วันที่ 9 ตุลาคม 2563 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายสุวิทย์ จันทร์หวร (จัน-หะ-วอน) รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 28/2563 เพื่อร่วมกันหารือวางแนวทาง กำหนดเกณฑ์ประเมินความพร้อมในการบริหารจัดการโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 เพื่อเตรียมความพร้อมไม่ให้โรคกลับมาแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางจากต่างประเทศมาท่องเที่ยวและพำนักอาศัยระยะยาวในพื้นที่ ภายหลังที่ได้มีการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
โดยในที่ประชุมได้มีเตรียมเกณฑ์ประเมินความพร้อมใน
2 มิติ คือ มิติด้านสาธารณสุขที่จะเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค และการรักษา ซึ่งจังหวัดได้กำหนดให้มีการรายงานจำนวนผู้ป่วย
PUI
และ Pneumonia และจำนวนที่สุ่มเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด
19 ในสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนตามที่กำหนด ให้มีการเฝ้าระวัง
โรคติดต่อทางเดินหายใจและสุ่มตรวจคัดกรองโรคโควิด 19
ในพนักงานกลุ่มที่ให้บริการนักเดินทางต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ พนักงานขับรถสาธารณะ
พนักงานโรงแรม ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดผู้เดินทางนักท่องเที่ยว
ให้ทำแผนและดำเนินการฝึกอบรมเพิ่มจำนวนหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อเป็น 3
เท่าภายในเดือนธันวาคม 2563 ที่จากเดิมมีอำเภอละ 1 ทีม ให้ตรวจสอบความพร้อมห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโควิด
19 ให้มีความ เพียงพอกับจำนวนตัวอย่างที่ได้จากนักเดินทางต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมจะมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตาม กำกับผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด
19 พร้อมทั้งสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่ทราบเป็นประจำ รวมทั้งให้มีระบบรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ผ่านช่องทางสื่อสารต่าง
ๆ ส่วนด้านการรักษาจังหวัดมีห้องแยกผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรงเพียงพอต่อการให้บริการนักเดินทางต่างชาติ
นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงมีห้อง เตียง สำหรับการแยกกับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง
กับการผู้สัมผัสเพียงพอต่อจำนวนนักเดินทางต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โรงพยาบาลในจังหวัดมีการจัดบริการคลินิกโรคติดต่อทางเดินหายใจเพื่อรองรับผู้ป่วยรวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านยา
เวชภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 เพียงพอตามเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนมิติที่ 2 คือด้านเศรษฐกิจ สังคมและการมีส่วนร่วมของเครือข่ายจะเน้นการสื่อสารเชิงรุกที่ให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
รับทราบสถานการณ์ รวมถึงการเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคของประชาชน
นักเดินทางต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ปฏิบัติตามหลัก Distancing , Mask
Wearing และ Hand Washing นอกจากนี้ยังให้มีการจัดตั้งสถานที่กักกันทางเลือก
ให้มีระบบการติดตามผู้เดินทางนักท่องเที่ยวในพื้นที่ภายหลังกักตัว 14 วัน รวมถึงให้มีการเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุ
มีการฝึกซ้อมกรณีผู้พบผู้ป่วยติดเชื้อ โดยบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน เน้นสถานที่ที่อาจพบผู้ป่วยในจังหวัดอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น