วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ที่หมู่ที่ 1 ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน ประชาชน และนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ กว่า 200 คน ร่วมกันทำกิจกรรมลงแขกดำนาในรูปแบบการเอามื้อสามัคคี ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ภายใต้โครงการ ผู้ว่าคลายทุกข์ ช่วยเหลือราษฎรกลุ่มเปราะบาง อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการช่วยเหลือเจือจุลเกษตรกรผู้สูงอายุและด้อยโอกาส โดยการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ชุมชนห่างไกลและดำเนินการให้ความช่วยเหลือสนับสนุน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น Change for good และขยายผลไปสู่การดำเนินการช่วยเหลือดูแลซึ่งและกันของคนในชุมชน ส่งเสริมความรักความสามัคคี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินโครงการหมู่บ้านยั่งยืน Sustainable Village ทั้งเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวิถีชีวิตพื้นบ้าน และสืบสานวัฒนธรรมไทย ในสมัยอดีตที่นับวันจะเลือนหายไป ให้กลับมาคงอยู่คู่ชุมชน
วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
นครพนมม่วนซื่นโฮแซว พ่อเมืองควงแขนแม่บ้านนำทีมลงแขกช่วยชาวนากลุ่มเปราะบาง ลดต้นทุนการผลิต สร้างความสามัคคี สืบสานประเพณีอีสาน
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ประเพณีการลงแขกดำนา นับวันจะหาดูได้ยาก เพราะปัจจุบันชาวนาส่วนใหญ่จะชอบทำนานาหว่าน แถมมีการนำเอาเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลต่าง ๆ มาช่วยในกระบวนการผลิต ซึ่งจากสถิติการเก็บข้อมูลวิจัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเปรียบเทียบการทำนาแบบต่างๆ พบว่า การทำนาดำให้ผลผลิตมากที่สุด รองลงมาคือนาหยอด ส่วนนาหว่านให้ผลผลิตน้อยที่สุด เพราะต้นข้าวขึ้นไม่เป็นระเบียบทำให้บริหารจัดการแปลงนาได้ยาก ต้น รวงและเมล็ดข้าวจึงไม่สม่ำเสมอ เพราะต้องแย่งอาหารและแข่งกันโต สุดท้ายกลายเป็นชาวนาได้ข้าวคุณภาพไม่สม่ำเสมอ ขณะเดียวกันการทำนาดำก็ต้องใช้ต้นทุนในการผลิตที่สูง เพราะมีต้นทุนในเรื่องของแรงงานที่จ้างมาดำในแต่ละวัน ในสมัยอดีตบรรพบุรุษจะใช้วิธีลงแขก ไม่ว่าจะเป็น ดำนา เกี่ยวข้าว หรือตีข้าว ถือเป็นประเพณีไทยที่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างความรักความสามัคคีของคนภายในหมู่บ้าน โดยในระหว่างการลงแขกก็จะมีการขับร้องเพลงเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน และเพลิดเพลิน รวมถึงเมื่อถึงเวลาพักก็จะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้นในวันนี้จึงได้นำทุกคนมาลงแขกดำนาช่วยนางขันตี สังข์ประเสริฐ ที่เป็นเกษตรผู้สูงอายุและด้อยโอกาส
ด้านนางสาวกัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ข้าว ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของจังหวัดนครพนม ในภาพรวมปี 2564/65 มีมูลค่าทางเศรษฐกิจของข้าวนาปี ทั้งข้าวเจ้านาปี และข้าวเหนียวนาปี รวม 6,800 ล้านบาท มีพื้นที่ปลูก 12 อำเภอ รวม 1.5 ล้านไร่ มีผลผลิต 578,000 ตัน โดยกิจกรรมลงแขกดำนาในวันนี้จัดขึ้น เพราะต้องการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มเป้าหมาย เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ทั้งเป็นการส่งเสริมให้ชาวนาได้มีผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ สามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง จากการถ่ายทอดความรู้ให้ทุกคนได้เห็นและเข้าใจ เพื่อนำไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำนาให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ตั้งแต่กระบวนการแรกของการทำนา เพราะก่อนลงแขกจะมีการสอนการเตรียมและปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยปุ๋ยหมักและปุ๋ยอินทรีย์ แทนการใช้สารเคมีที่จะเป็นบ่อนตัวทำลายสุขภาพของชาวนา โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการขยายผลไปทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น