่ารวมประมาณ 60 กว่าล้านบาท ส่วนฝั่งลาวประมาณ 20 กว่าล้านบาท และวันพรุ่งนี้จะเป็นการเดินทางไปส่งมอบให้กับโรงพยาบาลที่ฝั่งลาว รวมถึงทำกิจกรรมเตะฟุตบอลกระชับมิตรที่นั่นด้วย

ด้าน น.พ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า งานนี้ต้องขอขอบคุณโตโน่และทีมงานที่ได้มาร่วมสร้างกิจกรรมดี ๆ จริง ๆ ลำพังงบประมาณชของรัฐบาลมีปริมาณจำกัดต้องกระจายไปทุก ๆ กระทรวงในแง่การให้บริการหลายท่านได้มีส่วนร่วมเข้ามาเกื้อกูล เอื้อเฟื้อ และมอบกำลังใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะคนไข้ที่ยากไร้ ในส่วนของจังหวัดนครพนมปัญหาเรื่องโรคหัวใจเป็นปัญหามาหลายปีแล้ว การส่งต่อก็ยาก กว่าจะเข้าถึงบริการก็พ้นระยะ Golden Period หรือช่วงเวลาทองของการฟื้นฟูผู้ป่วยไปแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เรามีเครื่องมืออยู่ในพื้นที่จะเป็นการการันตีว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาตามมาตรฐาน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาก็มีความมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุทีมแพทย์สามารถรับมือได้ รวมถึงเครื่องมือที่ได้มาสามารถพัฒนาไปในเคทที่ซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น มีหมอที่ชำนาญมากขึ้นสามารถขยายบริการได้มากขึ้น อีกทั้งในอนาคตยังจะสามารถผ่าตัดเปิดหัวใจได้ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเล็ก ๆ ที่เป็นจุดเริ่มแต่จะตอบโจทย์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน

ขณะที่นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นครพนมยังเป็นพื้นที่ที่กำลังพัฒนาอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งก็ได้มีการกำหนดนโยบายในการพัฒนาด้านสาธารณสุขทั้ง 12 อำเภอ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งสิ่งนี้ถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่ใช่เฉพาะในฝั่งของประเทศไทยแต่ยังรวมถึงพี่น้องประชาชนฝั่ง สปป.ลาวด้วย โดยผู้ป่วยทุกคนสามารถมาใช้บริการได้เพราะศูนย์แห่งนี้ จะมีการบริการที่ทันสมัยด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันเวลา สามารถช่วยเหลือประชาชนผู้เจ็บป่วยให้รอดพ้นจากโรคอันตรายได้อย่างทันท่วงที และสุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณโตโน่และทีมงานที่ได้นำสิ่งดี ๆ นี้มาให้ชาวนครพนม


จังหวัดนครพนม ออกหน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างร้อยยิ้มให้ประชาชนที่อำเภอเรณูนคร

วันที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่วัดบัวขาว หมู่ที่ 5 บ้านนาเลียง ตำบลนาบัว อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างร้อยยิ้มให้ประชาชน จังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นำบริการของภาครัฐทุกประเภท เข้ามาให้บริการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่หมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างไกล โดยปรับรูปแบบกิจกรรมให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มุ่งการดำเนินการด้วยความคุ้มค่า และก่อประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ห่างกล โดยมีนายภัทรชัย หาญวิศิษฏ์ นายอำเภอเรณูนคร กล่าวต้อนรับและกล่าวรายงาน นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดและอำเภอ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรม

.ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะเป็นยุคดิจิทัลที่มีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น แต่การมาลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิดถือเป็นสิ่งสำคัญ จังหวัดจึงได้นำบริการของส่วนราชการมาบริการแก่พี่น้องประชาชน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพ ทั้งยังช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางไปติดต่อราชการกับส่วนราชการต่าง ๆ ของประชาชน ขณะเดียวกันส่วนราชการก็จะได้รับทราบถึงปัญหา ความต้องการของประชาชน ที่จะนำปสู่การดำเนินการแก้ไขให้กับประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดให้มีบริการต่าง ๆ ประกอบด้วย การจัดบูธถ่ายทอดความรู้ของส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาหาความรู้และนำไปปรับใช้ในชีวิต ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน การบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้บริการซ่อมเครื่องมือทางการเกษตร การแจกพันธุ์ต้นไม้ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การทำบัตรประชาชน การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การเข้าถึงกองทุนยุติธรรม การทำประกันสังคม การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ รวมถึงกิจกรรมตลาดนัดชุมชน การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด การออกหน่วยบริการทางการแพทย์ ของหน่วยแพทย์ พอ.สว.จังหวัดนครพนม การมอบโถสุขภัณฑ์ตามโครงการโถสุขภัณฑ์ปันสุข ลุกนั่งปลอดภัย ห่วงใยผู้สูงอายุ การมอบถุงยังชีพให้ผู้ด้อยโอกาส ในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมายจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม จำนวน 50 ชุด มอบพันธุ์ปลา จำนวน 50,000 ตัว จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครพนมและประมงจังหวัดนครพนม มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉิน จำนวน 10 ราย ๆ ละ 3,000 บาท จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และมอบทุนอุปการะเด็ก อายุ 0-6 ปี จำนวน 10 ราย ๆ ละ 500 บาท จากเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านอำเภอเรณูนคร


วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม ส่งมอบบ้านโครงการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ ยกระดับคุณภาพชีวิตนำความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า Change for good

วันที่ 17 มิถุนายน 2566  ที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 11 บ้านโคกอนามัย ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม /ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวนางพันธุ์ บัวชุม อายุ 78 ปี ที่มีอาการหูไม่ค่อยได้ยิน อาศัยอยู่กับลูกชายและหลานสาว 2 คน พร้อมร่วมกันส่งมอบบ้าน ตามโครงการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ ที่ทางอำเภอเรณูนครได้บูรณาการความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ จัดขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต และนำความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า Change for good  ภายหลังได้มีการสำรวจครัวเรือนผู้ยากไร้ในพื้นที่

