วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวบ้านถูกเพลิงไหม้อำเภอเมือง


วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ที่บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 8 บ้านเนินสะอาด ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในฐานะนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม มอบหมายให้คณะเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม องค์การบริหารส่วนตำบลนาราชควาย ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบ เยี่ยมให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือครอบครัวของนายถวัลย์ ศรีพวงสุข หลังบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยจากการสอบถามเจ้าของบ้านและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 7.30 น. บุตรชายของนายถวัลย์ได้เห็นกลุ่มควันลอยออกมาจากหลังคาด้านหลังของตัวบ้าน ที่เป็นบ้านชั้นเดียวและมีการดัดแปลงส่วนหนึ่งของตัวบ้านเป็นร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด จึงได้ตะโกนเรียกคนในครอบครัวให้มาช่วยกันตรวจสอบว่าเกิดจากอะไร แต่เพียงไม่นานก็เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาช่วยดับไฟและขนย้ายสิ่งของออกจากตัวบ้าน ซึ่งกว่าเพลิงจะสงบก็ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง แต่บ้านข้างเคียงที่อยู่ชิดกันไม่เป็นอะไร สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นในวันนี้ทางเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้นำเงินมามอบเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย จำนวน 5,000 บาท รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค และผ้าห่มกันหนาวอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ก็กำลังเร่งเบิกเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉินมาช่วยเหลืออีก จำนวน 2,000 บาท ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ นั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการตั้งจุดอำนวยการและรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในครั้งนี้ และอยู่ระหว่างการเร่งสำรวจความเสียหายของเพื่อขอเบิกจ่ายงบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(อัคคีภัย) ออกมาให้การช่วยเหลือต่อไป

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

รมช.ศธ. ลงพื้นที่นครพนมมอบนโยบาย 6 good สร้างการศึกษายุค 4.0


วันที่ 30 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณหอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นางกนกวรรณ วิถาวัถย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะลงพื้นที่เยี่ยมสถานศึกษาและมอบนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ประชาชนและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครพนมร่วมให้การต้อนรับและรับฟัง

นางกนกวรรณ วิถาวัถย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า งานในกำกับดูแลมีด้วยกัน 3 ส่วน ประกอบไปด้วย งานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) งานของสำนักส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และงานของสำนักกิจการลูกเสือ โดยในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาพบปะพูดคุยกับทุกคน ซึ่งตนเองและคณะทำงานพร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาต่าง ๆ ของพื้นที่เสมอ โดยจะมีการนำข้อมูลที่ได้ไปปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาให้การศึกษาไทยมีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น รองรับกับการเข้าสู่สังคมโลกปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล  ซึ่งเป็นโลกแห่งการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และแวดวงการศึกษาทั่วโลกกำลังปรับตัวเพื่อก้าวข้ามการสอนในรูปแบบเดิมๆ  เป็นการสอนเชิงสร้างสรรค์ที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม การสื่อสารและสื่อสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อให้การเรียนการสอนสามารถเข้าถึงได้ทุกทีทุกเวลา โดยปัจจุบันได้ให้ กศน.และ สช. ไปคิดพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการเรียนวิชาพื้นฐาน สามัญ และสายอาชีพระยะสั้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อมาตอบโจทย์ในส่วนนี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสและสร้างความเสมอภาคทางการเรียนให้กับประชาชนทุกเพศและทุกกลุ่มวัย นอกจากนี้ก็ยังเตรียมยกระดับการปฏิบัติงานของ กศน. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็น กศน. มิติใหม่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ผ่านใต้ขับเคลื่อน 6 good ที่ประกอบไปด้วย good learning center คือเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย good teacher คือครู กศน. ทุกคน สามารถจัดกิจกรรมกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาด้วย good place คือสภาพแวดล้อม สถานที่เรียนต้องมีความสะอาด สวยงาม ทันสมัยเอื้อต่อการเรียน good activities digital platform คือมีกิจกรรมที่ยืดหยุ่น หลากหลาย น่าสนใจ สร้างให้ทุกคนอยากมาเรียนรู้ good partner ship คือมีภาคีเครือข่ายที่ดีสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเข้มแข็ง และ good innovation คือการจัดการความรู้ นวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ ที่ทันสมัยเพื่อเอื้อให้ทุกเพศวัยเข้าถึงการเรียนด้วยความสะดวกสบาย ขณะที่งานของกิจการลูกเสือในพื้นที่จังหวัดนครพนมนั้น ก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณเข้ามาดูแลและพัฒนาค่ายลูกเสือภูเขาทอง จำนวน 2,740,000 กว่าบาท เพื่อให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นค่ายลูกเสืออาเซียน ที่พร้อมรองรับลูกเสือจากที่อื่น ๆ มาฝึกทักษะและพัฒนาประสบการณ์ชีวิต

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ปภ.นครพนม นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือบ้านถูกเพลิงไหม้อำเภอธาตุพนม


วันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่บ้าน 166 หมู่ที่ 8  ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้ นายเดชา พลกล้า ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องและเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่ตรวจสอบ เยี่ยมให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือครอบครัวนายวิเศษ คะโต หลังบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง เมื่อช่วยเย็นของวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา

นายเดชา พลกล้า ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่จังหวัดได้รับรายงาน จากอำเภอธาตุพนมว่าได้มีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนของประชาชน เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งหลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้มอบให้ตนเองและคณะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการด่วน ทั้งยังเป็นการให้กำลังใจครอบครัวที่ประสบภัยในครั้งนี้ด้วย ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของบ้านและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้านเพราะต้องพาภรรยาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล สาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากปลั๊กไฟปั้มน้ำที่เจ้าของบ้านเสียบเอาไว้หลวม เกิดเป็นความร้อนและลัดวงจร กลายเป็นเพลิงลุกไหม้ทำให้บ้านเสียหายทั้งหลังรวมถึงด้านข้างที่ต่อเป็นยื่นออกไปทำเป็นสถานที่ซ่อมเครื่องจักรกล แม้เพื่อนบ้านและทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเข้ามาระงับเหตุตั้งแต่เริ่มต้นแต่กว่าเพลิงจะสงบลงก็ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่ในการเข้าระงับเหตุแคบ รถดับเพลิงสามารถเข้าพื้นที่ได้ที่ละ 1 คัน สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นในวันนี้ทางเหล่ากาชาดได้นำเงินมาช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย จำนวน 5,000 บาท รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค และผ้าห่มกันหนาวอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ก็เร่งเบิกเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉินมาช่วยเหลืออีกจำนวน 2,000 บาท ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ นั้น ได้มีการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อขอเบิกจ่ายงบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(อัคคีภัย) ออกมาให้การช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี


วันนี้ 28 ตุลาคม 2562 ที่วัดธาตุประสิทธิ์ หมู่ที่ 4 บ้านนาหว้า ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และพสกนิกรจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี  เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีพระมหาสมัคร วรปุณโณ เจ้าคณะอำเภอนาหว้า เจ้าอาวาสวัดธาตุประสิทธิ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยในเวลา 17:00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และเปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าบรมพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   จากนั้นทุกคนร่วมกันอาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์นำผู้ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทุกคนร่วมกันเจริญสมาธิภาวนา เป็นเวลา 99 วินาที และกรวดน้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ก่อนที่ประธานในพิธีนำทุกคนกราบลาพระรัตนตรัย และถวายความเคารพลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นเสร็จพิธี
ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ได้กำหนดประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งต่อไป ในวันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม

ขบวนธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขง เดินทางมาศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อเชื่อมสัมพันธ์พุทธศาสนาที่นครพนม

วันที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม คณะธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขง ซึ่งประกอบไปด้วย คณะสงฆ์ พุทธศาสนิกชน และสื่อมวลชนของประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ เดินทางมาศึกษาพระธรรมเทศนาและร่วมกันปฏิบัติธรรม เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีในดินแดนแห่งพุทธรรมพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ที่บริเวณวัดมหาธาตุ เทศบาลเมืองนครพนม และวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

โดยโครงการธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขง นี้เกิดขึ้นเนื่องจากดำริของพระอาจารย์มหาผ่อง ปิยะทีโร (สะมาเลิก) ประธานศูนย์กลางการพระพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (อพส) (พระสังฆราชลาวรูปที่ 4) ที่ได้บอกกล่าวกับพุทธศาสนิกชนที่นับถือในการรวบรวมแผ่นดินพุทธธรรมลุ่มน้ำโขงให้เป็นหนึ่งเดียว โดยใช้หลักการที่ว่าเราทุกคนนับถือพระพุทธศาสนาและพระศาสดาองค์เดียวกัน นับตั้งแต่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งพระธรรมทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในดินแดนลุ่มน้ำโขง โดยการหมุนวงล้อธรรมในนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว เริ่มจากอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือของลุ่มน้ำโขง ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งอดีตคือเมืองโยนกนคร มีพื้นที่ครอบคลุมภาคเหนือของประเทศไทย รัฐฉาน เชียงตุงของเมียนมาร์  สิบสองปันนา เชียงรุ้งในประเทศจีน และยังรวมถึงภาคเหนือของ สปป. ลาวทั้งหมด และเคลื่อนกองทัพธรรมเชื่อมโยงลงมายังจังหวัดสกลนครที่มีพระธาตุเชิงชุม ที่พุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบไหว้อยู่เสมอ และในวันนี้เคลื่อนมายังจังหวัดนครพนมที่เป็นพื้นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในภาคอีสานของประเทศไทย มีศาสนสถานที่สำคัญให้พุทธศาสนิกชนได้มาศึกษา เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นที่วัดมหาธาตุ ที่มีพระธาตุนครประดิษฐานตั้งเด่นเป็นสง่าด้วยลวดลายที่วิจิตรบรรจงตระการตา มีขนาดกว้างด้านละ 4.85 เมตร และสูงประมาณ 24 เมตร ซึ่งภายในองค์พระธาตุนครจะบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ ที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ถวายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดพระธาตุพนม ที่พุทธศาสนิกชนหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา ให้ความเคารพศรัทธากราบไหว้มากว่า 2500 ปี ความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและลุ่มแม่น้ำโขง ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพระอินทร์ที่ใช้ในการประกอบพิธีจัดทำน้ำอภิเษกของพระมหากษัตริย์ในทุกรัชกาล มีหอกระติบหรือที่พักของพระอรหันต์รูปต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันพัฒนาเป็นเสนาสนะ เช่น หอพระนอน (พระปางไสยาสน์) ศาลาเจติยาภิรัตน์ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์รัตนโมลีศรีโคตรบูร ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุที่บรรพบุรุษแถบนี้ใช้ในการครองชีพและประกอบพิธีทางศาสนารวมถึงเป็นที่ประดิษฐานพระเก่าแก่โบราณตั้งแต่สมัยศรีโคตรบูร เป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ วัตถุมงคล และเอกสารที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจัดทำขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาศึกษาและเรียนรู้ โดยโครงการธรรมยาตรา 5 แผ่นดินลุ่มน้ำโขงนี้จะไปปิดโครงการที่ปราสาทนครวัด ราชอาณาจักรกัมพูชา

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม นำทีมบูรณาการลงพื้นที่ช่วยเหลือ 2 พี่น้องพิการอำเภอนาแก


วันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่บ้านเลขที่ 28 บ้านแสงสว่าง หมู่ที่ 5 ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางสังคม คือ นายพ่าย วงค์ตาคำ อายุ 61 ปี และนายสมชัย วงศ์ตาคำ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกันและป่วยพิการ โดยคนหนึ่งป่วยพิการทางการได้ยิน และอีกคนป่วยเป็นโรคหนังแข็ง ตามโครงการนครพนมอุดมสุข ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดนครพนมบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันตรวจสอบ พิจารณา ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของจังหวัดนครพนม ให้มีขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข


โดยผู้ประสบภัยทางสังคมทั้ง 2 รายที่ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ มีรายได้ในการเลี้ยงชีพทั้งหมดมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพคนพิการและการรับจ้างทั่วไปตามหมู่บ้านเท่านั้น ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก เนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอทั้งบ้านที่อยู่อาศัยมีความทรุดโทรมตามกาลเวลา ดังนั้นหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้มีการบูรณาการให้ความช่วยเหลือด้วยการร่วมกันซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ใหม่ ทั้งมีการต่อเติมหลังคาบ้านเพื่อขยายเป็นร้านซ่อมจักรยาน เพื่อให้ทั้งคู่ได้มีอาชีพและรายได้ที่แน่นอนไว้เลี้ยงตนเองเนื่องจากทั้งคู่มีความชำนาญในการซ่อมจักรยาน รวมถึงมีการจัดหาทุนเบื้องต้นในการประกอบอาชีพให้จำนวน 3,000 บาท หาเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมจักรยานให้ เช่น ปั๊มลม ประแจ เหล็กงัดยาง ยางรถจักรยาน และเพื่อให้ทั้ง 2 คนมีแหล่งอาหารที่มั่นคงไว้รับประทาน ก็ได้มอบเม็ดพันธุ์พืชผักสวนครัวให้ใช้ในการเพาะปลูกไว้รับประทาน มอบไก่พันธุ์ไข่และหัวอาหารให้เลี้ยงเพื่อนำไข่มารับประทาน นอกจากนี้ยังมีการจัดหาเครื่องอุปโภค บริโภคที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็น มุ้ง เสื้อผ้า ตู้กับข้าวและเครื่องครัวมามอบให้ ขณะที่ด้านสุขภาพผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับ อสม. ในพื้นที่เข้ามาดูแล ตรวจสุขภาพ ให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ เพื่อทำให้ทั้งคู่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผ้าพระกฐิน ถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร


วันที่ 27 ตุลาคม 2562 เวลา 9.30 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส ประจำปี 2562 เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง ตลอดจนเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามของไทย ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธีนำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตลอดจนนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวร่วมประกอบพิธี

โดยวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ปัจจุบันมีพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นเจ้าอาวาส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป้นที่ตั้งองค์พระธาตุพนมสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ ให้พุทธศาสนิกชนหลากหลายเชื้อชาติได้เดินทางมากราบไหว้บูชา มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งยังมีบ่อน้ำพระอินทร์ที่ใช้ในการประกอบพิธีจัดทำน้ำอภิเษกของกษัตริย์ในทุกรัชกาล มีหอกระติบหรือที่พักของพระอรหันต์รูปต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันพัฒนาเป็นเสนาสนะ เช่น หอพระนอน (พระปางไสยาสน์) ศาลาเจติยาภิรัตน์ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์รัตนโมลีศรีโคตรบูร ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุที่บรรพบุรุษแถบนี้ใช้ในการครองชีพและประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงเป็นที่ประดิษฐานพระเก่าแก่โบราณตั้งแต่สมัยศรีโคตรบูร เป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุจากองค์พระธาตุองค์เดิม เป็นแหล่งรวบรวมวัตถุมงคล และเอกสารที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจัดทำขึ้น มีวิหารหอพระ เสาอินทขีล และตัวมอมที่เป็นปรัชญาสอนบุคคล

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม นำหน่วยเคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนตำบลพิมาน อำเภอนาแก


วันที่ 25 ตุลาคม 2562 ที่โรงเรียนธารน้ำใจ หมู่ที่ 7 บ้านสุขเกษม ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการประชาชนแบบครบวงจรในจุดเดียว เพิ่มการเข้าถึงหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การร่วมกันกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ และการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาลและแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ ตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัยรวมถึงรวบรวมข้อมูลปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้จากการออกหน่วยเคลื่อนที่ในครั้งนี้ กลับมาประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งหาทางให้ความช่วยเหลือต่อไป จากนั้นได้มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำของชุมชน จำนวน 50,000 ตัว มอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 7 ทุน และมอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม จำนวน 110 ชุด
ก่อนที่ทุกคนจะไปใช้บริการหน่วยเคลื่อนที่ของหน่วยหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การถ่ายทอดองค์ความรู้ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การสร้างบ้าน การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การทำประกันภัย การกู้ยืมเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกับโครงการยกระดับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบโดย ธกส. การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562

พสกนิกรจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีจุดเทียนน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5


วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรจังหวัดนครพนมร่วมประกอบพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นอเนกอนันต์เพื่อให้พสกนิกรชาวไทย

โดยในเวลา 19.20 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมประธานในพิธี ได้นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าถวายบังคมเบื้องพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากนั้นกล่าวคำน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต ใจความว่า พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่มาชุมนุมพร้อมเพรียงกัน ณ ที่แห่งนี้ ต่างน้อมจิตรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ถวายเป็นราชสักการะกตัญญุตาบูชาแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ และทรงปกครองพระราชอาณาจักรให้มีความมั่นคงและร่มเย็นเป็นสุข ทรงพระราชอุตสาหะเสด็จประพาสต้น เพื่อสดับตรับฟังทุกข์สุขของปวงพสกนิกรในท้องถิ่นต่าง ๆ พระองค์มีพระราชดำริพัฒนาชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทรงนำวิทยาการที่ได้จากการเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนต่างประเทศ มาวางรากฐานการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูประบบการเงินการคลัง การศึกษา การสาธารณูปโภค ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกลทำให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าทันสมัย ทรงยกเลิกระบบทาส ระบบไพร่ และทรงนำศาสตร์การปกครองของไทยและชาติสากล มาผนวกใช้ในการปกครองพระราชอาณาจักร นำพาชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นภัย ดำรงอธิปไตย และความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองพัฒนาไพบูลย์สืบเนื่องมาจนกาลปัจจุบัน พระปรีชาสามารถและพระเกียรติยศเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น พสกนิกรชาวไทยทั้งหลายจึงต่างน้อมรำลึกเทิดพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ถวายพระราชสมัญญาแด่พระองค์ว่า “พระปิยมหาราช” และเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ที่ชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ และสถานที่ต่าง ๆ จึงได้พร้อมใจกันจุดเทียนและยืนสงบนิ่ง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของปวงประชาราษฎร และเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย และจักจดจารึกพระเกียรติคุณและคุณูปการอันใหญ่หลวงของพระองค์ไว้ในดวงใจตราบนิจนิรันดร์

ตร.นครพนม เปิดตัวสนามฟุตบอลแห่งใหม่ พร้อมโชว์ศักยภาพกำลังพลกับยุทธวิธีการช่วยตัวประกัน


 วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณด้านข้างแฟลตตำรวจบ้านน้อยหนองเค็ม เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่ทราบข่าวว่าตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมจะมีการเปิดตัวสนามกีฬาแห่งใหม่ พร้อมกับการปิดการแข่งขันกีฬาตำรวจสัมพันธ์ ประจำปี 2562 โดยไฮไลต์ของงานนอกจากทุกคนจะได้เห็นสนามกีฬาฟุตบอลที่ได้มาตรฐานที่พร้อมให้ทุกคนได้มาออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจและร่วมทำกิจกรรมแล้ว ยังได้ชมโชว์การฝึกยุทธวิธีการช่วยตัวประกันของกำลังพลตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมด้วย

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นในเวลา 14.30 น. โดยมีพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 เป็นประธานนำเปิดสนามฟุตบอลตำรวจนครพนม ที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจกันของส่วนราชการต่าง ๆ  ห้างร้าน พ่อค้า และประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ด้วยทุกคนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการออกกำลังกาย และเห็นถึงความมุมานะบากบั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนของข้าราชการตำรวจ

จากนั้นเป็นการจัดแสดงโชว์ยุทธวิธีการช่วยเหลือตัวประกันของกำลังพลตำรวจ ที่มีการจำลองสถานการณ์เริ่มจาก มีผู้ก่อการร้ายจับตัวประกันไปและมีประชาชนแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือเข้ามา จากนั้นตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมจึงได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ โดยในขั้นตอนนี้ทุกคนจะได้เห็นยุทธวิธีการเข้าระงับเหตุ การเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่รถจักยานยนต์ไปพร้อมกับการเข้าปะทะผู้ร้าย และเมื่อเหตุมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นก็จะมีควบคุมสถานการณ์พร้อมกับการขอกำลังสนับสนุน ซึ่งในขั้นตอนนี้ทุกคนจะเห็นการฝึกยุทธวิธีในการโรยตัวจากที่สูงลงมาเพื่อระงับเหตุ ซึ่งจะมีทั้งการโรยตัวจากตึกสูง 4 ชั้น และการโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่ทุกหน่วยจะบูรณาการร่วมกันเข้าช่วยตัวประกันออกมา พร้อมกับการเปิดตัวถ้วยรางวัลการแข่งขันกีฬาตำรวจสัมพันธ์ ประจำปี 2562 และเข้าสู่การแข่งขันระหว่างทีมรวมดารา VIP ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และพ่อค้าประชาชน กับทีมตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และตามด้วยการแข่งขันคู่อื่น ๆ

