วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เน้นบริการครบในจุดเดียว เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ที่โรงเรียนอุเทนพัฒนา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนมออกให้บริการเกษตรกรแบบครบวงจรในจุดเดียวที่เน้นความรวดเร็วและครบทุกมิติในด้านการเกษตร ภายใต้โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2562 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

โดยการออกหน่วยคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในครั้งนี้ มีการแบ่งการให้บริการออกเป็น 11 คลินิกย่อย เพื่อให้เกษตรกรได้เลือกรับบริการตามความต้องการของตนเองและมีความทั่วถึงประกอบไปด้วย คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกข้าว คลินิกหม่อนไหน และคลินิกตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันประกอบพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การฝึกอาชีพด้านการเกษตร การนำเสนอผลงานดีเด่นด้านการเกษตรของจังหวัด

จ.นครพนม สร้างนักประชาสัมพันธ์และเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสังคม


วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวไปมาก ทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ถ้าหากผู้รับรู้ รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้องและขยายผลต่อก็จะเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แต่ถ้าหากรับรู้ไม่ถูกต้องแล้วไปขยายต่อจะเกิดผลเสียผลกระทบต่าง ๆ ตามมา  โดยเฉพาะภาคราชการที่ถือการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้กับประชาชนเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง เนื่องจากการพัฒนาในปัจจุบันใช้หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ซึ่ง1 ใน 10 หลัก ก็คือการมีส่วนร่วมของประชาชน พูดง่ายๆก็คือปัจจุบันส่วนราชการมุ่งเน้นการพัฒนาที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้วย ซึ่งการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมก็ขึ้นอยู่กับการเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง มีความศรัทธาและเชื่อมั่นในหน่วยงานราชการนั้นๆ แต่ถ้าในทางตรงกันข้ามที่เข้าใจผิดประชาชนก็จะไม่อยากเข้ามาร่วม ซึ่งผลที่ตามมาก็จะตกอยู่กับประชาชนเช่นเดิม ด้วยโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง เป็นไปตามจุดประสงค์ที่ประชาชนต้องการและเกิดความไม่คุ้มค่าสมประโยชน์

ดังนั้นจังหวัดนครพนมจึงได้มอบหมายให้สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนม จัดการสัมมนาขึ้น ภายใต้โครงการพัฒนาการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและบริการประจำปี 2562 เพื่อสร้างผู้จัดรายการสถานีวิทยุ เครือข่ายวิทยุประชารัฐ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้จัดรายการเสียงตามสายหรือหอกระจายข่าว และอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน/ชุมชน ที่พร้อมเป็นกระบอกเสียงในการประชาสัมพันธ์รุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสังคม ทำให้ประชาชนได้เข้าใจ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่อย่างถูกต้อง มีความแม่นยำและกว้างขวาง
โดยผู้ที่เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้จะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับความสำคัญของเครือข่ายและการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์จังหวัดนครพนม หลักในการเขียนข่าว การมองประเด็นให้เป็นข่าว การนำเสนอข่าวประชาสัมพันธ์ หลักการถ่ายภาพเบื้องต้น การสร้างความน่าสนใจให้ข่าวประชาสัมพันธ์ และกระบวนการสร้างสรรค์งานข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อสังคม

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สภาสังคมสงเคราะห์ฯร่วมกับจังหวัดนครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและจัดเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ป่วยและญาติ เฉลิมพระเกียรติฯ



จากเมื่อปี พ.ศ. 2541 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ในขณะนั้นนำคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการจำหน่ายดอกมะลิงานวันแม่แห่งชาติ จำนวน 2 ล้านบาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ พร้อมทั้งได้มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ตกยาก ผู้ประสบทุกข์ยากเดือดร้อน รวมทั้งครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยสภาสังคมสงเคราะห์ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์มาดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21

โดยในครั้งนี้สภาสังคมสงเคราะห์ฯได้ร่วมกับจังหวัดนครพนม เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม สมาคม/ชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดนครพนม และภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรมขึ้นที่โรงพยาบาลนครพนม ด้วยเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษาตัว เนื่องจากต้องหยุดงานทำให้ขาดรายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทั้งยังจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกคน จึงได้จัดพิธีมอบเครื่องอุปโภค/บริโภคแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาลนครพนม จำนวน 50 ราย รวมถึงมีการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย รวมถึงผู้ตกงาน ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนด้วย

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พสกนิกรจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา 28 กรกฎาคม 2562 เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรจังหวัดนครพนมและประเทศชาติ

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ(พานพุ่มทอง-พุ่มเงิน) เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และนำไฟมาต่อให้กับผู้ที่มาร่วมงาน ประธานในพิธีกล่าวถวายอาศิรวาทถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และกล่าวถวายพระพรมงคล ก่อนที่ทุกคนจะร่วมร้องเพลงสดุดีจอมราชา และเมื่อสิ้นเสียงเพลงต่างก็พร้อมใจกันเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องทั่วบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม

จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จ.นครพนม ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