โดยบ้านเดิมของครอบครัวนางพันธุ์ เป็นบ้านปูนชั้นเตียว โล่งไม่เป็นสัดส่วน หลังคามุงสังกะสี ประตู หน้าต่าง ทำจากไม้ที่ไม่มั่นคงแข็งแรง ห้องน้ำชำรุด ห้องครัวไม่เหมาะสม ไม่มีน้ำประปาในการดำรชีพ อาศัยน้ำจากคลองข้างบ้านทำให้มีสุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม ทั้งบ้านหลังดังกล่าวยังอยู่ห่างไกลชุมชนเนื่องจากเป็นที่ดินของผู้อื่นที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ยินยอมให้อยู่อาศัย โดยครอบครัวนี้มีรายได้มาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการของนางพันธุ์ และการรับจ้างทั่วไปของลูกชายที่มีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ครอบครัวได้รับความลำบาก และในโอกาสนี้ทางคณะยังได้ร่วมกันมอบอุปกรณ์เครื่องครัว เครื่องอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นให้กับครอบครัวดังกล่าวได้ใช้ในการดำรงชีวิต รวมถึงได้มอบชุดนักเรียน ถุงเท้า รองเท้านักเรียน ให้แก่หลายสาวเพื่อที่จะได้สวมใส่ไปโรงเรียนด้วย


จังหวัดนครพนม บูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ สร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน อำเภอเรณูนคร

 วันที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่บ้านเลขที่ 74 หมู่ที่ 6 บ้านหนองกุง ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นายจิระศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ ปลัดจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่เยี่ยมและช่วยเหลือผู้ยากไร้ตามโครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง "นครพนม สร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน" ประจำปี 2566  คือ นายสุ คำเผือก อายุ 83 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านที่ชำรุดเพียงคนเดียว ทั้งยังป่วยเป็นโรคหอบหืด ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ เพียงเดือนละ 800 บาท ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลโคกหินแฮ่ ได้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านให้ใหม่ เพื่อให้มีความสะดวกเหมาะสมกับสภาพการใช้ชีวิต ตามโครงการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัยปี พ.ศ. 2564  สภาพปัญหาของครัวเรือน นอกจากนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม ยังมอบเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย จำนวน 3,000 บาท สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม มอบผ้าห่ม 1 ผืน และเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม และอำเภอเรณูนคร มอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว รวม 7 ชนิด และเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด ศูนย์ส่งสริมการเรียนรู้จังหวัดนครพนมมอบทุนประกอบอาชีพ 1,000 บาท องค์การบริหารส่วนตำบลโคกหินแฮ่ มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด  และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด

ทั้งนี้ โครงการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “นครพนม สร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2566 มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของครัวเรือนเป้าหมายที่ประสบความเดือดร้อนและยากจน ประกอบด้วย ครัวเรือนไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ. ปี 2565 ด้านรายได้ ข้อ 22 (รายได้เฉลี่ย40,000 บาท/คน/ปี) ครัวเรือนจากระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) ปี 2565 ครัวเรือนเปราะบาง และครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเวทีประชาคม ทั้ง 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ชาวนครพนม จัดพิธีบุญซำฮะเมือง ไล่สิ่งอัปมงคลสืบสานประเพณีบุญเดือน 7

วันที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่บริเวณวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) เทศบาลเมืองนครพนม ประชาชนชาวจังหวัดนครพนมพร้อมใจใส่ชุดขาวร่วมประกอบพิธีประเพณีบุญเดือน 7 หรือบุญซำฮะเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประเพณีฮิตสิบสองคองสิบสี่ ที่ชาวอีสานทุกคนได้ยึดถือปฏิบัติเป็นขนบธรรมเนียมอย่างเคร่งครัดมาช้านาน โดยในปี้นี้เทศบาลเมืองนครพนมได้มีการสมมติบุคคลครองยศและตำแหน่งต่างๆ เพื่อประกอบพิธีบุญซำฮะเมือง ประกอบไปด้วย พระครูพิชิตพัฒนคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดกกต้องเป็นราชครู นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นอุปฮาด นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นเมืองขวา นายอดิศร ตรีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนมเป็นเมืองซ้าย นางสาวบุศรินทร์ ปานกลาง อัยการจังหวัดนครพนมเป็นราชวงศ์ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมเป็นตาเมือง นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองเป็นหูเมือง พันตำรวจเอก ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมเป็นทะแกล้ว พันเอก จักริน จิตคติ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เป็นทหาร และนายสุเทพ อติวรรณกุล นายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนมเป็นกวนขุน

โดยทุกคนได้ร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ สมาทานศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ก่อนที่จะร่วมกันรับฟังพระธรรมเทศนาจากพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามประธานฝ่ายสงฆ์ ที่ได้เทศน์สอนให้ทุกคนได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของพิธีบุญซำฮะเมือง ที่ประกอบขึ้นเพื่อขับส่งเสนียดจัญไร สิ่งชั่วร้าย สิ่งอัปมงคลให้ออกไปจากเมือง รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรับน้ำฝน ซึ่งหากทุกคนรู้จักการเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณโดยรอบบ้านตนเอง จะทำให้เมื่อฝนตกลงมาจะไม่มีน้ำท่วมขัง ไม่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมีสุขอนามัยที่ดี โดยหลังเสร็จพิธีสงฆ์แต่ละท่านที่ครองยศและตำแหน่งได้ประกอบพิธีจุดเทียนหลักเมืองตามยศและตำแหน่งทักษิณา ที่มีการสมมติขึ้นมาว่าเป็นทิศต่าง ๆ รอบกำแพงเมืองนครพนม ตามด้วยการปักธงและโปรยเหรียญ จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้นำธงที่เตรียมมา ไปปักและโปรยเหรียญ ก่อนที่จะไปรับน้ำมนต์ที่ได้จากการประกอบพิธี นำไปประพรมตามบ้านเรือนของตนเองและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข

สำหรับบุญซำฮะเมือง หรือบุญชำระเมืองนั้น เกิดขึ้นตามความเชื่อที่ว่าเมื่อถึงเดือน 7 ต้องทำบุญชำระจิตใจให้สะอาด เพื่อปัดเป่ารังควาญสิ่งที่ไม่เป็นมงคลออกไปจากชีวิตและหมู่บ้าน โดยบางท้องถิ่นเรียกประเพณีนี้ว่าบุญเบิกบ้าน ทั้งนี้บุญซำฮะเมืองมีเรื่องเล่าในพระธรรมบทว่า เมื่อครั้งเมืองไพสาลีเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพงเพราะฝนแล้ง ทำให้มีสัตว์เลี้ยงและผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ด้วยความหิวโหยและเกิดโรคระบาด ดังนั้นชาวเมืองจึงพากันไปนิมนต์พระพุทธเจ้ามาขจัดปัดเป่าให้ โดยพระองค์และพระสงฆ์ จำนวน 500 รูป ได้เดินทางด้วยเรือมาตามแม่น้ำใช้ระยะเวลา 7 วัน จึงถึงเมืองไพสาลี และเมื่อเสด็จมาถึงก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำท่วมแผ่นดินสูงจนถึงหัวเข่า และได้พัดเอาสิ่งสกปรก ซากศพของคนและสัตว์ต่างๆ ที่ล้มตายหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นพระพุทธเจ้าก็ได้นำน้ำมนต์ใส่บาตร ให้พระอานนท์นำไปประพรมทั่วทั้งพระนคร ทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หายไปสิ้น จึงเป็นเหตุให้เมื่อถึงเดือน 7 ครั้งใด คนไทยอีสานและคนลาวโบราณพากันนำเอาดอกไม้ธูปเทียน ขันน้ำ ขันใส่ขวดทรายและฝ้ายผูกแขนมารวมกันที่วัด จากนั้นก็นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ จนกระทั่งรุ่งเช้าอีกวัน ก่อนที่จะร่วมกันทำบุญตักบาตร รับศีลรับพรและประพรมน้ำมนต์ จากนั้นทุกคนจะนำน้ำมนต์ที่เหลือกลับไปยังบ้านตนเอง เพื่อประพรมให้คนในครอบครัว บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงของตนเอง ส่วนฝ้ายผูกแขนก็นำไปให้บุตรหลาน เพื่อใช้เป็นเครื่องรางคอยปกป้องคุ้มครองให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข ขณะที่กรวดทรายก็นำไปวางรอบๆ บริเวณบ้านและที่นา เพื่อขับไล่เสนียดจัญไรและสิ่งอัปมงคลให้หมดไปจากชีวิต


วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ส.ปชส.นครพนม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบูรณาการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการศึกษาให้เยาวชนในพื้นที่

วันที่ 15 มิถุนายน 2566 ที่โรงเรียนปลาปากวิทยา อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นางศุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันประชุมหารือถึงความคืบหน้าในการติดตามความร่วมมือการขับเคลื่อน การยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการศึกษาจังหวัดนครพนม ตาม 15 นโยบายของนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมและนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้มอบให้แต่ละสถานศึกษาไปดำเนินการ ภายหลังจากที่แต่ละหน่วยงานได้มีการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ และติดตามความก้าวหน้าตามโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอปลาปาก

นางแสงมณีจรรณ์ เพชรสังหาร ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในส่วนของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมที่ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่เยี่ยมและติดตามการขับเคลื่อนงานที่โรงเรียนอนุบาลมีสุข อำเภอปลาปากซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงชั้นอนุบาลปีที่ 3 ทำให้ได้เห็นถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงแนวทางการดำเนินงานด้านอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น รถโรงเรียนที่ให้บริการรับและส่งนักเรียน เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้วจะมีการนำไปจอดที่โรงรถทุกครั้ง โดยจะมีการลดกระจกและเปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการหลงลืมเด็กไว้ในรถโรงเรียน ส่วนการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กเตรียมอนุบาลและอนุบาลในแต่ละชั้น จะให้ความอบอุ่นให้เด็กทุกคนมีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้าน พร้อมทั้งเน้นการฝึกทักษะให้เด็กทุกคนได้ใช้จิตนาการของตนเองโดยสอดแทรกวิชาการเพิ่มเข้าไปเรื่อย ๆ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อฝึกให้เด็กทุกคนกล้าพูด กล้าเขียน กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง รู้จักการช่วยเหลือตนเองเบื้องต้น รวมถึงการฝึกความสามัคคีและการช่วยเหลือเพื่อน ๆ ร่วมชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีพัฒนาการช้ากว่าปกติจะมีการใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการที่ใกล้เคียงกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ทำให้ทุกคนเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ตามวัย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยบุคคลากรครูและเจ้าหน้าที่ มีการจัดสวัสดิการต่าง ๆ ให้ เช่น ให้สามารถนำบุตรหลานเข้าเรียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนของผู้ปกครองเมื่อมีการแนะนำในเรื่องต่าง ๆ มา ทางโรงเรียนก็พยายามปรับปรุงพัฒนาให้เป็นไปตามที่ต้องการ จึงทำให้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีมากถึง 143 คน