จิตอาสานครพนม พร้อมใจบำเพ็ญประโยชน์พื้นที่โดยรอบศาลากลางจังหวัดถวายเป็นพระราชกุศล แด่รัชกาลที่ 5


 วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. จังหวัดนครพนม ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ทำความสะอาดและปรับแต่ภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบศาลากลางจังหวัดนครพนมให้มีความสะอาด สวยงามเช่นดังเดิม หลังในช่วงระหว่างวันที่ 6-14 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาจังหวัดนครพนม ได้มีการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนได้ใช้ในการทำกิจกรรมของงาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นอเนกอนันต์เพื่อให้พสกนิกรชาวไทย เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

โดยกิจกรรมในครั้งนี้จังหวัดนครพนมได้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็นส่วน ๆ พื้นให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งการตัดตกแต่งกิ่งไม้ ตัดหญ้า การเก็บขยะและทำความสะอาดบริเวณรอบตัวอาคารและสนามกีฬาหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม การทำความสะอาดพื้นที่รอบนอกศาลากลางจังหวัดนครพนมที่มีลักษณะเป็นคลองล้อมรอบ ทั้งนี้ในเวลา 18.30 น. ทุกคนจะพร้อมใจกันประกอบพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

พสกนิกรจังหวัดนครพนม พร้อมใจประกอบพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่รัชกาลที่ 5


    วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณวัดมหาธาตุ ถนนสุนทรวิจิตร อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำหัวหน้าส่วนราชการ ตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ จำนวน 57 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นอเนกอนันต์เพื่อให้พสกนิกรชาวไทย

จากนั้นในเวลา 8.00 น. ทุกคนได้พร้อมกันที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อประกอบพิธีวางพวงมาลาและพิธีถวายบังคมเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี โดยในเวลา 10.00 น. ทุกคนจะพร้อมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วยการทำความสะอาดบริเวณโดยรอบศาลากลางจังหวัดนครพนมหลังก่อนหน้านี้มีการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 เพื่อให้มีความสวยงามเช่นดังเดิม ขณะที่เวลา 18.30 น. ทุกคนจะได้พร้อมกันประกอบพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีกครั้ง

ทั้งนี้ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างมากมาย ยังความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญครั้งยิ่งใหญ่ เป็นการปฏิรูปประเทศไทยคือการเลิกทาสอย่างค่อยเป็นค่อยไปปราศจากการเสียเลือดเนื้อหรือการต่อต้านที่รุนแรง โดยอาศัยมาตรการทางกฎหมาย ซึ่งใช้เวลา 30 ปีเศษทาสในประเทศไทยก็หมดไป นอกจากนี้ยังมีการปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย ปฏิรูประบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การไฟฟ้า การประปา ไปรษณีย์ โทรคมนาคม และการสาธารณสุข

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562

นครพนม จัดกิจกรรมตรวจวัดสายตาฟรีให้ประชาชน ถวายเป็นพระราชกุศล ร.9


วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการโลกสวย ตาใส ประชาชนไทย ไร้ต้อกระจก ซึ่งเป็นโครงการที่อำเภอเมืองนครพนม  ร่วมกับคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง อำเภอเมืองนครพนม สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองนครพนม และหน่วยบริการคัดกรองผู้ป่วยทางสายตาเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลศุภมิตร จังหวัดสุพรรณบุรี จัดขึ้นเพื่อตรวจคัดกรองผู้ป่วยทางด้านสายตาแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน และทำเอกสารสัญญาต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย ซึ่งสมาชิกของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอำเภอเมืองนครพนม ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนไปจนถึงวัยผู้สูงอายุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกทุกคน หน่วยงานต่าง ๆ จึงได้มีการประสานงานจนเกิดเป็นโครงการโลกสวย ตาใส ประชาชนไทย ไร้ต้อกระจก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงต้นแบบ และมีโครงการในพระราชดำริ พระราชดำรัสอย่างมากมายเพื่อพสกนิกรชาวไทยและประเทศชาติ โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการนำทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตลอดจนเครื่องมือและอุกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยทางด้านสายตาแบบถึงที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ รวมถึงยังมีการให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ วิธีการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพดวงตาของแต่ละคนให้มีสมรรถนะที่ดีอยู่เสมอ โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีขึ้น 2 วัน คือ วันที่ 22 และ 23 ตุลาคม 2562 ระหว่างเวลา 9.00 -12.00 น. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการตรวจคัดกรองมีประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนผู้ป่วยที่มีการตรวจพบว่าสายตามีปัญหา จะมีการส่งต่อยังโรงพยาบาลเฉพาะทางและโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอน และตามสิทธิ์ของแต่ละคนที่มี

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กาชาดนครพนมส่งมอบรางวัลแก่ผู้โชคดี กับกิจกรรมสลากกาชาดในงานประเพณีไหลเรือไฟ 2562


วันที่ 21 ตุลาคม 2562 ที่หน้าสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการส่งมอบรางวัลสลากกาชาดการกุศลแก่ผู้โชคดีที่เดินทางมารับรางวัล หลังเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้มีการจัดจำหน่ายสลากกาชาดในงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 เพื่อหารายได้มาสนับสนุนงานกาชาดในการนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ ตามภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ที่เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรมและมีฐานะเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย และได้ทำการหมุนวงล้อออกสลากรางวัลกาชาดในวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยผู้ที่ได้รับรางวัลใหญ่ เป็นรถยนต์กระบะ Toyota REVO DOUBLE CAB 4 ประตู ยกสูง ราคาปกติ 790,000 บาท คือนางพรทิพย์ หลวงชัย อายุ 46 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 3 บ้านโคกกุง ตำบลโพธิ์ตาก อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมีงานไหลเรือไฟและงานกาชาดตนเองและสามีฝันติดต่อกัน 2 วันว่ามีมหาดเล็กนำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมที่บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ต่างก็คิดว่าน่าจะถูกหวยมากกว่าเพราะซื้อเป็นประจำอยู่แล้ว โดยวันที่มาดูการแสดงหมอลำตนเองได้แวะซุ้มกิจกรรมกาชาด เพื่อซื้อสลากกาชาดเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยครั้งนี้คิดว่าเลข 9 เป็นเลขมงคลที่จะนำโชคมาให้ จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่จำหน่ายสลากไป ปรากฎว่ามีเหลืออยู่เพียงใบเดียวเพราะสลากใกล้หมดแล้วจึงได้ตกลงซื้อร่วมกับใบอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 4 ใบ เป็นเงิน 200 บาท จากนั้นก็ไปนั่งชมการแสดงหมอลำตามปกติ กระทั่งมีการออกออกสลากก็ไม่สนใจอะไร จนคืนวันที่ 15 ตุลาคมหลังเก็บแผงผลไม้ที่ตนเองจำหน่ายเสร็จ ก็นั่งพูดคุยกับกลุ่มแม่ค้าด้วยกันว่าเลขสลากกาชาดออกอะไร พอรู้ว่าออก 42609 ก็เลยหยิบสลากจากกระเป๋ามาตรวจเพราะจำได้ว่ามี 1 ใบที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ซึ่งปรากฏว่าตรงกัน ยังคิดว่าตนเองตาฝาด จึงให้เพื่อนแม่ค้าด้วยกันตรวจเช็คอีกครั้ง ทุกคนต่างก็ยืนยันว่าเป็นสลากที่ถูกรางวัลจริงและร่วมแสดงความยินดีด้วย ก็ขอขอบคุณทางกาชาดและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำให้ตนเองและครอบครัวได้รับโชคใหญ่ในครั้งนี้

