วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562

นักปั่นกว่า 3,476 คนร่วมกิจกรรมจักรยานทางไกล The Great Mekong Bike Ride 2019


วันที่ 28 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักปั่นทั้งชาวไทย ออสเตรเลีย อเมริกา ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอีกหลายชาติ รวมกว่า 3,476 ชีวิต ที่เดินทางมาร่วมมหกรรมการแข่งขันจักรยานนานาชาติทางไกลแห่งลุ่มแม่น้ำโขง The Great Mekong Bike Ride 2019 ที่จังหวัดนครพนม สกลนครและจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2562 ระยะทางรวมกว่า 370 กิโลเมตร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 3 จังหวัด ผ่านเส้นทางการแข่งขัน

โดยในเวลา 7.15 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอก ธีทัต อิ่มทั่ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายสุหฤทธิ์ ชาญวนังกูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครพนม ร่วมเป็นประธานปล่อยตัวนักปั่น โดยการแข่งขันในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 สเตจ ประกอบไปด้วย สเตจแรกจากลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม - ประตูเมือง จังหวัดสกลนคร ระยะทาง 100 กิโลเมตร สเตจที่ 2 จากประตูเมือง จังหวัดสกลนคร - หอแก้ว จังหวัดมุกดาหาร ระยะทาง 150 กิโลเมตร และเสตจสุดท้ายจากหอแก้ว จังหวัดมุกดาหาร- ลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม ระยะทาง 125 กิโลเมตร ทั้งนี้การแข่งขันแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ประเภททั่วไป (Open Category) ไม่จำกัดอายุ  ประเภทตามกลุ่มอายุ (Age-Group Category) ประเภทมือใหม่ (Novice Category) ไม่จำกัดอายุ และประเภททีม (Team Category) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมปั่นประเภท Fun Ride ระยะทาง 10 กิโลเมตร เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุกปั่นแบบสบาย ๆ ชิว ๆ ชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนมอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การเลือกตั้งท้องถิ่นกับสิ่งที่ควรรู้



นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นได้ประกาศใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เนื่องจากว่าเดิมมี กกต.จังหวัด แต่ปัจจุบัน กกต.จังหวัด ได้ถูกยกเลิกโดยกฎหมายไปแล้ว ดังนั้นในการบริหารจัดการในการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กกต.จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าให้หัวหน้าพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้นปลัดจังหวัดก็ดี ปลัดเทศบาลก็ดีก็จะเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งนี้ กกต.จะทำหน้าที่ในการควบคุมในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบของการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบัตรการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต. จะดำเนินการจัดพิมพ์เหมือนเดิม แต่ว่าทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องการหาเสียง กกต. ก็จะกำหนดระเบียบขึ้นมาให้ผู้สมัครใช้ในการหาเสียง พูดง่าย ๆ ว่าการควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ กกต. จะเป็นผู้ควบคุมให้เป็นไปตามนั้น ส่วนการดำเนินการจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งในเรื่องของการรับสมัครและจัดหน่วยเลือกตั้งอะไรต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของ กกต. ท้องถิ่น กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่น

สำหรับกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเรื่องสำคัญ ๆ ก็จะประกอบไปด้วย เรื่องของการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คือเวลาในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือจากเดิม 8:00 - 13:00 น. ก็จะเปลี่ยนเป็น 8:00 - 17:00 น เช่นเดียวกับการเลือก ส.ส. แล้วก็เรื่องของคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิกแล้วก็ผู้บริหารท้องถิ่นก็จะมีเรื่องของการเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ สื่อมวลชน ก็เป็นคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาเหมือนกับการสมัคร ส.ส. เช่นเดียวกัน แล้วก็เรื่องระยะเวลาในการหาเสียง ที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นว่าถ้าครบวาระก็ต้อง 180 วันจนถึงวันเลือกตั้ง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จะคล้ายกฎหมายเดิมเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นเท่าที่ทราบมา คาดว่าถ้าเกิดขึ้นอย่างเร็วก็ประมาณเดือนตุลาคมของปี 2562 นี้ โดยจะเป็นการเลือกตั้งขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นก่อน จากนั้นจะเป็นการเลือกตั้งของเทศบาลและ องค์การบริหารส่วนตำบลตามลำดับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอระเบียบการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ กกต.ส่วนกลางกำลังดำเนินการจัดทำ ซึ่งจะแล้วเสร็จในอีกไม่นานนี้

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศลและถวายพระพรแด่สมเด็จพระสังฆราช


วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ที่วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล และถวายพระพรแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 92 พรรษา

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ ตำบลบางป่า อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี พระชนกชื่อนับ ประสัตถพงศ์ พระชนนีชื่อตาล ประสัตถพงศ์ เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน มีพระอนุชาหนึ่งในนั้นคือพระเทพสุเมธี (ไสว วฑฺฒโน) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศารามวรวิหาร จังหวัดราชบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4 ตำบลโคกกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วมาศึกษาต่อที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลูจนจบชั้น ป. 4 ในปี พ.ศ. 2480 โดยเมื่อ พ.ศ. 2483 พระองค์ผนวชเป็นสามเณร ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ต่อมาได้ทรงเข้าพิธีผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

คปภ.ลงพื้นที่นครพนม ให้ความรู้การทำประกันภัยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์



วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายชนะพล มหาวงษ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายคดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการอบรมความรู้ประกันภัย Training For The Trainers เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้แก่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม ก่อนที่จะนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดต่อยังเกษตรกรในพื้นที่ และผลักดันให้ระบบการประกันภัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงในระหว่างการเพาะปลูก