สำหรับนโยบายที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการร่วมกันขับเคลื่อนในแต่ละสถานศึกษานั้น ประกอบไปด้วย การจัดสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนและการปรับภูมิทัศน์ให้น่าดู น่าอยู่ น่าเรียน ความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในโรงเรียน การดำเนินงานเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบายนครพนมเมืองแห่งความปลอดภัย การขับเคลื่อนงานตามนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ การแต่งกายตามนโยบายจังหวัดนครพนม การส่งเสริมสวัสดิภาพและสวัสดิการนักเรียนผ่านระบบดูแลช่วยเหลือ การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในเด็กนักเรียน การพัฒนาสมรรถนะการเรียนการสอนของครูผู้สอน การพัฒนาหลักสูตรและส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาสู่สมรรถนะที่สูงขึ้นของผู้เรียน การนำปราชญ์ชาวบ้าน/ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การจัดหาชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ ยุวกาชาด เนตรนารี ให้เพียงพอและทั่วถึง การดูแลสุขภาพโภชนาการ อาหารเสริม อาหารกลางวัน การดูแลบำรุงรักษาบ้านพักครู การพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาและส่งเสริมอาชีพของนักเรียน/ชุมชน ตามโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง บ้านนี้มีผลผู้คนรักกัน การตรวจสุขภาพประจำปี และการส่งเสริมการใช้ Application ThaiD ให้กับครู บุคลากร นักเรียน และคนในชุมชนอย่างแพร่หลาย

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม เตรียมจัดแสดงโขน โดรนแปลอักษรและรูปภาพ เพิ่มความยิ่งใหญ่งานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช 7-13 ก.ค. นี้

วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมในการจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2566 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม 2566 รวม 7 วัน 7 คืน โดยในปีนี้ยังคงมีกิจกรรมเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่การแห่ขบวนเครื่องบูชา การรำบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราชจากประชาชนชาวจังหวัดนครพนม 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะเพื่อแสดงให้ประชาชนทั่วไปตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมได้เห็นถึงความงดงามของศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ยังมีการจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยลุ่มแม่น้ำโขง การแสดงวงดนตรีพื้นเมือง มหกรรมซุ้มอาหารโรงทาน และการจำหน่ายสินค้าดีสินค้าเด่นของแต่ละชุมชน

ส่วนความแตกต่างที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 นี้จะไม่มีการจ้างศิลปินดาราชื่อดังมาเป็นนางรำในการรำบวงสรวงเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่จะใช้วิธีเปิดรับศิลปิน ดารา นักแสดง จิตอาสาที่สนใจและมีจิตศรัทธาต่อองค์พญาศรีสัตตนาคราช ให้ได้แสดงความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมรำบวงสรวงแทน นอกจากนี้ยังมีการแสดงบินโดรนจำนวน 500 ลำ ด้วยความสูง 90 ฟุต กลางลำแม่น้ำโขง ของบริษัทสกาย อิมเมจ เทค (ซิท) จำกัด ที่จะเป็นการแสดงแปลอักษรคำขวัญจังหวัดนครพนม ตามด้วยการแปลภาพต่าง ๆ เช่น ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 กับยายตุ้มที่กำลังถวายดอกบัว ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ภาพนาค ภาพสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ภาพเรือไฟ ภาพพญาศรีสัตตนาคราช โดยในการบินจะมีด้วยกันทั้งสิ้น 2 วัน แต่ละวันจะแสดงโชว์ประมาณ 15-20 นาที ส่วนช่วงเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันที่จัดแสดง เพราะหากในห้วงเวลาที่กำหนดไว้เบื้องต้น มีฝนตกลงมาในพื้นที่ก็จะมีการขยับเลื่อนเวลาการแสดงออกไปตามความเหมาะสมของในแต่ละวัน

ขณะเดียวกันก็ยังจะมีการแสดงโขนจากวิทยาลัยนาฎศิลป์กาฬสินธุ์ ที่จะนำเอานาฏกรรมที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อยของท่วงท่ารำตามแบบละครใน มาให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ชมและเรียนรู้อีกหนึ่งศิลปะของไทย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่มาในงานนี้นอกจากจะได้ชมความยิ่งใหญ่ตระการตากับกิจกรรมต่าง ๆ แล้วยังสามารถถ่ายภาพชิงรางวัลรวมกว่า 230,000 บาท กับโครงการประกวดถ่ายภาพ ประเพณี 12 เดือน ร้อยมุมมองวิถีไทย ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดขึ้น เพื่อนำไปใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ในการร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ทำให้คนไทยได้เกิดความภาคภูมิใจในคุณค่า สาระความงดงามของประเพณีไทย ที่พร้อมสู่สายตานานาชาติ


วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566

กศน.อำเภอธาตุพนม ชนะเลิศระดับจังหวัดคลิปวิดิทัศน์ ภาษาเพื่ออาชีพ

 นายปิยวิทย์ เชิดกลิ่น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้จัดกิจกรรมประกวดคลิปวิทัศน์ ภาษาเพื่ออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพให้แก่สาธารณชนได้รับทราบ และสามารถนำคลิปวีดีทัศน์ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้สำหรับการจัดกระบวนการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของนักศึกษาและประชาชน และทางสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จังหวัดนครพนม ได้มีการเชิญชวนสถานศึกษาที่มีความสนใจได้ส่งผลงานเข้าประกวดในระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาเป็นตัวแทนจังหวัด ซึ่งเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดมี สำนักงาน กศน.อำเภอต่าง ๆ ส่งผลงานเข้าประกวด รวมทั้งสิ้น 6 ผลงาน