ด้านนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย และขอบพระคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมด้วยดีเสมอมา ซึ่งภาพรวมของกิจกรรมในครั้งนี้ทางเหรัญญิกกำลังรวบรวมคำนวณรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อสรุปภาพรวมทั้งหมดอยู่ เบื้องต้นจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ มาตลอดระยะเวลา 9 วัน สามารถจำหน่ายสลากกาชาดได้ 3,500,000 บาท ฉลากมัจฉากาชาดอีกประมาณ 1,500,000 บาท ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินงานเป็นไปด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ ขอให้มารับรางวัลที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ภายใน 14 พฤศจิกายน 2562 ด้วย เพราะถ้าครบกำหนดสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจะถือว่าท่านสละสิทธิ์การรับรางวัลในครั้งนี้

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ศิษยานุศิษย์แห่อาลัย ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สอ พระเกจิ 6 แผ่นดิน แน่นบริเวณงาน


 วันที่ 19 ตุลาคม 2562 ที่เมรุชั่วคราวโรงเรียนไตรราษฎร์วิทยาคาร บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานพระราชทานเพลิงศพพระครูปลัดสอ ขันติโก หรือ หลวงปู่สอ พระเกจิชื่อดัง 6 แผ่นดิน อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี วัย 114 ปี 94 พรรษา บรรยากาศเป็นไปด้วยความอาลัยของศิษยานุศิษย์พระครูปลัดสอ ขันติโก จากทั่วสารทิศที่เดินทางมาร่วมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระเทพวิสุทธิโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ภายหลังประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์อาราธนาศีล พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูปสวดเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเครื่องไทยธรรม พระเทพวิสุทธิโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 10 ประธานฝ่ายสงฆ์  แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์  พระสงฆ์ทั้งหมดสวดมติกาบังสุกุล ถวายเครื่องไทยธรรม จึงมีพิธีทอดผ้าบังสุกุล จากนั้น ว่าที่ ร..ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน เชิญกล่องเพลิงขึ้นสู่เมรุชั่วคราว และวางไว้ด้านศีรษะศพพระครูปลัดสอ ขันติโก จากนั้นนายณัฐสิทธิ์ วงค์ตลาด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม อ่านหมายรับสั่งจากสำนักพระราชวัง และนายวิรพ จันทฤทธิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมอ่านประวัติหลวงปู่สอ และทุกคนยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที กระทั่งเวลา 16.00 . นายสยาม ศิริมงคล ประธานฝ่ายฆราวาสขึ้นทอดผ้าบังสุกุล และพระเทพวิสุทธิโมลี ประธานฝ่ายสงฆ์ พิจารณาผ้าบังสุกุล ประธานฝ่ายฆราวาสประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ (เผาหลอก) จากนั้นพระสงฆ์ ข้าราชการและผู้ร่วมพิธีทั้งหมดขึ้นวางดอกไม้จันทน์ เป็นเสร็จพิธี ทั้งนี้ในเวลา 20.00 .จะเป็นการประกอบพิธีเผาจริง

 โดยหลวงปู่สอนั้น มีนามเดิมว่า สอ แก้วดวงดี เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ..2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 6 คน เมื่อแรกเกิดมารดาหลวงปู่บอกว่า บุตรชายมีสายรกพันคอจะได้บวชในบวรพระพุทธศาสนา ซึ่งชีวิตในวัยเด็กนั้นท่านมีนิสัยที่เรียบง่าย ชอบเข้าวัดฟังธรรม บุพการีจึงได้พาเข้ากราบหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน พระเกจิผู้สร้างวัดพระธาตุท่าอุเทน วัดพระบาทโพนฉัน ใน สปป.ลาว กระทั่งอายุ 20 ปีจึงได้อุปสมบท โดยมีหลวงปู่สีทัตถิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนจะติดตามพระอาจารย์เดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ หลายจังหวัดในภาคอีสานและฝั่งลาว กระทั่งพระอาจารย์ละสังขาร จึงกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ที่ 10 ตำบลรามราช  กระทั่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาหลวงปู่ได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ สิริอายุรวม 114 ปี  94 พรรษา และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ท่ามกลางความอาลัยของชาวลูกศิษย์ลูกหาทั่วสารทิศที่เคารพศรัทธา โดยในเวลา 06.00 . วันที่ 20 ตุลาคม 2562 จะมีพิธีเก็บอัฐิและนำอังคารส่วนหนึ่งไปลอยกลางแม่น้ำโขง ที่บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวไทย-ลาว ถนนสุนทรวิจิตร อำเภอเมือง
ซึ่งระหว่างที่ลูกศิษย์ทยอยเดินขึ้นไปเคารพศพและวางดอกไม้จันทน์ไว้อาลัยพระเกจิชื่อดัง 6 แผ่นดิน ได้มีเหตุการณ์ประหลาด คือมีตั๊กแตน 1 ตัวบินมาเกาะอยู่ที่โมบายด้านข้างเมรุชั่วคราวตลอดเวลาไม่เคลื่อนย้ายไปไหนแม้ผู้คนจะเดินผ่านไปมาตั้งแต่เริ่มพิธีพระราชทานเพลิงศพกระทั่งทุกคนวางดอกไม้จันทน์เสร็จจึงบินหายไป รวมถึงจักจั่นบนต้นกาสะลองขนาดใหญ่ที่อยู่ในโรงเรียนต่างส่งเสียงร้องระงมนานกว่า 15 นาที คล้ายเป็นการร่วมส่งสการหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย 

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จิตอาสาฯ 904 วปร.นครพนม ร่วมบำเพ็ญประโยชน์ทำนุบำรุงพระศาสนา บูรณะวัดพระธาตุโพนสวรรค์


วันที่ 18 ตุลาคม 2562  ที่อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. รวม 720 คน ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุโพนสวรรค์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยการทาสีรอบองค์พระธาตุ ปรับแต่งภูมิทัศน์ให้มีความสวยงาม ทำความสะอาดห้องน้ำและพื้นที่โดยรอบวัด รวมถึงการซ่อมแซมทางเดินวัด