โดยในรอบปี 2561 จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี จำนวน 1.32 ล้านไร่ มีการทำประกันข้าวนาปี 525,908 ไร่ คิดเป็น 39.58 % ซึ่งในปี 2562 นี้ อัตราค่าเบี้ยประกันภัยข้าวนาปีอยู่ที่ 85 บาทต่อไร่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 51 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส. อุดหนุน 34 บาทต่อไร่ โดยเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใด เมื่อเกิดความเสียหายจากน้ำท่วม หรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกหิน ช้างป่าและไฟไหม้ จะได้รับเบี้ยประกันภัย 1,500 บาท/ไร่ ขณะที่เกษตรกรทั่วไปจะได้เบี้ยประกันภัย 1,260 บาทต่อไร่ แต่ถ้าอยากได้สิทธิ์เท่ากับลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมได้ ส่วนของการทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ปีนี้เป็นปีแรก มีอัตราเบี้ยประกันภัยอยู่ที่  59 บาทต่อไร่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 35 บาทต่อไร่ ธ.ก.ส. อุดหนุน 24 บาทต่อไร่ เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเช่นกัน เมื่อเกิดเหตุจะได้รับเบี้ยประกันภัย 1,740 บาท/ไร่ ขณะที่เกษตรกรทั่วไปจะได้เบี้ยประกันภัย 1,500 บาทต่อไร่ แต่ถ้าอยากได้สิทธิ์เท่ากับลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีต้องรีบดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับสิทธิ์ทำประกันภัยข้าวนาปีประจำปี 2562 ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ยกเว้นภาคใต้ที่สามารถขึ้นทะเบียนได้ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2562  ส่วนเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในรอบ 2 สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับสิทธิ์ทำประกันภัยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 15 มกราคม 2563 และหากเกษตรกรต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับการทำประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ทางแอพพลิเคชั่น กูรูประกันข้าว หรือสอบถามที่สายด่วน คปภ. 1186

จังหวัดนครพนม เผาทำลายกัญชาของกลาง 8,411 กิโลกรัม พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2562


วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเผาทำลายกัญชาของกลางจากการตรวจยึดและดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วในพื้นที่จังหวัดนครพนม จำนวน 8,411 กิโลกรัม และพืชกระท่อม จำนวน 67 กิโลกรัม เพื่อเป็นการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ทุกคนได้เห็นถึงโทษและพิษภัยของยาเสพติด และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากจังหวัดนครพนมและประเทศไทย เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2562

นอกจากนี้จังหวัดนครพนม ยังได้บูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ร่วมกันเดินรณรงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และปลูกจิตสำนึกในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการหลีกหนีให้ห่างไกลจากยาเสพติดไปตามถนนสายต่าง ๆ ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นกำลังสำคัญในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในด้านต่าง ๆ ก่อนที่ทุกคนจะได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นพลังขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ส.ปชส.นครพนม จัดสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งท้องถิ่น สร้างความรู้เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งท้องถิ่น ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

วันที่ 25 มิถุนายน 2562 ที่ห้องประชุมหนองบึก 7 ศูนย์ประชุมหนองบึก สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครพนม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งท้องถิ่น ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม จัดขึ้นตามโครงการประชาสัมพันธ์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมีนายวิรพ จันทฤทธิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม นางสมทรง เผือกผล ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ประจำจังหวัดนครพนม ตลอดจนสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ และเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมร่วมสัมมนา

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ทุกคนจะได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ การกำหนดระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น การประกาศให้มีการเลือกตั้ง การดำเนินการเลือกตั้ง การตรวจสอบการเลือกตั้งและการฟ้องร้องคดี  รวมถึงบทกำหนดโทษที่มีการแก้ไขใหม่ให้สอดคล้องกับบทกำหนดโทษในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บทเฉพาะกาลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรก และการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งท้องถิ่นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 ได้มีพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ออกมาและมีผลบังคับใช้แล้ว ก่อนที่จะมีการนำไปขยายผลต่อยังประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมในการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น ช่วยกันตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ โดยเริ่มจากการเลือกตั้งขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามมาด้วยการเลือกตั้งในระดับเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลตามลำดับ 

เทศบาลเมืองนครพนม พร้อมใจปลูกต้นรวงผึ้งเฉลิมพระเกียรติฯ


วันที่ 25 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานนำคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองนครพนม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ และประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ร่วมกันปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 10 ต้น ซึ่งเป็นต้นไม้มงคล มาปลูกในสวนหย่อมเฉลิมพระเกียรติที่สำนักงานเทศบาลเมืองนครพนม จัดทำขึ้นที่บริเวณด้านข้างองค์พญาศรีสัตตนาคราชร่วมกับไม้ดอกไม้ประดับอีกหลากหลายชนิด เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวจังหวัดนครพนมที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ทั้งยังเป็นการประดับตกแต่งให้แลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช มีความสวยงามรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด เป็นที่ดึงดูดผู้ที่มีความเคารพศรัทธาพญาศรีสัตตนาคราชและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดนครพนม

โดยต้นรวงผึ้ง ได้ชื่อว่าเป็นพฤกษาองค์ราชันและเป็นต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เนื่องด้วยดอกรวงผึ้ง มีสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และผลิดอกช่วงวันพระราชสมภพพอดี เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ กอปรพระราชกรณียกิจตามสถานที่ต่าง ๆ จะทรงปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้ เพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่าน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร โดยต้นรวงผึ้ง หรือ Yellow star เป็นไม้หอมที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบมากในป่าทางภาคเหนือ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 – 1,100 เมตร เป็นพันธุ์ไม้พวกเดียวกับปอกระเจาและตะขบฝรั่ง เป็นไม้กลางแจ้งจัดอยู่ในกลุ่มต้นไม้ขนาดเล็ก สูงประมาณ 6 – 8 เมตร คนภาคเหนือเรียกว่า ต้นสายน้ำผึ้ง หรือดอกน้ำผึ้ง มีลักษณะเด่นคือ มีดอกสีเหลืองเข้ม เหมือนทองเหลืองใหม่ๆ มีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้งตลอดทั้งวัน ออกช่อเป็นกระจุกแน่นตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สสจ.นครพนม เข้มระดมทุกภาคส่วนแก้ปัญหาไข้เลือดออกพร้อมแนะประชาชนในการปฏิบัติตัว


