วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

วิถีศิลปินเรือไฟกับการสร้างเครื่องพุทธบูชาในวันออกพรราของคนนครพนม

ที่ท่านกำลังเห็นอยู่นี้คือบรรยากาศของพี่น้องชาวนครพนม ที่กำลังเร่งสร้างเรือไฟ เพื่อจะใช้เป็นเครื่องพุทธบูชาในวันออกพรรษา ตามความเชื่อและวิถีชีวิตของคนในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งแต่ละลำก็จะมีขนาดความยาวและความสูงที่แตกต่างกันออกไป โดยมีลวดลายวิจิตรตระการตา

นายสุรพล นาสิงเตา ศิลปินเรือไฟอำเภอนาหว้า เปิดเผยว่า เรือไฟของอำเภอนาหว้ามีขนาดความสูงอยู่ที่ 20 เมตร ความกว้าง 12 เมตร ส่วนความยาว 60 เมตร ขั้นตอนอันดับแรกที่ทำคือต้องไปหาวัสดุ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ไผ่ ไม้ขันชะเนาะ แล้วก็ยางรถเพื่อใช้รัดเสาและโครงสร้างส่วนอื่น ๆ ร่วมกับลวด เนื่องจากตะปูเพียงอย่างเดียวพอไม้ไผ่แห้งจะยึดไม่อยู่และเป็นอันตราย ส่วนฐานของเรือไฟจะใช้ไม้ไผ่ทำเป็นทุ่นร่วมกับถังน้ำมัน 200 ลิตร ระยะเวลาในการสร้างเรือไฟจะประมาณ 1 เดือน โดยทุกคนจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรวมใจกันมาสร้างวันละประมาณ 100 คน แต่จะมีศิลปินเรือไฟที่เป็นหลักอยู่ประมาณ 30 - 50 คน สำหรับลวดลายในปีนี้ของอำเภอนาหว้าออกแบบให้มีพญานาค มีพระธาตุพนมและพระธาตุประสิทธิ์ แล้วก็มีพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง เพราะอยากให้มีความหมายที่สื่อถึงการทำนุบำรุงพระศาสนา ปกป้องสถาบัน ซึ่งเมื่อออกแบบเสร็จแล้ว จะไปวาดใส่พื้นตามขนาดจริงแบ่งเป็นตารางเมตร แล้วนำเหล็กเส้นมาดัดขึ้นลายตามที่ออกแบบ เมื่อแล้วเสร็จจะนำมาติดตั้งที่โครงสร้างเรือไฟ ตามด้วยการนำตะเกียงมาแขวนตามจุดที่กำหนด เพื่อเวลาที่จุดตะเกียงและไหลเรือไฟออกไป ผู้ที่มาชมจะได้เห็นความสวยงามของลวดลายที่ออกแบบตามแสงไฟของตะเกียง สำหรับของอำเภอนาหว้าใช้ตะเกียงทั้งสิ้น 9,000 ดวง แต่ก็มีการคำนวณมาอย่างดีว่าจุดที่จะแขวนอยู่ตรงไหนเหมาะที่สุดทั้งแนวตั้งและแนวนอน เนื่องจากถ้าตะเกียงใกล้กันเกินไป ก็จะมองไม่เห็นเป็นลวดลายเวลาที่จุดตะเกียงแถมมีอันตรายอาจจะเกิดขึ้นได้จากการลุกไหม้ของตะเกียง แต่ถ้าระยะห่างเกินไปก็จะทำให้ลวดลายไม่สวยงาม อย่างไรก็ดีสำหรับการใช้ตะเกียง 9,000 ดวงในครั้งนี้ถือว่าน้อยสุดกว่าลำอื่น ๆ ที่ทำในปีนี้ เพราะตามปกติเรือไฟขนาดใหญ่ที่ยาว 80 เมตร จะใช้ตะเกียงมากถึง 20,000 ดวง ก็อยากจะขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยว ทั้งที่อยู่ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ที่อยู่ต่างประเทศ แล้วมีโอกาสได้มาประเทศไทย ได้มาชม มาเที่ยวงานไหลเรือไฟในปีนี้ ระหว่างวันที่ 20 -30 ตุลาคม 2566 ที่มีแต่ความสวยงามตามแบบวิถี ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่สืบทอดต่อกันมา

และนี่เป็นเพียง 1 ตัวอย่างของเรือไฟ ที่จะไหลให้ได้ชมในวันออกพรรษา ซึ่งในความเป็นจริงยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่รอสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม ทั้งเรือไฟที่ลวดลายสามารถเคลื่อนไหวได้ หรือแม้กระทั่งพญานาคพ่นไฟ ที่สำคัญใครที่มาก่อนวันที่ 29 ตุลาคม 2566 จะได้พบกับการแสดงบินโดรนแปรอักษร ที่จะนำเรือไฟในอดีตมาให้ได้ชมกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืนทุกวัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น