วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม
นายสามารถ โรจนวิเชียร พัฒนาการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลต้องการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก
ทำให้ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีงาน มีรายได้ที่มั่นคงและเกิดความยั่งยืนในชุมชน
จึงได้มีนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาภาคการผลิตและบริการให้สามารถแข่งขันทางการตลาดได้
ดังนั้นจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม
จึงได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ
เพื่อพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครพนม
ที่มีความหลากหลายทั้งทางศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่
ให้มีความโดดเด่นตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละชุมชน
และเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทั่วไป จึงได้นำคณะสื่อมวลชน
ตลอดจนนักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษา
มาสัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามท่านกลางวิถีชีวิตของคนในชุมชน
ตามโครงการเที่ยวสนุกสุขโดนใจ ไปแล้วจะรัก OTOP Village @ นครพนม
โดยในวันนี้เป็นการนำเยี่ยมชม 2 หมู่บ้าน
OTOP Village คือบ้านนาโสก หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก
ซึ่งในหมู่บ้านนี้ทุกคนจะได้สัมผัสกับความเป็นกันเองในแบบของชาวภูไทกะเลิง
ที่อาศัยอยู่ในใกล้กับอุทยานภูผายล โดยก่อนเริ่มต้นกิจกรรมทุกคนจะได้ไปกราบไหว้พระศรีอาริยเมตไตรย
และสรีระหลวงปู่สนธิ์ หรือพระคัมภีรญาณ พระเกจิชื่อดังที่มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก
ด้วยท่านมีกิจวัตรที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเมื่อครั้งก่อนมรณภาพที่วัดสันติการาม
จากนั้นทุกคนจะได้ทดลองใช้ชีวิตกับคนในชุมชนด้วยการเที่ยวชมถ้ำ ชมป่าและผาเป้า รวมถึงวิถีหาของกินให้อิ่มท้อง
จากนั้นเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการหาปลาด้วยการยกยอหรือสะดุ้ง
ก่อนที่จะมาเรียนรู้การทำอาหารพื้นถิ่นของผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชน
ไม่ว่าจะเป็น ไข่เค็ม หมูกระจก ที่มีการส่งออกไปจำหน่ายยังที่ต่าง ๆ ด้วยความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่อื่นทั้งรสชาติและความอร่อย
จากนั้นเป็นการเยี่ยมชมชุมชน OTOP
Village บ้านพระกลางใต้ หมู่ที่ 13 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม
โดยในชุมชนนี้ ทุกคนจะได้เรียนรู้และใช้ชีวิตในอีกแบบที่แตกต่างท่ามกลางธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง
กับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและผลิตภัณฑ์เด่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทอผ้า การออกแบบและตัดชุดลายศรีโครตรบูร
ซึ่งเป็นผ้าพื้นถิ่นของจังหวัดนครพนม มีความงดงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยผ้ามีสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับลวดลายสีขาวและมีขลิบขอบด้วยสีแดง
ที่เมื่อตัดเป็นชุดออกมาแล้วใครได้สวมใส่ต้องติดใจอย่างแน่นนอน นอกจากนี้ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำต่างหู
การตัดชุดตุ๊กตา การทำพานบายศรีเพื่อใช้ในการประกอบพิธีบวงสรวงต่าง ๆ การสานนกการเวก
หรือปักษาวายุภักษ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นนกมงคล มีเสียงที่ไพเราะเหมือนเสียงของพระพุทธเจ้า
ก่อนที่ทุกคนจะมาทดลองใช้ชีวิตกับการทำนาบัว และการออกหาปลาแม่น้ำโขงในแบบของคนบ้านพระกลางใต้
ที่เรียกว่า แก่ขาหาผีน้อย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น