วันที่ 24 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากในปีนี้สภาพอากาศร้อนอบอ้าวและมีฝนตกชุก นำมาซึ่งการขยายพันธุ์ของลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ซึ่งจากข้อมูลระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2562 พบว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2562 ของจังหวัดนครพนม มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม 12 อำเภอ รวม 185 ราย คิดเป็นอัตราการป่วย ประมาณ 26 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งเพิ่มมากกว่าปี 2561 ณ ช่วงเดียวกัน 2.18 เท่า 

นายแพทย์ จิณณพิภัทร  ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในจำนวน 185 รายนั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เป็นเด็กชาย อายุ 12 ปี 3 เดือน อยู่ที่บ้านทุ่งมน ตำบลคำเตย อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเสียชีวิตด้วย คือป่วยเป็นโรคอ้วน และเข้ารับการรักษาช้า ประกอบกับได้รับยา NSAIDs ก่อนมารับการรักษาที่โรงพยาบาล และมีการรับประทานยาต้มสมุนไพร ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะไตวาย ตับวาย ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมได้มีการส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ควบคุมโรคภายใน 1 วัน เพื่อจำกัดวงแพร่ระบาดรวมถึงมีการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายจัดตั้ง War Room ขึ้นมาเพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาอย่างอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการประสานหน่วยงานในสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายในการทำงานเชิงรุกด้วยการลงพื้นที่ตรวจสอบ ระดมเครื่องมือ อุปกรณ์ฉีดพ่นควัน แจกจ่ายทรายอะเบท และกำจัดภาชนะต้นเหตุของแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รวมถึงการสร้างความเข้าใจในการระวังภัยไข้เลือดออกและการป้องกันตัวเองให้กับประชาชน ในส่วนของโรงพยาบาลนครพนมเอง ก็มีมาตรการในการกางมุ้งให้กับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันสอดส่อง ดูแลให้ทุกคนนอนกางมุ้ง หากพบว่าบุตรหลาน คนในครอบครัว หรือตัวท่านมีอาการป่วย มีไข้ กินยาลดไข้แล้วไข้ยังไม่ลด คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของโรคไข้เลือดออก ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจทันที ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการช็อกและเสียชีวิต เพราะปัจจุบันโรคไข้เลือดออกยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน การรักษาจึงเป็นแบบประคองตามอาการจนกว่าผู้ป่วยจะฟื้นตัวและหายจากอาการป่วย ซึ่งหลังการรักษาโรคไข้เลือดออกช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3 - 4 หากผู้ป่วยมีอาการซึมลง กินดื่มไม่ได้ให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอีกครั้ง

นรข.นครพนม น้อมนำศาสตร์พระราชาสู่กำลังพล พร้อมสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ประชาชนได้ศึกษา


วันที่ 24 มิถุนายน 2562 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นาวาเอกวิฉณุ ถูปาอ่าง รองผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า โครงการบ้านดินที่เห็นอยู่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง มอบหมายให้ดำเนินการเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับกำลังพล ในการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่สอนให้ประชาชนทุกคน ทุกระดับได้เข้าใจ เข้าถึงการพัฒนาและบริหารชีวิต ด้วยความพอประมาณ มีเหตุผล มีระบบภูมิคุ้มกันและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน เพื่อน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน

โดยโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงดำเนินการในครั้งนี้ จะประกอบไปด้วย การทำบ้านดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เพราะมองว่าในทุกวันนี้ หลายคนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้านเป็นจำนวนมากทั้งที่มีวัตถุดิบอยู่ใกล้ตัว ซึ่งถ้าทุกคนสามารถทำได้ในส่วนนี้ก็จะเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงไปอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีที่อยู่อาศัยที่มีความคงทน แข็งแรง สวยงามเช่นเดียวกับบ้านทั่วไป ที่สำคัญคือภายในบ้านดินจะให้ความเย็นที่มากกว่าบ้านทั่วไปด้วย ซึ่งก็จะช่วยลดในเรื่องค่าไฟฟ้าได้อีกทาง นอกจากนี้กำลังพลยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่ 1 ไร่ ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อใช้ในการเลี้ยงชีพภายในครอบครัว ซึ่งในอนาคตเมื่อสถานที่แห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ ก็จะกลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้และทดลองปฏิบัติ ก่อนที่จะนำไปทำจริงในพื้นที่ของตนเองด้วย

สกู๊ป แรงงานต่างด้าวกับความรู้สึกของผู้ประกอบการ



ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องประสบและเลือกที่จะใช้แรงงานต่างด้าวเพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปได้ วันนี้เรามาลองรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการโรงสีดูว่ามีความรู้สึกอย่างไรกับแรงงานต่างด้าว

