ผศ.ดร.เกรียงไกร ผาสุตะ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิลปวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เรือไฟโบราณจนกลายมาเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ที่ประชาชนทั่วไปจะได้เห็นในวันออกพรรษา ซึ่งในขั้นตอนกระบวนการประดิษฐ์ก็จะมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป และเพื่อให้เยาวชนจังหวัดนครพนมได้เรียนรู้และร่วมกันสืบสานประเพณีอันงดงามของคนนครพนมไว้ตราบนานเท่านาน มหาวิทยาลัยนครพนมจึงได้นำบุคลากรกองพัฒนานักศึกษา และนักศึกษามหาวิทยาลัยนครพนม ลงพื้นที่เรียนรู้การทำเรือไฟโบราณ เพื่อเป็นเครื่องพุทธบูชาในวันออกพรรษา (ขึ้น 15 เดือน 11) จากปราชญ์ชาวบ้านและคนในชุมชนวัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
ด้านพระมหาพรพิทักษ์ วรทกโข รองเจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม กล่าวเพิ่มเติมว่า เรือไฟโบราณเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นกิจกรรมของคนชาวอีสานที่เป็นสิ่งสร้างเสริมและก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในหมู่ชุมชน โดยทางวัดสว่างสุวรรณารามได้ร่วมกับคนในชุมชน จัดสร้างเรือไฟโบราณเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกับทางจังหวัดนครพนมเป็นประจำทุกปี โดยจะทำอยู่ 2 แบบ คือ เรือไฟบก ซึ่งจะใช้ถวายเป็นพุทธบูชาให้กับพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า โดยจะเวียนเทียนรอบพระอุโบสถของวัดในวันออกพรรษา ที่ในปีนี้ตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม 2566 และเรือไฟน้ำ ที่จะเป็นการสะเดาะเคราะห์ ลอยทุกข์ลอยโศก และมีความเชื่อว่าเป็นการขอขมาพระแม่คงคงที่ให้เราได้มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคและบริโภค ซึ่งเรือนี้จะนำไปไหลกลางแม่น้ำโขงร่วมกับทางจังหวัด สำหรับบุคลากรและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนครพนมที่มาในวันนี้ จะมีโอกาสได้เห็นและเรียนรู้ขั้นตอนการทำเรือไฟโบราณ เช่น การทำดอกผึ้งซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการตกแต่งเรือไฟโบราณให้มีความสวยงาม ซึ่งจะเริ่มจากให้ทุกคนได้เรียนรู้การต้มและหลอมละลายเทียน ก่อนที่จะใช้แม่แบบซึ่งเป็นโมเดลดอกผึ้งจุ่มลงไปในน้ำเทียนที่ต้ม ก่อนนำไปแช่น้ำเย็นเมื่อเทียนอยู่ตัวก็จะได้ดอกผึ้งสีเหลืองอร่ามที่มีความสวยงามก่อนนำไปประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของเรือไฟ การทำพานบายศรีที่จะให้ทุกคนได้เรียนรู้ตั้งแต่การฉีกใบตอง การพับใบตองขึ้นรูปเป็นพานเพื่อใช้ประดับเรือไฟ การเหลาไม้ไผ่สำหรับใช้ทำโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของเรือไฟ การฉลุลายกาบกล้วย การทำหอประสาทผึ้ง ไปจนถึงการเตรียมเครื่องสักการะที่จะใช้บนเรือไฟโบราณ ไม่ว่าจะเป็น กาบเทียน ขี้ตะบอง ของประดับและดอกไม้ต่าง ๆ
ขณะที่นายศรพิทักษ์ นาคสี หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำเรือไฟโบราณ โดยปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วที่ได้มาเข้าร่วม ซึ่งในปีแรกจะตื่นเต้นมากเพราะไม่รู้ขั้นตอนอะไรเลย อยากทำไปหมดทุกอย่าง เลยกลายเป็นว่าได้อย่างละนิดละหน่อย แต่มาครั้งนี้ตั้งใจที่จะเรียนรู้แต่ละอย่างแบบละเอียดเพราะรู้ลำดับขั้นตอนแล้ว ที่สำคัญคืออยากให้ผลงานที่ตัวเองทำมีความสวยงามที่สุดเป็นไปตามแบบที่พ่อ ๆ แม่ๆ สอน ยิ่งเราประณีตมากเท่าไหร่ผลงานที่ได้ก็สร้างความภูมิใจมากเท่านั้น โดยหลังจบการศึกษาไปและตนเองได้ไปเป็นอาจารย์สอน ก็จะได้นำเอาภูมิปัญญา สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ไปถ่ายทอดต่อให้กับนักเรียนในโรงเรียนต่อไป
.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น