วันที่ 11 ตุลาคม 2563
ที่บ้านยอดชาด หมู่ 2 ตำบลยอดชาด อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานนำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน
(ส.ป.ก. 4-01) แก่เกษตรกรตำบลยอดชาด จำนวน 40 ราย 49 แปลง รวมพื้นที่ 279 ไร่ มอบบัตรดินดีซึ่งเป็นบัตรประจำตัวดินของแปลงเกษตรกรเฉพาะรายที่ได้รับการตรวจสุขภาพดินและมีการให้คำแนะนำการจัดการดินจากเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดิน
ส่งมอบโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานที่เป็นการขุดสระน้ำในไร่นา ขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตรให้กับเกษตรกร เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาภัยแล้ง
การขาดแคลนน้ำและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรทำให้เกษตรกรในพื้นที่นอกเขตชลประทานมีแหล่งน้ำที่เหมาะสมกับการเกษตร
โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่าย 2,500 บาท/บ่อ นอกจากนี้ยังได้มอบพันธุ์ปลาให้เกษตรกรได้นำไปปล่อยในบ่อน้ำของตนเองและชุมชนเพื่อขยายพันธุ์สร้างแหล่งอาหารให้กับทุกคนต่อไปในอนาคต
จากนั้นจึงได้นำทุกคนเยี่ยมชมนิทรรศการถ่ายทอดความรู้ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ให้เหมาะสมตาม
Agri-Map ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
พัฒนาระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ ทำให้เกษตรกรตำบลยอดชาด จำนวน
34 รายที่เข้าร่วมโครงการประสบผลสำเร็จด้วยระบบมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่
มีการปรับข้อมูลให้ทันสมัย มีความสะดวกในการใช้งานสามารถตอบโจทย์การช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในรายพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
และเตรียมขยายผลสู่รุ่นที่ 2 ที่ให้ความสนใจ รวมถึงการแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับดิน
การบริหารจัดการน้ำและการแปรรูปสินค้าเกษตร
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในส่วนของการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรเข้าทำกินในรูปแบบของ
สป.ก. 4-0
1 เราได้เดินหน้า ณ เวลานี้ 72 จังหวัดแล้วโดยเราพยายามที่จะมอบสิทธิการเข้าทำประโยชน์ของพี่น้องชาวเกษตรกรให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด
ส่วนแปลงไหนที่เป็นกลุ่มของนายทุนครอบครองโดยผิดกฎหมายก็ได้มีการยึดคืนและจัดสรรให้กับชาวบ้าน
แปลงใดที่หมดสัญญาสัมปทานก็จะมีการนำมาจัดสรรให้ชาวบ้านเช่นเดียวกัน ตอนนี้ 72
จังหวัดที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินสามารถดำเนินการไปแล้วประมาณ 95%
หรือประมาณ 38- 39 ล้านไร่แล้ว รวมถึงในขณะนี้ได้มีการประกาศเป็นกฎกระทรวงไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โดยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนที่ดินที่ไม่เหมาะกับการทำภาคการเกษตร
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในชุมชน ให้สามารถที่จะเช่าได้ เพื่อเอาเงินเข้ากองทุน ซึ่งเงินที่ได้มานี้จะมีการจัดสรรสู่พี่น้องเกษตรกร
ด้วยการต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นการทำโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งน้ำ ถนนหนทาง ต่อยอดเรื่องอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร
คือทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์สำหรับพี่น้องเกษตรกร ขณะเดียวกันกรมพัฒนาที่ดินก็มีการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ
เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรปรับเปลี่ยนมาทำการเกษตรที่อิงเชิงวิชาการมากขึ้น
โดยหลักของกรมพัฒนาที่ดินมีรูปแบบอยู่แล้วว่าเราจะปรับรูปแบบแปลงนา แปลงพืชไร่หรือพืชสวนอย่างไรที่จะทำให้มีผลผลิตที่ดีด้วยต้นทุนที่ต่ำซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้
มีชีวิตที่มั่นคง ยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น