โดยวัดพระธาตุโพนสวรรค์ ตั้งอยู่ที่หมู่ 11 บ้านโพนสวรรค์ อำเภอโพนสวรรค์ มีองค์พระธาตุโพนสวรรค์ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ผู้ที่ผ่านไปมา ได้กราบไหว้บูชาตามความศรัทธาและความผูกพันที่มีต่อพระพุทธศาสนา โดยพระธาตุโพนสวรรค์ถูกสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาที่ชาวโพนสวรรค์และพุทธศาสนิกชนทั้งในจังหวัดนครพนมและจังหวัดข้างเคียง ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์เป็นกฐินสามัคคีทอดถวาย มีแบบแปลนโครงสร้างเป็นศิลปะอีสานที่สื่อความหมายตามชื่ออำเภอ คือคำว่า โพนและคำว่าสวรรค์ ซึ่งเมื่อนำมารวมกันหมายถึงที่ราบสูงที่เป็นที่อยู่ของเทวดา โดยส่วนยอดได้นำแบบมาจากพระธาตุพนม ส่วนด้านล่างฐานมีการยกพื้นสูงเพื่อให้องค์พระธาตุลอยเด่นสวยงาม และมีลวดลายพุทธประวัติอยู่รอบองค์พระธาตุ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาให้ผู้ที่มากราบไหว้ได้เรียนรู้และศึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562

สสจ.นครพนม เปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์เสริมศักยภาพงานป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น


วันที่ 17 ตุลาคม 2562  ที่หอประชุมมรุกขนคร โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมภาคีเครือข่ายวัยรุ่นนครพนมร่วมใจ หยุดท้องก่อนวัยอันควร" (LOVE YES SEX ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนมตลอดจนภาคีเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นของจังหวัดนครพนม ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของชาติ เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการดำรงชีวิตในสังคมที่เปลี่ยนจากครอบครัวขยายกลายเป็นครอบครัวเดี่ยว สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปทำให้พ่อแม่ต้องออกไปประกอบอาชีพนอกบ้านส่งผลให้สภาพครอบครัวขาดความอบอุ่น วัยรุ่นในครอบครัวขาดการดูแลและคำชี้แนะที่เหมาะสม ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในยุคโลกาภิวัฒน์ และวัฒนธรรมข้ามชาติทำให้วัยรุ่นถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าและขาดวุฒิภาวะ รวมถึงทักษะในการควบคุมอารมณ์ทางเพศของตนเอง และมีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่ไม่เหมาะสมและไม่มีการป้องกันส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

โดยจากข้อมูลสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม พบมีหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี ตั้งครรภ์พึงประสง 541 คน ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ 22 คน ขณะที่วัยรุ่นอายุระหว่าง 10 - 14 ปี ตั้งครรภ์และคลอดบุตรมีชีพมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรอบปี 2562 มีเกณฑ์เฉลี่ยต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือ 1.2 คนต่อประชากรหญิง 1,000 คน โดยอยู่ที่ 0.62 ขณะที่วัยรุ่นอายุระหว่าง 15 - 19 ปี ตั้งครรภ์และคลอดบุตรมีชีพ ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน มีเกณฑ์เฉลี่ยต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้คือไม่เกิน 38 คนต่อประชากรหญิง 1,000 คน โดยอยู่ที่ 19.41 ดังนั้นมหกรรมในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่เข้ามาช่วยในการปรับปรุง พัฒนาและเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นของจังหวัดนครพนม โดยมีกิจกรรมประกอบไปด้วย การเสวนาเกี่ยวกับบทบาทของแต่ละหน่วยงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การอภิปรายเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาวันรุ่นตั้งครรภ์ในชุมชน นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการเพื่อถ่ายทอดความรู้จากชุมชนตันแบบ โรงเรียนต้นแบบ และศูนย์อนามัยที่ ๘ อุดรธานี โดยแบ่งออกเป็น 4 ฐานความรู้คือ ฐานพลังวัยรุ่นคลื่นลูกใหม่กับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ฐาน Young Love เรื่องรักๆและการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี ฐานชุมชนต้นแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และฐานโรงเรียนต้นแบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

ตร.นครพนม ประกอบพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณและทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ตำรวจผู้ล่วงลับ เนื่องในวันตำรวจ


 วันที่ 17 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณลานหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำกำลังพลประกอบพิธีทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ข้าราชตำรวจกล้าผู้ล่วงลับ โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ อัยการ ศาล ทหาร สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมพิธี

จากนั้นข้าราชการตำรวจทุกนายได้ร่วมกันประกอบพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าผู้บังคับบัญชา เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2562 ใจความว่า ชาติของเราเป็นไทยอยู่ได้จนถึงตัวเราทุกวันนี้ เพราะบรรพบุรุษของเรา เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตและเอาความลำบากยากเข็นเข้าแลกไว้ เราต้องรักษาชาติ เราต้องบำรุงชาติ เราต้องสละชีพเพื่อชาติ โดยตำรวจทุกนายจักจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ จักยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อระงับทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ประชาชนตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จักปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดศีลธรรมเป็นหลักประจำใจ จักยึดมั่นอยู่ในวินัยและรักษาไว้ซึ่งระเบียบแบบแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จักเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และจักปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความเที่ยงธรรมอย่างเคร่งครัดและจะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการตำรวจที่ดีตามรอยเบื้องพระยุคลบาทและจะมุ่งมั่นปฏิบัติตามอุดมคติตำรวจที่ว่าเคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต จากนั้นทุกคนได้ร่วมกันยืนไว้อาลัยและสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 1 นาที ก่อนที่ประธานในพิธีจะได้มอบใบประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นในด้านต่าง ๆ รวมถึงผู้ทำคุณประโยชน์และสนับสนุนกิจการตำรวจ

โดยวันตำรวจ เป็นวันแห่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของข้าราชการตำรวจ ที่ทุกนายต้องพึงระลึกเสมอว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งต้องมีการพัฒนาตนเองในทุกด้านเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยสามารถขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีภารกิจที่สำคัญสูงสุดคือการพิทักษ์ปกป้องและเทิดพระเกียรติ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ช่วยปกป้อง ดูแลความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตำรวจเพื่อเป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่น ศรัทธา ซึ่งเดิมตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี โดยยึดวันประกาศรวม กรมพลตระเวน กับ กรมตำรวจภูธรเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า กรมตำรวจ ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นวันตำรวจ แต่เนื่องจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ในปีถัดมาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงวันตำรวจ เป็นวันที่ 17 ตุลาคมของทุกปี โดยยึดตามวันที่มีการเปลี่ยนแปลงจากกรมตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562