นายเทียมศักดิ์  เวียงศรีประเสริฐ ประธานโรงสีเทียมศักดิ์พาณิชย์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กิจการโรงสีเกี่ยวข้องกับการแบกหามและมีการระคายเคือง ทำให้แรงงานไทยไม่ค่อยจะทำกัน แม้ตนเองจะให้ค่าแรงถึงวันละ 400 บาท ก็ยังไม่มีแรงงานคนไทยมาทำ ที่ผ่านมาเคยมีมาทำเหมือนกันได้ประมาณครึ่งวันก็กลับเพราะสู้งานไม่ไหว ดังนั้นจึงหันมาใช้แรงงานต่างด้าวแทนด้วยมีความอดทนมากกว่า เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยแรงงานต่างด้าวที่เข้ามานั้นตนเองจะดูแลเหมือนกับลูกหลานและแรงงานทั่วไป คือให้ที่อยู่พักอาศัยและอาหารครบทั้ง 3 มื้อ ฟรี ส่วนสวัสดิการก็ได้เช่นเดียวกับแรงงานไทย เพราะถ้าเราดูแลเขาเต็มที่ เราก็จะได้แรงงานที่เต็มที่กับงานของเราเช่นเดียวกัน ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวของโรงสีเทียมศักดิ์มีอยู่ 18 ราย ซึ่งถ้ามีคนไทยมาสมัครงานทางโรงสีก็พร้อมที่จะรับเข้าทำงาน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทางรัฐบาลเป็นอย่างมากที่ให้มีการทำ MOU ทำให้การนำเข้าแรงงานต่างด้าวถูกต้อง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เอื้ออำนวยให้ความช่วยเหลือทุกอย่างแก่เจ้าของกิจการในการไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเบ็ดเสร็จทั้งหมดนั้นไม่เกิน 15,000 บาท ก็ถือว่าไม่แพงเพราะอยู่ได้ 2 ปี ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เสียไปก็เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกน้องเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุทางโรงพยาบาล ทางประกันสังคมก็จะช่วยเหลือ ไม่งั้นผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกจำนวนมาก ขณะที่การตรวจคนเข้าเมือง ทุกครั้งที่ไม่มีใบอนุญาตเวลาจะให้ทำอะไรก็กลัวเหมือนกันเพราะมีโทษปรับหนัก แต่พอทำถูกต้องแล้วก็มีความสบายใจ ลูกน้องก็มีความสบายใจเช่นเดียวกัน จึงมองว่าทางรัฐบาลทำแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการมากมายทีเดียว ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวทุกคนทำถูกต้องจะดีมาก

ด้านนายแตง สุสะดี  แรงงานต่างด้าวจากบ้านดอน เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว เปิดเผยว่า  ตั้งแต่ที่มาอยู่ที่โรงสี นายจ้างดูแลดีมาก ทั้งในเรื่องของอาหาร ที่พัก เงินก็พอใช้และส่งกลับบ้าน ปัจจุบันอยู่มาจะครบ 10 ปีแล้ว ทำให้ตนเองสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ แบกข้าว หรืองานอื่น ๆ ที่นายจ้างมอบหมายให้ทำ
และนี้เป็นเพียงหนึ่งมุมมองของผู้ประกอบการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว ที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ดำเนินต่อไป.

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

จ.นครพนม บูรณาการลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยทางสังคมอำเภอท่าอุเทน


วันที่ 22 มิถุนายน 2562 ที่บ้านเลขที่ 20/1 บ้านม่วงเหล่าหลวง หมูที่ 16 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนางเมตตา นักพรต และครอบครัว ตามโครงการนครพนมอุดมสุข ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดนครพนมบูรนาการหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันตรวจสอบ พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของจังหวัดนครพนม ให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการซ่อมแซมประตู ฝาผนังบ้าน และเปลี่ยนหลังคาบ้านให้ใหม่จากการร่วมแรงร่วมใจกันของประชาชนจิตอาสาในชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณค่าวัสดุจากองค์การบริหารส่วนตำบลไชยบุรีและสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ขณะที่ระยะยาวแรงงานจังหวัดนครพนมและพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ได้มีการประสานอาชีพกับผู้ประกอบการทำแหนมปลาชะโดในพื้นที่ให้ทำงานเป็นลูกจ้างเพื่อจะมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว รวมถึงได้มอบไก่พันธุ์พื้นเมืองให้เพื่อเลี้ยงไว้จำหน่าย มอบพันธ์ุพืชผักสวนครัวและพันธ์ุไม้กินได้เพื่อใช้เพาะปลูกในพื้นที่ไว้รับประทานในครัวเรือน มอบถุงยังชีพและเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในส่วนของบุตรที่กำลังศึกษาอยู่นั้นทางหน่วยงานก็ได้คัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาจากกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

รมว.คมนาคม ลงพื้นที่นครพนม สร้างการรับรู้เข้าใจรถไฟทางคู่ บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม


วันที่ 21 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ในโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และปาฐกถาพิเศษเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนได้ทราบถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาโครงการพร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการ และการพัฒนาจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร และจังหวัดนครพนม โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สื่อมวลชนและประชาชนให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรม

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เส้นทางรถไฟสายใหม่ที่ประชาชนรอคอยกันมาอย่างยาวนานให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าใจ โดยทางคณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มูลค่า 66,848.33 ล้านบาทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเข้มแข็งให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่มีการเปิดพื้นที่ใหม่ในการสร้างทางรถไฟ เพราะตลอดระยะเวลา 120 ปี มีเพียงการปรับปรุงซ่อมแซมทางรถไฟเท่านั้น โดยเส้นทางรถไฟทางคู่สายใหม่นี้ มีระยะทาง 355 กิโลเมตร ผ่าน 70 ตำบล 19 อำเภอของ 6 จังหวัด มีการออกแบบสถานีรถไฟไว้มากถึง 30 สถานี โดยเป็นสถานีใหญ่ 4 สถานี ที่เหลือจะเป็นสถานีขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงป้ายจอดหรือจุดจอดเล็ก ๆ ที่ให้คนขึ้นลงได้ คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ในส่วนของจังหวัดนครพนมนั้นนอกจากรถไฟทางคู่แล้วยังมีแผนงานโครงการในการปรับปรุงสนามบินนครพนม ทั้งตัวอาคาร ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าและออก ซึ่งจะทำให้สนามบินแห่งนี้รองรับประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 1.7-2 ล้านคนต่อปี รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความทันสมัยและสอดคล้องกับระเบียบการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เกิดสถานีขนส่งเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้า มีการขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงการเดินทาง เช่น จากจังหวัดสกลนครเข้าสู่นครพนม ก็กำลังอยู่ระหว่างการขยายเส้นทางเป็น 4 ช่องทางจราจร ช่วงอำเภอท่าอุเทนมาจังหวัดนครพนมก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้จังหวัดไหนที่รถไฟทางคู่ไม่ผ่านในอนาคตก็จะมีการพัฒนาเพื่อเชื่องโยงเส้นทางคมนาคมเข้าด้วยกันเหมือนใยแมงมุม  