และในวันนี้ 12 มิถุนายน 2566 คณะกรรมการจึงได้ร่วมกันพิจารณาตัดสิน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนประกอบไปด้วย คลิปวีดีทัศน์มีความยาวไม่เกิน 3 นาที มีการนำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จหรืออื่นๆ ซึ่งเป็นผลงานภายใต้แนวคิด ภาษาเพื่ออาชีพ โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการนำเสนอและประชาสัมพันธ์กิจกรรมตามโครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพให้แก่ประชาชนและสาธารณชนได้รับทราบ โดยวีดิทัศน์มีขนาดความละเอียดไม่น้อยกว่า Full HD (1920 x 1080 Pixels) และบันทึก ในรูปแบบไฟล์ เช่น .AVI, .mpeg, .mp4, .mpg, .wmv, .mov เป็นต้น โดยผลงานต้องไม่เคยผ่านการประกวด จากที่ใดมาก่อนเป็นการจัดทำขึ้นใหม่ในนามของสถานศึกษา มีการใช้คลังภาพสื่ออื่นๆที่เป็นลิขสิทธิ์ของตัวเองมาประกอบ สร้างโดยซอฟแวร์ที่เป็นโอเพ่นซอร์สหรือซอฟต์แวร์อื่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ภาพและเสียงไม่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ลบหลู่ ดูหมิ่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่สร้างความแตกแยก ไม่ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติคุณ ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

โดยจากการพิจารณาของคณะกรรมการผลปรากฏว่า สำนักงาน กศน.อำเภอธาตุพนม ได้รับคะแนนมากสุด เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ นำเสนอในรูปแบบเหมือนละคร ที่มีความกระชับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แสดงมีการใช้ภาษาต่าง ๆ ประเทศ ที่ผ่านการฝึกทักษะจากการเรียนแล้วนำประยกต์ใช้ในการสื่อสารตลอดทั้งเรื่อง ถือว่าตอบโจทย์โครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพมากที่สุด ด้วยสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ต้องการให้ผู้ที่เรียนได้นำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารเพื่อการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การฟัง พูด เขียน และอ่าน ทั้งยังสอดคล้องกับความต้องการของนักศึกษาและประชาชนในยุคปัจจุบัน ที่ควรมีความรู้ในเรื่องภาษามากกว่า 1 ภาษา


นครพนม ฝึกเด็กเอาตัวรอดเมื่อต้องติดอยู่ในรถ พร้อมเน้นย้ำ 3 มาตรการ นับ ตรวจตรา อย่าประมาท สำหรับผู้ใหญ่

 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ปัญหาการพบเห็นเด็กติดอยู่ในรถยนต์มีให้เห็นเป็นข่าวอยู่เรื่อย ๆ โดยเด็กที่ถูกลืมส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 3-7 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเติบโตและเป็นวัยที่ต้องเฝ้าดูแลด้วยความระมัดระวังอย่างใกล้ชิด เพราะอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองไปช่วยไม่ทันเวลา ก็อาจนำมาซึ่งการสูญเสียได้ ประกอบกับจังหวัดนครพนมมีการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการศึกษาจังหวัดนครพนม ตาม 15 นโยบายที่ได้มอบให้แต่ละโรงเรียนได้ไปดำเนินการซึ่ง 1 ในนั้นคือเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษาที่ต้องสอดคล้องกับนโยบายนครพนมเมืองแห่งความปลอดภัย อีกทั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครพนม ก็ได้มีการขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ที่ต้องการให้ทุกคนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นในวันนี้จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ฝึกลูก ๆ นักเรียนในโรงเรียนอนุบาลนครพนม ให้ได้มีทักษะการเอาตัวรอดเมื่อต้องติดอยู่ในรถยนต์ เป็นการเสริมสร้างความสามารถให้ทุกคนช่วยเหลือตนเองและเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้หากเกิดเหตุการณ์ติดอยู่ในรถ

โดยในวันนี้จะให้ลูก ๆ ทุกคนจะได้ฝึก เริ่มตั้งแต่การขึ้นรถที่จะทำให้รู้ว่าใครควรนั่งตรงไหน คือให้เด็กเล็กนั่งแถวด้านหน้า ส่วนเด็กโตนั่งด้านหลังสุดและด้านข้างคนขับเพื่อที่จะได้คอยดูแลน้อง ๆ ที่นั่งมาด้วยกันและช่วยตรวจดูน้อง ๆ ว่ามีการลงรถหมดแล้ว จากนั้นเป็นการเรียนรู้การเปิดกระจกรถ ปลดล็อคประตูรถ เพราะแต่ละคันจะมีรูปแบบการปลดล็อคภายในรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป หากสอนให้เด็กได้รู้วิธีการปลดล็อครถในแบบต่าง ๆ ได้ จะช่วยให้เด็กสามารถออกจากรถ หรือเปิดแง้มเพื่อตะโกนขอความช่วยเหลือได้ สิ่งต่อมาคือวิธีการเปิดประตูรถจากด้านใน ทำให้ลูก ๆ นักเรียนได้รู้ตำแหน่งของประตูรถว่าอยู่ตรงไหน สังเกตจากอะไร เพราะหากทำการปลดล็อคประตูได้ แม้ประตูรถจะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากไม่สามารถเปิดออกเองได้ทั้งหมด ก็ยังจะสามารถแง้มเพื่อตะโกนขอความช่วยเหลือได้ สิ่งต่อมาคือทำให้ทุกคนได้รู้จักตำแหน่งแตรรถยนต์ว่าอยู่ตรงไหน สวิทช์สัญญาณไฟฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ต้องกดตำแหน่งใดเพื่อให้เกิดเสียงและสัญญาณไฟฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ เพราะเป็นสัญญาณที่สามารถกดเปิดได้แม้ไม่ได้สตาร์ทรถ โดยขั้นตอนการฝึกในวันนี้ จะให้ลูก ๆ นักเรียนได้ฝึกทีละคน เพื่อให้เข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติ ทำให้ได้เห็นภาพและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ

ขณะเดียวกันก็ได้เน้นย้ำ 3 มาตรการกับคนขับรถและครูอาจารย์ที่รับช่วงต่ออีกครั้ง กับมาตรการนับ ตรวจตรา และอย่าประมาท เช่น คนขับรถรับส่งนักเรียนจะต้องมีการตรวจเช็คและตรวจนับจำนวนเด็กนักเรียนทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กลงรถหมดแล้ว อุ้มพาเด็กเล็กลงจากรถทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย หากต้องทิ้งเด็กไว้ในรถชั่วคราวจะต้องลดกระจกลง ส่วนครูอาจารย์ที่รับส่งนักเรียนต่อจากคนขับรถ ก็ให้มีการตรวจเช็คจำนวนเด็กนักเรียนทุกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าลูก ๆ นักเรียนไม่ได้ติดอยู่ในรถ ขณะเดียวกันก็อยากฝากถึงผู้ปกครองที่ได้ใช้บริการรถรับส่งนักเรียนได้สอบถามครูประจำชั้นด้วยว่าลูกถึงที่หมายโดยปลอดภัยแล้วอย่างแน่นอน


สกู๊ปศูนย์ขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม อนาคตศูนย์กลางโลจิสติกส์อีสานตอนบน

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมในวันนี้ก็ได้เริ่มมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานกลาง (Main office) รวมถึงการสร้างความรับรู้และเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนและหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ของจังหวัดนครพนมแล้ว โดยโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมเป็นโครงการที่มีความสำคัญที่จะมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นยุทธศาสตร์ชาติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายที่จะทำให้จังหวัดนครพนมเป็น GATE WAY ประตูการค้าของประเทศไทย จากอีสานตอนบนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ลาว เวียดนาม และจีน

ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมคัดแยกสินค้าและกระจายสินค้าไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อลดการขนส่งเที่ยวเปล่าทั้งสินค้าที่นำเข้าและสินค้าที่ส่งออกไปต่างประเทศ โดยรถบบรทุกต่าง ๆ จะมาเปลี่ยนหัวลาก มาทำกิจกรรมในการขนส่ง มาแยกสินค้าเพื่อกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ และด้วยระยะทางที่จังหวัดนครพนมเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศมีระยะทางที่ใกล้มาก ถึงเวียดนามเพียง 170 กิโลเมตร และอีกประมาณ 700 กิโลเมตร ก็ถึงเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซีของจีน ที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่มาก ทำให้ที่ผ่านมามีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสูงมาก และเชื่อว่าในปี 2566 จะมีมูลค่าทะลุแสนล้านบาทอย่างแน่นอน และต่อไปในอนาคตคงจะมีมูลค่าเป็นหลักหลายแสนล้านบาท ซึ่งสินค้าที่ผ่านเส้นทางนี้หลัก ๆ จะเป็นสินค้าทางการเกษตร และสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยโครงการนี้เป็นโครงการภายใต้แผนพระราชบัญญัติเอกชนร่วมลงทุน จะแล้วเสร็จในปี 2568 เป็นโครงการที่รัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท เป็นเอกชนลงทุนโครงสร้าง 300 กว่าล้านในการสร้างคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงเครื่องมือยกขนต่าง ๆ ที่เหลือรัฐช่วยลงทุนให้ในเรื่องของการเวนคืนที่ดินจำนวน 121 ไร่ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเอกชนได้สิทธิ์ร่วมลงทุนสัมปทาน 30 ปี มีหน้าที่บริหารจัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์และการบำรุงรักษาโครงการตลอดระยะเวลาร่วมลงทุน ซึ่งจะต้องลงทุนในส่วนนี้เพิ่มอีกประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท ทั้งยังต้องจ่ายผลตอบแทนคืนให้แก่รัฐประมาณ 300 ล้านบาทตลอดเวลาสัมปทาน

ซึ่งเราได้บริษัทเอกชนที่มีศักยภาพมาร่วมลงทุน มาช่วยในการบริหารจัดการ จึงเชื่อว่าศูนย์ตรงนี้จะเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าที่ทำให้มูลค้าทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางรถไฟสายบ้านไผ่-นครพนม ก็จะมายังศูนย์แห่งนี้ โดยปัจจุบันโครงการรถไฟมีการเวนคืนที่ดินและเริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าปี 2570 จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะสอดรับกับศูนย์แห่งนี้ที่แล้วเสร็จในปี 2568 ทำให้ต่อไปในอนาคตสินค้าระยะไกลจะผ่านรถไฟเป็นหลักและระยะใกล้ใช้รถบรรทุกกระจายสินค้าออกไป จึงทำให้เชื่อได้ว่าจังหวัดนครพนมจะเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นศูนย์กลางทางโลจิสติกส์อีสานตอนบนอย่างแน่นอน

วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม ส่งมอบบ้านให้ผู้ยากไร้ รวมพลังสร้างชุมชนและหมู่บ้านที่ยั่งยืน

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่บ้านโคกสว่างพัฒนา ตำบลธาตุพนมใต้ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานส่งมอบบ้านให้ผู้ยากไร้ ตามโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการและโครงการปรับสภาพแวดล้อมสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย ที่เทศบาลตำบลธาตุพนมใต้ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม จัดขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หวังร่วมกันสร้างชุมชนและหมู่บ้านที่ยั่งยืน โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอธาตุพนม คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลธาตุพนมใต้ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ร่วมส่งมอบและเป็นสักขีพยาน

โดยการส่งมอบในครั้งเกิดขึ้นภายหลังจากที่ จ่าสิบเอก เสน่ คำมุงคุณ นายกเทศมนตรีตำบลธาตุพนมใต้ และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลธาตุพนมใต้ ได้ทำการสำรวจและเรียงลำดับผู้ที่เดือดร้อนจำเป็นเร่งด่วนต้องได้รับการช่วยเหลือในพื้นที่ จากนั้นได้ดำเนินการของบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม กระทั่งได้รับการอนุมัติงบประมาณปรับปรุงและซ่อมแซม รวมทั้งสิ้น 4 หลัง จึงได้รวมพลังจิตอาสาที่เป็นช่างในพื้นที่ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ปรับปรุงและซ่อมแซมจนแล้วเสร็จ

