วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ และถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

วันนี้ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่วัดศรีสงคราม หมู่ที่ 4 บ้านท่าบ่อ ตำบลท่าบ่อสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และพสกนิกรจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ และถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีพระครูพระวิมลธรรมภาณ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม (ธรรมยุติกนิกาย) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

 โดยในเวลา 16.00 น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานประกอบพิธีจุดธูปเทียน นมัสการบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายความเคารพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 จากนั้น ทุกคนร่วมกันอาราธนาศีลพระสงฆ์ จำนวน 9 รูปให้ศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์นำผู้ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล

จากนั้น ทุกคนร่วมกันเจริญสมาธิภาวนา เป็นเวลา 99 วินาที และกรวดน้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ก่อนที่ประธานในพิธีนำทุกคนกราบลาพระรัตนตรัยและถวายความเคารพลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ทั้ง 2 พระองค์ เป็นเสร็จพิธี ทั้งนี้ จังหวัดนครพนม ได้กำหนดประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งต่อไป ในวันที่ 28 มีนาคม 2562 ณ วัดศรีสว่าง หมู่ที่ 5 บ้านกลางจาน ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์

เกษตรกรนครพนมเปลี่ยนความคิดนำตอซังข้าวสร้างเห็ดขาย เสริมรายได้ในครัวเรือน


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายเอนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในอดีตเกษตรกรส่วนใหญ่พอเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะมีการเผาต่อซังข้าว หรือบางรายก็ปล่อยทิ้งไว้ เมื่อมีคนไปเผาหญ้าที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณนั้นก็เกิดการลุกลามไปทั่วพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มีการรณรงค์ส่งเสริม และสร้างความเข้าใจ ตลอดจนทำให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความสำคัญของวัสดุทางการเกษตรที่เหลือใช้และนำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นอีก เช่น การไถกลบตอซังข้าวเพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ทำให้ทุกคนลดรายจ่ายในฤดูกาลผลิตครั้งต่อไป ขณะเดียวกันก็สามารถนำไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก เช่นกลุ่มเกษตรกรบ้านนกเหาะ หมู่ที่ 8 ตำบลโคกสูง อำเภอปลาปาก ที่ได้นำเอาองค์ความรู้ในด้านการเพาะเห็ด มาใช้กับตอซังข้าวผลิตเห็ดขายสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวเป็นอย่างดี

นายนิรันดร์ ทศราช ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเห็ดบ้านนกเหาะ เปิดเผยว่า ที่มาของการนำตอซังข้าวมาทำก้อนเชื้อเพาะเห็ดนั้น เกิดจากที่เดิมพากันใช้ขี้เลื้อยมาทำแล้วมีราคาสูง ประกอบกับทางหน่วยงานได้มาให้ความรู้ถึงผลกระทบที่เกิดจากการเผาตอซัง ทำให้คนในชุมชนเกิดความคิดว่าจะเอาตอซังข้าวหลังการเก็บเกี่ยวมาใช้ประโยชน์ในส่วนนี้แทนขี้เลื้อย ซึ่งนอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบแล้ว ยังทำให้ทุกคนมีรายได้เช่นดังเดิมอีกด้วย โดยทุกคนจะช่วยกันนำตอซังข้าวในแปลงนาของตนเองมารวมกลุ่มกันผลิตเป็นก้อนเชื้อเพาะเห็ด เพื่อเก็บในโรงเรือนที่ร่วมกันสร้างประมาณ 4,300 ก้อนต่อ 1 โรงเรือน หลังจากนั้นก็ช่วยกันดูแล รดน้ำเช้าเย็นถ้าวันไหนร้อนจัดก็จะรดตอนเที่ยงเพิ่มเติม พอเห็ดออกดอกก็จะมาช่วยกันเก็บขาย ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางมารับถึงที่ในราคากิโลกรัมละ 60 บาท บางวันในกลุ่มก็จะออกขายกันเองตามชุมชนซึ่งจะได้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท แต่ละวันเกษตรกรภายในกลุ่มที่มีอยู่ประมาณ 40 คนจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 150 - 200 บาทต่อคน ก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีเพราะผลัดเปลี่ยนเวรกันมาดูแลก้อนเห็ดและรดน้ำวันละไม่ถึง 2 ชั่วโมงแต่มีรายได้ทุกวัน โดยก้อนเชื้อเห็ดที่ทำในแต่ละครั้งนั้นจะมีอายุนานถึง 4 เดือนให้ได้เก็บเกี่ยวรายได้ในส่วนนี้ ส่วนเวลาที่เหลือทุกคนก็สามารถไปประกอบอาชีพอย่างอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชใช้น้ำน้อยและรับจ้างทั่วไป ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนรู้จักการบริหารจัดการร่วมกัน เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชนอีกด้วย

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

คณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่นครพนมติดตามงานสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีบ้านนาทม

วันที่ 27 มีนาคม 2562 ที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี บ้านนาทม ตำบลนาทม อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม นางขนิษฐา บุญราช กรรมการมูลนิธิพัฒนาสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี เป็นประธานนำคณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม สร้างขวัญกำลังใจและติดตามผลการดำเนินงานของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีบ้านนาทม เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรคในการปฏิบัติงาน และร่วมหาแนวทางในการสนับสนุนสถานีมัยเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้ ในการพัฒนาระบบการบริการด้านสาธารณสุข ด้านการพยาบาล ให้เต็มไปด้วยคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความสง่างาม สมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระเมตตาห่วงใยสุขภาพพลานามัยของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยมีนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม คณะแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน

ซึ่งการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ทางสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีบ้านนาทมได้บรรยายสรุปถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ 5 ด้าน จนเป็นสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ ต้นแบบ ประกอบไปด้วย ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ด้านภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อม ด้านการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุและผู้พิการ และด้านการคุ้มครองผู้บริโภคสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน รวมถึงแนวทางในการพัฒนางานต้นแบบ 5 ด้าน ตลอดจนข้อมูลสถานะสุขภาพของประชาชน ข้อมูลการเงิน กิจกรรมเทิดพระเกียรติฯต่างๆที่ได้ดำเนินการ ผลงานเด่นและรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และสิ่งที่ต้องการขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม นำทีมลงพื้นที่ให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอำเภอนาแก

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่ตำบลคำพี้ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม หลังได้รับผลกระทบจากการเกิดพายุฤดูร้อน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ทำให้อาคารบ้านเรือน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง ได้รับความเสียหาย

จากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการประกาศเรื่องพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน พายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ในส่วนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนครพนมนั้น อำเภอนาแกเกิดได้เกิดพายุฝน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 นาที ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ โดยมีลมกรรโชกแรงประมาณ 30 นาทีก็สงบลง แต่กลับส่งผลให้บ้านเรือนในหมู่ที่ 1 และ 9 ในตำบลคำพี้ได้รับความเสียหาย 21 หลังคาเรือน และ 1 โรงทอผ้า โชคดีไม่มีประชาชนในพื้นที่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนมนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดพายุฤดูร้อนได้เช่นเดียวกับหลายจังหวัด จึงอยากฝากให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ ในการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงขอให้มีการตรวจสอบดูแลสภาพบ้านเรือนให้มีความแข็งแรง ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้มีการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งภัยแล้งและพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดภัยในครั้งนี้ ทุกภาคส่วนได้ลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็วมาตั้งแต่เมื่อวานที่แล้วโดยมีนายอำเภอเป็นแกนหลัก และในวันนี้ก็มีหน่วยงานทหารพัฒนา นพค.22 ประชาชนจิตอาสา เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมและหน่วยงานอื่นๆเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยหลังจากนี้ทางจังหวัดจะมีการประกาศเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และจะมีการช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ตามมาอีก เช่น หน่วยงานในสังกัดป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่จะเข้ามาช่วยในการซ่อมแซมบ้านเรือนและดูแลประชาชนที่ประสบภัยในครั้งนี้ 

จ.นครพนม จัดงานรำลึกวันสหกรณ์แห่งชาติ

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ร่วมประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ได้รำลึกถึงกรุณาธิคุณของบิดาแห่งการสหกรณไทย และตระหนักถึงความสำคัญของการสหกรณ์ ที่นำมาซึ่งความรัก ความสามัคคี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของขบวนการสหกรณ์ไทย ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ระบบสหกรณ์ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น เป็นการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ด้วยการส่งเสริมให้ความรู้ประชาชน ได้เข้าใจในหลักการ วิธีการสหกรณ์ และสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างถูกต้อง โดยกิจการสหกรณ์เป็นการรวมกลุ่มกันของสมาชิกเพื่อดำเนินกิจกรรมในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทางเศรษฐกิจ โดยระบบสหกรณ์มีแนวคิดการบริหารงานที่สอดคล้องกับแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตนเองที่เรียกว่า “การระเบิดจากข้างใน” สามารถพัฒนาและพึ่งพาตนเองได้ด้วยการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง พร้อมทั้งเกื้อกูลสังคมส่วนรวมทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ทั้งนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2527 กำหนดให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ 

การช่วยเหลือเกษตรกรกับโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา


จากการคาดการณ์ เกี่ยวกับสภาพน้ำในแหล่งน้ำ ที่อาจมีไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร ในช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับผลิตข้าวล้นตลาด และราคาตกต่ำ รัฐบาลจึงได้มีนโยบาย ในการส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนแนวความคิด หันการปลูกพืชใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้งทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำให้มีน้ำเพียงพอต่อการเกษตรแล้ว ยังเป็นการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ผลิตล้นตลาด และทำให้ทุกคนมีรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัวเช่นดังเดิม โดยหนึ่งในโครงการที่ออกมา คือ โครงการสานพลังประชารัฐปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา

นางศรีทน จันทร์หอม เกษตรกรตำบลหนองบ่อ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตนเองนั้นเคยปลูกแต่ข้าวโพดหวาน ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นยังไม่เคยทำ พอได้ยินว่ามีโครงการสานพลังประชารัฐปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ที่ทางผู้นำชุมชนประกาศแจ้งว่าจะมีหน่วยงานเข้ามาส่งเสริม สนับสนุน มีตลาดรองรับ ถ้าใครมีความสนใจอยากปลูกก็ให้มาเข้าร่วมโครงการ พอติดต่อไปทางหน่วยงานก็ได้แนะนำให้ไปประชุมรับฟังคำชี้แจง จากนั้นก็มาลงมือปลูก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานก็จะลงพื้นที่ คอยแนะนำตลอดช่วงการเพาะปลูกว่าต้องทำยังไง เริ่มตั้งแต่การเตรียมแปลงที่ให้มีการไถกลบตอชัง แล้วตากไว้ประมาณ 5-7 วัน จากนั้นก็มาไถยกร่อง พอเตรียมดินเสร็จก็เอาเมล็ดพันธ์มาปลูกเอาปุ๋ยมาใส่ แต่ห้ามให้เม็ดปุ๋ยถูกเมล็ดพันธ์เพราะเม็ดพันธ์จะไม่เจริญเติบโต เวลาใส่ปุ๋ย หรือการปลูกก็จะมีระยะห่างให้ปฏิบัติ ส่วนการให้น้ำต้นข้าวโพดนั้นประมาณ 7 วันเราจะให้น้ำครั้ง เมื่อข้าวโพดเริ่มโตเราก็จะกลบโคนต้นข้าวโพดเพื่อทำให้ลำต้นแข็งแรง เวลาออกดอก ออกผลก็มาช่วยพยุงผลไม่ให้ล้ม ซึ่งเทคนิคตอนที่เคยปลูกข้าวโพดหวานที่จะทำให้ข้าวโพดมีฝักขนาดใหญ่นั้นก็ยังนำมาใช้เหมือนเดิมคือการใส่ปุ๋ยคอกหรือขี้หมู และจากการเพาะปลูกที่ผ่านมาต้นข้าวโพดก็เริ่มผลิดอกออกผลตามระยะเวลา ทั้งยังไม่มีความอ่อนแอ คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรมากพอสมควร ส่วนตลาดรองรับทางหน่วยงานก็มาให้คำแนะนำ รวมถึงมาให้กำลังใจในการดูแลข้าวโพดในแปลงด้วยเพราะยิ่งข้าวโพดมีการเจริญเติบโตเติมที่ก็จะได้ราคาดี และมีผลผลิตจำนวนมาก

น.ส.จิราพร ประชาโชติ เกษตรตำบลหนองบ่อ เปิดเผยว่า ในส่วนของงานเกษตรอำเภอนาแกนั้น จะมีการลงพื้นที่ติดตามให้ความรู้ทางด้านวิชาการแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาของตำบลหนองบ่อ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่จะเข้ามารบกวนข้าวโพด รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอเองก็จะมีการลงตรวจแปลงทุกวันอังคารเพื่อรายงานผลในด้านต่าง ๆ ให้กับจังหวัดทราบด้วย นอกจากนี้ยังมีการให้กำลังใจเกษตรกรด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงมีการเชิญชวนให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาด้วย
และนี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่าง ของนโยบายรัฐ ที่ออกมาเพื่อสร้างให้ประชาชนทุกคนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีเป็นอยู่ที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สปสช.เขต 8 สร้างแกนนำหลักประกันสุขภาพถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการอบรมพัฒนานักสื่อสารหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสร้างเป็นแกนนำและเครือข่ายในการถ่ายทอดสิทธิ์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครพนมให้ได้เข้าใจและเข้าถึงการบริการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 8 อุดรธานี จัดขึ้น

โดยการอบรมในครั้งนี้ผู้ที่เข้ารับการอบรม จำนวน 100 คน ซึ่งประกอบไปด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสารวัตรกำนัน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่นิยมเรียกกันว่าสิทธิ์ 30 บาท หรือสิทธิ์บัตรทอง ที่เป็นหลักประกันสุขภาพที่รัฐบาลออกมา เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต รวมถึงสิทธิ์ต่าง ๆ ในหลักประกันสุขภาพของคนไทยที่จะได้รับ การตรวจสอบสิทธิ์และการลงทะเบียน หน่วยบริการและการใช้สิทธิ์ บริการที่คุ้มครองค่าใช้จ่าย บริการรักษาพยาบาล โรคเรื้อรัง และบริการกรณีเฉพาะ บริการสร้างเสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรค สิทธิ์การรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น/พื้นที่ ช่องทางการบริการข้อมูลหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกลไกศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ/หน่วยรับเรื่องราวร้องเรียน นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกลุ่มเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ของนักสื่อสารหลักประกันสุขภาพในพื้นที่ที่ควรมีอีกด้วย

จ.นครพนม แถลงจัดงานเกษตรลุ่มน้ำโขง ศาสตร์ของพ่อ... ร้อยต่อนวัตกรรมการเกษตร


วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายอเนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดนครพนม ผศ.ดร. พัฒนพงษ์ วันจันทึก รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม และนายวิทยา สิทธิราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเกษตรลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 22 ศาสตร์ของพ่อ...ร้อยต่อนวัตกรรมการเกษตร ที่จะมีขึ้น ระหว่างวันที่ 1 - 9 มีนาคม 2562 ณ บริเวณมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตรให้กับประชาชนที่สนใจ

นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ภาคการเกษตรของจังหวัดนครพนม มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งถ้าทุกคนสามารถพัฒนาการเกษตรของตนเองได้ ก็จะนำมาซึ่งรายได้ของทุกคน เป็นการยกระดับให้ทุกคนอยู่ดี กินดี มีความมั่นคงและยั่งยืน โดยอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง ที่มีปัจจัยที่สามารถพึ่งพาเกื้อหนุน หาได้ ผลิตได้ ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งงานเกษตรลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 22 นี้ จะเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มให้กับพี่น้องเกษตรกรตลอดจนประชาชนที่สนใจ หรือแม้กระทั้งผู้ประกอบการ นักเรียนและนักศึกษา เพราะจะเป็นการบูรณาการ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ในการน้อมนำเอาศาสตร์พระราชาและองค์ความรู้ด้านการเกษตร เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาสินค้าเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ และการบริหารจัดการด้านการตลาดมาถ่ายทอดให้กับทุกคนให้ได้มาแลกเปลี่ยนแนวความคิด และเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำไปปรับใช้กับการเกษตรของตนเอง ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงกว่า 100 บูธ โดยแต่ละบูธก็จะมีองค์ความรู้ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นด้านพืช สัตว์ ประมง เครื่องจักรกล เทคโนโลยีสมัยใหม่ เทคโนโลยีอาหาร

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นิทรรศการความก้าวหน้าทางด้านการเกษตร การประกวดการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การแข่งขันทักษะด้านการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร การอบรมเสวนาวิชาการเกษตร การแสดงดนตรีนันทนาการศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ผู้ผลิตมาวางจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง ซึ่งงานนี้ยังมีกิจกรรมที่ให้ทุกคนได้ลุ้นของรางวัลกับกิจกรรมถ่ายภาพเช็ดอินกับมาสคอตอ้ายเฮือไฟและน้องกันเกราอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จ.นครพนม รณรงค์ไถกลบตอซัง สร้างความรู้ความเข้าใจในการปรับปรุงบำรุงดินและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านหนองฮี หมู่ที่ 12 ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการรณรงค์ไถกลบตอซังและพืชไร่ภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อเป็นการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อห้ามตามประกาศจังหวัดนครพนม เรื่องกำหนดเขตควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดนครพนม ทั้งเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการปรับปรุงบำรุงดินให้ประชาชนไปพร้อมกับการลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี และหันมาร่วมกันแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน

จังหวัดนครพนม โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คัดเลือกพื้นที่ระบบส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ประเภทสินค้าข้าวอินทรีย์ ตำบลหนองฮี เป็นสถานที่จัดกิจกรรม เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่กระบวนการผลิตมุ่งเน้นให้เกษตรกรไถกลบตอซัง เป็นการเพิ่มกระบวนการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุและเพิ่มปริมาณธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชในดิน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการเผาตอซังพืช ที่ทำให้โครงสร้างของดินจับตัวแน่นแข็ง จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชในดินถูกทำลาย สูญเสียธาตุอาหารของพืชและน้ำในดิน ทั้งยังส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควัน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากหมอกควันไปทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นขณะขับขี่ลดลง มีผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรและประชาชนโดยรอบพื้นที่ รวมถึงการทำให้เกษตรกรทุกคนได้เข้าใจถึงวิธีการ ขั้นตอนในการไถกลบตอซังที่ถูกต้อง เหมาะสม ได้เห็นถึงการปรับปรุงบำรุงดินด้วยพืชสด และได้รับความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ได้เข้าใจถึงนโยบายในด้านต่าง ๆ ของรัฐที่มีออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งทุกคนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และในพื้นที่การเกษตรของตนเองได้

นรข.นครพนม แถลงยึดยาบ้า 13,893 เม็ดพร้อมรถจักรยานยนต์ 1 คัน


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สโมสรสัญญาบัตรหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลเรือตรี ระพีพงษ์ โสวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง มอบหมายให้ นาวาเอก อภิชาติ แก้วดวงเทียน ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 13,893 เม็ด ที่มีการตรวจยึดได้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านท่าดอกแก้ว หมู่ที่ 6 ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่จาก กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 กองร้อยเคลื่อนที่เร็วกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กอ.รมน.จังหวัดนครพนม ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และฝ่ายปกครองอำเภอท่าอุเทน

จากที่ทางหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด (ยาบ้า) เข้ามาในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนจับกุม โดยได้จัดชุดปฏิบัติการเฝ้าซุ่มกระจายกำลังตามจุดที่ได้รับแจ้งและจุดเสี่ยงต่าง ๆ กระทั่งเวลาประมาณ 18.50 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเรือกีบเพลายาวแล่นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมุ่งหน้ามายังจุดที่ได้รับแจ้ง เมื่อถึงริมฝั่งคนขับเรือได้โยนวัตถุบางอย่างขึ้นมาที่ฝั่งจากนั้นก็ขับเรือแล่นกลับ และไม่นานก็มีชายต้องสงสัยทำทีเหมือนคนหาปลาขับรถจักยานยนต์มาจอดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงใกล้กับบริเวณที่วัตถุต้องสงสัยอยู่ จากนั้นก็เข้าไปหยิบเอาวัตถุต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้แสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น เมื่อชายต้องสงสัยเห็นก็รีบวิ่งหลบหนีไปได้ด้วยความชำนาญในเส้นทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ปรากฏว่าเป็นถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุยาบ้า จำนวน 13,893 เม็ด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,389,300 บาท จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึด พร้อมของกลางรถจักยานยนต์ Yamaha รุ่น Nouvo  หมายเลขทะเบียน สกฉ 236 กรุงเทพมหานคร รองเท้าแตะ 1 คู่ และอุปกรณ์ตกปลา ก่อนที่จะนำของกลางทั้งหมดส่งมอบให้ สภ.ท่าอุเทน เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

คณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่นครพนม ประเมิน อสม.ดีเด่น ระดับชาติ

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 นายพูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานนำคณะกรรมการคัดเลือก อสม.ดีเด่น ระดับชาติ ประจำปี 2562 ซึ่งประกอบด้วย นายสังคม วิทยนันทน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๑ จังหวัดเชียงใหม่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายสาโรจน์ ยอดประดิษฐ์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ ด้านคุ้มครองผู้บริโภค และนายปัญญาวุฒิ บูรกรณ์ คณะกรรมการชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและประเมินผลการดำเนินงานการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ของนายวิฑูรย์ แก้วแก่น อสม.ดีเด่นระดับภาค ประจำปี 2562 โดยมีนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม พร้อมภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับฟังการนำเสนอ ณ บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 6 ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม

จากที่กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ อสม. ในการพัฒนางานสาธารณสุขในระดับพื้นที่ที่ได้เสียสละเวลาและแรงกายแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่สร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้กับประชาชนในชุมชน และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ อสม. คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติและกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็นวัน อสม.แห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งในทุก ๆ ปี จะมีการคัดเลือก อสม.ที่มีผลงานดีเด่น จำนวน 11 สาขาทั่วประเทศเข้ารับโล่รางวัล โดยในปีนี้นายวิฑูรย์ แก้วแก่น ได้เป็นตัวแทน อสม.จังหวัดนครพนมส่งผลงานเข้าแข่งขันในระดับภาค ซึ่งสามารถผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับภาคเข้าแข่งขันในระดับประเทศในสาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ด้วยผลงานการเป็นผู้นำในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพตำบลไผ่ล้อม ผ่านการขับเคลื่อนกิจกรรม 5 ส. 5 ร. คือ เสียสละ สมาชิก ส่วนร่วม สื่อสาร สนับสนุน ร่วมรับรู้ ร่วมวางแผน ร่วมกันทำ ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมรักษาอย่างยั่งยืน ที่เริ่มตั้งแต่งานสารวัตรอาหารประจำหมู่บ้าน เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตที่มั่นดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว สร้างการรับรู้และเข้าใจให้คนในชุมชนได้รู้เท่าทันการโฆษณาชวนเชื่อ การใช้ยาเกินขนาด การจำหน่ายยาห้ามขายและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยในร้านชำ รถเร่ขายยา มีการสร้างเครือข่ายในการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชนและคนในชุมชน จนมีธรรมนูญสุขภาพประชาชนตำบลไผ่ล้อมที่ทุกคนต้องปฏิบัติร่วมกัน โดยมีศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคและระบบการเฝ้าระวัง ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพ สินค้าอุปโภค บริโภคที่จำหน่ายในชุมชนและโรงเรียน คอยตรวจสอบ ให้คำปรึกษา แนะนำ รับเรื่องร้องเรียน รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เครือข่ายสายรู้-สายลับ ที่ร่วมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผ่านบทสรภัญญ์และผญา รวมถึงการเฝ้าระวังในชุมชน จนมีนวัตกรรม เรดาร์ตรวจจับรับ 6 ไลค์ ที่เป็นเสมือนเครื่องหมายเตือนให้คนในชุมชนได้รู้เท่าทันของพิษภัยด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีการสร้างกลุ่มนำหมักชีวภาพเพื่อลดการใช้ยาปราบศัตรูพืชและสารเคมี กลุ่มเกษตรอินทรีย์ ที่ทำให้ทุกบ้านมีการปลูกผักปลอดสารพิษไว้รับประทาน และการขยายผลการดำเนินงานสู่ชุมชนอื่นๆ

จ.นครพนม จัดนิทรรศการบทบาทของจังหวัดต่อการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการจัดนิทรรศการบทบาทของจังหวัดต่อการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทยในปี 2562 เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 และบทบาทของกระทรวงมหาดไทยต่อประชาคมอาเซียน รวมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและการตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยให้กับบุคลากรหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการต่าง ๆ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยังได้เชิญนายอิศกร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านงานต่างประเทศ มาบรรยายพิเศษให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของไทยในการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562

จากที่ประเทศไทยได้รับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์และเริ่มหน้าที่เป็นประธานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562  และได้ประกาศแนวคิดหลักในการเป็นประธานอาเซียน คือ Advancing Partnership for Sustainability หรือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งแต่ละคำมีความหมายที่โยงถึงยุทธศาสตร์ของไทยในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน และบ่งบอกถึงทิศทางการขับเคลื่อนอาเซียนที่สำคัญ คือ ความยั่งยืน ความเชื่อมโยง และการมองไปสู่อนาคต ซึ่งหมายถึงการที่อาเซียนจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในทุกภาคส่วนบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทั้งภาคีภายนอกภูมิภาคและประชาคมโลก เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมีพลวัต สู่อนาคตที่มีความยั่งยืนในทุกมิติ อันจะนำมาซึ่งความกินดีอยู่ดีและสันติสุขของประชาชนอาเซียน และในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยก็จะเป็นเจ้าภาพในการประชุมประเทศอาเซียน 

ดังนั้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียนและทำให้ชาวนครพนมได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีในการตอนรับแขกจากประเทศอาเซียน นำมาซึ่งความประทับใจและประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็น การกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจัดการประชุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การสร้างโอกาสในการติดต่อขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ผู้เข้าร่วมประชุมและนักท่องเที่ยวรู้จักเมืองไทยเพิ่มขึ้น มีการผลักดันนโยบายความมั่นคงที่สำคัญ เช่น การบริหารจัดการชายแดน การเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเล การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติการทางทหารร่วมกันของอาเซียน รวมถึงการส่งเสริมความเชื่อมโยงภาคประชาชนผ่านการจัดการประชุมภาคประชาสังคมและภาคประชาชนอาเซียน และการส่งเสริมการเป็นปีวัฒนธรรมอาเซียน ก่อให้เกิดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ เช่น การพัฒนาศักยภาพบุคลากร โครงสร้างพื้นฐานและการปฏิรูปสวัสดิการสังคมของประเทศในด้านต่าง ๆ ตามมา จังหวัดนครพนมจึงได้นิทรรศการบทบาทของจังหวัดต่อการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทยในปี 2562 ขึ้น โดยหลังจากวันนี้แล้วทางจังหวัดจะมีการจัดแสดงนิทรรศการที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครพนม ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

