วันที่ 7 ตุลาคม 2562 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง
เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาดูเรือไฟที่มีการสร้างเพื่อเป็นประทีปพุทธบูชาในช่วงวันออกพรรษา
และเป็นการขอขมาลาโทษต่อแม่น้ำโขงที่ชาวจังหวัดนครพนม ได้พร้อมใจกันสร้างขึ้นเป็นเรือไฟขนาดใหญ่จำนวน
13 ลำ โดยเฉพาะบริเวณที่อำเภอเมืองและอำเภอท่าอุเทนรับผิดชอบจะมีประชาชนมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุลมกรรโชกแรงทำให้เรือไฟของ
2 อำเภอได้รับความเสียหาย
ดังนั้นทุกคนจึงได้พร้อมใจกันออกมาช่วยกันกู้และสร้างเรือไฟขึ้นมาใหม่ ด้วยกำลังใจที่ฮึกเหิม
เพื่อให้ทันเวลาในวันออกพรรษาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันด้วย
นายเอกราช มณีกรรณ์
นายอำเภอเมืองนครพนม เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเรือไฟยุบตัวลงมา ชาวอำเภอเมืองนครพนมทุกคนต่างก็เสียใจและเสียดายเพราะเป็นเรือไฟที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมากว่า
1 เดือน
แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วทุกคนก็พร้อมที่จะสู้ไปด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ให้เกิดขึ้นอีกครั้งและทันเวลา
โดยได้มีการประชุมหารือกับทีมงาน ไม่ว่าจะเป็น ทางท้องถิ่นต่าง ๆ ของอำเภอเมือง กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งทุกคนยังมีกำลังใจที่ดีที่พร้อมจะสู้ต่อไป เพื่อทำเรือไฟร่วมไหลในงานประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนมเช่นทุกปี
ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการระดมสรรพกำลังจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้านเข้ามาช่วยกัน รวมถึงได้มีการขอความอนุเคราะห์ไม้ไผ่จากทุกตำบล
ทุกหมู่บ้านเพื่อมาใช้สร้างเรือไฟใหม่ โดยการทำงานจะแบ่งหน้าที่กันทำใน 2 ส่วนใหญ่
ๆ คือส่วนที่ทำการรื้อ เก็บกู้เรือไฟลำเดิมที่เสียหาย ให้สามารถนำเอาไม้ไผ่เดิมมาใช้ให้ได้มากที่สุด
ขณะที่อีกส่วนก็จะระดมกำลังไปตัดไม้เพื่อจะนำมาใช้กับส่วนที่เก็บกู้และสามารถใช้งานได้ โดยขอยืนยันว่าเรือไฟของอำเภอเมืองนครพนมที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้จะเสร็จทันวันไหลอย่างแน่นอน
เพราะจะมีการเร่งทำงาน ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนขนาดเรือไฟที่ทำใหม่นั้นจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
ขณะที่ลวดลายบนเรือไฟจะยังคงเป็นลวดลายเดิมอยู่ แต่อาจจะต้องตัดส่วนที่ไม่สำคัญจริง
ๆ ออกไป และมีการประยุกต์ส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และสวยงาม เพราะเรามีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและงบประมาณ
เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนได้ใช้ไปกับเรือไฟลำเดิมที่เสียหาย
ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนเรือไฟลำใหม่นี้ให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่คงไว้ซึ่งการสืบสาน
อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมและประเพณีที่อันดีงาม แสดงออกถึงความเคารพเทิดทูนต่อสถาบันชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องชาวอำเภอเมืองนครพนม ทั้งในยามสุขและยามทุกข์

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น