ประกอบไปด้วย บ้านของนางสมสุข จันทนะ เลขที่ 73 หมู่ที่ 7 ซึ่งเป็นการปรับปรุงซ่อมแซมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ที่เดิมเป็นบ้านสองชั้นยกใต้ถุนสูงจึงได้มีการรื้อแล้วปรับให้เป็นบ้านชั้นเดียวแทน เพื่อให้มีความปลอดภัยและสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น วงเงินปรับปรุงซ่อมแซม 40,000 บาท บ้านของนายชวลิต ทศศะ เลขที่ 12 หมู่ที่ 4 ซึ่งเดิมบ้านไม่มิดชิดและเป็นสัดส่วน ห้องน้ำไม่มีปลอดภัย จึงได้ร่วมกันปรับปรุงซ่อมแซมประตู หน้าต่าง และปิดช่องผนังให้เกิดความมิดชิดเป็นสัดส่วน รวมถึงมีการปรับพื้นและผนังห้องน้ำให้ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ด้วยงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซม 22,500 บาท บ้านของนางสาวขนมา หลวงพล เลขที่ 31 หมู่ที่ 4 ที่บ้านเดิมผนังบ้านและโครงสร้างผุพัง จึงได้ร่วมกันปรับโครงเหล็กทำผนังบ้าน บันได และราวระเบียงให้ใหม่ เป็นการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยงบประมาณซ่อมแซม 22,500 บาท และบ้านของนายหัด ธ.น.อวน เลขที่ 67 หมู่ที่ 12 ซึ่งเดิมเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง แต่มีสะภาพผุพังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ไม่ปลอดภัยที่ผู้สูงอายุจะขึ้นลง จึงร่วมกันต่อเติมบริเวณหลังบ้านของลูกให้เป็นที่อยู่อาศัย เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นรวมถึงใกล้ห้องน้ำ ห้องสุขา วงเงินซ่อมแซม 22,500 บาท


วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนม จัดกิจกรรมสร้างค่านิยมและปลูกฝังเด็กนักเรียน สร้างการเรียนรู้สหกรณ์ในโรงเรียน

นางสาววัชรี ปุกหุต สหกรณ์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงส่งเสริมการรวมกลุ่มทำงานของประชาชนตั้งแต่ก่อนปี 2505 และทรงส่งเสริมอย่างเป็นขั้นตอน โดยทรงพระราชทานทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2518 หลังจากนั้นก็มีการแพร่ขยายของระบบสหกรณ์ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปทั่วประเทศ และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตามรอยพระยุคลบาท ทรงรับสั่งกับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้มีการจัดการเรียนรู้วิชาสหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กำหนดให้วันที่ 7 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนแห่งชาติเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ที่ทรงริเริ่มโครงการจัดกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนในโรงเรียนเพื่อสร้างความรู้และปลูกฝังหลักการและวิชาการสหกรณ์ให้กับเยาวชน

และในวันนี้ 7 มิถุนายน 2566 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมจึงได้บูรณาการร่วมกับโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่จัดงาน 7 มิถุนายน วันสหกรณ์นักเรียน ประจำปี 2566 ขึ้นที่โรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 (พินิจพิทยานุสรณ์) อำเภอเมือง จังหวัดนครพนมเพื่อให้เด็กนักเรียนได้การเรียนรู้การสหกรณ์ในโรงเรียน เป็นการสร้างค่านิยมและปลูกจิตสำนึกให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญของการออม การดำรงชีวิตแบบพอเพียง พึ่งพาตนเอง ใช้จ่ายอย่างเหมาะสม รวมทั้งการฝึกจดบันทึก การจัดทำบัญชี การปิดบัญชี และการบริการร้านค้าสหกรณ์ในโรงเรียน สร้างพื้นฐานการประกอบอาชีพ สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ยังชุมชนได้ เป็นการปลูกฝังให้เยาวชนได้ดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข บนพื้นฐานของความสื่อสัตย์ จริงใจ เมตตากรุณา รู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีจิตสำนึกและจิตอาสาต่อส่วนรวม รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่นอันนำมาซึ่งความสงบสุขสู่สังคม เป็นการวางรากฐานอย่างมั่นคงให้กับชุมชนและประเทศชาติในอนาคต โดยกิจกรรมในวันนี้จะมีทั้งการจัดการเรียนรู้สหกรณ์ในโรงเรียน นิทรรศการสื่อการสอนสหกรณ์ในโรงเรียน การตอบปัญหาชิงรางวัล กิจกรรมนันทนาการ และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเด็กนักเรียนโรงเรียนต่างๆ


วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2566

นครพนมคึกคัก นักวิ่ง 1,657 คนสนุกท่ามกลางสายฝนกับกิจกรรม NT Run for Life @Nakhon Phanom 2566 หารายได้สนับสนุนโรงพยาบาลและโรงเรียนในพื้นที่

วันที่ 4 มิถุนายน 2566 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดเวลา เป็นไปด้วยความคึกคักรับความสดชื่นในยามเช้าของนักวิ่ง 1,657 คน จากทั่วประเทศที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม NT Run for Life @Nakhon Phanom 2566 ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถือเป็นความท้าทายในอีก 1 รูปแบบสำหรับการวิ่งที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมกับการควบคุมเวลาของตัวเอง ที่สำคัญคือได้ทำบุญให้กับโรงพยาบาลวังยาง โรงพยาบาลนาทม โรงเรียนวังยางวิทยาคม และโรงเรียนนาทมวิทยา ของจังหวัดนครพนม เพราะกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการเดิน-วิ่งการกุศล ที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จัดขึ้น เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปบริจาคเป็นสาธารณะกุศล และเป็นการกระตุ้นให้เยาวชน และประชาชนทุกเพศทุกวัยได้เห็นถึงความสำคัญในการออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กับลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่มาเข้าร่วมกิจกรรม

