วันที่ 26 กันยายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5" (ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่บริเวณวัดสระพังทอง บ้านหนองสังข์ ตำบลหนองสังข์ อำเภอนาแก ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในบ้านหนองสังข์ ที่ประกอบไปด้วย หมู่ที่ 1 ,2,7,5, 8,10 และ 11 มีประชากรรวมทั้งสิ้น 3,830 คน จาก 1,116 ครัวเรือน
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบ้านหนองสังข์มีการพัฒนาขับเคลื่อน
โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการบูรณาการในทุกภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็น พระสงฆ์ ชาวบ้าน โรงเรียน ฝ่ายปกครอง ตลอดจนส่วนราชการต่าง ๆ ที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัยในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในชุมชน/หมู่บ้าน
เช่น การทำวัตรสวดมนต์ทุกวันพระ งานบุญประเพณีแข่งเรือยาว งานบุญพระเวสสันดร งานวัฒนธรรม
14 กุมภาสืบสานไทกะเลิง การเซ่นไหว้ปู่ตา พิธีหมอเหยา บุญชำระบ้าน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและสร้างความเจริญอย่างยั่งยืนให้ชุมชน
ทำให้ทุกคนมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านเกณฑ์ จปฐ. มีการส่งเสริมสัมมาชีพกลุ่มสินค้าโอทอป
ผ้าทอพื้นเมือง ผ้าลายโบราณและผ้าอื่น ๆ มีกลุ่มจักสาน กลุ่มโคเนื้อ กลุ่มเพาะเห็ด
ตลอดจนมีการสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านต่างๆโดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด
– 19 ที่ผ่านมา ประชาชนในหมู่บ้านก็ได้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ด้วยการแบ่งปันความสุข
คณะสงฆ์ก็ได้มีการจัดตู้ปันสุขจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ขณะเดียวกันก็มีการเยี่ยมเยียนคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ด้อยโอกาสไร้ที่พึ่ง มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่เรียนดีมีความประพฤติดีแต่ฐานะยากจน
จนทำให้หมู่บ้านหนองสังข์ได้รับรางวัลต่าง ๆ อย่างมากมาย มีสถิติคดีความลดลงจนในปี
2563 เหลือเพียงคดีเดียว และในปีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของชาวบ้านทุกคนในชุมชนเพราะได้รับโล่รางวัลในสมเด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็นเป็นสุข
ระดับจังหวัด
นายอนุชา นาคาศัย
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่พวกเราใช้ยึดถือยึดเหนี่ยวจิตใจกันทั้งประเทศ
และศีล 5 ก็เป็นหลักธรรมนำชัยที่นำความสุขมาให้ทุกคนมาสู่สังคมและประเทศชาติ ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี
ความสมานฉันท์ ความอบอุ่นในสังคม ซึ่งถ้าหากเราดูดี ๆ ใช้ดี ๆ จะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวที่ทำให้ชีวิตของผู้คนภายในประเทศประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองได้ด้วยศีล
5
ข้อเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น ห้ามพูดปด พูดเท็จ ถ้าเรานำมาใช้กับการค้าขายก็จะเจริญรุ่งเรือง
เพราะถ้าเรารักษาคำมั่นสัญญาวาจาสัตย์ ว่าสินค้าของเรานั้นเป็นสินค้าที่ดี มีคุณภาพ
เป็นสินค้าที่ถูกต้องตามน้ำหนักและปริมาณ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ก็จะทำให้เรามีชื่อเสียงในสินค้าของเรา
กับมาตรฐานสินค้าของเรา และสินค้านั้นก็จะได้รับการยอมรับ
ได้รับความนิยมขยายสู่ตลาดที่กว้างมากยิ่งขึ้น และถ้าเรานำศีลข้ออื่น ๆมาสนับสนุนเชื่อมโยงกัน
เช่นเราไม่ดื่มสุราเมรัย ครอบครัวก็จะไม่เดือดร้อน เพราะมีทุน มีกำไรในการค้าขายต่อไปเป็นต้น
ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ยกขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็นว่า โครงการหมู่บ้านรักษาศีล
5 ที่คณะสงฆ์ พระเถรานุเถระได้ร่วมกับภาครัฐบาลจัดทำขึ้นมาเป็นโครงการที่ดีที่นำพาความสุข
ความสามัคคีปรองดอง มาสู่ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ จึงอยากให้ทุกคนได้นำมาประพฤติปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น