วันที่ 28 กรกฎาคม 2562  ที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร และประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ที่บริเวณถนนนิตโยและแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช ด้วยการร่วมกันปลูกต้นไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์ ทาสี ตีเส้นจราจร ปรับปรุงซุ้มถนนเฉลิมพระเกียรติฯ ตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับ จัดระเบียบป้ายโฆษณา ปรับปรุงและติดตั้งไฟส่องสว่างรวมถึงการทำความสะอาด ภายใต้โครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ และโครงการเพิ่มสวนหย่อม/สวนสาธารณะให้แก่ชุมชน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา 28 กรกฎาคม 2562

โดยโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ เป็นโครงการที่กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นภายใต้โครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยจังหวัดนครพนมได้คัดเลือกถนนนิตโย หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 สายอุดรธานี–นครพนม ให้เป็นถนนเฉลิมพระเกียรติของจังหวัด มีระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่สี่แยกบ้านน้อยหนองเค็มยาวไปจนถึงลานพญาศรีสัตตนาคราช เนื่องด้วยเป็นถนนสายหลักที่มุ่งเข้าสู่ตัวเมืองนครพนมและมองเห็นองค์พญาศรีสัตตนาคราช ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญ ในการดึงดูดประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เดินทางมาเยือนและทำความรู้จักกับจังหวัดนครพนม ก่อให้เกิดการค้าการลงทุน เกิดการพัฒนาเมืองในด้านต่าง ๆ นำมาซึ่งรายได้ของประชาชนในพื้นที่

ขณะที่โครงการเพิ่มสวนหย่อม/สวนสาธารณะให้แก่ชุมชน ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เข้ามาเติมเต็มความสวยงามให้กับเมือง เป็นการสร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ได้มีสถานที่นั่งพักสบาย ๆ รับอากาศที่บริสุทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำโขงพร้อมกับการชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งเป็นสถานที่อีกแห่งที่ใช้ออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพให้มีความแข็งแรง

คณะลูกเสือเนตรนารีนครพนม ประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคลและบำเพ็ญประโยชน์เฉลิมพระเกียรติพระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา


วันที่ 28 กรกฎาคม 2562  ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล สวนสนาม และบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ด้วยการทำความสะอาดสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ แสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา 28 กรกฎาคม 2562

โดยคณะลูกเสือแห่งชาติถือกำเนิดขึ้น จากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ และได้ทรงทราบเรื่องการสู้รบเพื่อรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ที่ตั้งกองทหารเด็กเป็นหน่วยสอดแนมช่วยรบในการรบกับพวกบัวร์ (Boar) จนประสบผลสำเร็จ และเมื่อพระองค์เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย ก็ได้ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกหัดให้ข้าราชการและพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหาร ซึ่งประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่มีการสถาปนากองลูกเสือขึ้นต่อจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา

 จากนั้นอีก 2 เดือน ก็ได้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทยขึ้น ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ด้วยมีพระราชปรารภว่า เมื่อฝึกผู้ใหญ่เป็นเสือป่าเพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือชาติบ้านเมืองแล้ว เห็นควรที่จะมีการฝึกเด็กชายปฐมวัยให้มีความรู้ทางเสือป่าด้วย เมื่อเติบโตขึ้นจะได้รู้จักหน้าที่และประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง จากนั้นทรงตั้งกองลูกเสือกองแรกขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง และจัดตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนต่าง ๆ รวมถึงกำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือขึ้น ทั้งพระราชทานคำขวัญแก่ลูกเสือว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” โดยในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติในฐานะพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551

พสกนิกรจังหวัดนครพนม พร้อมใจทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


วันที่ 28 กรกฎาคม 2562  ที่บริเวณวัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ คณะครู อาจารย์ ข้าราชการพลเรือน นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าและประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแก่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา 28 กรกฎาคม 2562

ทั้งนี้ในเวลา 09.00 น. พสกนิกรจังหวัดนครพนมจะได้ร่วมกันประกอบพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม ร่วมกันเปิดโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ที่ถนนนิตโยบริเวณสี่แยกบ้านน้อยหนองเค็ม ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการปลูกต้นไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์และทำความสะอาดซุ้มนั่งเล่น ทางเดินออกกำลังกายและบริเวณโดยรอบลานพญาศรีสัตตนาคราช กับโครงการสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ และในเวลา 19.00 น. จะประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระธาตุพนม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


วันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ที่ศาลาตรีมุขกาญจนาภิเษก วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำพสกนิกรชาวจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระธาตุพนม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา 28 กรกฎาคม 2562 โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นสถานที่ตั้งองค์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกพระพุทธเจ้าเอาไว้ตามตำนานพระอุรังคธาตุ ที่กล่าวไว้ว่า สมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ได้เสด็จมาทางอากาศเพื่อไปบิณฑบาตที่เมืองศรีโคตรบูร ภายหลังได้มาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือจุดที่สร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน จากนั้นพญาอินทร์ได้เสด็จมาทูลถาม พระพุทธองค์จึงได้ตรัสว่าเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันเมื่อพระองค์เสด็จนิพพาน พระมหากัสสะปะจะได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพานพระอรหันต์ 500 องค์ และพญาเจ้าเมืองทั้ง 5 แห่งเมืองศรีโคตบูร เมืองอินทปัตถนคร เมืองหนองหารน้อย เมืองหนองหารหลวง และแคว้นจุลมณี จึงได้พากันปั้นดินดิบ เผาไฟแล้วก่อสร้างเป็นอุโมงค์ถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นพระมหากัสสปะจึงได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุเข้าบรรจุไว้ภายในและสร้างประตูไม้ประดู่ใส่ดาลปิดอุโมงค์ไว้ทั้ง 4 ด้าน ดังนั้นพระธาตุพนมจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีค่าสูงยิ่ง ที่พุทธศาสนิกชนหลากหลายเชื้อชาติให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้บูชามาตลอดระยะเวลาหลายพันปี เมื่อมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทุกรัชกาลจะนำน้ำจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไปประกอบพิธีมุรธาภิเษก เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน น้ำอบและผ้าคลุมมานมัสการพระธาตุพนมทุกปี และเมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษาจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาทุกปีเช่นกัน ทั้งนี้พระธาตุพนมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาตามลำดับ กระทั่งวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลงทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศจึงได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ โดยมีการสร้างครอบองค์เดิมทั้งยังคงรักษารูปแบบเดิมไว้ มีขนาดฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม โดยในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระอุรังคธาตุ) ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี


วันนี้ 25 กรกฎาคม 2562 ที่วัดธาตุเรณุ หมู่ที่ 1 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และพสกนิกรจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี  เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีพระครูศรีธีราภิวัฒน์ รองเจ้าคณะอำเภอเรณูนคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

 โดยในเวลา 14:00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าบรมพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง จากนั้นทุกคนร่วมกันอาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล  เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์นำผู้ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทุกคนร่วมกันเจริญสมาธิภาวนา เป็นเวลา 99 วินาที และกรวดน้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ก่อนที่ประธานในพิธีนำทุกคนกราบลาพระรัตนตรัย และถวายความเคารพลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นเสร็จพิธี

 ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ได้กำหนดประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งต่อไป ในวันที่ 28 สิงหาคม 2562 ณ วัดทองสว่าง หมู่ที่ 6 บ้านกลาง ตำบลคำพี้ อำเภอนาแก  

จังหวัดนครพนมประกอบพิธีมอบสิ่งของพระราชทานให้กับจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.


วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ที่หอประชุมอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานประกอบพิธีมอบสิ่งของพระราชทานให้กับจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ให้กับประชาชนที่สมัครเข้าเป็นจิตอาสา จำนวน 506 คน โดยก่อนการประกอบพิธีทุกคนจะได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ผ่านการอบรมโครงการจิตอาสา หลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย การปฏิบัติตนในการเป็นจิตอาสา รวมถึงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตเบื้องต้นจากทีมแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลนครพนม

ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดโครงการ หน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อของจิตอาสาและภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์จิตอาสาพระราชทาน เพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ประชาชนทุกคนที่มีจิตอันเป็นกุศลในการทำความดีเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ โดยเมื่อวันที่13 - 25 เมษายน 2562 ศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ได้กำหนดให้จังหวัดรับสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จำนวน 7 กลุ่มงาน ณ สำนักทะเบียนอำเภอทุกแห่ง และได้เปิดรับสมัครจิตอาสาอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 - 20 กรกฎาคม 2562 ณ สำนักทะเบียนอำเภอเมือง โดยในจังหวัดนครพนมนั้นมีประชาชนมาสมัครเป็นจิตอาสา ทั้งสิ้น 506 ราย

และในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชื่อของจิตอาสาและภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์จิตอาสาใหม่ เพื่อทดแทนชื่อของจิตอาสาและภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์จิตอาสาที่ได้พระราชทานไว้แต่เดิม เพื่อเชิญไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับจิตอาสาพระราชทาน โดยทรงพระราชทานชื่อจิตอาสา ว่า “จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.”และให้ใช้ชื่อและภาพการ์ตูนจิตอาสาใหม่ ในกิจกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับจิตอาสาพระราชทาน ทั้งนี้สิ่งของพระราชทานที่มีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์จิตอาสาเดิมยังคงใช้ได้ควบคู่กันไปไม่ได้ยกเลิก จนกว่าสิ่งของพระราชทานฯเดิม จะชำรุดหรือเสื่อมสภาพ ใช้ปฏิบัติภารกิจไม่ได้แล้ว โดยจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ประกอบไปด้วยจิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ และจิตอาสาเฉพาะกิจ มีภารกิจ 2 ประเภท คือ ภารกิจในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ภารกิจด้านการพัฒนาและตามความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนใหญ่ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เกิดความรัก ความสามัคคี ความผูกพันในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน

จ.นครพนม บูรณาการลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยทางสังคมอำเภอธาตุพนม

วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ที่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 3 บ้านตาลกุด ตำบลโพนแพง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนางจันโท สอนรมย์ อายุอายุ 64 ปี ซึ่งอาศัยอยู่กับนายเกรียงไกร สอนรมย์ บุตรชาย และ ด.ช.ดาณุภัทร์ สอนรมย์ หลานชาย ซึ่งเป็นผู้พิการด้านการเคลื่อนไหว ไม่สามารถเดินได้ ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด ตามโครงการนครพนมอุดมสุข ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดนครพนมบูรนาการหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันตรวจสอบ พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของจังหวัดนครพนม ให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น แบ่งเป็นระยะสั้นนั้น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนมมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย จำนวน 3,000 บาท เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมมอบถุงยังชีพจำนวน 2 ถุง และผ้าห่ม 2 ผืน ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลโพนแพง มอบพัดลม 1 ตัว และผ้าห่ม 2 ผืน ขณะที่ในระยะยาวนั้นเนื่องจากบุตรชายมีความสามารถในการประกอบอาชีพช่างไม้ หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จึงได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอธาตุพนม กลุ่มองค์กรและเครือข่าย จัดหาชุดเครื่องมือช่างมามอบให้เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ จำนวน 1 ชุด 

นอกจากนี้กองทุนหมู่บ้านบ้านตาลกุดและเครือข่าย otop อำเภอธาตุพนมได้สนับสนุนเงินทุนในการประกอบอาชีพรวม 2,000 บาทองค์การบริหารส่วนตำบลโพนแพงประสานขอรับความช่วยเหลือจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในการสนับสนุนเลื่อนวงเดือน อีกจำนวน 1 ตัว รวมถึงทางประกันสังคมจังหวัดนครพนมได้ให้นายเกรียงไกรสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 ในส่วนของด.ช.ดาณุภัทร์ นั้น ผู้ว่าราชการได้มอบหมายให้ กศน.อำเภอธาตุพนมเข้ามาดูแลให้การศึกษา ขณะที่ด้านสุขภาพนั้นได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอธาตุพนมเข้ามาดูแลทั้งครอบครัว โดยเฉพาะหลายชายที่ป่วยพิการไม่สามารถเดินได้ ด้วยอยากให้มีน้ำหนักตัวที่ลดลงมากกว่านี้และสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในอนาคต 

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม นำทีมลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในตำบลโพนแพง อำเภอธาตุพนม



วันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม แม้จะมีปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวัน ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครพนม แต่ปริมาณฝนตกสะสมมีปริมาณน้อยกว่าค่าเฉลี่ยมาก ซึ่งจะส่งผลเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในลำน้ำต่างๆ  ดังนั้นทางโครงการชลประทานนครพนม จึงได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและสภาวะฝนทิ้งช่วงในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนมออกมา ด้วยในปี 2562 ปริมาณฝนจะมีค่าน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยปกติประมาณ 5- 10 % และน้อยกว่าปี 2561 ประมาณ 3% ทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำโขง ลำน้ำสงคราม ลำห้วยต่างๆ และอ่างเก็บน้ำบางแห่ง มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย ประกอบกับมีการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเกษตรกรรมช่วงฤดูทำนาปี 2562 เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรในหลายพื้นที่ จึงขอให้พื้นที่เพาะปลูกซึ่งใช้น้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ใช้น้ำที่มีอยู่อย่างระมัดระวัง ประหยัด และเลื่อนการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับปริมาณฝนที่ตกเพื่อลดความเสี่ยงของการปลูกข้าวนาปีจนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ

โดยในโอกาสที่นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ของส่วนราชการต่าง ๆ ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่อำเภอธาตุพนม ก็ได้นำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจและรับทราบถึงปัญหา รวมถึงได้มีการลงพื้นที่บ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลโพนแพง อำเภอธาตุพนม เพื่อติดตามการดำเนินงานและการบริหารจัดการน้ำในห้วยคำไหล เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือหากเกิดเหตุ โดยห้วยคำไหลเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำของอำเภอธาตุพนม ที่ในปี 2562 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 500,000 บาท เพื่อขุดลอกแก้ไขความตื้นเขิน ให้กลายเป็นแหล่งกักเก็บน้ำของชุมชนเช่นดังเดิม ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว และในปัจจุบันการขุดลอกเริ่มได้ผลเพราะเมื่อมีฝนตกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาในพื้นที่ก็มีน้ำกักเก็บเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้แล้ว ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมก็ได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอติดตามสถานการณ์น้ำและภัยแล้งอย่างใกล้ชิด โดยทุกเช้าให้ทุกอำเภอรายงานผ่านระบบวีดีโอคอร์เฟอเรนเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนมเพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ในภาพรวมอีกครั้ง 

นครพนม นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. และหน่วยบำบัดทุกข์ออกให้บริการประชาชน เทิดพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต


วันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโพนแพง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ และเป็นการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต 18 กรกฎาคม และเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีพระหฤทัยแน่วแน่ในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นทุกข์ และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก่อคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ไพศาลต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ ด้านการสาธารณสุข รวมทั้งการศึกษา วรรณคดี การสังคมสงเคราะห์ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ

โดยพระองค์ท่านทรงจัดตั้งมูลนิธิสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2512 และทรงเป็นองค์นายิกากิตติมศักดิ์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อความผาสุกของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ได้รับพระราชทานให้เป็นจังหวัด พอ.สว. ลำดับที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2512  และได้ดำเนินงานเพื่อสร้างเสริมสุขอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่มาจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 50 ปี

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ รวมถึงตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาลและแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบ จากนั้นได้มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำของชุมชน จำนวน 50,000 ตัว มอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 7 ทุน มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กในครอบครัวยากจน จำนวน 50 ราย มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉิน 15 ราย มอบเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก 10 มอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจำนวน 80 ชุด ก่อนที่ทุกคนจะไปใช้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน โรคไต การนวดแผนไทย การถ่ายทอดองค์ความรู้ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การสร้างบ้าน การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การต่อใบขับขี่ การทำประกันภัย การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานจิตอาสา 904 วปร.(กองทัพบก) ลงพื้นตรวจเยี่ยมงานจิตอาสาและภัยแล้งในพื้นที่กองทัพภาค 2 ที่นครพนม


วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม พลโท ธเนศ กาลพฤกษ์ รองเสนาธิการกองทัพบก ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานจิตอาสา 904 วปร.(กองทัพบก) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมงานจิตอาสาและภัยแล้งในพื้นที่ภาค 2 โดยมี พลตรียุทธนา เอี่ยมวิจิตร์ รองแม่ทัพภาค 2/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.ภาค 2 นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในฐานะรองผู้อำนวนการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดนครพนม พลตรี ปราโมทย์ นาคจันทึก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนจิตอาสาร่วมให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน

โดยในช่วงเช้าเป็นการรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานจิตอาสาและสถานการณ์ภัยแล้งรวมถึงการให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ 2 / ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.ภาค 2 และศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดนครพนม ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางจะไปร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ด้วยการทำความสะอาดบริเวณภายในและลานหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  อำเภอธาตุพนม ก่อนที่จะไปร่วมกิจกรรมกำจัดวัชพืชและปลูกต้นไม้ ที่ห้วยเซือม บ้านโพนบก หมู่ที่ 5 ตำบลนาถ่อน อำเภอธาตุพนม และส่งมอบบ่อบาดาลให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ภัยแล้งของมณฑลทหารบกที่ 210

สำหรับศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.ภาค 2 และศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดนครพนม ได้จัดตั้งขึ้นตามผังการจัดพระราชทานที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แนวทางพระราชทานในการดำเนินงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน ภายใต้พระราชปณิธาณ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โดยได้มีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานจิตอาสาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของงาน ตามพระบรมราโชบายอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งการขยายผลสร้างประชาชนจิตอาสาที่น้อมสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ในพื้นที่ การจัดกิจกรรมจิตอาสาร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่และประชาชนจิตอาสา ส่งผลให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันในทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ภัยแล้งในพื้นที่การดูแลของกองทัพภาค 2 นั้น มีหลายจังหวัดได้รับผลกระทบแล้ว โดยทางกองทัพได้มีการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทั้งการแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมกว่า 3,895,000 ลิตร ใน 14 จังหวัด การดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ 337 โครงการ การประสานกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาความเดือดร้อน จำนวน 344 เที่ยว นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า รวมถึงการขยายระยะเวลาในการเพาะปลูกพืชเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสูญเสีย โดยในส่วนของจังหวัดนครพนมนั้นได้มีแจกจ่ายน้ำเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่ อำเภอนาหว้าและอำเภอเมืองห้วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 21 กรกฎาคม 2562  รวม 52,000 ลิตร นอกจากนี้ยังมีโครงการเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งจังหวัด รวม 40 บ่อ

นรข.นครพนม แถลงยึดยาบ้ากว่า 2 หมื่นเม็ด หลังแก๊งค้ายาฉวยโอกาสน้ำลด

วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ที่สถานีเรืออำเภอบ้านแพง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม พลเรือตรี ระพีพงษ์ โสวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม (นรข.) มอบหมายให้ นาวาเอก อภิชาต แก้วดวงเทียน ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม และ นาวาโท สิทธิศักดิ์ สิทธิกุล หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงการณ์ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 20,007 เม็ด หลังสืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ อาศัยช่วงที่น้ำในแม่น้ำโขงลดระดับต่ำ ลักลอบลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม กับอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ

โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้กระจายกำลังตามจุดที่คาดว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา กระทั่งช่วงกลางดึกของวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยลอยเรือกีบเพลายาว ทำเหมือนกำลังกลับจากหาปลาเข้ามาในพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เหนือโรงสูบน้ำบ้านฝอยลม หมู่ที่ 7 ตำบลท่าดอกคำ ตำบลบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ จากนั้นได้โยนวัตถุต้องสงสัย จำนวน 1 ห่อขึ้นมาบนฝั่ง แล้วหันหัวเรือเพื่อจะล่องเรือกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทันที เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่ผู้ต้องสงสัยได้อาศัยความมืดขับเรือหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบห่อวัตถุดังกล่าว พบภายในเป็นยาบ้า จำนวน 20,007 เม็ด จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำของกลางส่ง สภ.เหล่าหลวง เพื่อดำเนินการเร่งสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 
คณะอนุกรรมการผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และ 12 ร่วมหารือเตรียมการประชุมใหญ่ ที่นครพนม
วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ที่โรงแรมไอโฮเทล อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด (ไทย - ลาว – เวียดนาม) ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 8 และ 12 เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 22 ที่มีกำหนดจัดขึ้น ที่จังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

โดยการประชุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมหารือ เพื่อร่างบันทึกการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนมและจังหวัดสกลนครของไทย แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จังหวัดเหงะอานห์ จังหวัดฮาติงห์และจังหวัดกวางบิ่งห์ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่จะร่วมมือกันในอนาคต ประกอบไปด้วย ด้านการศึกษาที่จะมีทั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยน การฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะความรู้ทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาของบุคคลากร อาจารย์ ครูและนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้านวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยว จะมีการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมและกีฬา ให้ได้รู้ถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถานที่และแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด/แขวง เพื่อสร้างการรับรู้และเกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น ด้านการค้าการลงทุนจะร่วมกันส่งเสริม แนะนำ ประชาสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการลงทุน สร้างให้ผู้ประกอบธุรกิจได้เห็นถึงศักยภาพ ผลประโยชน์และโอกาสในการลงทุนของแต่ละจังหวัด/แขวง รวมถึงการพัฒนาการค้าบริเวณด่านชายแดน ที่จะลดขั้นตอนการปฏิบัติงานด้านเอกสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ ยานพาหนะ และสินค้าเข้า/ออก ผ่านระบบกลไกการประสานงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อป้องกันการลักลอบขนส่ง การทุจริตเชิงพานิชย์และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

 ด้านการคมนาคมขนส่ง จะมีการร่วมกันเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของทั้ง 3 ประเทศ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลง การนำเส้นทางหมายเลข 8 และหมายเลข 12 ที่เชื่อมระหว่างประเทศเวียดนามและประเทศลาว บรรจุไว้ในพิธีสารฉบับที่ 1 ของความตกลงระหว่าง 3 ประเทศ ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งคนและสินค้าข้ามพรมแดนในอนุภาคลุ่มน้ำโขง ( GMS-CBTA ) ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสาธารณะและส่วนบุคคลข้ามพรมแดนของแต่ละจังหวัดในอนุภาคลุ่มน้ำโขง และสุดท้ายคือด้านการเกษตร ที่จะมีการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตในภาคการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิต มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน  

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ปภ.นครพนม นำทีมบูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยอำเภอท่าอุเทน


วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้ นายเดชา พลกล้า หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน คณะเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมและส่วนราชการต่าง ๆ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจแก่นางลัดดา ศรีวรสารและครอบครัว ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 9 บ้านดง ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลังบ้านดังกล่าวเกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อเวลา 11.40 น.ของวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายเดชา พลกล้า หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากการสอบถามนางสังกา ศรีวรสาน พี่สาวของเจ้าของบ้านและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านได้เดินทางไปต่างจังหวัด ประกอบกับที่วัดมีงานบุญ ทุกคนจึงได้ไปรวมตัวกันเพื่อช่วยงาน กระทั่งเวลาประมาณ 11.40 น. มีคนสังเกตเห็นว่ามีเปลวเพลิงและกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาผิดสังเกตในหมู่บ้าน จึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นไฟไหม้บ้าน จึงได้แจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลพนอมเพื่อขอรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกว่าเพลิงจะสงบบ้านก็เสียหายทั้งหลังแล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นในวันนี้ทางเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมได้นำเงินมามอบให้เป็นการช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย จำนวน 5,000 บาท เครื่องอุปโภคบริโภคและผ้าห่ม  จำนวน 1 ชุด ขณะที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม กำลังเร่งดำเนินการเพื่อขอเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉินมาให้การช่วยเหลือ และองค์การบริหารส่วนตำบลพนอมกำลังเร่งสำรวจประเมินความเสียหายทั้งหมดเพื่อขอเบิกจ่ายงบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(อัคคีภัย) ออกมาให้การช่วยเหลือ รวมถึงได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและผ้าห่มให้อีก 1 ชุด นอกจากนี้ยังมีการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยไว้ที่ธนาคาร ธกส. ในชื่อนางลัดดา ศรีวรสาร หมายเลขบัญชี 015382657680 อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จิตอาสานครพนม ร่วมใจพัฒนาลำน้ำ ลำคลองเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันที่ 20 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ จังหวัดนครพนม บำเพ็ญประโยชน์พัฒนาลำน้ำ ลำคลอง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2562 ด้วยการร่วมใจกันกำจัดสิ่งกรีดขวางทางน้ำ ผักตบชวา วัชพืช และขุดลอกห้วยฮ่องฮอ ซึ่งเป็นลำน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ตำบลนาคำ อำเภอศรีสงคราม ตำบลเวินพระบาท ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน และตำบลอาจสามารถ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม โดยตลอด 2 ข้างของลำน้ำ มีการใช้ประโยชน์จากลำน้ำ ทั้งเพื่อการอุปโภคและการเกษตร

โดยการพัฒนาลำน้ำ ลำคลองในครั้งนี้ จัดขึ้นที่บริเวณบ้านนาสมดี หมู่ที่ 9 ตำบลอาสามารถ อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งบริเวณดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำที่มีส่วนโค้งของลำห้วยและมีสะพานข้าม ทำให้เป็นเหมือนสถานที่พักของผักตบชวาและวัชพืชนานาที่ไหลมารวมกัน และเกิดการเจริญเติบโตขึ้นมากรีดขวางทางน้ำเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณดังกล่าวยังมีความตื้นเขินของลำน้ำตามกาลเวลา ส่งผลให้ในฤดูน้ำหลากเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป คณะจิตอาสาจึงได้ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