สำหรับปัญหาที่จะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ทางโครงการก็ได้มีการศึกษา ออกแบบและสำรวจเบื้องต้นไว้แล้ว หลังจากนี้ทางการรถไฟจะมีการลงพื้นที่จัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งจะมีการสำรวจรายละเอียดในเรื่องของจุดตัด จุดผ่านต่าง ๆ เพื่อนำมาออกแบบแก้ปัญหาให้กับประชาชนแบบแปลงต่อแปลง เพื่อให้โครงการเกิดความสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งก็ต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในการให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะและปัญหาอื่น ๆ  รวมถึงอยากฝากให้ทุกคนมีการวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการพัฒนาและความเจริญที่จะเกิดขึ้นเพราะเมื่อการคมนาคมมีความสะดวกมากขึ้น ก็จะมีการเดินทางของประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวมากขึ้นตามไปด้วย สถานีรถไฟผ่านไปที่จุดไหน ชุมชนนั้นก็สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ รวมถึงการบริการและการลงทุนในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมาก

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม ออกหน่วยเคลื่อนที่บำบัดทุกข์และหน่วยแพทย์ พอ.สว. ให้บริการประชาชนอำเภอท่าอุเทน

วันที่ 20 มิถุนายน 2562 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลไชยบุรี บ้านม่วงเหล่าหลวง หมู่ที่ 16 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการประชาชนในระดับพื้นที่

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ รวมถึงตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย โดยในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาลและแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบ จากนั้นได้มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำของชุมชน จำนวน 50,000 ตัว มอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 7 ทุน ราย มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กในครอบครัวยากจน จำนวน 50 ราย  มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉิน 10 ราย มอบเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก 10 มอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจำนวน 170 ชุด

ก่อนที่ทุกคนจะไปใช้บริการหน่วยเคลื่อนที่ของหน่วยหน่วยงานต่าง ๆ แบบครบวงจรในจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและโรคไต การถ่ายทอดองค์ความรู้ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การสร้างบ้าน การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การต่อใบขับขี่ การทำประกันภัย การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่นครพนมตรวจเยี่ยมและให้โอวาทกำลังพล อส.


วันที่ 19 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ร้อยตำรวจโท อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง/หัวหน้าฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนมในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ โดยมีนายสยาม ศิริมงคล นายกองเอกกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา นายกองเอกกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว นายกองเอกกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม และกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ร่วมให้การต้อนรับ ซึ่งในโอกาสนี้อธิบดีกรมการปกครองได้ให้โอวาทแก่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม โดยขอให้ทุกคนดำรงตนอยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและอยู่ในกรอบของกฎหมาย

สำหรับกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนมนั้น ประกอบไปด้วย กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม 1 กองร้อย และกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอ 12 กองร้อย มียอดอัตรากำลังพลได้รับการอนุมัติ 228 อัตรา ปัจจุบันมีกำลังพล 214 นาย โดยที่ผ่านมาได้มีการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ ทั้งการฝึกอบรมโครงการเยาวชนอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน 1 รุ่น เป็นชุดครูฝึกอบรมตามโครงการฝึกอบรมของจังหวัดนครพนม จำนวน 5 โครงการ ส่วนด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในพื้นที่ ได้มีการสนธิกำลังร่วมกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ออกจัดระเบียบสังคมและรักษาความสงบเรียบร้อยจำนวน 312 ครั้ง ออกลาดตระเวนทั้งทางบกและทางน้ำ 208 ครั้ง ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ร่วมกับหน่วยความมั่นคงจับกุมผู้กระทำผิดจำนวน 105 คดี ได้ผู้ต้องหา 149 คน ของกลางยาบ้า 58,456 เม็ด กัญชา 1,960 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานตั้งจุดตรวจ จุดสกัดและรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญ จำนวน 1,560 ครั้ง และด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎรที่ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 18,002 หลังคาเรือน ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 48 หลังคาเรือน

จิตอาสาฯนครพนม พร้อมใจปลูกต้นรวงผึ้งและไม้เศรษฐกิจ 6,810 ต้น เฉลิมพระเกียรติ


วันที่ 19 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองญาติ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ ร่วมกันปลูกต้นไม้ต้นรวงผึ้งและไม้เศรษฐกิจ จำนวน 6,810 ต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโครงการ คบจ.นครพนม รวมพลังส่งเสริมอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ 2562 ที่จังหวัดนครพนมโดยคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดนครพนม ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนและประชาชนจังหวัดนครพนมได้ร่วมกันจัดขึ้น ทั้งเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนในจังหวัดนครพนม ได้ร่วมกันฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ เพิ่มสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นไม้เศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการปลูกไม้เศรษฐกิจให้แก่ชุมชน อำเภอและจังหวัด

โดยกิจกรรมครั้งนี้ประกอบไปด้วย การปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ จำนวน 10 ต้น และไม้เศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย ไม้สัก พะยูง มะค่าโมง ประดู่และไม้ไผ่ รวมทั้งสิ้น 6,810 ต้น รวมถึงได้มีการมอบต้นไม้ให้ชุมชนอุดมสุขอีกจำนวน 30 ชุมชน ที่กระจายอยู่ทั่วทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม เพื่อนำไปดำเนินการปลูกด้วยเช่นเดียวกัน

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

จิตอาสาฯนครพนม พร้อมใจทำความสะอาดคลองและพื้นที่โดยรอบสวนสาธารณะศรีโคตรบูรณ์ อ.ธาตุพนม