กรมการแพทย์ เติมเต็มองค์ความรู้ผู้ปฏิบัติงานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาที่นครพนม

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานการประชุมและบรรยายพิเศษ แนวโน้มทิศทางการดำเนินงานด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ปี 2562 ในงานประชุมวิชาการพยาบาลยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 10 โดยมีคณะพยาบาลที่ปฏิบัติงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาและสารเสพติดจากทั่วประเทศ กว่า 250 คน ร่วมกิจกรรมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน

นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ซับซ้อน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความสงบสุขของประชาชน จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นนโยบายสำคัญเพื่อหยุดยั้งและลดระดับความรุนแรงของปัญหา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน และกระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพหลักในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดและสารเสพติดแบบบูรณาการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันการพยาบาลผู้ป่วยใช้ยาและสารเสพติด มีการพัฒนารูปแบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาและสารเสพติดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันผู้เสพรายใหม่ การป้องกันการกลับไปเสพติดซ้ำ การบำบัดฟื้นฟูสมรรรถภาพ รวมถึงระบบการติดตามผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาและสารเสพติดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพในระดับประเทศ ดังนั้นกรมการแพทย์ โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ในฐานะสถาบันทางวิชาการ ที่มีบทบาทเป็นผู้นำด้านวิชาการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาและสารเสพติด จึงได้จัดการประชุมดังกล่าวขึ้น ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2562 ภายใต้หัวข้อ “การพยาบาลยาเสพติด : การบำบัดโดยชุมชนมีส่วนร่วม” (Community Based Treatment) เพื่อเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรสาธารณสุขในสถานบริการระดับต่าง ๆ ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ในการบริการพยาบาล และพัฒนาบุคลากรทางการพยาบาล ที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ดี มีคุณภาพ ตามมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาการบริการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นและประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ 

นครพนม เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 1 เพื่อสำรวจออกแบบการสร้างถนนสาย นพ. 2010 แยก ทล. 22 -บ้านขามเฒ่า อำเภอเมือง,ปลาปาก


วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศ) โครงการสำรวจออกแบบถนนสาย นพ.2010 แยก ทล.22 – บ้านขามเฒ่า อำเภอเมือง,ปลาปาก จังหวัดนครพนม โดยมีหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียกว่า 500 ชีวิตร่วมซักถามข้อสงสัย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ

ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 2/2558 ลงวันที่ 24 เมษายน 2558 เรื่องกำหนดพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ได้กำหนดให้จังหวัดนครพนม ในท้องที่ 2 อำเภอ 13 ตำบล เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงเส้นทางด้านการคมนาคมและขนส่ง ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ กับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนและประเทศจีนตอนใต้ ดังนั้นกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม โดยสำนักออกแบบและสำรวจ จึงได้มีโครงการพัฒนาเส้นทางจราจรเพื่อมาเชื่อโยงโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่งให้เกิดความสมบูรณ์ มีความสะดวกสบาย และรวดเร็ว  สามารถรองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคตและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมและการค้าชายแดน โดยถนนที่จะสร้างในครั้งนี้ มีระยะทางประมาณ 27.50 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 5 ตำบลของอำเภอเมืองนครพนม ได้แก่ ตำบลนาทราย ตำบลขามเฒ่า ตำบลคำเตย ตำบลดงขวาง ตำบลโพธิ์ตาก และอีก 1 ตำบลของอำเภอปลาปากคือตำบลนามะเขือ รูปแบบของถนนโครงการเบื้องต้นจะเป็นแบบ 4 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.5 เมตร มีเกาะกลางแบบดินถมกว้าง 5.1 เมตร มีเสาไฟส่องสว่างเสาเดี่ยวกิ่งคู่บริเวณเกาะกลาง เฉพาะจุดกลับรถและทางแยก มีไหล่ทางกว้าง 3 เมตร ไม่มีทางเท้า เขตทางประมาณ 40 เมตร ดังนั้นเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดของโครงการให้กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ รวมถึงเหตุผลและความจำเป็น วัตถุประสงค์ของโครงการ ที่ตั้งและลักษณะโครงการ แนวทางการสำรวจและออกแบบ รูปแบบโครงการและแนวทางสายทางเลือกเบื้องต้น พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาการออกแบบโครงการให้มีความสมบูรณ์ต่อไปในอนาคต กรมทางหลวงชนบทจึงได้จัดการประชุมดังกล่าวขึ้น

นครพนม บูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านปฏิรูป หมู่ที่ 8 ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้ นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ลงพื้นที่เยี่ยมและตรวจสอบข้อเท็จจริงบ้านนางถวิล ขลิบบุรินทร์ ผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปลายประสาทอักเสบและไขสันหลังตีบทำให้ร่างกายไม่สามารถเดินได้ ทั้งยังช่วยเหลือตนเองได้น้อยเพื่อให้ความช่วยเหลือตามโครงการ นครพนมอุดมสุขไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โดยปัจจุบันนางถวิล อาศัยอยู่ภายในบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จกับบุตรชายที่ลาออกจากงานมาดูแม่ ส่วนรายได้นั้นมาจากเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับเดือนละ 700 บาท รวมกับค่าดูหมอที่ชาวบ้านมาใช้บริการ และค่าจ้างที่ลูกชายใช้เวลาว่างจากการไม่ได้ดูแลแม่ไปรับจ้างทั่วไปตามหมู่บ้าน ซึ่งในเบื้องต้นทางจังหวัด โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ได้มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉินช่วยเหลือ จำนวน 2,000 บาท เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้นำผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ ผ้าห่มกันหนาวและเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้พร้อมกับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท  มูลนิธิศรีโคตรบูรณ์ มอบรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้สำหรับผู้สูงอายุ 1 คัน 

สำหรับแผนระยะยาวในการช่วยเหลือนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆบูรณาการกันให้ความช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย ด้านสุขภาพให้หน่วยงานสาธารณสุขเข้ามาดูแลเพื่อช่วยในการทำกายภาพบำบัดและรักษา พร้อมทั้งประเมินสภาพร่างกายรายงานทางอำเภอและจังหวัดเป็นระยะๆ ซึ่งถ้าแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นคนพิการก็จะมีการขึ้นทะเบียนคนพิการเพื่อขอรับเบี้ยคนพิการเพิ่มเติม ในส่วนของอาชีพพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมจะมีการเข้ามาฝึกสอนอาชีพทำดอกไม้จันทน์ให้ โดยทางมูลนิธิศรีโคตรบูรณ์จะสนับอุปกรณ์เริ่มต้น มูลค่า 2,000 บาท และจะรับซื้อของทั้งหมดไปจำหน่าย ส่วนที่อยู่อาศัยก็จะมีงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม มาสนับสนุนในการซื้อวัสดุก่อสร้าง จำนวน 20,000 บาท โดยทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนจะร่วมกันมาช่วยก่อสร้างบ้านให้จนแล้วเสร็จ นอกจากนี้ทางชุมชนโดยกองทุนหมู่บ้าน /กองทุนสตรี ยังได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยกันซื้อมอบเครื่องปั้มลมไว้ในการซ่อมรถจักรยานยนต์ให้กับลูกชายของนางถวิล ใช้ในการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวอีกแรงด้วย

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จ.นครพนม บูรณาการออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการประชาชนอำเภอศรีสงคราม

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บริเวณศาลาประชาคมบ้านปฏิรูป หมู่ที่ 8 ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนและกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชน และสร้างการแก้ปัญหาเชิงรุกในระดับพื้นที่

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่างๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักถึงการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ถูกต้องตามความต้องการ รวมถึงตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย ซึ่งในส่วนนี้ทุกหน่วยที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเป็นผู้อธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจและทราบถึงแนวทางการช่วยเหลือ ทั้งยังได้นำเอานโยบายรัฐบาลต่างๆ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสานพลังประชารัฐปลูกพืชฤดูแล้ง การเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง การน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ จากนั้นได้มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำ จำนวน 50,000 ตัว มอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มอบเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน มอบเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก มอบถุงยังชีพและการให้บริการของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนมที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและทำทันตกรรม

 นอกจากนี้ยังมีบริการของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ได้มาให้บริการทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวไปถ่ายทอดให้ประชาชนแบบครบวงจรในจุดเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ผู้ตรวจฯกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่นครพนมติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม(หลังใหม่) นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย พร้อมนายวีรวัฒน์  เต็งอำนวย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พลโทกิตติธัช บุพศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. นางอัจฉรา  แก้วกำชัยเจริญ หัวหน้าตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พลตำรวจตรีสมเกียรติ  มนปราณีต รองจเรตำรวจลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดครั้งที่ 1/2562 ของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม รวมถึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการสกัดกั้น ปราบปราม ป้องกันและบำบัดรักษายาเสพติด โดยมีนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูล ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ภาพรวมของกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีและหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.)

สำหรับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครพนมนั้น มีแนวโน้มพบว่ามีการนำเข้ายาเสพติดเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกัญชา ยาบ้า โดยพื้นที่นำเข้าสำคัญได้แก่ อำเภอท่าอุเทน บ้านแพง ธาตุพนมและอำเภอเมืองนครพนม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ติดชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยในห้วงระว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 – มกราคม 2562 จังหวัดนครพนมได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับประชาชนในพื้นที่ดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จนมีสถิติการจับกุมยาเสพติดมากถึง 937 คดี ผู้ต้องหา 955 ราย รวมของกลางเป็นยาบ้า 204,510 เม็ด กัญชา 3,787 กิโลกรัม และไอช์ 31.79 กรัม ขณะเดียวกันก็มีการส่งผู้ป่วยที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเข้ารับการบำบัดแล้วจำนวน 367 ราย มีการจัดระเบียบสังคมเพื่อควบคุมและจัดพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยง เพื่อเพิ่มพื้นที่เชิงบวกให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา นอกสถานศึกษา กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกอบการและประชาชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้น ทั้งจุดหลักและจุดรอง ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่จะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเพื่อเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

พลังศรัทธานับแสน ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ปี 2562

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562  ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเติมไปด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวกว่าแสนชีวิตที่เตรียม ที่เดินทางมารอร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง เพื่อมาประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เนื่องในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2562  โดยแต่ละคนจะมีการเตรียม ดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องสักการะต่างๆ มาร่วมพิธี เพื่อขอพรให้พระอุปคุตคุ้มครอง ปกปักรักษา ป้องกันภยันตรายต่างๆ ให้กับตนเองและครอบครัว เพราะเชื่อว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก เป็นพระอรหันต์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่หอแก้ววิหารใต้สะดือทะเล เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือมีพิธีกรรมใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ท่านจะขึ้นมาช่วยเหลือคอยปกป้องคุ้มครองด้วยความเต็มใจเสมอ

กระทั่งเวลา 8.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส และพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ก็ได้นำพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน สวดมนต์ไหว้พระและประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง โดยหลังพิธีสวดอัญเชิญพระอุปคุต นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอธาตุพนม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พลตรีปราโมทย์ นาคจันทึก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นาวาเอกอภิชาติ แก้วดวงเทียน ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม นายประสาน ทัศคร รักษาการพัฒนาการจังหวัดนครพนม ได้เป็นผู้แทนพุทธศาสนิกชนดำน้ำลงไปอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจากใต้ลำแม่น้ำโขง ก่อนที่จะส่งต่อให้กับประธานในพิธีอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว ซึ่งตลอดระยะทางที่อัญเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวจะมีการโปรยดอกไม้และโปรยทาน ตลอดจนการร่ายรำบวงสรวง การแห่ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นผึ้ง ต้นเทียน ขันหมากเบ็ง หอผาสารท บายศรีหลวง และการแสดงของแต่ละชนเผ่าที่มาร่วมงาน

สำหรับงานนมัสการองค์พระธาตุพนมนั้น ถือเป็นประเพณีที่สำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนทั้งสองฝั่งโขง ที่ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ เพราะเชื่อว่าถ้าใครมีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุพนม ที่เป็น 1 ในพระสถูปมหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุพนม จะทำให้มีจิตใจสงบเยือกเย็น และถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายไปวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ทำให้เมื่อครบรอบวันนมัสการองค์พระธาตุพนมในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลกันมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้งานจะมีไปจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งในแต่ละวันจะมีกิจกรรมปฏิบัติบูชาให้ทุกคนได้ร่วมประกอบพิธีทั้งการกราบนมัสการองค์พระธาตุพนม การรำบูชาพระธาตุพนม การห่มผ้าพระธาตุพนม การแห่กองบุญ การตักบาตรคู่อายุ การถวายข้าวพีชภาค การฟังพระธรรมเทศนา และการเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน ให้ได้ทุกคนได้ชม รวมถึงการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน สินค้า OTOP ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เลือกหาไปฝากคนทางบ้านด้วย

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ข้อควรรู้เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว


นายอภิชาติ วงษ์กาฬสินธุ์ จัดหางานจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานประกอบการหลายๆแห่ง ต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวเนื่องจากขาดแรงงานในการทำงาน จึงอยากแนะนำถึงอาชีพและขั้นตอนการนำเข้าแรงงานต่างด้าว รวมถึงโทษต่างๆ ให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจ โดยอาชีพที่แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานได้นั้นมีอยู่ 11 อาชีพด้วยกัน ประกอบไปด้วยประมงทะเล ประมงน้ำจืด แล้วก็เป็นกิจการที่ต่อเนื่องกับประมงทะเล กิจการเกี่ยวกับเกษตร ปศุสัตว์ โรงสีข้าว โรงอิฐ โรงน้ำแข็ง การขนถ่ายสินค้าจำพวกก่อสร้าง เหมืองแร่ รับใช้ในบ้านและอื่นๆที่จังหวัดแต่ละจังหวัดพิจารณากำหนด
สำหรับขั้นตอนการนำเข้าแรงงานนั้น รัฐบาลได้กำหนดไว้มีอยู่ 3 ขั้นตอน คืออันดับแรกนายจ้างต้องมาแจ้งตำแหน่งงานว่างกับจัดหางานจังหวัดก่อนว่ามีตำแหน่งงานว่างเนื่องจากคนไทยไม่เข้ามาทำงาน จากนั้นนายจ้างสถานประกอบการ ก็จะต้องเลือกบริษัทที่จะให้นำเข้าแรงงานต่างด้าว ที่เหลือก็เป็นการเตรียมหลักฐานเอกสารต่างๆอย่างละ 5 ชุด มีทั้งสำนำทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนการค้า หนังสือหน้าทะเบียนพาสปอร์ตของแรงงานต่างด้าว เอกสารยืนยันตัวบุคคล เช่นบัตรประจำตัวประชาชนของแรงงานต่างด้าวแล้วก็รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว เพื่อมายื่นที่สำนักงานจัดหางาน กระบวนการที่ 2 นายจ้างจะได้เอกสาร ซึ่งนายจ้างต้องไปยื่นขอวีซ่าประเทศต้นทาง ตามสถานฑูตไทยหรือกงสุลไทย หลังจากนั้นจะได้วีซ่าทำงานก็เดินทางเข้าไปที่ศูนย์แรกรับ เช่นถ้าเป็นแรงงานพม่าก็จะมาทางแม่สอด แต่ถ้าเป็นกัมพูชาก็จะเป็นทางสระแก้ว ถ้าเป็นสัญชาติลาวก็จะเข้ามาทางจังหวัดหนองคายและนครพนม สำหรับกระบวนการขั้นที่ 3 นั้นจะเป็นการไปตรวจสุขภาพ พอได้ใบตรวจสุขภาพก็นำมาให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดพร้อมกับใบอนุญาตทำงานที่ได้มาจากศูนย์แรกรับ ก็เสร็จขบวนการขั้นตอนในการทำ MOU แรงงานต่างด้าวก็จะสามารถทำงานได้ตามสิทธิที่ข้อได้ตามปกติ

สำหรับโทษของการกระทำผิดในเรื่องของแรงงานต่างด้าวนั้นเดิมจะมีโทษหนัก ซึ่งรัฐบาลได้มีการปรับปรุงแก้ไข ฉบับที่ 2 ปี 2561 ตอนนี้แรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือทำงานที่นอกเหนือจากสิทธิ์จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท ส่วนนายจ้างที่ให้แรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตหรือทำงานเกินสิทธิ์ ก็จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน นอกจากนั้นถ้านายจ้างยังกระทำความผิดครั้งที่ 2 ก็จะมีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปีปรับตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท รวมถึงจะไม่มีสิทธิ์จ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี อันนี้คือโทษเบื้องต้นก่อน นอกจากนั้นก็จะมีโทษเกี่ยวกับเรื่องนายจ้างที่ยึดเอกสารสำคัญหรือใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว อันนี้ก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท แล้วก็จะมีโทษปรับเกี่ยวกับนายจ้างที่ขออนุญาตทำงานและนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานแล้วแต่ไม่ได้ทำการแจ้งภายใน 15 วัน ก็จะมีโทษปรับ 20,000 บาท แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานโดยไม่แจ้งเข้าให้ทราบถึงนายจ้าง สถานที่ทำงาน ลักษณะงาน ก็จะปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือถ้าแรงงานต่างด้าวทำงานแล้วและมีใบอนุญาตทำงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้าพนักงานไปตรวจไม่สามารถแสดงบัตรได้ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามขั้นตอน MOU แล้ว ก็มีสิทธิ์เบื้องต้นคือเมื่อทำงานได้ระยะหนึ่งแล้วอยากเปลี่ยนงานไปทำงานกับนายจ้างหรือสถานประกอบการรายอื่นก็สามารถทำได้ โดยสิทธิเบื้องต้นจะกำหนดให้นายจ้างรายใหม่กับนายจ้างรายเดิมต้องทำการตกลงกันก่อนว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการใครจะผู้รับผิดชอบ ถ้าตกลงกันได้ก็จะเปลี่ยนนายจ้างได้ แต่ถ้า 2 ปีแล้วสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้เลย นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนประเภทกิจการที่ตัวเองได้รับอนุญาตได้เช่นเดียวกัน

กกต.นครพม เปิดเวทีสร้างความสมานฉันท์ แจงระเบียบ กฎหมายการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส.และผู้ช่วยหาเสียง


วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเลือกตั้ง กิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระเบียบ กฎหมาย วิธีปฏิบัติในการเลือกตั้ง แก่ผู้รับเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนผู้สมัคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง สร้างให้ทุกคนเกิดการยอมรับในเรื่องของการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี และรักษาความเป็นมิตรก่อนและหลังการเลือกตั้ง ทำให้การหาเสียงเป็นไปด้วยความโปร่งใส เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนทุกฝ่าย ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และไม่ใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน ทั้งเป็นการป้องกันมิให้มีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำมาซึ่งผู้แทนของประชาชนอย่างแท้จริง


โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ค่าใช้จ่ายและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะมีรายละเอียด เช่น ผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนสามารถใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้งได้ไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อคน ทั้งยังต้องยื่นแสดงค่าใช้จ่ายต่างๆต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเวลาที่กำหนด สถานที่ปิดป้ายหาเสียงเลือกตั้ง และบทบัญญัติที่เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. การสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. สำหรับจังหวัดนครพนมนั้นมีการแบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 4 เขต มี ส.ส. ได้ทั้งสิ้น 4 คน โดยหลังปิดการรับสมัคร ส.ส. มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น 34 พรรคการเมือง รวม 129 คน

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

มทบ.210 จัดกิจกรรมรำบวงสรวงอนุสาวรีย์และศาลปู่พระยอดเมืองขวาง รำลึกความดีและสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน


วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บริเวณศาลปู่พระยอดเมืองขวาง ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันเอกทฤษฎี คงชนะ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210  (มทบ.210) เป็นประธานการประกอบพิธีสักการะและรำบวงสรวงศาลปู่และอนุสาวรีย์พระยอดเมืองขวาง รำลึกความดีและสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน ที่ชมรมแม่บ้านกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ได้ร่วมกับชมรมแม่บ้านทหารบกที่ 210 และชมรมผู้สูงวัยบ้านพระยอดเมืองขวาง จัดขึ้น เพื่อให้กำลังพลภายในค่าย ตลอดจนครอบครัวและประชาชนทั่วไปในพื้นที่รอบค่ายพระยอดเมืองขวาง มณฑลทหารบกที่ 210 ได้มีกิจกรรมทำร่วมกันสร้างให้เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน ทั้งยังเป็นการสืบสานประเพณีที่ดีงามสู่ลูกหลานและรำลึกถึงคุณความดีของพระยอดเมืองขวาง ข้าราชการผู้ได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษผู้รักชาติ ที่ได้ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันอธิปไตยดินแดนไทย เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 5

โดยค่ายพระยอดเมืองขวางนั้น เดิมชื่อว่า ค่ายนาโพธิ์ แต่ด้วยเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น คือมีฟ้าผ่าลงมาตรงกลางป้ายที่เขียนว่า ค่ายนาโพธิ์เป็นเหตุให้ป้ายแยกออกเป็น 2 ซีก แม้ทำป้ายมาเปลี่ยนใหม่ ก็เกิดเหตุเช่นเดิมอีก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จึงทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ค่ายพระยอดเมืองขวาง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีนายทหารยศพลเอกได้ฝันเห็นชายใส่ชุดไทยเหมือนคนในรัชกาลที่ 5 มีดาบ มีกระบี่ ใส่หมวกบานอันใหญ่มาเข้าฝัน ขอให้ตั้งศาลให้ด้วยเนื่องจากวิญญาณไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องเร่ร่อนไปมาระหว่างสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและค่ายพระยอดเมืองขวาง ทั้งขอให้อัญเชิญดวงวิญญาณมาด้วย จึงกลายเป็นที่มาของศาลปู่พระยอดเมืองขวาง ที่เหล่าทหารในสังกัดค่ายพระยอดเมืองขวาง ตลอดจนประชาชนที่อยู่รอบค่ายให้ความเคารพนับถือ และมักจะมากราบไหว้ขอพรอยู่เสมอๆ

ผู้ว่าฯนครพนม ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เตรียมอัญเชิญร่วมพิธีบรมราชาภิเษก

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บริเวณบ่อน้ำพระอินทร์ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดนครพนม เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เนื่องจากจะมีพระราชพิธีสำคัญคือพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการสั่งการให้จังหวัดเตรียมพร้อมในเรื่องแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยให้มีการบูรณะ และรักษาความสะอาด รวมถึงให้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่งจังหวัดนครพนมก็ได้คัดเลือกบ่อน้ำพระอินทร์ ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะใช้ในงานพระราชพิธีดังกล่าว ด้วยเป็นบ่อที่เคยใช้ในการประกอบพระราชพิธีสำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 โดยวันนี้เป็นการลงพื้นที่ตรวจดูความพร้อม ในเรื่องของปริมาณน้ำ ความสะอาดและตัวบ่อ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีปริมาณน้ำที่เพียงพอ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีความใส สะอาด อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงวันงานพระราชพิธีศักดิ์สิทธิ์ทางจังหวัดจะมีการส่งตัวอย่างน้ำไปตรวจอีกครั้ง


ด้านพระครูพนม ปรีชากร เลขานุการเจ้าอาวาสวัดธาตุพนมวรมหาวิหาร และพระครูพรมเจรานุรักษ์ พระที่ดูแลบ่อน้ำพระอินทร์ เปิดเผยว่า บ่อน้ำพระอินทร์เป็นบ่อน้ำโบราณของวัดที่มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยสร้างพระธาตุพนม ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่ในอดีตกาลนั้นการสร้างพระธาตุจะมีประชาชนมาร่วมกันในการก่อสร้างองค์พระธาตุพนมจำนวนมาก ซึ่งในระหว่างการสร้างก็จำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการบริหารจัดการด้านต่างๆ ดังนั้นวัดพระธาตุพนมจึงได้มีการเจาะบ่อขึ้นมา 4 ด้าน คือทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศเหนือ โดยทางวัดได้ปิดบ่ไปแล้ว 3 บ่อ เหลือเพียงทิศเหนือคือบ่อน้ำพระอินทร์ ซึ่งบ่อจะตั้งอยู่ห่างจากองค์พระธาตุพนมประมาณ 60 เมตร บ่อมีขนาดกว้าง 1.5 เมตร ลึก 10 เมตร เป็นบ่อน้ำจืด  ใส สะอาดและมีน้ำอยู่ในบ่อตลอดทั้งปี โดยในปี 2560 ทางวัดได้ทำโครงเหล็กชุบโครเมี่ยมมาปิดครอบบ่อไว้ 2 ชั้น โดยด้านในจะมีฝาเหล็กบางปิดปากบ่อไว้เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกตกลงไป มีการใส่กุญแจไว้อย่างแน่นหนาและมีเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นประจำ ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่มีการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่บ่อน้ำพระอินทร์แห่งนี้ คือเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554  ในพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รองนายกฯ ลงพื้นที่ติดตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานที่นครพนม


วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมอนุกรรมการบูรณาการการนโยบายการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบินในอนาคต แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินจังหวัดนครพนม และการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะหัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ และภาคเอกชนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกบิน การจัดการซ่อมบำรุงอากาศยาน การให้บริการภาคพื้นดินของท่าอากาศยาน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทางราง การขนส่งภาคพื้นดิน การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาแรงงานและอาชีพ กลุ่มลงทุน เพื่อการสร้างให้จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางด้านวิชาการและศูนย์ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ และจังหวัดนครพนมเป็นศูนย์กลางด้านการบินและภาคพื้น


จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้าง ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 9 บ้านคำพอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมและพบปะประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในโอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงแนวทางในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เพื่อสร้างให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงและยั่งยืน ไม่โดนเอารัดเอาเปรียบ ผ่านการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างให้ทุกคนมีน้ำที่เพียงพอต่อการใช้งาน การพัฒนาในเรื่องของการลดต้นทุนการเกษตร ลดการใช้สารเคมี สร้างเป็นอาหารปลอดภัยเกษตรอินทรีย์และเพิ่มช่องทางการตลาด การสร้างเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงเมืองใหญ่ เมืองเล็กและชนบทเข้าด้วยกัน โดยทำให้ทุกเส้นทางมีความปลอดภัย สามารถขนส่งสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว และเกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ตามมา ซึ่งในส่วนของการท่องเที่ยวก็ยังจะมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ไกด์นำเที่ยว ร้านอาหารที่มาจากสินค้าเกษตรเป็นอาหารของท้องถิ่น และสุดท้ายคือการทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการภาครัฐ ทั้งการศึกษา การสาธารณสุข การหาความรู้จากเน็ตประชารัฐ ทำให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม ผ่านกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ จังหวัด และสำนักงานกองทุนยุติธรรม