โดยในเวลา 6.30 น. นายวันชัย จันทร์พร พร้อมด้วย พันเอก ดร. สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการใหญ่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหาร ได้ทำการปล่อยตัวนักวิ่งประเภท Mini Marathon 10.5 km รุ่นชาย/หญิง อายุต่ำกว่า 19 ปี รุ่นอายุ 20 – 29 ปี รุ่นอายุ 30 – 39 ปี รุ่นอายุ 40 – 49 ปี รุ่นอายุ 50 – 59 ปี และรุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไป จากนั้นในเวลา 6.45 น. จึงได้ร่วมกันปล่อยตัวนักวิ่ง ประเภท Fun Run 5 km ตามมาด้วยประเภท VIP ไม่จำกัดระยะทาง โดยเส้นทางการเดิน – วิ่งในครั้งนี้จะเป็นการวิ่งไปตามเส้นทางจักรยานมุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งจะทำให้ทุกคนคนได้สัมผัสกับบรรยากาศริมแม่น้ำโขงยามเช้าที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาหินปูนฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว อีกทั้งยังจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนครพนม ไม่ว่าจะเป็น พญาศรีสัตตนาคราชที่อยู่บริเวณจุดสตาร์ทและจุดสิ้นสุด ตลาดอินโดจีนนครพนมแหล่งจำหน่ายสินค้านานาชนิด หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์แลนด์มาร์คเชิงประวัติศาสตร์ที่ชาวเวียดนามได้สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงไมตรีจิตและความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและเวียดนามเมื่อครั้งที่ชาวเวียดนามอพยพมาลี้ภัยสงครามที่จังหวัดนครพนม อาคารศาลเก่าจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศาลยุติธรรม ที่พร้อมให้บริการประชาชนที่สนใจได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้ กิจการศาลยุติธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผ่านนิทรรศการประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) ที่ลักษณะตัวอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น หลังคาทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องว่าว ออกแบบโดยใช้ผนังรับน้ำหนักแทนการใช้เสา ที่เมื่อครั้งอดีตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประทับแรมในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจังหวัดนครพนม และรองอาสนวิหารนักบุญอันนา หนองแสง ที่เป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่ มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย สามารถมองเห็นแต่ไกลด้วยมีหอคอยคู่สูงสง่าที่เป็นศูนย์รวมใจและสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะ คนไทย ญวน เวียดนาม ลาว และจีน

ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะได้รับเหรียญที่ระลึกเมื่อวิ่งเข้าเส้นชัยทุกคน ส่วนผู้ที่เข้าเส้นชัยประเภท Mini Marathon 10.5 km ลำดับที่ 1 แต่ละรุ่นชาย/หญิง จะได้ตั๋วที่พักโรงแรมจากฝั่ง สปป.ลาว ฟรี 1 คืน พร้อมถ้วยรางวัล ตุ๊กตาน้อง connect  ซิม My และเงินรางวัล ลำดับที่ 2 และ 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับของที่ระลึกเป็นถ้วยรางวัล ตุ๊กตาน้อง connect  ซิม My และเงินรางวัล ส่วนลำดับที่ 4 และ 5 จะได้รับของที่ระลึกเป็นถ้วยรางวัล ตุ๊กตาน้อง connect และซิม My  ขณะที่ประเภท Fun Run 5 km ลำดับที่ 1 - 50 จะได้รับตุ๊กตาน้อง connect และซิม My  


วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566

พุทธศาสนิกชนชาวนครพนม เข้าวัดปฏิบัติธรรม และเวียนเทียน เสริมสร้างบุญบารมี เนื่องในวันวิสาขบูชา

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่วัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีสวดมนต์ทำวัตรเย็น รับฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2566 เป็นการร่วมกันทำความดี รักษาศีลธรรม และระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยและเสริมสร้างบุญบารมีให้กับตนเองและครอบครัว โดยมีพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยวันวิสาขบูชา ที่ถือเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ 3 ประการ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย และถ้าปีใดมีอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองหน ก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 ดังนั้นจึงมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนของทุกปี โดยเมื่อถึงวันพุทธศาสนิกชนจะพร้อมใจกันทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม และเวียนเทียน เพื่อเป็นอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งในประเทศไทยนั้นปรากฏหลักฐานว่า วันวิสาขบูชา เริ่มต้นครั้งแรกในสมัยกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากประเทศลังกา เพราะมีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด เห็นได้จากที่มีพระสงฆ์จากประเทศลังกาหลายรูป เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และนำการประกอบพิธีวิสาขบูชา ที่พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 420

สำหรับการเวียนเทียนนั้น มีปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก ใช้คำว่า เวียนประทักษิณาวัตร คือ การเวียนขวา 3 รอบ เพื่อเป็นเครื่องหมายการแสดงออกถึงการเคารพบูชาต่อสิ่งนั้น ๆ อย่างสูงสุด โดยก่อนการเวียนเทียนพุทธบริษัท ทั้ง พระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา จะมาพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถหรือลานพระเจดีย์ จากนั้นประธานสงฆ์จุดเทียนและธูป ตามด้วยประธานฝ่ายฆราวาสและผู้ที่มาร่วมประกอบพิธีเวียนเทียน เสร็จแล้วประนมมือ ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินเวียนขวารอบปูชนียสถาน จำนวน 3 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการเจริญภาวนาระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่สองเจริญภาวนาระลึกถึงพระธรรมคุณ และรอบสามเจริญภาวนาระลึกถึงพระสังฆคุณ ซึ่งขณะเวียนเทียนทุกคนจะต้องอยู่ในอาการที่สำรวมทั้ง กาย วาจา และใจ มีสติอยู่กับตัว ไม่พูดคุยและหยอกล้อกันในขณะที่เวียนเทียน เพราะเป็นการไม่เคารพต่อพระรัตนตรัยและสถานที่ ตลอดจนทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญหรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อเวียนครบ 3 รอบ ทุกคนจะนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางและปักบูชาไว้ยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้