วันที่ 18 มิถุนายน 2562 ที่สวนสาธารณะศรีโคตรบูรณ์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานนำคณะจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจจังหวัดนครพนม ร่วมกันนำเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดกำลังกายมาช่วยกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์พื้นที่โดยรอบสวนสาธารณะศรีโคตรบูรณ์ ด้วยปัจจุบันคลองที่อยู่รอบสวนสาธารณะมีความตื้นเขินตามกาลเวลา ทั้งยังมีจอกแหนขยายพันธุ์เต็มพื้นที่คลอง นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ทำความสะอาด และปรับแต่งภูมิทัศน์เพื่อให้สวนสาธารณะศรีโคตรบูรณ์กลับมามีความสวยงามเช่นดังเดิมอีกครั้ง

โดยสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งที่ชาวธาตุพนมตลอดจนนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยมีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นฉำฉา ต้นปาล์ม ทำให้โดยรอบบริเวณมีร่มเงาและเย็นสบายนอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ให้คนในชุมชนใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา และใช้เป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมประจำปีต่าง ๆ

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562

จ.นครพนม จัดเต็มผู้มาร่วมงานรับสิทธิ์ลุ้นรางวัลกับงาน Expo Sanook Farmer Market 2019


วันที่ 10 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนที่เดินทางมาร่วมงาน Expo Sanook Farmer market มหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัยและของดีกลุ่มจังหวัดสนุก 2019 ที่จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนครจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 10-14 มิถุนายน 2562 ภายใต้โครงการ Sanook Farmer market : การเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ที่ประกอบไปด้วย นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร เพื่อส่งเสริมการเกษตรด้วยนวัตกรรมท่องเที่ยว 3 ธรรม เชื่อมโยง 3 ประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจสู่อาเซียน โดยใช้ศักยภาพของกลุ่มจังหวัดในการเพิ่มขีดความสามารถแก่ภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรหรืออุตสาหกรรมที่มีที่มีความเชื่อมโยงกับการผลิตภาคการเกษตรในพื้นที่ และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัดสนุก และเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพสินค้าเกษตรที่สำคัญให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย สร้างเครือข่ายความร่วมมือสินค้าเกษตรของผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ

โดยหลายคนเลือกที่จะมาก่อนเวลาเปิดงานเพื่อจับจ่าย ซื้อหาสินค้าที่ตนเองชื่นชอบ และจับจองสถานที่เพื่อรอพบกับดาราชื่อดัง ยุ้ย จรินันท์ มโนแจ่ม ที่เดินทางมาร่วมพิธีเปิด กระทั่งเวลา 17.00 น. นางวิไลวรรณ ไกลโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกับตัวแทนของจังหวัดกลุ่มสนุก ที่ประกอบไปด้วยนครพนม สกลนครและมุกดาหาร รวมถึงผู้แทนจากแขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัยฯในครั้งนี้ ผู้จัดสร้างได้ทำร้านค้าเป็นระบบโดมติดแอร์ เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เดินชม ชิม ช๊อป แบบเย็นสบายกับการเลือกซื้อสินค้าที่ตนเองชื่นชอบจากร้านค้ากว่า 100 ร้าน กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากกลุ่มจังหวัดสนุก ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญและมีคุณภาพเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิ้นจี่นครพนม และสับปะรดท่าอุเทน ที่เป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย GMP และเป็นสินค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) นอกจากนี้ยังมี ข้าวหอมมะลิ โคเนื้อ ไก่งวง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวฮาง ข้าวกล้อง จมูกข้าว น้ำจมูกข้าว น้ำหมากเม่า และผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น รวมถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเด่นของกลุ่มจังหวัดสนุกและ สปป.ลาว ซึ่งผู้ที่มาร่วมงานจะได้สนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นได้มีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำทุกวันเมื่อช้อปภายในงานครบ 200 บาท หรือช่วงสินค้านาทีทอง นาทีถูก หรือซื้อสินค้าครบ 500 บาท ได้สิทธิ์รับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ฟรี และการเล่นเกมส์ชิงรางวัลอื่น ๆ นอกจากนี้ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ที่มีการเนรมิตเป็นซุ้มหมู่บ้าน 1 ตำบล 1 นวัตกรรม กิจกรรมเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัด การเสวนาวิชาการทางด้านการเกษตรและวัสดุอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชมการแสดงพืชพรรณทางการเกษตรและนวัตกรรมสมัยใหม่ และร่วมสนุกไปกับการประกวดขวัญใจเกษตรสนุก 2019  การประกวดร้องเพลงเกษตรเสียงทอง และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง

วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

นครพนมคึกคัก นักวิ่ง 2,500 คน ร่วมกิจกรรมรวมพลคนรักกีฬา มินิมาราธอน 2562 เฉลิมพระเกียรติ


วันที่ 9 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักวิ่งกว่า 2,500 คนที่เดินทางมารอร่วมกิจกรรมวิ่ง รวมพลคนรักกีฬา มินิมาราธอน 2562 เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่จังหวัดนครพนม ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยจัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้ใส่ใจในสุขภาพ ทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงด้วยการวิ่งออกกำลังกาย และเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 

โดยในเวลา 5.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานในพิธีก็ได้นำประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมออกกำลังกายเพื่อคลายกล้ามเนื้อ จากนั้นประธานในพิธีนำนักวิ่งประกอบพิธีถวายราชสักการะและกล่าวคำอศิรวาทราชสดุดี เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีจอมราชา จากนั้นประธานในพิธีให้สัญญาณแตรลมปล่อยตัวนักวิ่งเพื่อออกวิ่งไปตามถนนสุนทรวิจิตร ซึ่งจะผ่านสถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เช่น ตลาดอินโดจีน หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม(หลังเก่า) วัดนักบุญอันนาหนองแสง (รองอาสนวิหารนักบุญอันนา) มุ่งหน้าสู่อุโมงค์นาคราช ผ่านโรงแรมบลู ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกร้านอาหารริเวอร์บีช เข้าสู่ถนนสายนครพนม-ท่าอุเทน ผ่านหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง สวนหลวง ร.9  ถึงสามแยกโรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 เลี้ยวซ้ายกลับเข้าสู่ถนนสุนทรวิจิตรและวิ่งย้อนกลับมายังเส้นชัยบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช รวมระยะทางทั้งสิ้น 10 กิโลเมตร 