สน.เรือธาตุพนม นรข.เขตนครพนม แถลงยึดยาบ้า 1,962 เม็ด หลังแก๊งค้ายาฉวยโอกาสน้ำลด


วันที่ 16 ตุลาคม 2562 ที่สถานีเรือธาตุพนม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม พลเรือตรี สมพงษ์ ศรอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม (นรข.) มอบหมายให้ นาวาโท พิเชษฐ์ เมืองโคตร หัวหน้าสถานีเรือธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจน้ำธาตุพนม  กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235  กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกันแถลงการณ์ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 1,962  เม็ด หลังสืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดอาศัยช่วงที่น้ำในแม่น้ำโขงลดระดับต่ำ ลักลอบลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่บริเวณโรงสูบน้ำ บ้านเหล่าน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม

โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าว ได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เพื่อออกซุ่มและเฝ้าตรวจสอบในบริเวณที่ได้รับแจ้ง กระทั่งในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ได้สังเกตเห็นเรือต้องสงสัยขับจากฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้ามาจอดบริเวณหน้าวัดเหล่าน้อย จากนั้นมีชายต้องสงสัย 1 คนลงจากเรือแล้วเดินไปยังบริเวณหลังโรงสูบน้ำ พร้อมกับโยนห่อวัตถุเข้าไปที่หลังโรงสูบน้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจสอบ ปรากฎว่าเมื่อชายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งหลบหนีหายไปในความมืดด้วยความชำนาญ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าวจึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณหลังโรงสูบน้ำที่ผู้ต้องสงสัยโยนวัตถุเข้าไป พบห่อพลาสติกใสสีขาว จำนวน 1 ห่อ วางอยู่ โดยที่ห่อวัตถุดังกล่าวมีสัญลักษณ์อักษรเลข 999 ปั๊มอยู่ จึงได้นำกลับมาตรวจสอบที่สถานีเรือธาตุพนม ซึ่งปรากฎว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,962 เม็ด แบ่งเป็น สีส้ม 1,944 เม็ด สีเขียว 18 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำบันทึกตรวจยึด พร้อมกับนำของกลางทั้งหมดส่งให้สถานีตำรวจภูธรหลักศิลา เพื่อดำเนินการเร่งสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม ถอดบทเรียนงานไหลเรือไฟ สร้างโมเดลต้นแบบที่พร้อมให้ข้อมูลและบริการผ่านแอพมือถือ


วันที่ 15 ตุลาคม 62 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานการประชุมถอดบทเรียนการดำเนินงานจัดงานประเพณ๊ไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 โดยมีนายวรวัฒน์ สวยงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองนครพนม ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมถอดบทเรียน เพื่อนำแผนการดำเนินการในครั้งนี้มาปรับปรุงแก้ไขและสร้างเป็นโมเดลต้นแบบในการดำเนินงานจัดกิจกรรมของจังหวัดในครั้งต่อไป เพื่อสร้างมาตรฐานการบริการที่ดี มีความประทับใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การถอดบทเรียนในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการจับผิดการทำงานแต่อย่างใดเพราะทุกฝ่ายต่างทำตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างด้วย ปัจจัยหลาย ๆ ประการที่ทั้งควบคุมได้และไม่ได้ ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการถอดบทเรียนในครั้งนี้ขึ้นเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้น ทุกคนจำรายละเอียดทั้งหมดของงานได้ดี โดยได้ให้ทุกฝ่ายนำเสนอวิธีการ ขั้นตอนการทำงานทั้งหมด รวมถึงแนวทางการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นทุกคนก็มาร่วมกันวิเคราะห์ เสนอแนะ ให้ข้อคิดเห็นและแนวทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้บทเรียนในครั้งนี้มีความสมบูรณ์แบบที่สุดและกลายเป็นโมเดลการดำเนินกิจกรรมในครั้งต่อ ๆ ไป ยกตัวอย่างเช่น ในปีนี้มีเสียงสะท้อนมาจากพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการปล่อยเรือไฟ ซึ่งจริง ๆ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามตารางเวลาที่กำหนดทุกอย่าง แต่ด้วยปัญหาเกี่ยวกับน้ำในแม่น้ำโขงน้อยประกอบกับมีกระแสน้ำไหลวนและกระแสลมที่พัดเข้าฝั่งตลอดเวลา ทำให้เรือไฟที่ไหลไปถึงจุดที่กำหนดช้า และนักท่องเที่ยวไม่ทราบสาเหตุจึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด ดังนั้นในส่วนนี้จึงต้องเพิ่มเติมระบบการกระจายเสียงตลอดริมเขื่อนที่มีการชมไหลเรือไฟรวมทั้งผ่านทางสื่อโซเชียลต่าง ๆด้วย นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มขั้นตอนในการลากจูงเรือไฟเพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนด 

ส่วนการให้คะแนนการประกวดเรือไฟก็จะมีการเพิ่มเติมรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น เพราะเรือไฟบางลำที่เริ่มจุดตะเกียงมีความสมบูรณ์สวยงามมาก แต่ด้วยระยะเวลากว่าจะมาถึงจุดให้คะแนนก็มีบางดวงที่ดับไปทำให้เสียคะแนนในส่วนนี้ไป ขณะที่ด้านสถานที่ซึ่งพบว่าปีนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากกว่าทุกปีการจราจรจึงเป็นไปด้วยความหนาแน่น ก็มีการวางแผนว่าต่อไปต้องจัดสถานที่จุดจอดรถต่าง ๆ ไว้รอบนอก จากนั้นจัดหารถรับส่งมาบริการในราคาที่ถูกและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ด้านร้านค้าแผงลอยที่มาจำหน่ายสินค้าก็จัดโซนให้อยู่รวมกันและต้องไม่มีร้านค้าเคลื่อนที่เพื่อเพิ่มพื้นที่การรับชมความงดงามและความสะดวกในการเดิน ส่วนการบริหารจัดการขยะนั้นก็ให้เพิ่มเติมในเรื่องของจุดทิ้งขยะที่สะดวกให้มากยิ่งขึ้น ด้านห้องสุขาก็ให้เพิ่มเติมจุดบริการตามสถานที่ต่าง ๆ ให้มากขึ้นโดยทุกจุดต้องเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขอนามัยเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ ส่วนที่ยังต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจจะกล่าวไม่หมด แต่ต่อไปในอนาคตข้อมูลและการบริการทั้งหมดของการจัดงานจะต้องอยู่ภายใต้แอปพลิชันเดียวที่ทุกคนสามารถโหลดมาลงในมือถือและติดตามความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นการสร้างการเข้าถึงและความสะดวกสบายให้ทุกคนมากขึ้น กลายเป็นความประทับใจที่ทำให้ทุกคนอยากมาเยือนจังหวัดนครพนมอีกครั้ง  

กรมโยธาธิการและผังเมือง ระดมสมอง 6 จังหวัดวางผังระบบระบายน้ำแก้ปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำโขงที่นครพนม


วันที่ 15 ตุลาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการวางและจัดทำผังโครงการวางผังการระบายน้ำจังหวัดในลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 1 (ระดับลุ่มน้ำ) เพื่อระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดนครพนม สกลนคร บึงกาฬ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งในระดับลุ่มน้ำ ระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมไปถึงผู้นำอาชีพ ผู้แทนประชาชนในพื้นที่ และกลุ่มงานต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาจังหวัดเกี่ยวกับร่างแผนหลักการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย และร่างผังระบบการระบายน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำ แม่น้ำและพื้นที่จังหวัด

ปัญหาอุทกภัยเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในลุ่มน้ำโขง ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งการจัดทำผังการระบายน้ำจังหวัดในระดับลุ่มน้ำและระดับจังหวัด ที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน การจัดทำผังนโยบายการพัฒนาพื้นที่และจัดทำมาตรการทางผังเมือง เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยด้วยมาตรการใช้สิ่งก่อสร้างและไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง เพื่อลดความสูญเสียอันเกิดจากอุทกภัยและเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมและรับมือกับปัญหาอุทกภัย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดให้มีโครงการวางผังระบายน้ำจังหวัดในลุ่มน้ำโขงขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงข้อมูล ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ร่วมกันวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดแผนและแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อจัดทำร่างแผนหลักการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยของพื้นที่ในระดับลุ่มน้ำโขงและร่างผังระบบการระบายน้ำ ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำให้มีความสมบูรณ์ที่สุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น โครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ โครงการปรับปรุงสภาพลำน้ำ/การระบายน้ำ โครงการพัฒนาพื้นที่รับน้ำนองชั่วคราวหรือแก้มลิงรับน้ำชั่วคราว โครงการพัฒนาพื้นที่รับน้ำหรือแก้มลิงถาวร แผนงานอาคารบังคับลำน้ำสาขาปากแม่น้ำโขง แผนงานด้านการพัฒนาคันกั้นน้ำพื้นที่ปิดล้อมหรือระบบระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง รวมถึงกำหนดแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในอนาคต กำหนดพื้นที่พัฒนาเมืองและรองรับการขยายตัวของเมือง กำหนดแผนผังที่โล่งเพื่อการรับน้ำ รักษาสภาพการระบายน้ำ จัดทำข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เน้นย้ำกับผู้ที่เข้าร่วมประชุมทุกคน ขอให้การระดมความคิดเห็นคำนึงถึงผลที่อาจจะกระทบกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าการประชุมในลักษณะนี้คงมีอีกหลายครั้ง เพราะฉะนั้นอาจมีแนวความคิดและข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป จึงอยากฝากให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจในหลักการของโครงการทั้งหมดอย่างถ่องแท้ มีการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนได้ทราบอย่างทั่วถึง ก่อนที่จะนำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาสะท้อนในที่ประชุมครั้งต่อไป เพื่อร่วมกันวางแผนปรับปรุงแก้ไขให้ผังเมืองที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกคน

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

บรรยากาศการไหลเรือไฟนครพนม นักท่องเที่ยวแน่นริมฝั่งโขงตลอดระยะทาง 5 กิโลเมตร


วันที่ 14 ตุลาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันออกพรรษายังเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคืนที่ผ่านมาที่เป็นวันออกพรรษา และจังหวัดนครพนมได้จัดให้มีการประกวดเรือไฟขนาดใหญ่ ที่สร้างจากไม้ไผ่ รวมกว่า 20,000 ลำ โดยมีการประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟนับแสนดวงเพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่งดงามยามแสงสว่างของตะเกียงส่องไสวกระทบกับผิวน้ำและแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ สื่อให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคี ความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และร่วมกันสืบสานเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาชมความงดงาม วิจิตรตระการตาในครั้งนี้จนเต็มพื้นที่ตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร กับมหกรรมไหลเรือไฟในครั้งนี้ที่มีการจัดสร้างโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และจากอำเภอทั้ง 12 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 13 ลำ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมงจึงสามารถไหลครบทุกลำ

โดยก่อนหน้านี้หลายคนทราบข่าวว่า ในระหว่างการสร้างเรือไฟนั้น ได้เกิดลมกรรโชกแรงและมีเรือไฟเสียหายไป 2 ลำ คือของอำเภอเมืองและอำเภอท่าอุเทน ซึ่งศิลปินเรือไฟต่างร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว คือระยะเวลาเพียง 6 วัน แต่ยังคงขนาดความยาว ความสูงและลวดลายที่งดงามไว้เช่นดังเดิมจึงอยากมาเห็นและสัมผัสด้วยตาตนเอง ตั้งแต่ขบวนการสร้างไปจนวิธีและขั้นตอนการไหลเรือไฟ และเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้ จึงมีการเดินทางมาล่วงหน้าหลายวัน ทำให้บรรยากาศในพื้นที่จังหวัดนครพนมคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาส่งแรงใจและชมความงดงามในปีนี้ และเมื่อถึงเวลาไหลเรือไฟจริง ๆ สิ่งที่รอคอยก็ไม่ทำให้ทุกคนที่มาผิดหวังกับความยิ่งใหญ่อลังการของเรือไฟ  โดยเรือไฟที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย รางวัลชนะเลิศเรือไฟที่มีขนาดความยาวเฉพาะตัวลำเรือไฟ 40 - 60 เมตร ได้แก่ อำเภอปลาปาก รองลงมาคืออำเภอนาหว้าและอำเภอบ้านแพง ขณะที่เรือไฟขนาดความยาวเฉพาะลำตัวเรือตั้งแต่ 61 เมตรขึ้นไป ประเภทสวยงามรางวัลชนะเลิศได้แก่อำเภอโพนสวรรค์ รองลงมาคืออำเภอเมืองนครพนมและอำเภอเรณูนคร ส่วนประเภทความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่อำเภอนาแก รองลงมาคือองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมและอำเภอศรีสงคราม

จ.นครพนม พุทธศาสนิกชนตลอดจนนักท่องเที่ยวร่วมทำบุญตักบาตรวันออกพรรษา


วันที่ 14 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพุทธศาสนิกชนจังหวัดนครพนม ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม  ร่วมทำบุญตักบาตรเทโวรหณะ เนื่องในเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2562

โดยประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ ถือเป็นประเพณีที่ชาวพุทธปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ในการทำบุญตักบาตรในช่วงหลังวันออกพรรษา 1 วัน ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่ว่า เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในเวลาเช้าวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 หลังจากที่พระองค์ทรงจำพรรษาที่นั้นเป็นเวลา 3 เดือน และเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาแล้ว โดยพระองค์ได้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสส์ใกล้กับเมืองพาราณสี เมื่อชาวเมืองทราบข่าวก็พากันมาทำบุญตักบาตรและถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยในวันดังกล่าวได้เกิดเหตุอัศจรรย์ คือ เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ต่างมองเห็นซึ่งกันและกัน จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วันพระเจ้าเปิดโลก ซึ่งที่จังหวัดนครพนมได้มีการจำลองเหตุการณ์ด้วยการอัญเชิญพระพุทธรูปมาเป็นองค์ประธานนำคณะสงฆ์บิณทบาตรเพื่อโปรดพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญในวันออกพรรษา