วันที่ 22 กันยายน 2566 ที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานของดีอำเภอปลาปากและงานประเพณีเทศกาลกินต่อหัวเสือโลก ประจำปี 2566 ที่นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอปลาปากร่วมกับ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และชาวอำเภอปลาปากจัดขึ้น เพื่อสืบสาน ส่งเสริม และอนุรักษ์ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น เกี่ยวกับการเลี้ยงต่อหัวเสือ และนำต่อหัวเสือมาประกอบอาหารเป็นเมนูต่าง ๆ รวมถึงการนำของดีจากโครงการปลาปาก แซส ซิตี้ (Plapak SEDZ city) รักษ์ปลาปาก จากโคก หนอง นา สู่เขตเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ในแต่ละชุมชนมาจัดแสดง ให้ผู้ที่มาร่วมงานตลอดจนนักท่องเที่ยวได้รับรู้และจับจ่ายซื้อหาไปใช้ ไปรับประทาน เป็นการสร้างการรับรู้ เพิ่มช่องทางการตลาด ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566
นครพนม จัดกิจกรรมสืบสานภูมิปัญญา ส่งเสริมการท่องเที่ยว โชว์เมนูเด็ดอาหารปรุงจากต่อหัวเสือ
ซึ่งในวันนี้มีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้สนุกสนานที่มีทั้งการแสดง ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การฟ้อนรำ โดยที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น การรอชิมเมนูอาหารที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมลงมือปรุงด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก กับเมนูที่นำต่อหัวเสือมาเป็นวัตถุดิบหลัก โดยมีการโชว์การปรุงถึง 3 เมนู ประกอบไปด้วยเมนู ลาบต่อหัวเสือ อ่อมต่อหัวเสือ และปิดท้ายด้วยยำลูกต่อหัวเสือ ซึ่งเมื่อแต่ละเมนูเมื่อแล้วเสร็จใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีอาหารก็หมด เพราะล้วนมีความอร่อยที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความแตกต่างจากวัตถุดิบชนิดอื่นที่นำมาปรุงเป็นอาหารอย่างมาก ที่สำคัญไม่ได้หาทานได้บ่อย ๆ เพราะราคาตัวอ่อนต่อหัวเสือที่นำมาปรุงอาหารสูงถึงกิโลกรัมละประมาณ 800 - 1,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขันการประกวดรังต่อหัวเสือ ที่แต่ละชุมชนจะนำมาแข่งขันกันว่ารังต่อของชุมชนไหนจะมีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งปรากฏว่าในปีนี้ตำบลโคกสว่างคว้ารางวัลอันดับ 1 ไปครองพร้อมเงินรางวัล 2,000 บาท ส่วนการแข่งขันประกอบเมนูอาหารต่อหัวเสือที่แต่ละชุมชนส่งเข้าแข่งขัน โดยมีการนำต่อหัวเสือมาดัดแปลงเป็นเมนูอาหาร ที่มีทั้งที่เป็นอาหารอีสานพื้นบ้านทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แกงตัวต่อ ต้มยำต่อหัวเสือ นึ่ง ทอด หมก น้ำยาขนมจีนต่อหัวเสือ ไปจนถึงเมนูพิซซ่าต่อหัวเสือ โดยตำบลหนองเทาใหญ่สามารถคว้ารางวัลอันดับ 1 ไปครองพร้อมเงินรางวัล 2,000 บาท การจัดประกวดซุ่มนิทรรศการการกินต่อหัวเสือ การจำหน่ายสินค้า OTOP/ธิดาต่อในซุ้ม ซึ่งแต่ละชุมชนมีการรังสรรค์ออกมาให้มีความแตกต่างที่สวยงามพร้อมบอกเล่าเรื่องราวในการสืบสานภูมิปัญญาในการเลี้ยงต่อหัวเสือที่เป็นอาชีพสุดเสี่ยง แต่สร้างรายได้หลักแสนต่อปีให้คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ยิ่งช่วงไหนหายากจะส่งผลให้ราคาขยับตัวสูงถึงกิโลกรัมละ 2,000 บาท โดยการเลี้ยงจะใช้วิธีปล่อยตามธรรมชาติประมาณ 3-4 เดือนก่อนเก็บผลผลิตสู่ท้องตลาด ทั้งนี้ในชุมชนได้มีการพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาในการเก็บผลผลิตจากเดิมที่ใช้วิธีการเผารังต่อทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ มาประดิษฐ์ชุดล้วงรังต่อที่นอกจากจะทำให้ผู้เลี้ยงมีความปลอดภัยสูงขึ้นในการล้วงรังต่อ ทั้งยังช่วยลดการสูญพันธุ์ที่เกิดจาการเผาหรือรมควัน ที่สำคัญคือทำให้สามารถเก็บผลผลิตเพิ่มขึ้นได้รังละ 2-3 รอบ และมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ตำบลเพื่อวางจำหน่าย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น