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เด็กและเยาวชนนครพนมคึกคัก สนุกกับการเรียนรู้กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ปี 2562


วันที่ 7 มิถุนายน 2562 ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 4 จังหวัดนครพนม  ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ประจำปี 2562 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของเด็กนักเรียนและเยาวชนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตจังหวัดนครพนม ที่มาร่วมแสดงความสามารถและร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้มาเรียนรู้แลกเปลี่ยนทักษะ ประสบการณ์เกี่ยวกับระบบสหกรณ์ของแต่ละโรงเรียนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังแนวคิดที่ก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในกลุ่มของนักเรียน ตลอดจนครูและประชาชนในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เกิดการรวมกลุ่มในการดำเนินงาน เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ทั้งยังเป็นสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลที่คุณภาพที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต สมดังพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงริเริ่มและส่งเสริมให้จัดการเรียนรู้วิธีการสหกรณ์ในโรงเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบัน

นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า งานวันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนในครั้งนี้ มีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อการพัฒนาสหกรณ์ในโรงเรียนเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการนำตัวอย่างและจุดเด่นของแต่ละแห่งมาจัดแสดงให้เด็กและเยาวชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น การทำบัญชีระบบฝากเงินของโรงเรียนเทศบาล 4 ซึ่งได้รับรางวัลในระดับประเทศด้วยมีการบริหารจัดการระบบเหมือนการฝากเงินในธนาคาร นักเรียนแต่ละคนต้องรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ โดยมีคณะครูคอยให้คำแนะนำ คำปรึกษา ขณะเดียวกันก็มีการจัดแสดงสินค้าต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบสหกรณ์ที่เป็นผลงานนักเรียนจากการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ขณะที่กิจกรรมการประกวดเรียงความก็จะเห็นถึงแนวความคิดในการดำเนินงานของสหกรณ์ ผ่านการบรรยายเป็นตัวอักษรของนักเรียน ส่วนกิจกรรมตอบคำถามก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กิจกรรมอื่น ๆ เพราะทุกคนได้เรียนรู้ผ่านการตอบคำถามพร้อมกับของรางวัลเมื่อตอบถูก รวมถึงการเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้แสดงความสามารถตามที่ตนเองถนัด ทั้งการประกวดร้องเพลงและการแสดงศิลปวัฒนธรรม นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ยังได้จัดนิทรรศการเพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชี  การทำระบบสหกรณ์ การน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ การเรียนรู้เกี่ยวกับกฎจราจร และในโอกาสสำคัญนี้จังหวัดนครพนมยังได้มอบใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่มีกิจกรรมสหกรณ์ดีเด่นอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ลูกเสือ เนตรนารีจากทั่วภาคอีสาน ร่วมชุมนุมเสริมสร้างประสบการณ์ที่จังหวัดนครพนม


วันที่ 6 มิถุนายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานชุมนุมลูกเสือบำเพ็ญประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ลูกเสือจิตอาสาทำความดี รวมใจภักดี เทิดไท้องค์ราชัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่กระทรวงศึกาธิการร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2562 ณ ค่ายลูกเสือหนองญาติ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และน้อมนำพระบรมราโชบายสู่การปฏิบัติผ่านกิจกรรมลูกเสือ เพื่อให้ลูกเสือและผู้บังคับบัญชาลูกเสือได้ฝึกปฏิบัติ กับกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ทั้งยังก่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เกิดการเสริมสร้างทักษะชีวิตและจิตอาสาในการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงเป็นการเผยแพร่กิจกรรมลูกเสือให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมทั้งสิ้น 6,810 คน ประกอบไปด้วย ลูกเสือ เนตรนารี และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ จากจังหวัดอุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธรและจังหวัดนครพนม นอกจากนี้ยังมีคณะลูกเสือ เนตรนารีและผู้บังคับบัญชาลูกเสือจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมหลัก กิจกรรมยามว่าง กิจกรรมพิเศษและกิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์ลูกเสือจิตอาสาทำความดี รวมใจภักดี เทิดไท้องค์ราชัน ซึ่งหลังเสร็จสิ้นงานชุมนุมแล้ว ลูกเสือเนตรนารีที่เข้าร่วมชุมนุมต้องไปขยายผลและชักชวนเพื่อนลูกเสือไม่น้อยกว่า 10 คนร่วมปฏิบัติงานจิตอาสาและบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ของตนเอง จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ครั้งภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเมื่อปฏิบัติงานครบตามเงื่อนไข สถานศึกษาที่สังกัดจะรายงานผลการปฏิบัติงานไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแต่ละแห่ง เพื่อขอรับแบดจ์ลูกเสือจิตอาสา ทำความดี ร่วมใจภักดีและเทิดไท้องค์ราชันมามอบให้เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการทำความดี

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ชาวเรณูใต้ นครพนม กับแนวคิดลดปริมาณขยะให้ชุมชนด้วยการประดิษฐ์สินค้าดีขายถูก


วันที่ 4 มิถุนายน 2562 ที่อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นางเวียงคำ อุติลา ตัวแทนชุมชนเรณูนคร เปิดเผยว่า จากปัญหาขยะในชุมชนที่ก่อให้เกิดมลพิษกับสังคม จึงกลายเป็นที่มาของการตั้งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบริหารจัดการขยะตำบลเรณูใต้ขึ้นมาในปี 2559  และต่อมาในปี 2560 ก็มีธนาคารขยะเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้คนในชุมชนได้เห็นถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะ รวมถึงมีการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำขยะเปียก การทำปุ๋ยหมัก เพื่อให้คนในชุมชนได้ลดบริมาณขยะในครัวเรือนและเกิดประโยชน์สูงสุด จากนั้นก็มีการต่อยอดด้วยการนำสิ่งเหลือใช้ ที่ขายไม่ได้มาเพิ่มมูลค่า โดยแนวคิดนี้เริ่มจากที่เห็นว่ากล่องนมในชุมชนมีเยอะมาก แต่ไม่สามารถขายได้ ประกอบกับเห็นในรายการโทรทัศน์ว่าสามารถนำมารีไซเคิลได้ จึงได้ร่วมกันศึกษาหาข้อมูล จากนั้นก็มาทดลองทำและพัฒนามาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสินค้าที่สวยงาม ใช้ได้จริงเหมือนที่เห็นทุกวันนี้

ปัจจุบันสมาชิกภายในกลุ่มมีอยู่ประมาณ 150 คน โดยแต่ละคนจะใช้เวลาว่างจากการทำงานปกติมาเอาวัสดุจากธนาคารขยะไปประดิษฐ์หมวก ประดิษฐ์ดอกไม้ประดับ ประดิษฐ์กระเป๋าและตะกร้าใส่สิ่งของ จากนั้นก็จะร่วมกันนำไปจำหน่ายร่วมกับสินค้าของชุมชนตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนและเวลาที่หน่วยงานราชการมีกิจกรรม โดยผลัดเปลี่ยนกันไปตามความสะดวกของแต่ละคน ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะนำมาเข้าธนาคารขยะพอสิ้นปีก็จะมีการปันผล โดยราคาแต่ละชิ้นที่ทางกลุ่มตั้งนั้นจะมีราคาที่ไม่แพง ประมาณชิ้นละ 50 บาท เพราะทางกลุ่มมองว่าการขายถูกคือการลดขยะให้ชุมชน ซึ่งราคาที่วางจำหน่ายนี้ ถือว่าทางกลุ่มมีกำไลอยู่เพราะวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตส่วนหนึ่งได้มาฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เป็นการบูรณาการร่วมกันของคนในชุมชน ที่ร่วมกันคัดแยกขยะและนำมามอบให้ ไม่ว่าจะเป็นจากคณะครูของศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนในชุมชน และจากคนในชุมชน ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสินค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 084 7946410

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2562

พสกนิกรจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี


วันที่ 3 มิถุนายน 2562 ที่ศาลาประชาคมยงใจยุทธ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ตลอดจนเจ้าหน้าที่และประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน ประจำปีพุทธศักราช 2562

โดยก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมประธานในพิธีจะเดินทางมาถึง เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดนครพนม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การต่าง ๆ ได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มเงิน พุ่มทอง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และในเวลา 19.00 น. เมื่อประธานในพิธีเดินทางมาถึง ได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มทอง -พุ่มเงิน เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ จากนั้นประกอบพิธีจุดเทียนชัย กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทุกคนร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีจอมราชาโดยพร้อมเพียงกัน

จิตอาสานครพนม ร่วมใจบำเพ็ญประโยชน์กำจัดวัชพืช เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี


วันที่ 3 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณห้วยฮ่องฮอ บ้านภูเขาทอง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ จังหวัดนครพนม ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ ภายใต้กิจกรรม จิตอาสาพัฒนา คู คลอง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประจำปี 2562 ด้วยการขุดลอก ทำความสะอาด กำจัดตักตบชวา และวัชพืชต่าง ๆ ที่อยู่ในห้วยฮ่องฮอให้หมดไป ทำให้ลำน้ำแห่งนี้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม

โดยห้วยฮ่องฮอ เป็นลำน้ำที่รับน้ำมาจากอำเภอศรีสงคราม ผ่านอำเภอท่าอุเทน และมาบรรจบแม่น้ำโขงที่อำเภอเมืองนครพนม โดยตลอด 2 ข้างของลำน้ำ จะมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบไปด้วย ตำบลนาคำ อำเภอศรีสงคราม ตำบลเวินพระบาท ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน และตำบลอาจสามารถ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง และร่วมกันใช้ประโยชน์จากลำน้ำแห่งนี้เพื่อการอุปโภคและการเกษตรมาโดยตลอด ปัจจุบันลำน้ำแห่งนี้มีความตื้นเขินตามกาลเวลา ประกอบกับมีผักตบชวาเป้นจำนวนมาก ทั้งในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมาปริมาณน้ำมีน้อยทำให้วัชพืชมีการเจริญเติมโตขึ้นมาปกคลุมพื้นที่ในหลาย ๆ จุด ดังนั้นเพื่อเป็นการปรับปรุงห้วยฮ่องฮอให้สามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนที่กำลังเริ่มต้นได้เช่นดังทุกปีที่ผ่านมา ทั้งไม่มีเศษวัชพืชมากรีดขวางทางน้ำ และทำให้ทัศนียภาพตลอดลำน้ำมีความสวยงาม คณะจิตอาสาจังหวัดนครพนม จึงได้ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ ขุดลอก ทำความสะอาด กำจัดตักตบชวา และเศษวัชพืชให้หมดไป

พสกนิกรจังหวัดนครพนม พร้อมใจประกอบพิธีบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี


วันที่ 3 มิถุนายน 2562 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ตลอดจนเจ้าหน้าที่และประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 41 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี 2562

โดยในเวลา 8.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จะได้นำทุกคนร่วมประกอบพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคลและถวายเครื่องราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้นในเวลา 10.00 น. ทุกคนร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาดและพัฒนาห้วยฮ่องฮอ บ้านภูเขาทอง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม ก่อนที่ในเวลา 12.00 น. จะร่วมกันจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุ และจัดกิจกรรมวันต้นไม้ ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน และในเวลา 19.00 น. จังหวัดนครพนมกำหนดจัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม