วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

7-13 กรกฎาคมนี้ บวงสรวงใหญ่พญาศรีสัตตนาคราช นครพนม

วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคาราช เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางกรรญา ศูนย์คำ วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม นายคงกริช พงษ์พันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุรัตน์ ก้องเกียรติกมล กรรมการมูลนิธิพญาศรีสัตตนาคราช นายธนพัต ทีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม นายชัยณรงค์ กาญจะนะกันโห พัฒนาการจังหวัดนครพนม และพลตำรวจตรี ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงและแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ประจำปี 2566 ที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ตลอดจนความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนมมาตั้งแต่อดีต ทั้งเป็นการยกระดับเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม

โดยในปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 13 กรกฎาคม 2566 รวม 7 วัน 7 คืน ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่ยังคงมีเช่นเดิมเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่การแห่ขบวนเครื่องบูชา การรำบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราชของประชาชนชาวจังหวัดนครพนม 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะเพื่อแสดงให้ประชาชนทั่วไปตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม ได้เห็นถึงความงดงามของศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยลุ่มแม่น้ำโขง การแสดงวงดนตรีพื้นเมือง มหกรรมซุ้มอาหารโรงทาน และการจำหน่ายสินค้าดีสินค้าเด่นของแต่ละชุมชน ส่วนความแตกต่างที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 นี้จะไม่มีการจ้างศิลปินดาราชื่อดังมาเป็นนางรำในการรำบวงสรวงเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่ใช้วิธีเปิดรับผู้มีชื่อเสียงที่มีความศรัทธาต่อองค์พญาศรีสัตตนาคราชมาร่วมรำบวงสรวงกับนางรำทั้ง 12 อำเภอ ตลอดจนพี่น้องชาว สปป.ลาว และประชาชนจังหวัดต่าง ๆ ที่ยื่นความจำนงค์ขอเดินทางมาร่วมรำบวงสรวง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่แสดงความจำนงค์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในการรำปีนี้ยังมีการประพันธ์เพลงขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการรำบวงสรวงด้วย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงบินโดรน จำนวน 500 ลำ เหนือกลางลำแม่น้ำโขง ที่จะเป็นการแสดงแปลอักษรและภาพสัญลักษณ์สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดนครพนม ซึ่งมีด้วยกันทั้งสิ้น 2 วัน วันละประมาณ 15-20 นาที ส่วนช่วงเวลาการแสดงจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันที่จัดแสดง เพราะหากในห้วงเวลาที่กำหนดไว้เบื้องต้นมีฝนตกลงมาในพื้นที่ก็จะมีการขยับเลื่อนเวลาการแสดงออกไปตามความเหมาะสมในแต่ละวัน ขณะเดียวกันก็ยังมีการแสดงโขน ที่เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย มีความสง่างาม อลังการ และอ่อนช้อย ของท่วงท่ารำตามแบบละครใน มาจัดแสดงให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับชม ศึกษาและเรียนรู้ศิลปะที่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยที่พร้อมก้าวไปสู่สายตานานาชาติ

ขณะเดียวกันในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัย ก็ได้มีจัดกำลังเจ้าหน้าที่วางกำลังตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งตอนในงานและพื้นที่รอบนอก ตลอนจนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ในจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนว่าเมื่อมาร่วมงานแล้วจะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนการเดินรถก็ได้มีการออกแบบผังและทิศทางการเดินรถให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงมีการประกาศห้ามเดินรถทุกชนิดในวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566 ในถนนสุนทรวิจิตร ช่วงสามแยกถนนสุนทรวิจิตรตัดถนนลูกเสือถึงสามแยกวัดโพธิ์ศรี ตั้งแต่เวลา 13.00-24.00 น. และถนนนิตโย ช่วงสี่แยกถนนนิตโยตัดกับถนนบำรุงเมืองที่บรรจบกับถนนสุนทรวิจิตร ตั้งแต่เวลา 13.00-24.00 น. ยกเว้นรถฉุกเฉินทางการแพทย์หรือรถที่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรหรือเจ้าหน้าที่จราจร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น