วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2566

วันที่ 7 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) อำเภอเมืองนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน สปป.ลาว เป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย - ลาว (จังหวัดนครพนม – แขวงคำม่วน) ครั้งที่ 13 ซึ่งเป็นการทบทวนความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย - ลาว ในพื้นที่จังหวัดนครพนมและแขวงคำม่วน ที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำร่วมกันมาและเล็งเห็นว่ากลไกความร่วมมือดังกล่าว เป็นพื้นฐานที่ดีในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในระดับจังหวัดและแขวง ตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องสอดคล้องตามนโยบายของ 2 รัฐบาล (ไทย – ลาว) เป็นการมีส่วนร่วมในการรักษาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามชายแดนไทย – ลาว ทำให้ชายแดนระหว่าง 2 ประเทศเป็นชายแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความสามัคคี ทั้งยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดี จึงได้มีการลงนามความร่วมมือกันอีกครั้ง โดยมีนายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ กงสุลใหญ่ แห่งราชอาณาจักรไทย ณ แขวงสะหวันนะเขต และท่านสมลัก วิไลทอน กงสุลใหญ่ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำจังหวัดขอนแก่น ร่วมการประชุม

โดยในครั้งที่ 13 นี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามกรอบความร่วมมือ 8 ด้าน คือ ความร่วมมือในการรักษาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามชายแดน ไทย – ลาว ที่เป็นการปฏิบัติเกี่ยวกับการลาดตระเวน กรณีการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยตามลำแม่น้ำโขงตามหลักมนุษยธรรม กรณีเกิดมีการกระทบกระทั่งกันตามบริเวณชายแดน กรณีบุคคลสองสัญชาติ กรณีเกี่ยวกับปัญหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงไทย – ลาว รวมถึงการรับทราบต่อการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อดูแลพลเมืองที่ประกอบอาชีพสุจริตของตน ตลอดจนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด การจัดระเบียบเรือ การเดินเรือตามแม่น้ำโขง การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พบปะหารือร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตามชายแดน การร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน การประชุมอนุกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนในระดับอำเภอกับเมือง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยให้ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ความร่วมมือด้านต่อมาคือความร่วมมือในการรักษาชายแดน ไทย - ลาว (จังหวัดนครพนม - แขวงคำม่วน) ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - ลาว ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางน้ำ ที่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบ ในระยะที่รัฐบาลไทย และรัฐบาลลาว ยังอยู่ระหว่างการเจรจาสำรวจและปักปันหลักเขตแดนในแม่น้ำโขง ประชาสัมพันธ์ให้พลเมืองของตนที่อาศัยอยู่่ตามบริเวณชายแดนประกอบอาชีพอยู่ในเขตแดนของตน ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า – ออกเมืองตามจุดผ่านแดน ไทย – ลาว

ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามชายแดน ไทย – ลาว ความร่วมมือในการรักษาและป้องกันการกัดเซาะตลิ่งและการแก้ไขปัญหาการดูดทรายตามแม่น้ำโขง ความร่วมมือกรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายถูกจับกุม คุมขัง ที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติด้วยความยุติธรรม โดยปราศจากการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจ หลังจากนั้นต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบภายใน 7 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ถูกกักตัว สำหรับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีเห็นชอบอนุญาตให้ญาติพี่น้องเดินทางเข้าเยี่ยมตามความเหมาะสม บนพื้นฐานระเบียบและกฎหมายของแต่ละประเทศ ส่วนการส่ง – มอบบุคคลสัญชาติไทยหรือบุคคลสัญชาติลาวที่พ้นโทษกลับประเทศหรือเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการประสานงานให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าก่อนมีการส่งตัว โดยให้ส่งตัวภายใน 7 วันทำการ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของจุดผ่านแดนถาวรหรือด่านสากลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความร่วมมือด้านแรงงานให้ปฏิบัติตามข้อ 6.10 ของบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดน ไทย - ลาว ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 26 - 28 กันยายน 2560 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดนครพนมและแขวงคำม่วน ที่จะมีการปฏิบัติตามและขยายผลความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Strategic Partnership for Growth and Sustainable Development) ตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 - 2569) ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับ สปป.ลาว ที่จัดทำขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2565
นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งคณะเลขานุการประสานงานระดับจังหวัด – แขวง ฝ่ายละ 7 คน และระดับอำเภอ – เมือง ฝ่ายละ 5 คน เพื่อสร้างกลไกประสานงาน รวมถึงการกำหนดเวลาและสถานที่จัดการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งแขวงคำม่วนรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น