กกล.รส.นครพนม ส่งมอบภารกิจให้ กอ.รมน.จังหวัด หลัง คสช.ยุติบทบาท


วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม พลตรี ปราโมทย์ นาคจันทึก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 ในฐานผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครพนม (กกล.รส.จว.น.พ.) เป็นประธานการส่งมอบภารกิจให้กับ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในฐานผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจังหวัดนครพนม (กอ.รมน.จว.น.พ.) ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้ คสช. จบภารกิจเมื่อคณะณัฐมนตรีที่ตั้งใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ กกล.รส.จว.น.พ. ดำเนินการมาตั้งแต่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยได้มีการกระจายกำลังพลอยู่ในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนมเพื่อดำเนินงานใน 7 ภารกิจ 1 ประการ ประกอบไปด้วย การติดตามกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ การติดตามเฝ้าระวังสื่อโทรทัศน์และสื่อโทรคมนาคมในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การควบคุมระบบคมนาคม การจัดตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ เพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายและสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับประชาชน การควบคุมการเคลื่อนไหว การชุมนุม บังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการบริหารงานแผ่นดิน การปฏิบัติภารกิจด้านกิจการพลเรือนทั้งการพบปะ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ การเสริมสร้างการรับรู้การดำเนินงานของ คสช. และรัฐบาล และร่วมกิจกรรมและให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อน การปลูกจิตสำนึกรักชาติ รักแผ่นดิน และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การออกศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่ให้บริการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ร้องเรียนและตรวจสอบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมาย การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การลักลอบเล่นการพนัน การจัดระเบียบสังคม การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยหลังการส่งมอบภารกิจความรับผิดชอบและเอกสารแล้ว ทางมณฑลทหารบกที่ 210 จะมีการถอนกำลังพลออกจากพื้นที่เพื่อให้ กอ.รมน.จังหวัดนครพนม ดำเนินการต่อ แต่ยังคงให้การสนับสนุนภารกิจเช่นดังเดิมเมื่อมีการร้องขอหรือเมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ

จังหวัดนครพนม สร้างเยาวชนร่วมใจภักดิ์รักในหลวง

วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม  นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการเยาวชนร่วมใจภักดิ์รักในหลวง   ที่จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม 2562 เพื่อเสริมสร้างทัศนคติ ทักษะและประสบการณ์ที่ดีที่ถูกต้องให้กับเยาวชนในพื้นที่ สร้างให้ทุกคนมีจิตสำนึกในความรักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ น้อมนำพระราชปณิธานและพระราชกระแสด้านการศึกษาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มาพัฒนา ปรับปรุงและปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างให้ทุกคนมีพื้นฐานชีวิตที่ความมั่นคง มีจิตอาสา มีคุณธรรม จริยธรรมและเป็นพลเมืองดีของสังคม

โดยตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ตัวแทนเยาวชนในระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม จำนวน 100 คน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ซึ่งจะแบ่งเป็นฐานกิจกรรมความรู้ความเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง ฐานกิจกรรมยึดมั่นในศาสนา ฐานกิจกรรมมั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ ฐานกิจกรรมความเอื้ออาทรต่อครอบครัวและชุมชน ความรู้เรื่องพื้นฐานชีวิตมั่นคง มีคุณธรรมและจริยธรรม ประกอบไปด้วย ฐานกิจกรรมใช้เกมเป็นสื่อ ฐานกิจกรรมแผนที่ชีวิต ฐานกิจกรรมธรรมะเพื่อชีวิต ฐานกิจกรรมส่งเสริมความดี (ชีวิตของใคร) ความรู้เรื่องการเป็นพลเมืองที่ดี รวมถึงความรู้เรื่องตลาดนัดอาชีพ ซึ่งจะมีฐานความรู้พื้นฐานด้านการประกอบอาชีพ ฐานอาชีพอิสระเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และฐานอาชีพในชุมชน/ท้องถิ่น 

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนมจับมือมุกดาหาร ร่วมวางแผนพัฒนาจังหวัดสู่เมืองอัจฉริยะ(Smart City)


วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart city เป็นหนึ่งในโครงการที่ทั่วโลกพยายามพัฒนาเมืองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมืองเพื่อลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรของเมืองและประชากรเป้าหมาย โดยเน้นการออกแบบที่ดีและการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ รวมถึงภาคประชาชนในการพัฒนาเมือง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาให้เมืองน่าอยู่ ทันสมัยและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยในปัจจุบันมีเพียง 10 เมืองใน 7 จังหวัดเท่านั้น ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ

ดังนั้นเพื่อพัฒนาให้จังหวัดนครพนมให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อจัดทำแผนนโยบายและการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับพื้นที่ของจังหวัดนครพนม จึงได้ร่วมกับจังหวัดมุกดาหารที่มีลักษณะทางกายภาพและศิลปวัฒนธรรมหลากหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันร่วมกันศึกษา ระดมความคิดเห็น ร่างรูปแบบผังเมืองและความต้องการให้สอดคล้องกับบริบทของจังหวัด ก่อนที่จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผนแนวทางขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะตามแผนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และพัฒนาความพร้อมของเมืองใน 5 เสาหลัก เริ่มตั้งแต่การกำหนดพื้นที่และเป้าหมายเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน สาธารณูปโภคหรืออื่น ๆ  การสร้างระบบฐานข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ ของเมืองและบุคคล การสร้างระบบบริการเมืองอัจฉริยะที่เกี่ยวกับกิจกรรมหรือโครงการที่เสนอตามประเภทของเมืองอัจฉริยะที่ขอรับการพิจารณา ซึ่งต้องครอบคลุมถึงบริการภาคบังคับในกรณีที่กำหนดและบริการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม และสุดท้ายคือแผนการบริหารโครงการและกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและภาคประชาชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินงาน ซึ่งถ้าจังหวัดนครพนมกลายเป็นเมืองอัจฉริยะ จะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้กับประชากรในพื้นที่ ทั้งระบบคมนาคมขนส่งมวลชน เศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมถึงสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว นำมาซึ่งการขับเคลื่อนสังคมที่เกิดความเท่าเทียมและทุกคนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยื่นโดยพร้อมเพียงกัน  

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ในหลวง ร.10 พระราชทานเทียนพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุพนม


วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ที่บริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและประชาชน ประกอบพิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 นำไปประดิษฐานเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุพนม สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2562 โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก เป็นสถานที่ตั้งองค์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและลุ่มแม่น้ำโขง มีพุทธศาสนิกชนหลากหลายเชื้อชาติให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้บูชามาตลอดระยะหลายพันปี และอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทั้งนี้เทียนพรรษาพระราชทานดังกล่าว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจะใช้จุดบูชาพระรัตนตรัย ตลอดช่วงเวลาที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษา 3 เดือน เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สำหรับวันเข้าพรรษานั้นเกิดขึ้น จากที่ในอดีตชาวบ้านได้ติติงว่า ในช่วงฤดูฝนพระสงฆ์ไปเหยียบต้นกล้า ข้าวและพืชอื่น ๆ เสียหาย พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติพระธรรมวินัยขึ้นมา  เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือนจนกว่าจะผ่านพ้นฤดูฝนไป ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงได้มีการหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาถวายเป็นพระพุทธบูชา ให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จุดเพิ่มแสงสว่าง ในการการศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติกิจวัตรต่าง ๆ ตลอดระยะที่จำพรรษา โดยเชื่อว่าอาณิสงค์ผลบุญจากการถวายเทียนจะช่วยให้ชีวิตสว่างไสว รุ่งเรือง พบเจอแต่สิ่งดี ๆ หากชีวิตมีปัญหาก็จะพบแสงสว่าง สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเครื่องหมายของการส่องสว่างในชีวิตคู่ ส่วนใครที่ไร้คู่ก็จะช่วยส่องทางให้พบคู่ในเร็ววัน โดยการถวายเทียนเข้าพรรษา ได้มีการจัดเป็นพิธีสวยงามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และในสมัยรัตนโกสินทร์การถวายเทียนเข้าพรรษาถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ เป็นประเพณีราชสำนักดังที่ปรากฏในเทียนรุ่งเทียนหลวงตามพระอารามต่าง ๆ แต่ด้วยในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมาก จึงมีการปรับเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟฟ้า ถ่านไฟฉาย เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังคงสืบทอดประเพณีการแห่เทียนพรรษาเช่นดังเดิม นอกจากนี้ยังเป็นอีกห้วงเวลาที่พุทธศาสนิกชน ถือโอกาสร่วมกันบำเพ็ญกุศล ด้วยการเข้าวัด ทำบุญตักบาตร รับฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ปฏิบัติธรรมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจอีกด้วย

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พุทธบริษัทร่วมเวียนเทียนเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาแน่นวัดพระธาตุพนม


วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทย ชาวลาว และนักท่องเที่ยวประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม ปูชนียสถานสำคัญที่ทุกคนให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้มากว่า 2,000 ปี ซึ่งภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี 2562 โดยมีพระศรีวิสุทธิเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม รองเจ้าคณะอำเภอธาตุพนม  เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

การเวียนเทียน ถือเป็นการบูชาพระรัตนตรัยด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา ซึ่งถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชาและวันอาสาฬหบูชา โดยปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก ใช้คำว่าเวียนประทักษิณาวัตร คือ การเวียนขวา 3 รอบ เพื่อเป็นเครื่องหมายการแสดงออกถึงการเคารพบูชาต่อสิ่งนั้น ๆ อย่างสูงสุด โดยก่อนการเวียนเทียนพุทธบริษัท ทั้ง พระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา จะมาพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถหรือลานพระเจดีย์ จากนั้นประธานสงฆ์จุดเทียนและธูป ตามด้วยประธานฝ่ายฆราวาสและผู้ที่มาร่วมประกอบพิธีเวียนเทียน เสร็จแล้วประนมมือ ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินเวียนขวารอบปูชนียสถาน จำนวน 3 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการเจริญภาวนาระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่สองเจริญภาวนาระลึกถึงพระธรรมคุณ และรอบสามเจริญภาวนาระลึกถึงพระสังฆคุณ ซึ่งขณะเวียนเทียนทุกคนจะต้องอยู่ในอาการที่สำรวมทั้ง กาย วาจา และใจ มีสติอยู่กับตัว ไม่พูดคุยและหยอกล้อกันในขณะที่เวียนเทียน เพราะเป็นการไม่เคารพต่อพระรัตนตรัยและสถานที่ ตลอดจนทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญหรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อเวียนครบ 3 รอบ ทุกคนจะนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางและปักบูชาไว้ยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้